เว็บรุ่นของเพื่อนเก่า (241)

เว็บรุ่น ประถม มัธยม มหาวิทยาลัย

4 พ.ค.53 เว็บรุ่นของเพื่อนเก่า : กว่าจะโตมาเป็นผู้เป็นคน มนุษย์ในปัจจุบันมักผ่านการศึกษามาจากหลายสถาบันในหลายระดับ และมีเพื่อนใหม่ ครูใหม่ ห้องเรียนใหม่ สังคมใหม่ สั่งสมประสบการณ์ใหม่อยู่เสมอ บางสถาบันการศึกษามีชั้นเรียนหลายระดับและสลับกลุ่มเรียนทุกปีการศึกษา บางสถาบันมีการสลับกลุ่มเรียนในแต่ละวันตามแต่ความสนใจของแต่ละบุคคล เช่น โรงเรียนอนุบาลลำปางมีการสลับกลุ่มเพื่อนในชั้นเรียนทุกปีการศึกษาที่ใช้วิธีการสุ่มโดยการจัดการของครู ในมหาวิทยาลัยจะเปิดให้นักศึกษาลงทะเบียนเรียนวิชาและตอนเรียนได้ตามความสนใจทำให้การเรียนในแต่ละวันอาจพบเพื่อนไม่ซ้ำหน้ากันเลยก็ได้ ทำให้มนุษย์มีโอกาสพบปะผู้คนที่หลากหลายไม่ซ้ำเหมือนเช่นในอดีต แต่ถึงกระนั้นผู้คนในสังคมไซเบอร์ส่วนหนึ่งก็ยังแสวงหาเพื่อนใหม่แปลกหน้าผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ตลอดเวลา
             การศึกษาเริ่มจากประถมศึกษาไปสู่มัธยมศึกษา แล้วเลือกเรียนในสายอาชีพหรือสายสามัญ จากนั้นก็ก้าวต่อไปยังระดับอุดมศึกษา ความสัมพันธ์ของเพื่อนในระดับประถมศึกษาจะเหมือนความสัมพันธ์ตามที่เราพบจากภาพยนต์เรื่องแฟนฉัน คือ ไม่ค่อยจะชัดเจน เรื่องราวที่เกิดขึ้นมักเลือนหายไปกับกาลเวลา แต่ถ้าเป็นระดับมัธยมศึกษาจะมีความผูกพันธ์ที่ลืมได้ยาก เพราะเป็นเหตุการณ์ในช่วงวัยรุ่นที่คึกคะนองและร่วมกันทำอะไรที่น่าจดจำด้วยกันอยู่เสมอ เมื่อก้าวต่อไปสู่ระดับอุดมศึกษาก็ต้องเตรียมพร้อมกับการเป็นผู้ใหญ่ ต้องรับผิดชอบมากขึ้น มีเหตุผลในการใช้ชีวิต ความสัมพันธ์อย่างวัยรุ่นเริ่มหายไป แต่ใช้เหตุผลในการมีปฏิสัมพันธ์ที่เรียกว่าสังคมของนักศึกษา เช่น การทำรายงานกลุ่ม การออกค่ายอาสา การทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัยร่วมกัน เป็นต้น
                เว็บรุ่นเป็นสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคย แต่การสร้างเว็บรุ่นขึ้นมาและทำให้คงอยู่อย่างยั่งยืนนั้นยาก เพราะการรวมกลุ่มเพื่อนครั้งประถมศึกษานั้นไม่ง่าย เนื่องจากทุกอย่างเลือนหายไปกับเวลาและมีภารกิจมากมายที่ถาโถมเข้าใส่ระหว่างเติมโตเป็นผู้ใหญ่ เว็บรุ่นมัธยมศึกษาสามารถเกิดขึ้นและหายไปในเวลาที่รวดเร็วจากเหตุที่ทุกคนต้องให้เวลากับสังคมใหม่ เพื่อนใหม่ และกิจกรรมใหม่หลังแยกย้ายกันไปเรียนต่อในสถาบันการศึกษาแห่งใหม่ที่แตกต่างกัน แต่การกลับมารวมกันของเพื่อนมัธยมศึกษานั้นมักพบเห็นได้หลังจากทุกคนเริ่มมีความพร้อมทางสังคม มีเวลาให้รำลึกถึงอดีต  และมีชีวิตที่มั่นคงพอจะเข้าร่วมกับสังคมเพื่อนเก่า แล้วย้อนรำลึกเรื่องราวในอดีตที่งดงามรวมกันอีกครั้ง ปัจจุบันเว็บบล็อก เว็บเครือข่ายสังคม เว็บบอร์ดล้วนเป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้เขียนได้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางเชื่อมโยงเพื่อนทุกระดับได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่ปัญหาที่ตามมาคือเวลาที่ต้องทำกิจกรรมร่วมกันกับแต่ละกลุ่ม จนอาจทำให้ภารกิจในครอบครัวและการงานบกพร่อง ก็ต้องเตือนตนตลอดเวลาว่าต้องมีความสมเหตุสมผลในการเข้าสังคม และตระหนักถึงเป้าหมายสูงสุดของชีวิตมิให้เสียหายได้
http://www.aclalumni.com
+ http://www.thaiall.com/homepage/bwc30
+ http://www.thaiabc.com/ynalumni
+ http://www.facebook.com/profile.php?id=814248894

ด้วยอาลัย นางสาวพจนีย์ หน่อพรหม

พี่หนิง พจนีย์ หน่อพรหม

30 เม.ย.53 ผู้บริหาร อาจารย์ บุคลากร และนักศึกษามหาวิทยาลัยโยนก ไปร่วมพิธีงานศพของนางสาวพจนีย์ หน่อพรหม (พี่หนุงหนิง) ณ คริสตจักรลำปางแบ๊บติสท์ ตรงข้ามสวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ถ.ศิรินาวิน ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง ในวันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2553 เวลา 19.30 น. พี่หนุงหนิงเป็นคนแรกที่เสียชีวิตในมหาวิทยาลัย และเป็นศิษย์เก่ารุ่นแรกของมหาวิทยาลัย ด้วยเหตุที่มีโรคประจำตัวรุ่มเร้าทั้ง เบาหวาน และความดัน มีเพื่อนร่วมรุ่น ศิษย์เอ็มบีเอ และบุคลากรไปร่วมพิธีกันมากมาย เพราะพี่หนิงเป็นคนน่ารัก โดยมีกำหนดตั้งศพที่ลำปางวันเดียว และเคลื่อนศพไป อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอนหลังเสร็จพิธี เพื่อนหลายคนวางแผนไปร่วมพิธีเผาศพที่แม่ฮ่องสอน (อ.แป๋ว ผู้นำประกอบพิธี ได้เล่าว่า พี่เขาเกิดวันที่ 5 พฤษภาคม 2508 อีกไม่กี่วันก็ครบรอบวันเกิดของเขาแล้ว)  ด้วยอาลัยรักจากเพื่อนรุ่น 1

ความไว้วางใจในหมู่มนุษย์

สัตว์ที่มีความสามัคคี

29 เม.ย.53 มนุษย์เรามีหัวหน้ามากมายตามบทบาทที่แตกต่าง ในชุมชนหรือกลุ่มคนที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกันที่ต้องการจะไปให้ถึงย่อมต้องมีหัวหน้าเป็นผู้นำไปสู่เส้นชัย เช่น หมู่บ้านก็ย่อมมีผู้ใหญ่หน้าเป็นหัวหน้า สมาคมศิษย์เก่าก็ย่อมมีนายกเป็นหัวหน้า จังหวัดก็ย่อมมีผู้ว่าเป็นหัวหน้า ครอบครัวย่อมมีภรรยาเป็นหัวหน้าแม่บ้าน กลุ่มเสื้อแดงก็ต้องมีคนตัดสินใจเรื่องกลยุทธ์ รัฐบาลก็ต้องมีนายก แล้ววันหนึ่งผมก็ได้รับมอบหมายงานหนึ่งที่ทำให้ไม่สบายใจนัก แม้จะเห็นหัวหน้ายิ้มอย่างมีความสุขที่มอบหมายงานให้ผมทำงานซ้ำรอบสอง  แต่อาจเป็นเพราะหัวหน้าไม่วางใจผู้ทำงานคนแรกและสงสัยในผลที่ได้ จึงให้ผมทำงานซ้ำเพื่อตรวจสอบการทำงานของเพื่อนร่วมงานคนแรก บางทีหัวหน้าอาจทราบผลและไม่กล้าออกหน้าด้วยเกรงบารมีของผู้ทำงานคนแรก ซึ่งผมเองก็เกรงบารมีนั้นเช่นกัน .. ในโลกแห่งภาพยนต์มีเหตุการณ์แบบนี้เสมอ .. ก็แค่เรื่องเล่าถึงคำว่าบารมีของสมาชิกในครอบครัวที่หัวหน้าก็ยังต้องเกรงต่อบารมีนั้น

ภาพเก่าเล่าความหลัง

ภาพเพื่อนเก่า

28 เม.ย.53 เพื่อนของผมที่ชื่อเอก (เรียนด้วยกันสมัยยี่สิบปีก่อน) ถามว่าถ้ามีภาพเก่ามากมาย ถ้า scan แล้วจะฝากไว้ที่ไหนจะได้แชร์กัน 1) ผมเสนอให้เพื่อน scan ภาพที่ตนรักด้วยตนเอง 2) เก็บรักษาในสื่อที่ตนเป็นเจ้าของ เช่น facebook.com หรือ 4shared.com 3) ทำการบีบอัด แล้วเผยแพร่ link ให้เพื่อน download 
     ผมก็อยากคัดลอกภาพเก่าเก็บไว้ เพราะอายุมากแล้ว มองเห็นอดีตสมัยหนุ่มก็มีความสุขกับวันวาน มองเห็นระยะทางที่ผ่านมา .. และรู้ว่าต่อไปจะพบอะไรในอนาคต ตามสัจธรรมวิถีพุทธ
+ http://www.thaiall.com/homepage/bwc30
+ http://www.thaiabc.com/ynalumni
+ http://www.thaiall.com/histenlarge
+ http://www.facebook.com/album.php?aid=168296&id=814248894

ขโมยไฟฟ้าขององค์กรใช้ส่วนตัว

phone charger

27 เม.ย.53 มีเพื่อนตำหนิผู้เขียนว่า การทำชั่วนั้นลบล้างด้วยความดีไม่ได้ ครั้งหนึ่งผู้เขียนลืมชาร์จไฟฟ้าเข้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ จึงนำไปชาร์จต่อที่ทำงาน เพราะคิดว่านักศึกษาอาจโทรศัพท์เข้ามาติดต่อ แต่มีเสียงเข้าหูว่า “คุณกำลังขโมยไฟฟ้าของมหาวิทยาลัยใช้ โทษขโมยมีผลเป็นความผิดทางวินัย” แต่ผมก็โต้กลับไปว่า “นิดหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง” .. แต่จะน้อยหรือจะมาก ก็เป็นความผิดทางวินัยเช่นกัน คำว่าขโมยนั้นมีความผิดระบุในทุกองค์กร มักมีโทษสูงสุดถึงขั้นไล่ออก แต่ผมก็แก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ ว่าก็มีโทรศัพท์เพื่อใช้ทำงานในองค์กรนั่นหละ แล้วเขาก็ย้อนกลับมาว่า “แล้วไหนล่ะหลักฐาน” ..
     แต่ผมยั้งคิดได้ว่าการโต้กลับไปเรื่องลายลักษณ์อักษรคงไม่ใช่ทางออกที่ดี .. เพราะความจริงก็คือความจริง ที่ผมแอบใช้ไฟฟ้าขององค์กรชาร์จโทรศัพท์มือถือ ไม่สำคัญว่าจะทำเพื่ออะไร จะมีฐานะในองค์กรเป็นใครก็คงไม่มีสิทธิขโมยของมาใช้ส่วนตัว ดังคำว่าขุนนางทำผิด มีโทษเท่าสามัญชน .. ต่อให้เป็นประธานาธิบดีทำผิด สำหรับผมแล้วก็คงไม่ต่างกับสามัญชน .. ตั้งแต่นั้น ผมก็จะไม่นำโทรศัพท์ไปชาร์จที่มหาวิทยาลัยอีก เพราะเป็นความผิดที่ต้องรู้จักการละอายแก่ใจ ดังคำว่ามีหิริโอตัปปะ .. ก็เรียนมาซะสูงแล้วไม่ใช้ความรู้ก็เสียสิครับ
+ ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ .. ก็ผมคนไทยนี่ครับ
+ ขอให้รู้ว่าอย่างไร .. ผมก็เข้าข้างคนไทย

อุปทานหมู่กับศรัทธาในศาสนาที่กำลังลดลง

11 เม.ย.53 ในขณะที่สารสนเทศเริ่มมีความชัดเจนเพิ่มขึ้น และสารสนเทศที่ไม่ถูกยอมรับก็เริ่มจะหายไป ความจริงเริ่มกระจ่างกว่าความเชื่อ ศรัทธาในสิ่งที่เราไม่รู้เริ่มลดลง ทุกอย่างต้องการถูกพิสูจน์ การโกงบ้านโกงเมืองเพิ่มขึ้นเพราะคนกลัวบาปกรรมลดลง .. ครั้งหนึ่งได้ข่าวว่าผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะเอาวัดเข้าห้างสรรพสินค้า เพราะเยาวชนเข้าห้างมากกว่าวัด แต่ก็หายไป .. ก็ให้ไปนึกถึงเรื่องของอุปทานหมู่ หรือการโน้มน้าวจิตใจในการประชุมใดใด ที่จิตใจของคนเราถูกควบคุมได้ ถ้ามีศรัทธา .. เชื่อว่าจิตใจของเด็กยุคใหม่คงจะยึดมั่นในความสมเหตุสมผลมากขึ้น เพราะเยาวชนในปัจจุบันเรียนหนังสือกันเป็นบ้าเป็นหลัง ทุกอย่างต้องพิสูจน์ได้ ต้องเป็นวิทยาศาสตร์ ต่างกับผู้ใหญ่ในปัจจุบันยังไปดูหมอ ยังเชื่อเรื่องดวงวันเกิด ยังเชื่อชีวิตหลังความตาย .. แต่เด็กสมัยนี้ไม่เข้าวัดก็เพราะไม่มีศรัทธา ประพฤติตัวเหลวแหลก เพราะไม่เชื่อในกฎแห่งกรรมและพ่อแม่ก็ไม่พาเข้าวัด .. สรุปว่าอุปทานหมู่เกิดจากศรัทธา แต่ในอนาคตศรัทธาของมนุษย์จะลดลงไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่มีอะไรมายึดเหนี่ยวจิตใจพวกเขาอีกแล้ว .. น่าเป็นห่วงนะครับ กับการดำเนินชีวิตของมนุษย์ที่ขาดศรัทธา
     อุปทานหมู่  (Collective Hysteria, Collective Obsessional Behavior, Mass Hysteria หรือ Mass Psychogenic Illness) เป็นปรากฏการณ์ทางจิตสังคมอย่างหนึ่ง มีลักษณะเป็นการแสดงออกอย่างเดียวกับโรคฮิสเตอเรียหรือโรคผีเข้า (อังกฤษ: Hysteria) แต่อุปาทานหมู่นั้นเป็นอาการสมดังชื่อ คือ เกิดขึ้นในคนหมู่ โดยมักมีสาเหตุจากการที่คนกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าตนกำลังประสบภาวะเจ็บป่วยหรืออาการอื่นอย่างเดียวกัน
     ปรากฏการณ์อุปาทานหมู่นั้นเกิดขึ้นเมื่อบุคคลหนึ่งเกิดป่วยหรือมีอาการของโรคฮิสเตอเรียอันเป็นผลมาจากภาวะเครียดและเมื่อผู้ป่วยคนนั้นเริ่มแสดงอาการ คนอื่นรอบข้างก็เริ่มแสดงอาการด้วย เพราะเชื่อว่าตัวเองก็ประสบภาวะอย่างเดียวกัน อาการที่แสดงเช่นว่ามักได้แก่ อาการคลื่นไส้ (Nausea), อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscle Weakness) การชัก (Fit) หรืออาการปวดศีรษะ (Headache)
     อุปาทานหมู่มีลักษณะเด่น ตรงที่ไม่อาจหาสาเหตุแน่ชัดได้ อาการที่เกิดก็มักมีความคลุมเครือ แต่มักเชื่อกันว่ามีสาเหตุมาจากอำนาจเหนือธรรมชาติหรือเป็นทางทางศาสนา โดยว่ากันทางประชากรศาสตร์ อุปาทานหมู่เกิดมากในเพศเมียและในหมู่ผู้ที่รับบริการทางการแพทย์บ่อย ๆ คือพวกที่รับประทานยาหรือใช้ยามาก ๆ เป็นต้น
     อาการตื่นตระหนกทางใจ (Moral Panic) มีอาการแสดงคล้ายกับอุปาทานหมู่มาก อย่างไรก็ตาม เจอโรม คลาร์ก (Jerome Clark) นักวิจัยเรื่องเหลือเชื่อและจานผี ชาวอเมริกัน กล่าวว่า อุปาทานหมู่เป็นคำอธิบายอันไร้มูลฐานเมื่อเจ้าหน้าที่หรือผู้เชี่ยวชาญไม่อาจหาคำอธิบายได้สำหรับกรณีอันยุ่งเหยิงหรือน่าตระหนกใจ 
กรณี 1 อุปทานจากละคร
เป็นละครน้ำเน่าเกี่ยวกับชีวิตของเด็กในวัยทีนที่ได้รับความนิยมสูงมากในประเทศตุรกี โดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่นที่พากันติดงอมแงม – เดือนพฤษภาคม ปี 2006 โรคระบาดที่มีชื่อว่า ‘Morangos com Acucar virus’ เกิดขึ้นครั้งแรกในโรงเรียน 14 แห่ง นักเรียนมากกว่า 300 คน เกิดอาการประหลาด ซึ่งคล้ายคลึงกับอาการของตัวละครหนึ่งในละคร อาการดังกล่าวได้แก่ ผื่นขึ้น หายใจลำบาก วิงเวียนศีรษะ รุนแรงถึงขนาดบางโรงเรียนต้องปิดลง หน่วยสาธารณสุขได้ออกมาตรวจสอบและสรุปว่าเป็นปรากฏการณ์อุปทานหมู่ ซึ่งเกิดจากละคร บรรดาผู้ปกครองต่างพากันวิตกกังวล เพราะละครน้ำเน่าดังกล่าวไม่ได้ฉายทางทีวีอย่างเดียว มันยังตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในหนังสือพิมพ์และนิตยสารอีกด้วย
กรณี 2 อุปทานหมู่นร.อาชีวะตรัง
นร.อาชีวะตรังปี 2 นับร้อยคนเกิดอาการร้องไห้กรีดร้องเสียงดังสนั่นโรงเรียนลักษณะคล้ายร่างทรงบางรายพูดเป็นภาษาจีนก่อนจะวิ่งออกมาที่ศาลพระภูมิ โดยมีครูสวดมนต์ผ่านเครื่องขยายเสียงหวังให้สถานการณ์ผ่อนคลาย ผู้ปกครองแห่งรับกลับบ้านยันปี 2549 เคยเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกันมากแล้ว ครูใหญ่เมินส่งรักษาโรงพยาบาลอ้างไม่ใช้เหตุร้ายแรง
+ http://lonesomebabe.spaces.live.com/blog/cns!B3DBC94207C84DE2!1755.entry
+ http://news.sanook.com/social/social_274960.php
+ http://www.trangzone.com/webboard_show.php?ID=3768
+ http://www.youtube.com/watch?v=DhNe7p-APp8
+ http://www.youtube.com/watch?v=TCH4aG_A5-Y

ผู้เสียชีวิต 19 ราย บาดเจ็บ 834 ราย จากเหตุเสื้อแดงปะทะทหาร

สั่งปิด 36 เว็บไซต์

ข่าว ณ วันที่ 11 เม.ย.53 ศูนย์ เอราวัณ รายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุม็อบเสื้อแดงปะทะทหาร มีผู้เสียชีวิต 19 ราย เป็น พลเรือน 15 ราย ทหาร  4 นาย ในจำนวนนี้ เป็นนายทหารยศ พ.อ.สังกัด กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ เสียชีวิตเนื่องจากถูกยิงที่ศีรษะ…
     ด้านศูนย์เอราวัณ รายงานจำนวนผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่ทหารเข้าผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุม ณ บริเวณ ถ.ราชดำเนิน สรุปจำนวนผู้บาดเจ็บเบื้องต้น 834 ราย นำส่งโรงพยาบาล รพ.วชิระ 160 ราย  รพ.มิชชั่น 6 ราย  รพ.พระมงกุฎฯ 215 ราย รพ.กลาง 146 ราย รพ.รามาฯ  51 ราย รพ.หัวเฉียว 59  ราย รพ.ศิริราช 34 ราย รพ.ตำรวจ 18 ราย  รพ.จุฬาฯ 6 ราย รพ.ตากสิน 62 ราย รพ.เลิดสิน 8 ราย รพ.เจ้าพระยา 4 ราย รพ.ราชวิถี 8 ราย รพ.เจริญกรุงฯ  18 ราย  รพ.พระปิ่นเกล้า 39 ราย
     ส่วนผู้เสียชีวิตมีทั้งสิ้น 19 ราย ประกอบด้วย พลเรือน 15 คน ประกอบด้วย 1) นาย อําพล ตติยรัตน์ 2) นายยุทธนา ทองเจริญพลพร 3) นายไพศล ทิพย์ลม 4) นายสวาท วางาม 5) Mr.Hiroyuki Muramoto 6) นายธวัฒนะชัย กลัดสุข 7) นายทศชัย เมฆงามฟ้า 8 ) นายจรูญ ฉายแม้น 9) นายวสันต์ ภู่ทอง 10) นางคะนึง ฉัตรเท 11) นายเกรียงไกร คําน้อย 12) นายบุญธรรม ทองผุย 13) นายสมศักดิ์ แก้วสาน 14) นายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ 15) ชายไทยไม่ทราบชื่อ ส่วนทหาร 4 นาย ประกอบด้วย 16) พลฯ ภูริวัฒน์ ประพันธ์  17) พลฯอนุพงษ์ เมืองรําพัน  18) พลฯสิงหา อ่อนทรง  19) พ.อ.ร่มเกล้า ชุวธรรม
     เมื่อวันที่ 9 เม.ย.53 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน  ว่า องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน ออกแถลงการณ์ประณามการปิดกั้นสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีเพิลแชนแนลและเว็บไซต์ 36 เว็บไซต์ของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยระบุว่า “เป็นเรื่องน่าตำหนิที่ทางการใช้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีจุดประสงค์เพื่อปิดกั้นสื่อมวลชนที่ทั้งเป็นกลางและสื่อที่มีความเห็นไปในทางเดียวกับฝ่ายค้าน
     เมื่อวันที่ 7 เม.ย.53 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ได้ลงนามสั่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร ให้ปิด 36 เว็บไซต์ ซึ่งเป็นสื่อของกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงหรือนปช. หลังจากสั่งปิดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีเพิลแชนแนลไปก่อนหน้านี้ โดยให้เหตุผลว่ามีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคง เช่น prachatai.com redshirttv.com newskythailand.com d-dek.org
+ http://news.siamtrue.com/view/newshot.3271 รายชื่อผู้เสียชีวิต
+ http://hilight.kapook.com/view/47657 มีรายชื่อเว็บไซต์
+ http://www.blognone.com/node/15799 มีรายชื่อเว็บไซต์
+ http://talk.mthai.com/topic/104430
+ http://www.khanpak.com/front-news/news-view.php?id=804
+ http://www.fwdder.com/topic/235394
+ http://news.mthai.com/breaking-news/72978.html

เอาอนาคตของประเทศมาเป็นตัวประกัน .. มักสำเร็จ

5 เม.ย.53 ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีใครหาอะไรมาเป็นตัวประกันเพื่อต่อรองให้ได้สิ่งที่ต้องการ ตัวอย่างมีให้เห็นบ่อยมากในประเทศไทย แม้ในองค์กรบางแห่งก็มีอยู่เสมอ ที่ขาดความรู้สึกเป็นเจ้าของในองค์กรของตน เช่น 1) การบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ 2) การบอกว่าคนนั้นก็ยังไม่ทำจึงเป็นความชอบธรรมที่ตนไม่ทำบ้าง 3) การบอกว่าไม่ใช่เรื่องของเรา 4) การบอกว่าอย่าไปช่วยใครให้เห็นแก่ตัวไว้ก่อน 5) การบอกว่าก็เขาไม่มาบอก 6) การบอกว่ายังไม่ถึงเวลา 7) การบอกว่าอย่าไปยุ่ง 8 ) การบอกว่าเขาทำมาอย่างนั้นจงทำต่อไปทำเหมือนกันไปดีเอง .. คงเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่กลายพันธุ์มาจากลิงได้ไม่นาน คนบางคนจึงพัฒนาไปได้ไม่ไกลนัก มองไปไม่พ้นเงาตนเองสักที ดังนั้นเราจึงเห็นคนที่มีการศึกษา แต่จิตใจไม่พัฒนา บางคนจิตใจดีงามแต่ขาดการศึกษาเป็นฐานความรู้ที่ใช้ประกอบการตัดสินใจอย่างสมเหตุสมผล คนบางคนถูกความโลภ โกรธ หลง ชี้นำพฤติกรรมไปในทางใดทางหนึ่งก็มีตัวอย่างมากมายเกินกว่าจะยกตัวอย่าง .. เราท่านก็รู้เห็นเป็นใจกันอยู่ .. สรุปตรงนี้ว่าผมบ่นเรื่องการเมืองไทย .. แล้วอย่าถามผมว่าคิดอย่างไร เพราะคำตอบผมรุนแรงมากที่เห็นพฤติกรรมมนุษย์เป็นเช่นนี้ และที่สำคัญผมก็เป็นมนุษย์

ต้องสู้ จึงจะชนะ เจินเจิน

เพลงดีที่ทำให้ฮึกเหิม .. เป็นกำลังใจเมื่อรู้สึกอ่อนแอ .. (ผมร้องไม่ได้ครับ น้ำตาซึม)

ต้อง สู้ ต้องสู้จึงจะชนะ
อยู่ดีดี ทรุดลง ไม่น่าเสียใจ อยู่อยู่ไป พลาดผิด ไม่น่าเศร้าซึม ทำตัวเหมือนสิ้นแล้วทุกสิ่ง วันวันเมาโซเซ ร่างที่ไร้วิญญาณ เหมือนหุ่นไล่กา เปรียบชีวิต คนดังคลื่นใต้น้ำใน ทะเล บางครั้ง ขึ้น บางครั้ง ลง ดวงดี(ยินดี) ดวงอับ(ช่างมัน) พรหมท่านลิขิตไว้ ให้ เป็น สามสิบลิขิตฟ้า เจ็ดสิบต้องฝ่าฟัน ต้อง สู้ ต้องสู้จึงจะ ชนะ
ดนตรี
อยู่ดีดี ทรุดลง ไม่น่าเสียใจ อยู่อยู่ไป พลาดผิด ไม่น่าเศร้าซึม ทำตัวเหมือนสิ้นแล้วทุกสิ่ง วันวันเมาโซเซ ร่างที่ไร้วิญญาณ เหมือนหุ่นไล่กา เปรียบชีวิต คนดังคลื่นใต้น้ำใน ทะเล บางครั้ง ขึ้น บางครั้ง ลง ดวงดี(ยินดี) ดวงอับ(ช่างมัน) พรหมท่านลิขิตไว้ ให้ เป็น  สามสิบลิขิตฟ้า เจ็ดสิบต้องฝ่าฟัน ต้อง สู้ ต้องสู้จึงจะ ชนะ
อยู่ดีดี ทรุดลง ไม่น่าเสียใจ อยู่อยู่ไป พลาดผิด ไม่น่าเศร้าซึม  ทำตัวเหมือนสิ้นแล้วทุกสิ่ง วันวันเมาโซเซ ร่างที่ไร้วิญญาณ เหมือนหุ่นไล่กา เปรียบชีวิต คนดังคลื่นใต้น้ำใน ทะเล บางครั้ง ขึ้น บางครั้ง ลง ดวงดี(ยินดี) ดวงอับ(ช่างมัน) พรหมท่านลิขิตไว้ ให้ เป็น สามสิบลิขิตฟ้า เจ็ดสิบต้องฝ่าฟัน ต้อง สู้ ต้องสู้จึงจะ ชนะ

… ต้อง สู้ ต้องสู้จึงจะ ชนะ…

+ http://www.youtube.com/watch?v=S1er4W9TO4Q
+ http://www.yakyaihost.net/kara/kara1/midi74.htm (midi)

ดาวมหาลัย สาวมาด เมกะแดนซ์

เพลงดี สะท้อนสังคม สะท้อนชีวิตนักศึกษาได้ค่อนข้างชัด ..
เด็นรุ่นใหม่เป็นอย่างนี้ก็ไม่น้อย 

แม่ : ฮัลโหล ดาวบ่ลูกหล่า ดาว : ค่า แม่ : ปิดเทอมแล้วกลับมาซอยแม่เฮ็ดนาแหน่เด๊อ ดาว : โอเคค่า คุณแม่ขา แค่นี้นะคะ แม่ : เออ

หนูดาวเป็นลูกสาวกก จบชั้นม.6 โรงเรียนบ้านหนองใหญ่ คุณแม่ขายไร่ขายนา ส่งดาวเข้ามาเรียนมหาลัย มาเรียนอยู่ในกรุงเทพ ยูนิเวอร์ซิตี้ที่ทันสมัย ดาวสวยดาวเริ่ดดาวเด่น คนมันสวยทำอะไรก็เด่น ก็เลยถูกพรีเซ้นต์ให้เป็นดาวมหาลัย เพื่อนๆที่คณะ ปลื้มดาวสุดๆเลยนะฮะ
ซัมเมอร์แม่เรียกตัวกลับมา ช่วยทำไร่ทำนาอยู่ที่บ้านหนองใหญ่ ไปอยู่บ้านป่ากับดงดาวบอกตรงๆว่ามันไม่ใช่ บ้านนอกขาดการพัฒนามีแต่ทุ่งนาและหมูหมากาไก่ ชาวบ้านก็ด้อยการศึกษากินแต่ปลาร้าที่ไม่พาสเจอร์ไรซ์ กินกบกินอึ่งกินแย้ แมงจินูน แมงจิโป่ม ดักแด้ กินแม้แต่กุดจี่ที่อยู่ในกองขี้ควาย ฮื้อ กินเข้าไปได้ไงอะ แวะ
หนุ่มๆมีแต่ซุมโลโซ เมาเหล้าขาว เหล้าโท ซิ่งมอเตอร์ไซค์ ไม่เหมือนหนุ่ม ม.กรุงเทพ ขี่เบนซ์ ขี่เชฟ บีเอ็ม รุ่นใหม่ ลูกทุ่งฟังไม่เป็นจริงๆ ดาวชอบสตริง โฟร์ มด กอล์ฟ ไมค์ อยากไปเมืองทองธานี ดูอคาเดมี่แฟนตาเซีย ก็มีแต่เสียงอีสาน นกน้อย ปอยฝ้าย คำมอด ลูกแพร เงี๊ยะ หมอล้ำ หมอลำ
เซ็นทรัล โรบินสัน เดอะมอลล์ เซเว่น บิ๊กซี ไม่มีที่บ้านหนองใหญ่ มีแต่ตลาดนัดคลองถม ไร้รสนิยม ดาวรับไม่ได้ เสื้อยืดตัว199 ไม่รู้ว่าเขาใส่ได้ยังไง เคยเดินเล่นแถวเซ็นเตอร์พอยท์ ต้องมาเดินต้อยๆไล่วัวไล่ควาย คิดมาเศร้าใจอดสู คิดถึงสังคมหรูๆ ตอนที่ดาวเรียนอยู่เป็นดาวมหาลัย เจอสังคมบ้านนอกๆอย่างนี้ ดาวปรับตัวไม่ทันนะ
ไปนาใส่เกิบส้นสูง ตกคันนาหงายท้องดาวนั่งร้องไห้ ใส่เอวต่ำสายเดี่ยวเกี่ยวข้าว ควายเถิกควายเฒ่ายืนน้ำลายไหล คุณแม่พานั่งรถอีแต๊ก หัวสั่นด๊อกแด๊ก กลับถึงบ้านเป็นไข้ อยู่มหาลัยเป็นเชียร์ลีดเดอร์  เป็นพริตตี้ เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้มาเป็นฟาร์เมอร์ ดาวว่า มันไม่ใช่ มันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของดาวอะ
แม่ขาอยากกลับกรุงเทพ คิดถึงเพื่อนๆ ที่มหาลัย หนูเบื่อบ้านนอกคอกนา หยะแหยง ปลาร้า และกลิ่นโคน สาปควาย ดาวเบื่อชีวิตคันทรี่ อยากไปอยู่ ซิตี้ เป็นดาวมหาลัย อย่างหนูมันต้องอยู่กรุงเทพ ถึงจะตรงคอนเซ็ปต์ที่ดาวตั้งไว้อะ
แม่ : คุณสิไปตายไสกะไปโลด ไห้ไปเรียนกะบ่มีประโยชน์ มาอยู่บ้านกะบ่มีประโยชน์ ไปตายไสกะไปโลด ผมกะรับบ่ได้ ผมกะรับบ่ได้ ผมกะรับบ่ได้
แม่ : อี่ดาวมหาลัย อี่พรีเซ็นเตอร์ใหญ่ ผมเบิดนาไปจักท่งแล่ว มื่อได๋ คุณสิเรียนจบกับเขาจักเทียละหือ
ดาว : คุณแม่ขา มาว่าหนู่อย่างนี้ได้ยังไง มันเสื่อมเสียเกียรติภูมิดาวมหาลัย นะคะ คุณแม่ขา
แม่ : ว่าซือๆ กะไคตั๊ว ผมบ่ตีนยันตกคันแท กะบุญหัวคุณแล่วตั๊ว
ดาว : แม่ไม่เข้าใจดาว แม่ไม่เข้าใจความเป็นดาวมหาลัย แม่ไม่เซ้นสิถีฟ แม่ไม่เซ้นสิถีฟอ่อนไหวกับเรื่องอย่างนี้หรอก
แม่ : มีแต่ผมสิถีบคุณนั่นหละ อี่ดาวมหาลัยใหญ่ มื่อนี่หละคุณสิกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งสู่เมร คุณฮู่บ่ หือ
+ http://video.sanook.com  
+ http://www.youtube.com/watch?v=HHPIi4MyyrI
+ http://www.youtube.com/watch?v=tsow52RCR_M
+ http://www.youtube.com/watch?v=S1er4W9TO4Q