บ่นเรื่องแผนงานวันนี้ พรุ่งนี้ และมะรืนนี้

10 มิ.ย.53 เย็นนี้หมดแรงข้าวต้มแล้ว เพราะเผยแพร่สถิติของสื่อ ทำรายงานการพัฒนาการเรียนรู้ของนักศึกษา ยกร่างโครงการพัฒนาน.ศ.ด้านไอที ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พรุ่งนี้ผมจะปิดร่างแผนพัฒนาระบบสารสนเทศ ที่ส่งให้ทุกบุคลากรทุกคนได้ร่วมเสนอเข้ามา ซึ่งมีอาจารย์เพียงหนึ่งท่านส่งกลับมา ส่วนรายชื่อผู้พัฒนาอีเลินนิ่งตามแผนปี2553 และรายงานโครงการวิจัยพร้อมแฟ้มที่คุณศิริพร ยาสมุทร ช่วยประสานนั้น ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่สะดวกส่งกลับมา ทำให้ผมชะลอการพัฒนาระบบฐานข้อมูลได้ เนื่องจากต้องใช้ข้อมูลเป็นฐานในการพัฒนาต่อไป .. ก็เป็นการแก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ อีกแล้ว .. วันมะรืนมีแผนทำรายงานประกันคุณภาพของคณะวิชา เพราะได้รับมอบหมายจาก อ.วิเชพ ใจบุญ ให้ทำ องค์ที่ 3 กิจกรรมการพัฒนานิสิตนักศึกษา องค์ 4 การวิจัย องค์ 5 การบริการทางวิชาการแก่สังคม องค์ 6 การทำนุบำรุง ศิลปวัฒนธรรม .. นึกแล้วก็ขำ ขำ กับวิถีชีวิต .. โบราณท่านว่าชีวิตยังไม่สิ้นก็ดิ้นกันไป

ผลดำเนินการพัฒนาการเรียนรู้ของนักศึกษา

http://www.yonok.ac.th/grade

9 มิ.ย.53 กรณีศึกษาการพัฒนาการเรียนรู้ของนักศึกษา ซึ่งเป็นแผนแรกที่ใช้กลไกของอาจารย์ผู้สอนเป็นสำคัญในการพัฒนาการเรียนรู้ของนักศึกษา และใช้วิธีการติดตามจากอาจารย์ที่ปรึกษาเข้าไปเสริมกระบวนการในชั้นเรียน เพื่อป้องกันความผิดพลาดจากการเรียนการสอนตามปกติ โดยมี 5 กิจกรรมดังนี้
     1. ตรวจสอบข้อมูลและผลการเรียนของนักศึกษาเป็นรายบุคคลแล้วพบว่า นาย … รหัส … สาขา… มีผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ แต่เรียนจนครบหลักสูตรแล้ว จึงจำเป็นต้องลงทะเบียนเพิ่มในภาคเรียนฤดูร้อน เพื่อให้มีผลการเรียนเฉลี่ยสูงกว่า 2.0
     2. ประมวลผลเพื่อหาผลการเรียนที่จะทำให้นักศึกษาสำเร็จการศึกษาได้ โดยใช้บริการประมวลผลจากระบบรายงานผลการเรียนออนไลน์ของมหาวิทยาลัยโยนก ที่พัฒนาโดยงานทะเบียนและประมวลผลที่ http://www.yonok.ac.th/grade แล้วพบว่านักศึกษาต้องลงทะเบียนเรียนอีกอย่างน้อย 3 วิชา รวมกับวิชาโครงงานระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์ที่ลงทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้อีก 1 วิชา เป็นทั้งหมด 4 วิชา โดยผลการเรียนควรได้เกรด A อย่างน้อยจำนวน 3 วิชาและ C+ จำนวน 1 วิชา ซึ่งศึกษาความเป็นไปได้แล้วพบว่ามี 3 วิชา คือ …  ส่วนวิชา … จะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในภาคเรียนฤดูร้อนนี้ เนื่องจากเป็นวิชาที่ลงทะเบียนไว้ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551
     3. การพัฒนานักศึกษาด้วยการติดตามจากอาจารย์ผู้สอนเกี่ยวกับการเข้าเรียน การส่งงาน และความคิดเห็นของผู้สอนแต่ละวิชา พบว่าในภาพรวมแล้วนักศึกษาเข้าเรียนทุกวิชาอย่างสม่ำเสมอ และตั้งใจเรียน ซึ่งมีข้อมูลจากอาจารย์ผู้สอนแต่ละท่านดังนี้  … ผู้สอนวิชา … ให้ข้อมูลว่านักศึกษาเข้าเรียนอย่างสม่ำเสมอ และเชื่อว่าไม่มีปัญหาต่อผลการเรียน … ผู้สอนวิชา … ให้ข้อมูลว่านักศึกษาตั้งใจอ่านหนังสือ และพฤติกรรมในชั้นเรียนเป็นที่น่าพอใจ … ผู้สอนวิชา … ให้ข้อมูลว่าได้จัดการสอนและการประเมินผลของนักศึกษาคนนี้เป็นพิเศษ และกิจกรรมที่ผ่านมาผลการเรียนของนักศึกษาน่าจะได้ตามที่คาดไว้ ส่วน … ผู้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิชา … ให้ข้อมูลว่านักศึกษามาพบอย่างสม่ำเสมอ และรายงานความก้าวหน้าในการพัฒนาโปรแกรมอย่างต่อเนื่อง เป็นที่เชื่อได้ว่าผลการเรียนจะอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
     4. ก่อนสอบปลายภาคได้นัดให้นักศึกษามาพบ และทำความเข้าใจกับนักศึกษาว่าต้องตั้งใจอ่านหนังสือ แล้วให้นักศึกษารายงานปากเปล่าถึงกิจกรรม และการสรุปผลการเรียนที่ผ่านมา ซึ่งนักศึกษาสามารถอธิบายเนื้อหาวิชาแต่ละวิชาได้อย่างเข้าใจ และนำเสนองานในวิชาโครงงานที่เป็นรูปธรรม ซึ่งผลการประเมินในเบื้องต้นเชื่อว่านักศึกษาจะได้ผลการเรียนสูง และได้สอบถามจากอาจารย์ผู้สอนแต่ละท่านก็พอใจในพฤติกรรมของนักศึกษาที่มีในชั้นเรียนในระดับสูง
     5. ผลการเรียนหลังสอบปลายภาค ประจำภาคเรียนฤดูร้อน ปีการศึกษา 2552 พบว่านักศึกษามีผลการเรียนดังนี้ ในระดับ … จำนวน 4 วิชา ซึ่งผลการเรียนเฉลี่ยที่มีการประมวลผลโดยงานทะเบียนฯ เป็น … เป็นผลให้นักศึกษาสำเร็จการศึกษาด้วยระดับคะแนนที่สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ในหลักสูตร
+ takecare_sittikorn.doc

สถิติสื่อต่อนักศึกษาเมื่อมิถุนายน 2552

สถิติ มิ.ย.2552

9 มิ.ย.53 วันนี้ไปแก้โปรแกรมรับเงินผ่อนค่าลงทะเบียน กับรายงานเพิ่ม-ลดกระบวนวิชา ของฝ่ายการเงิน มีโอกาสได้คุยกับคุณลัดดาวรรณ เรือนทัศนีย์ (คุณน้อย) ฝ่ายทะเบียน ที่ย้ายห้องทำงานชั่วคราวมาที่นั่น ก็เล่าให้ฟังว่าปีที่แล้ว (มิ.ย.52) ได้จัดทำข้อมูลเชิงสถิติมากมายเกี่ยวกับจำนวนนักศึกษาเสนอผู้บริหารทุกสัปดาห์ หนึ่งในตารางข้อมูลคือ ชนิดของสื่อที่ได้รับทราบข้อมูลข่าวสารของมหาวิทยาลัย ซึ่งมีสถิติว่า 3 อันดับแรกที่ให้ข้อมูลข่าวสารถึงกลุ่มเป้าหมายคือ 1) เว็บไซต์มหาวิทยาลัย 2) ป้ายประชาสัมพันธ์ 3) แผ่นพับ มีรายละเอียดอื่นตามภาพ

รายงานผลส่งเสริมร่วมประชุม nccit10

8 มิ.ย.53 รายงานการดำเนินงานโครงการ เรื่อง “โครงการส่งเสริมและสนับสนุนให้อาจารย์เข้าร่วมนำเสนอผลงานวิชาการในระดับชาติและระดับนานาชาติ” ตามรูปแบบที่กำหนดใช้งานภายในคณะฯ ประกอบด้วยหัวข้อสำคัญ 4 หัวข้อ คือ 1) บทสรุปผู้บริหาร 2) สรุปผลการดำเนินงานโครงการ 3) ผลการประเมินตามโครงการ 4) สรุปบทเรียนที่ได้รับจากการดำเนินโครงการ
     ขอสรุปเฉพาะหัวข้อที่ 3 และ 4 ดังนี้ หัวข้อที่ 3) ผลการประเมินตามโครงการ พบว่า โครงการมีตัวบ่งชี้ 2 ตัว คือ มีอาจารย์ผลิตผลงานวิชาการไปนำเสนอในเวทีระดับชาติอย่างน้อย 1 คน และมีอาจารย์ไปร่วมประชุมวิชาการในเวทีระดับชาติอย่างน้อย 3 คน ซึ่งผลการประเมินตามตัวบ่งชี้ของโครงการพบว่าผ่านตามตัวบ่งชี้ทั้ง 2 ตัว สรุปว่าผ่านตัวบ่งชี้ที่ 1 คือ มีชื่ออาจารย์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปนำเสนอผลงานวิชาการในระดับชาติจำนวน 2 คน คือ  อ.บุรินทร์ รุจจนพันธุ์ อ.ศศิวิมล แรงสิงห์ ซึ่งมากกว่าที่ตั้งไว้ 1 คน สรุปว่าผ่านตัวบ่งชี้ที่ 2 คือ มีอาจารย์ไปร่วมประชุมวิชาการในระดับชาติจำนวน 5 คน คือ 1) อ.อติชาต หาญชาญชัย 2) อ.วิเชพ ใจบุญ 3) อ.เกศริน อินเพลา 4) อ.ทนงศักดิ์ เมืองฝั้น และ 5) ผศ.บุรินทร์  รุจจนพันธุ์ ซึ่งมากกว่าที่ตั้งไว้ 3 คน
     หัวข้อที่ 4) สรุปบทเรียนที่ได้รับจากการดำเนินโครงการ พบว่า บทเรียนจากการร่วมประชุมวิชาการ พบว่ามีนวัตกรรมมากมายที่มีการนำเสนอผ่านบทความวิชาการในการประชุมครั้งนี้ เช่น ระบบเครือข่ายประสาทเทียม ตารางจำแนก มาตรฐาน CMMI การพัฒนาฐานข้อมูลกับ Google Map การประเมินซอฟท์แวร์ด้วยทฤษฎีใหม่ เป็นต้น ซึ่งคณะวิชาควรสนับสนุนให้บุคลากรได้เข้าร่วมงานประชุม และกลับมาเขียนบทความจากงานวิจัย เพื่อไปนำเสนอในปีต่อไปเพิ่มขึ้น
+ http://www.thaiall.com/research/nccit10/report_project_nccit10.doc
+ http://www.thaiall.com/research/nccit10/report_seminar_nccit10.doc
+ http://www.thaiall.com/research/nccit10/report_form_science.doc

เครียด ม.5 เผาโรงเรียน

เรียนเพื่อการแข่งขัน ส่งผลนักเรียน ม.5 โรงเรียนดังย่านพุทธมณฑลเครียดจัด ลอบเผาอาคารเรียนจนวอดเกือบทั้งหลัง ถูกจับรับสารภาพ หวังเพียงจะได้หยุดเรียน พ่อรับเคยบ่นไม่อยากเรียนอีกแล้ว รมว.ศึกษาฯ วอนอย่าเพิ่งด่วนสรุป ขอเวลาให้เด็กตั้งสติบอกเล่าความจริง
     เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ข้างมหาวิทยาลัยมหิดล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 6 มิถุนายน 2553 พ.ต.ท.เชษฐ์ สังข์ศรีแก้ว พนักงานสอบสวน สภ.พุทธมณฑล ได้แจ้งให้รถดับเพลิงพื้นที่ใกล้เคียงประมาณ 10 คันไปดับไฟ พร้อมเดินทางไปตรวจสอบร่วมกับ พ.ต.อ.สุรพจน์ พิสุทธิวงศ์ ผกก. นายปริญญา โพธิสัตย์ นายอำเภอพุทธมณฑล กับพวก
     เมื่อไปถึงพบว่าไฟลุกไหม้ที่ชั้น 2 อาคารมหิดลวิทยานุสรณ์ 2 และลุกลามอย่างรวดเร็วจนถึงชั้น 4 เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงจึงควบคุมเพลิงไว้ได้
     อาคารดังกล่าวเป็นอาคาร 7 ชั้น ถูกไฟไหม้เสียหายมากที่ชั้น 1 และชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องสมุด กระทั่งเช้าวันเดียวกัน ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 1 คน ปรากฏว่าเป็นนักเรียนชายอายุ 16 ปี อยู่ชั้น ม.5 โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ บ้านเดิมอยู่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ซึ่งเจ้าหน้าที่พบว่านักเรียนผู้นี้กำลังปีนรั้วออกมา ศีรษะมีร่องรอยถูกไฟไหม้ และมีพิรุธ
     เบื้องต้นนักเรียนให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้จุดไฟเผาโรงเรียน โดย พ.ต.อ.สุรพจน์ พิสุทธิวงศ์ ผกก.สภ.พุทธมณฑล เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาอ้างว่าที่เผาโรงเรียนเพราะไม่อยากเรียนหนังสือ เมื่อโรงเรียนถูกไฟไหม้จะได้ปิดโรงเรียน โดยได้ไปซื้อน้ำมันที่หน้าโรงเรียน 1 ลิตร ไฟแช็ก 1 อันมาเตรียมไว้ กระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 5 มิ.ย. ได้ซ่อนตัวอยู่ในอาคารชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องสมุด รอจนถึงเวลา 01.50 น. จึงลงมือราดน้ำมันและจุดไฟเผา ก่อนที่จะหลบอยู่ในห้องน้ำของโรงอาหาร จนถึงเช้าจึงได้ปีนรั้วออกมาและถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ดังกล่าว 
     เพื่อนๆ นักเรียนบอกว่า ผู้จุดไฟเผาเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร และระยะหลังการเรียนตกต่ำจากที่เคยได้เกรด 4 ก่อนเข้ามาเรียนที่โรงเรียนนี้ ปัจจุบันเหลือเพียง 3.1 เท่านั้น จึงเกิดความเครียดก็เป็นได้ เพราะเพื่อนๆ บางคนก็ไม่ยอมช่วยเหลือ หรือเวลาไม่เข้าใจถามก็ไม่มีใครบอก
     นางยุวดี นาคะผดุงรัตน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ กล่าวว่า โรงเรียนมีนักเรียนชาย-หญิง 720 คน เป็นโรงเรียนประจำ ทางโรงเรียนจะมีหอพักแยกระหว่างนักเรียนชายและหญิงอยู่คนละตึก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าเด็กทำไปเพื่ออะไร เพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้รับรายงานจากอาจารย์ผู้ปกครองว่าเด็กมีปัญหาอะไร
     นายวีรพล บิดาของผู้ต้องหา เปิดเผยว่า บุตรชายพักอยู่ที่หอพักภายในโรงเรียน จะกลับมาบ้านเฉพาะในช่วงที่ปิดภาคเรียนใหญ่เท่านั้น แต่ในช่วงปิดเทอมใหญ่ที่ผ่านมา ลูกชายกลับมาอยู่บ้าน บ่นให้ตนกับภรรยาฟังว่าเรียนหนัก และรู้สึกเครียดมากจนไม่อยากจะกลับไปเรียนอีกแล้ว ซึ่งตนไม่เอะใจอะไร เพียงแต่ให้กำลังใจลูก อย่างไรก็ตาม ระยะหลังลูกเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจนเคยคิดว่าอาจจะมีปัญหาทางจิต เพราะญาติพี่น้องของตนหลายคนมีปัญหาเช่นนี้
     ด้านนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ ได้เดินทางไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และได้หารือกับผู้บริหารโรงเรียน รวมทั้งตำรวจท้องที่ถึงคดีดังกล่าว ก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ว่า ได้กำชับให้ทุกฝ่ายระมัดระวังการให้ข่าว ขณะนี้กำลังอยู่ในกระบวนการตรวจพิสูจน์หลักฐานและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในเบื้องต้นเหตุที่เกิดขึ้นถือเป็นอุบัติเหตุที่อยู่เหนือความคาดหมาย ทั้งนี้ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องความมั่นคงของอาคาร และสำหรับนักเรียนทั้งหมดของโรงเรียนเพื่อความปลอดภัย และเพื่อให้โรงเรียนได้แก้ไขปัญหาก็จะมีการหยุดเรียน 7 วัน เพื่อให้ทางโรงเรียนเตรียมหาห้องเรียนและห้องสมุดสำรอง
     “ยังไม่อยากให้ทุกฝ่ายสรุปว่าเกิดจากความเครียดของเด็ก ขอเวลาเด็กได้มีโอกาสได้ชี้แจงข้อเท็จจริงก่อน ขณะนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ซึ่งต้องมีนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ร่วมด้วย เมื่อสรุปผลและดูข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว ก็จะดูในรายละเอียดเพื่อแก้ไขปรับปรุงในระยะยาวต่อไป” นายชินวรณ์กล่าว.
+ http://www.thaipost.net/x-cite/070610/23135

ผลประเมินการอบรมการส่งข้อมูลระดับบุคคล 3 ตอนแรก

7 มิ.ย.53 ตามที่มีการอบรม การส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลการประเมินตนเองระดับบุคคล วันนี้มีจัดอบรม 3 ตอน จำนวน 9, 2 และ 4 คน ในเวลา 11.00น.-12.00น. 13.00น.-14.00น. และ 14.00น.-15.00น. ตามลำดับ ใน 3 ตอนนี้มีบุคลากรเข้าอบรมรวมทั้งหมด 7 คน และเจ้าหน้าที่ 8 คน รวม 15 คน
     จากผลการประเมินความพึงพอใจจำแนกเป็น 8 ประเด็นพบว่า 1) ห้องฝึกอบรม มีความพึงพอใจระดับปานกลาง (X=3.4) 2) หัวข้ออบรม มีความพึงพอใจระดับมากที่สุด (X=4.4) 3) เอกสารประกอบการอบรม มีความพึงพอใจระดับมาก (X=3.87) 4) วิทยากรด้านประกันคุณภาพ มีความพึงพอใจระดับมากที่สุด (X=4.33) 5) วิทยากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ มีความพึงพอใจระดับมากที่สุด (X=4.27) 6) ระยะเวลา มีความพึงพอใจระดับมาก (X=4.2) 7) ที่อยู่เว็บเพจ มีความพึงพอใจระดับมากที่สุด (X=4.4) 8) เห็นด้วยที่มีการเชื่อมโยงข้อมูล มีความคิดเห็นระดับมากที่สุด (X=4.47)
+ http://www.thaiall.com/research/sar52/sar_53060708_person.xls

ผลประเมินการอบรมและวิพากษ์ข้อมูลพื้นฐาน

7 มิ.ย.53 เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.53 ที่ผ่านมา มีเวทีที่จัดโดยงานประกันคุณภาพ อ.อัศนีย์ ณ น่าน และเป็นเสมือนการอบรมนักวิจัยในการใช้งานระบบฐานข้อมูลการประเมินตนเอง ในส่วนที่เกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐาน โดยใช้แบบสอบถามความคิดเห็นและความพึงพอใจในการใช้งานโปรแกรมไปพร้อมกัน พบว่า ผลประเมิน 5 คำถามมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (X=3.96, S.D=0.65)
     โดยแบบสอบถามในครั้งนี้มุ่งสร้างการรับรู้แก่ผู้ร่วมวิพากษ์ โดยใช้คำถามนำที่มุ่งไปสู่การให้ความสำคัญกับหลักฐาน การรับรู้เรื่องข้อมูลพื้นฐาน การมีส่วนร่วมจากบุคลากร การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อการประกันคุณภาพ และการมติสำหรับการจัดอบรมเพิ่มเติม ซึ่งสรุปความคิดเห็น/ความพึงพอใจได้ว่า
     1) บุคลากรเชื่อว่าการใช้ระบบฐานข้อมูล ช่วยรวบรวมหลักฐานจากแต่ละบุคคลสู่คณะ และมหาวิทยาลัย นำมาตรวจสอบการอ้างอิงตามเกณฑ์มาตรฐานได้ง่าย อยู่ในระดับมาก (X=4,S.D=0.55)
     2) บุคลากรเชื่อว่าการใช้ระบบฐานข้อมูล สามารถเป็นแหล่งรวบรวมเปรียบเทียบข้อมูลพื้นฐาน (CDS) จากหน่วยงาน และคณะวิชาให้ตรงกับข้อมูลในตัวบ่งชี้ อยู่ในระดับมาก (X=3.86,S.D=0.53)
     3) บุคลากรเห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า “หลักฐานส่วนหนึ่งมาจากการดำเนินงานของบุคลากรหรือคณะกรรมการ หากผู้รับผิดชอบส่งข้อมูลเข้าระบบฐานข้อมูล แล้วคณะวิชาหรือมหาวิทยาลัยนำไปใช้อ้างอิงตามตัวบ่งชี้ ก็จะแสดงการมีส่วนร่วมจากบุคลากร” อยู่ในระดับมาก (X=4.14,S.D=0.53)
     4) ระบบฐานข้อมูลการประเมินตนเอง ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้วท่านสนับสนุนหรือเห็นด้วยกับการให้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อการประเมินตนเอง อยู่ในระดับมาก (X=3.79,S.D=0.43)
     5) ถ้ามีการจัดอบรมการใช้ระบบฐานข้อมูลการประเมินตนเอง เพื่อนำข้อมูลเข้าตามเกณฑ์ ตัวบ่งชี้ หรือข้อมูลพื้นฐาน บุคลากรเห็นว่าควรมีการจัดอบรมขึ้นอีกครั้ง อยู่ในระดับมาก (X=4,S.D=1.04)
+ http://www.thaiall.com/research/sar52/sar_530601_cds.xls

อบรมพัฒนาทักษะคอมพิวเตอร์ฟรี

ใช้ระบบ google app รับสมัครสมาชิก

7 มิ.ย.53 ได้รับบันทึกจาก สกอ. เรื่อง ขอความอนุเคราะห์ประชาสัมพันธ์โครงการฝึกอบรมพัฒนาทักษะคอมพิวเตอร์การศึกษาทางไกลแบบผสมผสานในห้องเรียน โดยหวังว่าจะก่อให้เกิดการพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวสู่ “สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้” ดังนั้น โครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย ได้เปิดอบรมอีเลิร์นนิ่ง ระหว่างเดือน กุมภาพันธ์-กันยายน 2553 มีหลักสูตร 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่มีค่าลงทะเบียน และกลุ่มไม่มีค่าลงทะเบียน
     สำหรับกลุ่มไม่มีค่าลงทะเบียนมี 4 หลักสูตร คือ 1) tcu-bc533 รอบรู้เท่าทันเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตรุ่นที่ 3/2553 (24 ชั่วโมง) 2) tcu-ww533 การสร้างเว็บเทคโนโลยีโดยใช้โปรแกรม word รุ่นที่ 3/2553 (12 ชั่วโมง) 3) tcu-bk533 การสร้างสื่อการสอนอิเล็กทรอนิกส์ รุ่นที่ 3/2553 (24 ชั่วโมง) 3) tcu-bm533 การผลิตหนังสืออิเล็กทรอนิคส์จากเว็บ รุ่นที่ 3/2553 (9 ชั่วโมง)
     หลังจากได้หนังสือผมสำเนาหนังสือแล้วส่งให้กับคณะกรรมการพัฒนาระบบอีเลินนิ่งคนละฉบับ และย้ำกับทีมด้านไอทีว่าทุกคนควรเรียนให้ผ่านอย่างน้อยคนละ 1 หลักสูตร แล้วอีก 2 เดือนมาวัดผลกันว่า ผลการเรียนของแต่ละคนจะเป็นอย่างไร
+ http://www.thaicyberu.go.th/
+ http://lms.thaicyberu.go.th/officialtcu/main/advcourse/online

ปรับค่า config ของเครื่องในห้องปฏิบัติการ

7 มิ.ย.53 เพราะเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องปฏิบัติการทำงานช้ามาก จึงดำเนินการลดจำนวน software ที่ประมวลผลโดยไม่จำเป็น เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์มี response กับผู้ใช้ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะบูทเครื่องและปิดเครื่องได้เร็วขึ้น ซึ่ง software พิเศษที่ปิดบริการไปมีดังนี้
– ยกเลิกแสดง volume icon in the taskbar
– ยกเลิก MSN ใน msconfig
– System, Remote ยกเลิก Allow Remote Assistance
– ยกเลิก Lotus note realtime ใน symantec
– ยกเลิก Microsoft Exchange realtime ใน symantec
– ยกเลิก System Restore
– ยกเลิก Power Options, Hibernate

ส่วนใน services.msc ได้ยกเลิกรายการดังนี้
– Automatic Updates
– Error Reporting
– Event Log
– Help & Support
– Task Schedule
– Themes
– Widows Audio
– Windows Firewall/ICS
– Wireless Zero Configuration
ในเบื้องต้นปรับไปเพียงเท่านี้แล้วเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ทำงานเร็วขึ้น
+ รายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.thaiall.com/security/indexo.html

คำถามว่า มนุษย์เราทำไมไม่รักตัวเอง

6 มิ.ย.53 ความคิดเห็นที่มาจากหลายองค์ประกอบ สำหรับพิจารณาเหตุที่มนุษย์บางคนไม่รักตัวเอง นั้นมีเหตุปัจจัยอะไรบ้าง
     1) มนุษย์เราวิวัฒนาการจากสัตว์เดรัจฉานมาไม่นานนี้เอง คาดหวังมากจะเป็นทุกข์ นั่นคือเราเป็นอย่างที่เราเป็น มนุษย์ในหลายประเทศก็ยังมีวิวัฒนาการไม่สูง ยังใช้เหตุใช้ผลไม่ชำนาญ และคนไทยมีเงินทองใช้แลกเปลี่ยนไม่ถึง 100 ปีนี้เอง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเริ่มต้นพัฒนาอย่างชัดเจน เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ กว่าจะแพร่หลายในชนบทก็หลายสิบปีแล้ว
     2) มนุษย์ขาดความสามารถในการใช้สารสนเทศ 2.1) เรารู้ว่าดื่มสุราแล้วเมาเกิดอุบัติเหตุ เสียสุขภาพแต่ก็ยังทำ 2.2) เรารู้ว่าการนอกใจเพื่อความสุขชั่วคราว แต่ก็ยังทำกันอยู่จนปัญหากลายเป็นเรื่องชินตา 2.3) เรารู้ว่าการทำผิดกฎหมาย เกิดภัยเข้าตัวอย่างร้ายแรง แต่ก็ยังฝืนกฎ ขาดวินัยในการใช้ชีวิต 2.4) เรารู้ว่าวันเวลาเกิดจากการหมุนของโลกรอบตัวเอง และโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ แต่ก็ยังเชื่อเรื่องดูดวงกันเป็นตุเป็นตะ
     3) การไม่ยึดมั่นในวินัยต่อสังคม หรือไม่รักษาคำมั่นระหว่างบุคคล เพราะมนุษย์ขาดความสามารถในการวางแผนอย่างเป็นระบบ ไม่มองไปถึงผลของเหตุ ไม่มองไปที่วิสัยทัศน์ขององค์กร สังคม ครอบครัว และตนเอง จนขาดฐานคิดที่มั่นคงสำหรับปฏิบัติตน เป็นเหตุให้พบว่าผลของความประพฤติออกมาในแนวแสดงความไม่รักตนเองในภายหลัง เนื่องจากขาดการวางแผนที่รัดกุมต่อปฏิบัติการของตน ผลที่ได้จึงไม่อาจคาดการณ์