การทำอีบุ๊คด้วยการวางชื่อแฟ้ม jpg ใน xml

อีบุ๊ค โดย eduzones.com

21 เม.ย.53 คิดถึงครั้งที่ อ.ชลาพันธ์ สนใจการทำ e-book แบบของ compasscm.com โดย post ให้ผมอ่านใน yoso เมื่อ 10 มี.ค.53 ซึ่งตรงกับแนว creative campus ของ ดร.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์  แล้วผมก็ศึกษาแบบค่อยเป็นค่อยไปจนทดสอบใช้ flip ทำ e-book ของสถาบันไป 2 เล่มมาก่อนหน้านี้ใน thaiall.com/flip มาวันนี้ดูทีวีตอนเช้าพบว่า อ.นิวัฒน์ กองเพียร (niwatkongpien.com) ก็ทำ e-book แบบไม่ต้องใช้ plug-in อย่าง flip publisher หรือ plakatebook เมื่อตรวจสอบก็พบว่าท่านใช้โปรแกรมแบบ  flash page flip ทำ e-book แบบที่ใช้ง่าย แค่ scan หนังสือที่มีอยู่เป็น jpg แล้ววางลงไปใน xml ก็ได้ e-book ชั้นยอดแล้ว .. คงกลายเป็นชุด script หลักสำหรับทำ e-book ในไซต์ของผมเป็นแน่ เพราะรุ่นที่ใช้เป็น free version ลองไปดูตัวอย่างที่ thaiall.com/e-book แล้วค่อยดาวน์โหลดมาติดตั้งใน web server ของคุณก็ได้นะครับ
+ http://www.thaiall.com/flip
+ http://www.thaiall.com/e-book

ปรับนิยามเกณฑ์การประเมินบุคลากรนิดหน่อย

21 เม.ย.53 มีโอกาสประเมินเพื่อนร่วมงาน (evaluation) โดยฝ่ายทรัพยากรบุคคลส่งแบบประเมิน ที่ใช้คะแนน 5 ระดับ แบ่งคำถามเป็น 3 กลุ่ม 1) เกี่ยวกับงาน 2 ) เกี่ยวกับลักษณะบุคคล 3 ) ด้านอื่น ผมใช้วิธีส่งเกณฑ์ประเมินให้เพื่อนร่วมงานประเมินตนเองแบบปากเปล่า แล้วส่งผลที่ผมประเมินให้เขาพิจารณาก่อนเซ็นให้ความเห็นชอบ พบว่าเพื่อนร่วมงานทุกคนประเมินตนเองต่ำกว่าที่ผมประเมิน .. วิธีนี้ทำให้ทุกคนยอมรับผลประเมินของผมมากกว่าให้เขารับผลประเมินจากผมด้านเดียว
     ซึ่งสรุปได้ว่ามีคำถามทั้งหมด 20 ข้อรวมเต็ม 100 คะแนน ประกอบด้วย 1) ความรู้พื้นฐาน หมายถึง ความรู้ในงานตามหน้าที่อย่างครบถ้วน มีความเข้าใจ และทราบขั้นตอนการปฏิบัติงานลุล่วงสำเร็จตามภารกิจ 2) ความรอบรู้ในภารกิจ หมายถึง ความสามารถในการที่จะทำงานให้สำเร็จ และได้ผลดีที่บรรลุตามวัตถุประสงค์ 3) การเรียนรู้งาน หมายถึง ความสามารถในการเรียนรู้ที่จะปฏิบัติงานได้ตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง 4) ความตั้งใจ ใส่ใจในการทำงาน หมายถึง การอุทิศตนเอง และทำงานเต็มความสามารถ 5) ความรับผิดชอบ หมายถึง ความใส่ใจในรายละเอียดให้งานบรรลุตามเป้าหมายและกรอบเวลา 6) มีการมาทำงาน สาย หรือขาดงาน ไม่เกิน 10% ของวันทำการ หรือไม่เกิน 3 วัน  7) การเข้าร่วมกิจกรรมของมหาวิทยาลัยจะอนุโลมตามหลักการให้คะแนนของข้อ 6 8 ) การประสานงาน หมายถึง ความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น สื่อสาร ให้งานบรรลุตามวัตถุประสงค์ 9) ความคิดริเริ่ม หมายถึง ความสามารถให้ข้อเสนอแนะ คิดงานใหม่ให้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม 10) ความไว้วางใจ หมายถึง มีความละเอียด รอบคอบ ตั้งใจ ติดตามงา โดยไม่ต้องถูกควบคุมใกล้ชิดตลอดเวลา 11) การใช้ทรัพยากร หมายถึง ประหยัด มีหลักในการใช้จ่าย และใช้อุปกรณ์สำนักงานเสมือนเป็นของตน 12) การวางแผนจัดระบบงาน หมายถึง ความสามารถวางแผน คาดการณ์ กำหนดวัตถุประสงค์ ตัวบ่งชี้ และเป้าหมายได้ชัดเจน 13) การตัดสินใจแก้ปัญหา หมายถึง ความสามารถแก้ปัญหาในหน้าที่ที่รับผิดชอบให้ลุล่วง 14) ทักษะการสื่อสาร หมายถึง ความสามารถในการพูด เขียน หรือสื่อสารได้ถูกต้องชัดเจน 15) ความเป็นผู้นำ หมายถึง ความสามารถและมีทักษะนำหน่วยงานให้ปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จ 16) การพัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชา หมายถึง  ความสนใจแนะนำ พัฒนาศักยภาพของเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอ 17) การมีมนุษยสัมพันธ์ หมายถึง มีความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนร่วมงาน มีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น 18) นวัตกรรม หมายถึง ความสามารถประยุกต์หรือพัฒนางานแนวใหม่อย่างมีคุณภาพ 19) คุณภาพของงาน หมายถึง ความถูกต้อง ความประณีต ความเรียบร้อย ของการทำงานทันเวลาตามเป้าหมายที่กำหนด 20) ปริมาณงาน หมายถึง ผลงานที่สามารถจะทำได้สำเร็จตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย หรือในเวลาที่ควรจะต้องทำ

วีรบุรุษที่ต้องเลือกระหว่างความยุติธรรมกับความสงบสุข

ความยุติธรรม กับ ความสงบสุข

20 เม.ย.53 หลายเหตุการณ์ทำให้นึกเปรียบเทียบคำว่า ถูกต้องหรือยุติธรรม กับ สงบสุข ได้บทเรียนจากภาพยนต์เรื่อง hero ที่พระเอกตัดสินใจละทิ้งความถูกต้อง แล้วเสียสละเพื่อความสงบสุข เป็นการพลิกวิถีปฏิบัติของปุถุชนทั่วไปและน้อยคนที่จะเข้าใจ เพราะเห็นพฤติกรรมของผู้คนในปัจจุบันแล้ว รู้เลยว่าคงไม่เข้าใจประเด็นความต่างของ ความถูกต้อง และความสงบสุข
     เปรียบเทียบเรื่องการเมืองที่หลายคนคงมองข้ามความสงบสุข สนใจแต่เพียงความถูกต้อง สนใจแต่ความยุติธรรมบนฐานคิดของตนเอง ก็เป็นสิ่งที่คิดได้ มีเหตุผลรองรับเสมอ และไม่แปลกด้วย มีกรณีเปรียบเทียบ อาทิ 1) ในหลายหมู่บ้านมีข้าราชการท้องถิ่นเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องต่อตนเอง แต่ไม่สนใจความสงบสุขของชุมชนส่วนรวม 2) ในหลายองค์กรก็จะมีบางคนสนใจความถูกต้องด้วยเหตุผลของตนเอง แต่ไม่สนใจความสงบสุขขององค์กร 3) ในประเทศจีนโบราณจิ๋นซีบุกตีเมืองต่าง ๆ ผู้คนล้มตายจำนวนมาก การล้างแค้นเป็นความถูกต้อง เมื่อชายคนหนึ่งมีโอกาสล้างแค้นพร้อมลงมือฆ่าจิ๋นซีแต่เขาก็ตัดสินใจปล่อยให้จิ๋นซีมีชีวิต มีอำนาจล้นฟ้า ครองแผ่นดินจีนไว้แต่เพียงผู้เดียว ทำให้หยุดการทำสงครามระหว่างแคว้นลงได้ .. ดังนั้นพระเอกหรือฮีโร่จึงตัดสินใจเลือกความสงบสุขเหนือความยุติธรรม .. สารภาพตรงนี้เลยว่าเป็นผมก็ยึดความยุติธรรมครับ เพราะไม่อยากเป็นพระเอก มีชีวิตอย่างปุถุชนดีกว่าเป็นฮีโร่แน่นอน .. แต่ก็ไม่ลืมคำว่าสงครามสร้างวีรบุรุษ .. ถ้าถามชาวโลกก็คงตอบแบบไม่คิดมากว่า ถ้าเลือกได้ก็เลือกทั้ง 2 อย่างพร้อมกัน

ฝืนกฎและอัตราค่าบำรุงการใช้อาคารสถานที่ของมหาวิทยาลัยโยนก

19 เม.ย.53 โดยปกติผมไม่เขียน blog ในเวลางาน เชื่อว่าเป็นเรื่องผิดจรรยาบรรณร้ายแรง แต่วันนี้ขอฝืนกฎเพราะเชื่อว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการทำงานโดยตรง ไม่ใช้เวลามาก และไม่น่ารบกวนการทำงานปกติ โดยมีประเด็นที่ชวนให้บันทึกไว้ดังนี้
     ที่มหาวิทยาลัย วันนี้มีโอกาสได้ให้บริการบริษัทแห่งหนึ่งในการใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัย จัดฝึกอบรมการใช้ Openoffice และฝึกอบรมแก่บุคลากรของบริษัทนั้นในจังหวัดลำปาง ทำให้ต้องอ้างอิงเอกสารสำคัญคือ ประกาศมหาวิทยาลัยโยนก เรื่อง อัตราค่าบำรุงการใช้อาคารสถานที่ของมหาวิทยาลัยโยนก ประกาศ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2552 โดยอัตราค่าบำรุงแบ่งเป็น 2 แบบคือ ต่อวัน และต่อครึ่งวัน ซึ่งสถานที่ถูกแบบได้ 9 ลักษณะ(ต่อวัน/ครึ่งวัน) คือ 1) ห้องประชุมใหญ่อาคารคณะบริหารธุรกิจ 6000/4000 บาท 2) ห้องประชุมใหญ่อาคารคณะนิเทศศาสตร์หรืออาคารอเนกประสงค์ 5000/3000 บาท 3) ห้องประชุมอาคาร ดร.เทียม โชควัฒนา 3000/2000 บาท 4) ห้องประชุมอาคารศูนย์นักศึกษาคริสเตียน 3000/2000 บาท 5) ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ 4000/3000 บาท 6) ห้องตามอาคารต่าง ๆ 1000/700 บาท 7) ลานข่วงดาว 2000 บาท 8 ) อัฒจันทร์กลางแจ้ง 3000 บาท 9) ลานดาวอาคาร ดร.เทียม โชควัฒนา 1000 บาท ก็เป็นสารสนเทศที่จะได้ใช้อ้างอิงในโอกาสต่อไปสำหรับคณะทำงาน และผู้สนใจที่ต้องการข้อมูลประกอบการตัดสินใจ

ประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ

อีกมุมมองหนึ่งของ MIS

18 เม.ย.53 ประเด็นเรื่องระบบสารสนเทศ (Information System) ได้รับความสนใจจากหลายวงการ เพราะเป็นปัจจัยให้การปฏิบัติงานประสบความสำเร็จตามเป้าประสงค์ขององค์การ มีประเด็นที่ผมยังต้องศึกษาเรียนรู้และให้ความสนใจอีกมากมาย อาทิ ความหมายของไอที ไอเอส และเอ็มไอเอส แบบขององค์การ ระบบและกลไก กระบวนการตัดสินใจ ความจุของสื่อเก็บข้อมูล ปฏิบัติการของซอฟท์แวร์ ข้อดีของระบบฐานข้อมูล องค์ประกอบของการสื่อสาร ประเภทของรายงาน องค์ประกอบของเป้าประสงค์ ประเภทของความรู้ ปฏิบัติการเกี่ยวกับเอกสาร ส่วนประกอบของแผนธุรกิจ วงจรเอสดีแอลซี หลักในการพัฒนาระบบ การบริหารศูนย์สารสนเทศ แนวโน้มเกี่ยวกับระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมดล้วนเชื่อมโยงกับระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Management Information System)

วีดีโอคลิ๊ปหลักฐานจากผู้หวังดี (239)

16 เม.ย.53 พบข่าวเหตุการณ์วุ่นวายของบ้านเมืองทางทีวี มีฝ่ายหนึ่งเรียกว่าผู้ประท้วงที่เรียกร้องให้รัฐบาลคืนอำนาจให้ประชาชน อีกฝ่ายคือรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในการบริหารบ้านเมือง เหตุการณ์ทำนองนี้พบเห็นได้จากข่าวต่างประเทศ เพราะมิได้มีเพียงประเทศใดประเทศหนึ่งที่มีความขัดแย้งในเรื่องของอำนาจ การเอาแพ้เอาชนะด้วยการชุมนุมประท้วงมักใช้สิ่งที่เป็นสาธารณะมาเป็นตัวประกัน และปราศรัยขอความเห็นชอบจากประชาชนเพื่อใช้ต่อรองกับรัฐบาล เช่น ถนน สถานที่ราชการ สนามบิน หรือศูนย์ธุรกิจของประเทศ ในหลายประเทศใช้วิธีการสลายการชุมนุมหากการเรียกร้องนั้นไม่อาจหาข้อยุติร่วมได้ ซึ่งข้อเท็จจริงและการรับรู้ของประชาชนอาจคลาดเคลื่อนไปตามทัศนคติของผู้นำเสนอ เพราะเรื่องเดียวกันอาจมีความหมายแตกต่างเมื่อนำเสนอโดยรัฐบาลหรือผู้ประท้วง
     โลกของเรามีการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารที่ก้าวหน้าไประดับหนึ่ง ประชาชนที่มีกำลังซื้อมักมีโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือกล้องดิจิทอลติดตัวที่พร้อมถ่ายวีดีโอคลิ๊ป เมื่อมีเหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจของตน เช่น ความสุข ความแปลก ความวุ่นวาย เหตุจลาจล ทะเลาะวิวาท อุบัติเหตุ ผู้อยู่ในเหตุการณ์มักใช้อุปกรณ์บันทึกวีดีโอมาใช้บันทึกไว้ และส่งเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต เช่น youtube.com facebook.com หรือ 4shared.com ซึ่งผู้เยี่ยมชมวีดีโอสามารถคัดลอกเรื่องที่ตนสนใจไปเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์หรือนำไปเผยแพร่ต่อ
     สงครามสร้างความชอบธรรมหลังเหตุจลาจลของแต่ละฝ่าย เริ่มมีการใช้สื่อวีดีโอที่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ สิ่งที่ได้มาคือสื่อวีดีโอจากประชาชนที่ร่วมในเหตุการณ์ และนำมาใช้เป็นหลักฐานเล่าความจริงถึงสิ่งที่เกิดขึ้น การเผยแพร่วีดีโอมิได้ส่งให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ส่งเข้าเว็บไซต์เครือข่ายสังคมที่มีผู้ชมได้ทั่วโลก ผู้ชมสามารถคัดลอกไปเผยแพร่หรือตีความใหม่ได้ พบว่าเรื่องเดียวกันหากอธิบายโดยฝ่ายหนึ่งก็จะเป็นเรื่องหนึ่ง แต่อธิบายโดยอีกฝ่ายก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง การใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข่าวสารจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีฐานคิดบนความสมเหตุสมผล เพื่อให้ได้ความเข้าใจที่ตนเองยอมรับไปเป็นฐานคิดสำหรับกำหนดแนวปฏิบัติของตนให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขต่อไป

มือชา ปัญหาที่มีสาเหตุจากการไม่ดูแลสุขภาพ

14 เม.ย.53 อาการมือชาทั้งสองข้างชัดเจน เกิดขึ้นเมื่อวานเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน หรือที่ใครอาจเรียกว่าเหน็บชา เกิดขึ้นกับฝ่ามือทั้ง 2 ข้างนานหลายชั่วโมง ขณะพิมพ์งานก็ยังรู้สึกได้ ครั้งนี้บ่นให้ภรรยาฟัง เพราะเกรงว่าจะเป็นอย่างอื่น พฤติกรรมของผมในช่วงนี้คือ 1) ใช้มือยกแขนพิมพ์คอมพิวเตอร์จนดึกเกือบทุกวัน 2) เมื่อยไหล่ทั้งสองข้าง แต่ไม่รุนแรง ทนไปได้ในแต่ละวัน อย่างวันนี้ก็รู้สึก 3) บางวันต้องพัก เพราะเจ็บนิ้วชี้หรือนิ้วกลางที่ต้องใช้คลิ๊กเมาส์ 4) บางวันต้องพัก เพราะเจ็บอุ้งมือขวาจากการวางพื้นราบก่อนถึงเมาส์
      ค้นจากเน็ตพบว่า 1) อาการปวดและชาเกิดเนื่องจากมีความดันสูงในช่องอุโมงค์ที่เส้นประสาทลอดผ่านที่บริเวณฝ่ามือ เนื่องจากมีการอักเสบและการหนาตัวของเนื้อเยื่อพังผืดที่คลุมช่องอุโมงค์นี้เกิดการกดทับเส้นประสาท ในรายที่เป็นมากก็จะเกิดเนื้อเยื่อพังผืดบางๆ รัดเส้นประสาทอีกชั้นหนึ่ง ทำให้การรักษาด้วยยาไม่ได้ผล 2) ชามือ โดยส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาของระบบประสาทส่วนปลายถูกกดทับ ที่สามารถรักษาหายได้ และกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ มือและแขนของคนเรา มีระบบเส้นประสาทไปเลี้ยง ให้ความรู้สึก 3 เส้น คือ 2.1 ) เส้นประสาทมีเดียม ให้ความรู้สึกด้านฝ่ามือของนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และครึ่งหนึ่งของนิ้วนางที่อยู่ติดกับนิ้วกลาง 2.2 ) เส้นประสาทอัลนาร์ ให้ความรู้สึกมือ ด้านนิ้วก้อยและครึ่งหนึ่งของนิ้วนางที่ติดนิ้วก้อย 2.3 ) เส้นประสาทเรเดียน ให้ความรู้สึกหลังมือ ของนิ้วหัวแม่มือ ครึ่งหนึ่งของนิ้วนาง เมื่อมีอาการชามือ ลองสังเกตให้แน่ชัดว่าชาตรงไหน จะได้ช่วยแพทย์ให้การวินิจฉัยโรคได้ง่ายขึ้น ถ้าชาด้านฝ่ามือของนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง บางส่วนนิ้วนาง อาจจะเป็นนิ้วใดนิ้วหนึ่งหรือหลายนิ้ว เรียกว่า “พังผืดรัดเส้นประสาทที่ข้อมือ” หรือ “กลุ่มอาการเส้นประสาทถูกกดทับที่ข้อมือ”
     การปฏิบัติตนคือ รับประทานวิตามินบี 1, 6, 12 และบริหารร่างกายเป็นประจำ .. ในเวลาที่ยังเยียวยาได้ ผมคงต้องชะลอการใช้ร่างกายแบบไม่สมเหตุสมผลลงบ้างแล้ว จะได้มีไว้ใช้ตราบนานเท่านาน .. เผื่อว่าใครจะชวนให้มีชีวิตเป็นอมตะ ก็จะได้มีร่างที่เหมาะสม

ปรับความหนาแน่นของคำสำคัญ และสร้างโปรแกรมนับคำสำคัญ

keyword counting

14 เม.ย.53 ค้นคำว่า แลกเปลี่ยนเรียนรู้ พบว่า blog ของ thaiall.com อยู่อันดับที่ 8 ส่วนอันดับที่ 3 พบใน blogspot.com มีความหนาแน่นของคำสำคัญจำนวน 11 แต่เว็บเพจ thaiall.com/blog เคยมีเพียง 4 ถ้าทำงานตามหลัก seo ก็จะต้องเพิ่มความหนาแน่น แล้วผมก็เพิ่มเป็น 17 โดยปรับ code ของ wordpress ให้มี keywords และ description ซึ่งเขียนวิธีการไว้ที่ thaiall.com/wordpress ส่วนโปรแกรมนับ keyword ของฝรั่งมีปัญหาเรื่องภาษาไทย และ utf8 ทำให้ต้องเขียนโปรแกรม check keyword ใช้เองและเปิดบริการไว้ที่ thaiall.com/seo/checkkeyword.php
     สรุปว่าใช้เวลาพักหนึ่ง แกะเรื่อง utf8 กับ windows-874 หรือ tis-620 ส่วนการเพิ่มฟังก์ชันก็ต้องแกะ code เพิ่ม function ใน wordpress เพื่อเรียกใช้ the_tags ที่แสดงแบบมี link และ nonlink เพราะทุกหน้าจะมี tag เป็น keyword ของตนเองก็ต้องเรียกใช้ tag แบบ nonlink
+ http://www.thaiall.com/seo/checkkeyword.php
+ http://www.thaiall.com/wordpress

ความสำคัญของ keyword ในเว็บเพจตามหลัก seo

เปรียบเทียบ คำสำคัญใน truehits.net กับ google.com

13 เม.ย.53 ใช้บัญชีผู้ใช้ของ truehits.net เข้าระบบ แล้วคลิ๊กลิงค์ “เปรียบเทียบผลการค้นคีย์เวิร์ด (แสดงรายชื่อเว็บ) Click!!” ที่อยู่ใน Main Block ที่มุมบนขวาภายหลังเข้าสู่ระบบแล้ว ทดสอบดูข้อมูลของคำว่า “หางาน” จะไปพบจากเว็บไซต์ใดบ้าง ก็ได้ผลลัพธ์คือ 1) jobthai.com 2) jobth.com 3) jobbkk.com เมื่อนำคำว่า “หางาน” ไปค้นใน google.com ก็พบผลการสืบค้นมีความใกล้เคียงกับที่พบใน truehits.net จึงสรุปในเบื้องต้นได้ว่า การใส่คำสำคัญให้หนาแน่นเท่าใดจะสัมพันธ์กับผลการจัดอันดับที่ดีใน google.com ซึ่งเป็นเทคนิคหนึ่งของการทำ seo
     เว็บไซต์ต่างประเทศให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มีบริการสืบค้นตามคำสำคัญที่มีชื่อต่างกันไป (มีปัญหาภาษาไทย) เช่น Search Engine Position, Keyword Density Checker, Google adwords keyword tool, Spider Viewer, Keyword Density Analysis ซึ่งเครื่องมือทั้งหมดนี้จะช่วยสนับสนุนการเขียนเนื้อหา (content) ให้โดยใจ search engine ซึ่งเราก็รู้อยู่ว่า keyword สำคัญกับการทำ seo  ดังนั้นจะเขียนอย่างไรก็ต้องอยู่ในใจตลอดเวลาทั้งก่อนเขียน ขณะเขียน หลังจากเขียนร่าง และการปรับปรุงร่าง ก่อนเผยแพร่
+ http://www.webuildpages.com/seo-tools/keyword-density/
+ http://truehits.net/let/
+ http://www.iwebtool.com/search_engine_position
+ http://www.webconfs.com/keyword-density-checker.php
+ http://www.iwebtool.com/keyword_density
+ https://adwords.google.com/select/KeywordToolExternal
+ http://www.webuildpages.com/seo-tools/spider-test/
+ http://www.thaiall.com/article/promote.htm

อุปทานหมู่กับศรัทธาในศาสนาที่กำลังลดลง

11 เม.ย.53 ในขณะที่สารสนเทศเริ่มมีความชัดเจนเพิ่มขึ้น และสารสนเทศที่ไม่ถูกยอมรับก็เริ่มจะหายไป ความจริงเริ่มกระจ่างกว่าความเชื่อ ศรัทธาในสิ่งที่เราไม่รู้เริ่มลดลง ทุกอย่างต้องการถูกพิสูจน์ การโกงบ้านโกงเมืองเพิ่มขึ้นเพราะคนกลัวบาปกรรมลดลง .. ครั้งหนึ่งได้ข่าวว่าผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะเอาวัดเข้าห้างสรรพสินค้า เพราะเยาวชนเข้าห้างมากกว่าวัด แต่ก็หายไป .. ก็ให้ไปนึกถึงเรื่องของอุปทานหมู่ หรือการโน้มน้าวจิตใจในการประชุมใดใด ที่จิตใจของคนเราถูกควบคุมได้ ถ้ามีศรัทธา .. เชื่อว่าจิตใจของเด็กยุคใหม่คงจะยึดมั่นในความสมเหตุสมผลมากขึ้น เพราะเยาวชนในปัจจุบันเรียนหนังสือกันเป็นบ้าเป็นหลัง ทุกอย่างต้องพิสูจน์ได้ ต้องเป็นวิทยาศาสตร์ ต่างกับผู้ใหญ่ในปัจจุบันยังไปดูหมอ ยังเชื่อเรื่องดวงวันเกิด ยังเชื่อชีวิตหลังความตาย .. แต่เด็กสมัยนี้ไม่เข้าวัดก็เพราะไม่มีศรัทธา ประพฤติตัวเหลวแหลก เพราะไม่เชื่อในกฎแห่งกรรมและพ่อแม่ก็ไม่พาเข้าวัด .. สรุปว่าอุปทานหมู่เกิดจากศรัทธา แต่ในอนาคตศรัทธาของมนุษย์จะลดลงไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่มีอะไรมายึดเหนี่ยวจิตใจพวกเขาอีกแล้ว .. น่าเป็นห่วงนะครับ กับการดำเนินชีวิตของมนุษย์ที่ขาดศรัทธา
     อุปทานหมู่  (Collective Hysteria, Collective Obsessional Behavior, Mass Hysteria หรือ Mass Psychogenic Illness) เป็นปรากฏการณ์ทางจิตสังคมอย่างหนึ่ง มีลักษณะเป็นการแสดงออกอย่างเดียวกับโรคฮิสเตอเรียหรือโรคผีเข้า (อังกฤษ: Hysteria) แต่อุปาทานหมู่นั้นเป็นอาการสมดังชื่อ คือ เกิดขึ้นในคนหมู่ โดยมักมีสาเหตุจากการที่คนกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าตนกำลังประสบภาวะเจ็บป่วยหรืออาการอื่นอย่างเดียวกัน
     ปรากฏการณ์อุปาทานหมู่นั้นเกิดขึ้นเมื่อบุคคลหนึ่งเกิดป่วยหรือมีอาการของโรคฮิสเตอเรียอันเป็นผลมาจากภาวะเครียดและเมื่อผู้ป่วยคนนั้นเริ่มแสดงอาการ คนอื่นรอบข้างก็เริ่มแสดงอาการด้วย เพราะเชื่อว่าตัวเองก็ประสบภาวะอย่างเดียวกัน อาการที่แสดงเช่นว่ามักได้แก่ อาการคลื่นไส้ (Nausea), อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscle Weakness) การชัก (Fit) หรืออาการปวดศีรษะ (Headache)
     อุปาทานหมู่มีลักษณะเด่น ตรงที่ไม่อาจหาสาเหตุแน่ชัดได้ อาการที่เกิดก็มักมีความคลุมเครือ แต่มักเชื่อกันว่ามีสาเหตุมาจากอำนาจเหนือธรรมชาติหรือเป็นทางทางศาสนา โดยว่ากันทางประชากรศาสตร์ อุปาทานหมู่เกิดมากในเพศเมียและในหมู่ผู้ที่รับบริการทางการแพทย์บ่อย ๆ คือพวกที่รับประทานยาหรือใช้ยามาก ๆ เป็นต้น
     อาการตื่นตระหนกทางใจ (Moral Panic) มีอาการแสดงคล้ายกับอุปาทานหมู่มาก อย่างไรก็ตาม เจอโรม คลาร์ก (Jerome Clark) นักวิจัยเรื่องเหลือเชื่อและจานผี ชาวอเมริกัน กล่าวว่า อุปาทานหมู่เป็นคำอธิบายอันไร้มูลฐานเมื่อเจ้าหน้าที่หรือผู้เชี่ยวชาญไม่อาจหาคำอธิบายได้สำหรับกรณีอันยุ่งเหยิงหรือน่าตระหนกใจ 
กรณี 1 อุปทานจากละคร
เป็นละครน้ำเน่าเกี่ยวกับชีวิตของเด็กในวัยทีนที่ได้รับความนิยมสูงมากในประเทศตุรกี โดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่นที่พากันติดงอมแงม – เดือนพฤษภาคม ปี 2006 โรคระบาดที่มีชื่อว่า ‘Morangos com Acucar virus’ เกิดขึ้นครั้งแรกในโรงเรียน 14 แห่ง นักเรียนมากกว่า 300 คน เกิดอาการประหลาด ซึ่งคล้ายคลึงกับอาการของตัวละครหนึ่งในละคร อาการดังกล่าวได้แก่ ผื่นขึ้น หายใจลำบาก วิงเวียนศีรษะ รุนแรงถึงขนาดบางโรงเรียนต้องปิดลง หน่วยสาธารณสุขได้ออกมาตรวจสอบและสรุปว่าเป็นปรากฏการณ์อุปทานหมู่ ซึ่งเกิดจากละคร บรรดาผู้ปกครองต่างพากันวิตกกังวล เพราะละครน้ำเน่าดังกล่าวไม่ได้ฉายทางทีวีอย่างเดียว มันยังตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในหนังสือพิมพ์และนิตยสารอีกด้วย
กรณี 2 อุปทานหมู่นร.อาชีวะตรัง
นร.อาชีวะตรังปี 2 นับร้อยคนเกิดอาการร้องไห้กรีดร้องเสียงดังสนั่นโรงเรียนลักษณะคล้ายร่างทรงบางรายพูดเป็นภาษาจีนก่อนจะวิ่งออกมาที่ศาลพระภูมิ โดยมีครูสวดมนต์ผ่านเครื่องขยายเสียงหวังให้สถานการณ์ผ่อนคลาย ผู้ปกครองแห่งรับกลับบ้านยันปี 2549 เคยเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกันมากแล้ว ครูใหญ่เมินส่งรักษาโรงพยาบาลอ้างไม่ใช้เหตุร้ายแรง
+ http://lonesomebabe.spaces.live.com/blog/cns!B3DBC94207C84DE2!1755.entry
+ http://news.sanook.com/social/social_274960.php
+ http://www.trangzone.com/webboard_show.php?ID=3768
+ http://www.youtube.com/watch?v=DhNe7p-APp8
+ http://www.youtube.com/watch?v=TCH4aG_A5-Y