ผู้เสียชีวิต 19 ราย บาดเจ็บ 834 ราย จากเหตุเสื้อแดงปะทะทหาร

สั่งปิด 36 เว็บไซต์

ข่าว ณ วันที่ 11 เม.ย.53 ศูนย์ เอราวัณ รายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุม็อบเสื้อแดงปะทะทหาร มีผู้เสียชีวิต 19 ราย เป็น พลเรือน 15 ราย ทหาร  4 นาย ในจำนวนนี้ เป็นนายทหารยศ พ.อ.สังกัด กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ เสียชีวิตเนื่องจากถูกยิงที่ศีรษะ…
     ด้านศูนย์เอราวัณ รายงานจำนวนผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่ทหารเข้าผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุม ณ บริเวณ ถ.ราชดำเนิน สรุปจำนวนผู้บาดเจ็บเบื้องต้น 834 ราย นำส่งโรงพยาบาล รพ.วชิระ 160 ราย  รพ.มิชชั่น 6 ราย  รพ.พระมงกุฎฯ 215 ราย รพ.กลาง 146 ราย รพ.รามาฯ  51 ราย รพ.หัวเฉียว 59  ราย รพ.ศิริราช 34 ราย รพ.ตำรวจ 18 ราย  รพ.จุฬาฯ 6 ราย รพ.ตากสิน 62 ราย รพ.เลิดสิน 8 ราย รพ.เจ้าพระยา 4 ราย รพ.ราชวิถี 8 ราย รพ.เจริญกรุงฯ  18 ราย  รพ.พระปิ่นเกล้า 39 ราย
     ส่วนผู้เสียชีวิตมีทั้งสิ้น 19 ราย ประกอบด้วย พลเรือน 15 คน ประกอบด้วย 1) นาย อําพล ตติยรัตน์ 2) นายยุทธนา ทองเจริญพลพร 3) นายไพศล ทิพย์ลม 4) นายสวาท วางาม 5) Mr.Hiroyuki Muramoto 6) นายธวัฒนะชัย กลัดสุข 7) นายทศชัย เมฆงามฟ้า 8 ) นายจรูญ ฉายแม้น 9) นายวสันต์ ภู่ทอง 10) นางคะนึง ฉัตรเท 11) นายเกรียงไกร คําน้อย 12) นายบุญธรรม ทองผุย 13) นายสมศักดิ์ แก้วสาน 14) นายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ 15) ชายไทยไม่ทราบชื่อ ส่วนทหาร 4 นาย ประกอบด้วย 16) พลฯ ภูริวัฒน์ ประพันธ์  17) พลฯอนุพงษ์ เมืองรําพัน  18) พลฯสิงหา อ่อนทรง  19) พ.อ.ร่มเกล้า ชุวธรรม
     เมื่อวันที่ 9 เม.ย.53 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน  ว่า องค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน ออกแถลงการณ์ประณามการปิดกั้นสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีเพิลแชนแนลและเว็บไซต์ 36 เว็บไซต์ของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยระบุว่า “เป็นเรื่องน่าตำหนิที่ทางการใช้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีจุดประสงค์เพื่อปิดกั้นสื่อมวลชนที่ทั้งเป็นกลางและสื่อที่มีความเห็นไปในทางเดียวกับฝ่ายค้าน
     เมื่อวันที่ 7 เม.ย.53 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ได้ลงนามสั่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร ให้ปิด 36 เว็บไซต์ ซึ่งเป็นสื่อของกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงหรือนปช. หลังจากสั่งปิดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีเพิลแชนแนลไปก่อนหน้านี้ โดยให้เหตุผลว่ามีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคง เช่น prachatai.com redshirttv.com newskythailand.com d-dek.org
+ http://news.siamtrue.com/view/newshot.3271 รายชื่อผู้เสียชีวิต
+ http://hilight.kapook.com/view/47657 มีรายชื่อเว็บไซต์
+ http://www.blognone.com/node/15799 มีรายชื่อเว็บไซต์
+ http://talk.mthai.com/topic/104430
+ http://www.khanpak.com/front-news/news-view.php?id=804
+ http://www.fwdder.com/topic/235394
+ http://news.mthai.com/breaking-news/72978.html

รายงานการประชุมวิเคราะห์ความรู้จากอาจารย์แต่ละคน

การวิเคราะห์ความรู้

11 เม.ย.53 มีโอกาสทำรายงานการประชุมตามแผนการจัดการความรู้ (KM : Knowledge Management) กิจกรรมวิเคราะห์ความรู้จากอาจารย์แต่ละคน เรื่องการพัฒนาการเรียนการสอนให้มีคุณภาพ หลายท่านขอสงวนนามไว้ แต่มีรายละเอียดชวนให้เรียนรู้ เป็นแนวคิดของแต่ละคน ที่มีความมุ่งมั่นพัฒนาการเรียนการสอน ดังนี้
     1) อ.อติบุ๋ม  ให้รายละเอียดว่ามีประเด็นความรู้จากกิจกรรมแสวงหาความรู้หลายประเด็นพอสรุปได้ คือ 1) คะแนนพัฒนาการ 2) เทคนิคการสอน 11 ประเด็น 3) แฟ้มเค้าโครงรายวิชาและแบบสอบ ซึ่งวันนี้จะมีท่านใดให้รายละเอียดเพิ่มเติมก็ยินดีรับฟัง ขอย้ำว่ากิจกรรมครั้งนี้คือการนำประเด็นที่ได้มาแยกให้เห็นรายละเอียดและประเด็นสำคัญที่นำไปสู่การพัฒนาการเรียนการสอน
     2) อ.ศศิแนน ให้ความคิดเห็นว่าเหตุผลที่ต้องมีการพัฒนาการเรียนการสอนคือ เป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญของสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ต้องดำเนินการ และสัมพันธ์กับการประกันคุณภาพอย่างที่แยกกันไม่ได้ ซึ่งการได้มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการเรียนการสอนจะสนับสนุนให้เกิดบทเรียนร่วมกันและนำเทคนิคที่ได้พูดคุยกันไปใช้พัฒนาการสอนในวิชาหรือกิจกรรมที่ตนรับผิดชอบ รวมถึงการสนับสนุนให้เกิดการบูรณาการการสอน การวิจัย และการบริการวิชาการ ที่จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกิจกรรมการเรียนการสอน และส่งผลสุดท้ายต่อการได้บัณฑิตที่มีคุณภาพ จากกระบวนการที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยหวังใจว่าเราจะไปถึงจุดนั้น
     3) อ.วิบุญ ให้ความคิดเห็นว่าการให้ความสำคัญกับนักศึกษานั้นต้องมีกระบวนการรองรับที่เป็นรูปธรรม มีระบบ กลไก แผนงาน ซึ่งปกติการพัฒนาการเรียนการสอนต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาการให้คำปรึกษาของอาจารย์ที่ปรึกษา ต้องมีคู่มือให้คำปรึกษา มีการรายงานผลการให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคล และจัดทำสรุปสิ้นภาคเรียนหรือสิ้นปีการศึกษาสำหรับภาพรวมของการให้คำปรึกษา แล้วประชุมสรุปงานอาจารย์ที่ปรึกษาสิ้นปีเพื่อทบทวนคู่มือ ระบบ กลไก และพัฒนาการให้คำปรึกษาให้ครอบคลุมทั้งวิชาการ วิชาชีวิต การนำปัญหามาแลกเปลี่ยน หาทางออก วิเคราะห์ความเสี่ยง และพัฒนาข้อมูลที่จะนำไปใช้จัดทำแผนปฏิบัติการ หรือแผนกลยุทธ์ ทั้งหมดนี้สอดรับกับระบบ PDCA ที่ต้องดำเนินการไปพร้อมกับการพัฒนาการเรียนการสอน ดังคำที่ว่าถ้านักศึกษาไม่พร้อมจะเรียน แล้วอาจารย์จะจัดการเรียนการสอนอย่างมีคุณภาพได้อย่างไร
     4) อ.ทนงเมือง ให้ความคิดเห็นว่าเทคนิคที่ใช้ในการเรียนการสอนนั้นมีหลายวิธี โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า การอภิปรายกลุ่มย่อย (Small – Group Discussion) เป็นวิธีที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกวิชา เพราะทำให้นักศึกษาได้ฝึกการเป็นคนใจกว้างที่ให้ข้อมูลแก่เพื่อนร่วมทีมยอมรับฟังความคิดเห็นของกันและกัน หาวิธีแก้ปัญหาร่วมกันเชิงบูรณาการ ไม่ใช่การโยนหน้าที่ให้กันหรือเกี่ยงกันรับผิดชอบแต่เป็นการรับผิดชอบร่วมกัน การฝึกแบบนี้จะทำให้นักศึกษารู้จักประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อแก้ปัญหาที่จำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วม ทำให้การยึดมั่นถือมั่นว่าตนเองถูกเสมอเบาบางลงได้ เทคนิคนี้ทำให้ต้องมีระบบและกลไกเกิดกระบวนการแบ่งภาระหน้าที่ให้แก่คนในทีม เช่น ประธาน และเลขานุการของกลุ่ม ที่ต้องคอยประสาน คอยกำกับดูแล ส่วนสมาชิกก็ต้องเรียนรู้การเป็นผู้ตามที่ดี เพื่อให้เป้าหมายของกลุ่มสำเร็จลุล่วง
     5) อ.เกศลา เห็นด้วยกับแนวความคิดของอาจารย์ทนงศักดิ์ เมืองฝั้น แต่ในเวลาที่จำกัดของการประชุม ขอเสนอให้ทุกวิชาเพิ่มเทคนิคการใช้ กรณีศึกษา (Case Studies) เพราะทำให้นักศึกษาได้เห็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง และทราบว่าหลายวิชาก็ใช้เทคนิคนี้ เช่น วิชากฎหมาย วิชาสถิติ วิชาการโปรแกรม ส่วนวิชาอีคอมเมอร์ซที่สอนอยู่ก็มีกรณีศึกษาให้นักศึกษาได้เรียนรู้มากมาย และใช้สอบนักศึกษา ส่วนวิชาโครงงานก็ต้องใช้กรณีศึกษาในภาคธุรกิจ ที่ปัจจุบันนักศึกษาต้องเข้าศึกษาการกระบวนการทำงานของธุรกิจที่ตนสนใจเฉพาะบุคคล ช่วยให้นักศึกษาได้เข้าใจการทำงานของภาคธุรกิจก่อนสำเร็จการศึกษา เมื่อไปสมัครงานก็จะทำให้ได้งานง่ายขึ้น เพราะมีประสบการณ์มาแล้วระดับหนึ่ง
     6) อ.บุพันธุ์ เสริมว่าหลายวิชาก็ยังใช้เทคนิคการเรียนแบบแก้ปัญหา (Problem-solving) ด้วยการที่อาจารย์กำหนดปัญหาขึ้นมา แล้วให้นักศึกษาฝึกแก้ปัญหาในชั้นเรียน บางวิชาอาจเปิดให้นักศึกษาเป็นผู้ตั้งโจทย์แล้วเพื่อนในชั้นเรียนร่วมกันแก้ไข หากมีข้อสงสัยอาจารย์ก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือ ไม่ปล่อยให้นักศึกษาออกไปนอกห้องเรียนแล้วไปพูดว่าอาจารย์ลอยแพ อมภูมิ ไม่รู้เรื่อง หรือไม่เต็มใจสอน การเปิดให้นักศึกษาตั้งโจทย์อาจเป็นเทคนิคที่ต้องมีการควบคุมใกล้ชิด ซึ่งเป็นเทคนิคส่งเสริมการเรียนรู้ที่มีประสิทธิผลอย่างมาก การเรียนการสอนในปัจจุบันต้องไม่น่าเบื่อเหมือนในอดีตที่อาจารย์ทำหน้าที่บรรยายอยู่หน้าชั้นเพียงอย่างเดียว ถึงเวลาสอบก็ให้นักศึกษาไปเดาข้อสอบกันเองอย่างนี้ไม่ควรเกิดขึ้น
     7) อ.แตบุตร เพิ่มประเด็นว่าการสอนนักศึกษาต้องเปลี่ยนไปจากในอดีต อาจารย์จะสั่งงานและทำตัวเป็นผู้มีอำนาจเหนือนักศึกษาไม่ได้แล้ว เพราะคำสั่งหรือสั่งแบบไม่เข้าใจธรรมชาติของนักศึกษา อาจทำให้นักศึกษาไม่พอใจ ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิผลของการเรียนการสอนในชั้นเรียนได้ หากอาจารย์สอนด้วยความรักความเข้าใจ รู้จักใช้กัลยาณมิตรด้วยความบริสุทธิ์ใจ นักศึกษาก็จะมีความสนใจ และไม่เกิดแรงต้านที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่จากผู้ที่พวกเขาเรียกว่าอาจารย์ แต่ถ้าลูกศิษย์ตั้งฉายาอาจารย์ว่าพ่อมด หรือแม่มด ก็คงเป็นอุปสรรค์ในการเรียนรู้อย่างแน่นอน ซึ่งอาจารย์ต้องรู้สึกว่านั้นคือความรับผิดชอบที่จะต้องดำเนินการแก้ไขทั้งตนเอง และลูกศิษย์ไปพร้อมกัน

โจทย์ ครน และ หรม สำหรับเด็กประถม

คณิตศาสตร์ เรื่อง ครน แล หรม

11 เม.ย.53 การสร้างโจทย์คณิตศาสตร์เรื่อง ครน คูณร่วมน้อย หรือ หรม หารร่วมมาก สามารถใช้โปรแกรม Microsoft Excel สร้างได้ง่าย โดย หรม คือ การหาตัวเลขที่มากที่สุดที่หารตัวเลขทุกตัวที่ตั้งไว้ได้ เช่น เลขที่ตั้งไว้คือ 8,  100, 12, 20 ดังนั้น หรม ของเลขที่ตั้งไว้ คือ 4 เพราะเป็นเลขที่มากที่สุดที่หารตัวเลขที่ตั้งไว้ได้ทุกตัว ส่วน ครน คือ การหาตัวเลขที่น้อยที่สุดที่เลขที่ตั้งไว้ไปคูณร่วมกันได้ลงตัว เช่น เลขที่ตั้งไว้คือ 8,  100, 12, 20 ดังนั้น ครน ของเลขที่ตั้งไว้ คือ 600 เกิดจาก 4 * 5 * 2 * 5 * 3 * 1
     วิธีหาค่าของ ครน และ หรม ใช้การหารสั้น แล้วเอาผลหารที่หารทุกตัวได้ลงตัวมาคูณกัน ก็จะได้ หรม แต่ถ้าตัวหารที่หารบางตัวได้ก็จะนำมาใช้ประกอบการหา ครน ดังนั้น หรม ก็จะมีเพียงเลข 4 ตัวเดียว อยากให้ลองหา ครน ของ 8,  100, 12, 20 ก็จะเข้าใจครับ
+ http://www.thaiall.com/girl/multiply.xls

แบ่งปันเนื้อหาแบบทวีคูณ (238)

แนะนำ facebook

8 เม.ย.53 สังคมแห่งการสื่อสารในยุคโลกไร้พรมแดนมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา อินเทอร์เน็ตกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้การสื่อสารระหว่างบุคคลในต่างดินแดนสามารถสื่อสารกันได้เสมือนอยู่ในห้องเดียวกัน มีการพัฒนาการสื่อสารที่เป็นรูปธรรมทั้งเว็บบอร์ด บล็อก และเครือข่ายสังคม มนุษย์ยุคไอทีสามารถมีเพื่อนใหม่และกลายเป็นเพื่อนกันด้วยสัมผัสเพียงหนึ่งคลิ๊ก หากมีคนกล่าวว่าคลิ๊กเดียวก็เป็นเพื่อนกันได้เมื่อสิบห้าปีก่อน ผู้เขียนก็คงไม่คิดว่าเรื่องแบบนั้นจะเป็นจริง แต่ปัจจุบันมีบริการเครือข่ายสังคมที่เริ่มมีแนวโน้มผูกขาดการเป็นศูนย์บริการที่ได้รับความนิยม เช่น Facebook.com และ Twitter.com
     ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เครือข่ายสังคมอย่าง facebook.com เป็นที่นิยมคือ ยอมรับการแบ่งปันหัวข้อหรือบันทึก (Share Title) ซึ่งบันทึกนั้นอาจมาจากเว็บไซต์ใดใด เช่น cnn.com หรือ sanook.com หรือ thaiall.com ซึ่งเจ้าของบัญชีเครือข่ายสังคมสามารถดำเนินการด้วยเครื่องมือของ Toolbar ที่ติดตั้งเพิ่มเติมเพื่อส่งข้อมูลจากทุกเว็บไซต์ได้ไปยังเว็บไซต์เครือข่ายสังคมได้ หรือคลิ๊กผ่านไอคอนในเว็บไซต์ข่าว ซึ่งผู้เป็นเจ้าของเว็บไซต์ข่าวสามารถสร้างไอคอนให้ผู้ชมสามารถคลิ๊กเพื่อส่งบันทึกหรือข่าวไปเผยแพร่ในเว็บไซต์เครือข่ายสังคมเป็นการเปิดช่องทางให้เพื่อนของผู้ชมได้อ่านหัวข้อที่แนะนำ หากสนใจในรายละเอียดก็จะคลิ๊กเพื่อเปิดอ่านเนื้อหาต้นฉบับเต็มในเว็บไซต์ข่าวได้ ดังนั้นการเขียนข่าวเพียงหนึ่งครั้งแต่ส่งไปเผยแพร่ใน 3 เว็บไซต์เครือข่ายสังคม อาจมีผู้ชมเพิ่มจากเดิมถึง 3 เท่า และอาจเพิ่มขึ้นอีกหากมีผู้ชมที่สนใจแล้วเผยแพร่หัวข้อเพิ่มขึ้น
     เว็บไซต์ addthis.com ให้บริการส่งหัวข้อไปยังเว็บไซต์เครือข่ายสังคมที่เปิดรับการแชร์เนื้อหาหรือหัวข้อ เช่น facebook.com myspace.com twitter.com blogger.com ถ้าจะใช้บริการก็เพียงแต่นำรหัสที่ได้จาก addthis.com ไปวางไว้ในเว็บไซต์ของตน เมื่อเพื่อนหรือผู้ชมเข้ามาอ่านบันทึกหรือข่าวแล้วสนใจก็จะคลิ๊กเพื่อส่งหัวข้อไปเผยแพร่ยังเว็บไซต์เครือข่ายของผู้ชม เมื่อเพื่อนของผู้ชมเข้าไปที่เว็บไซต์เครือข่ายสังคมก็จะได้พบกับหัวข้อข่าว หากสนใจก็จะคลิ๊กกลับมาอ่านรายละเอียด ซึ่งวิธีนี้เริ่มได้รับความนิยม เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการแบ่งปันเนื้อหา ดำเนินการง่าย และมีประสิทธิภาพในการให้สารสนเทศแก่กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ในภาคธุรกิจเริ่มใช้เทคนิคนี้เข้ามาเป็นกลยุทธ์ในการทำตลาดเพื่อสร้างภาพลักษณ์ หรือขยายช่องทางในการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น

PHP Code เพื่อ share title จาก wordpress ไปยัง facebook และ twitter

facebook.com และ twitter.com

6 เม.ย.53 การเขียนบล็อกใน wordpress แล้วต้องการเผยแพร่ไปยัง facebook.com หรือ twitter.com เป็นเทคนิคที่สนับสนุนการทำ seo ที่สำคัญอีกวิธีหนึ่ง ผู้เป็นเจ้าของบล็อกสามารถวาง PHP Code ไว้ในเว็บเพจของตน สำหรับเว็บบล็อกของผมวางไว้ใน footer.php เพื่อให้ผู้เข้ามาสืบค้นข้อมูลสามารถส่งไปยัง facebook หรือ twitter ของเขาได้ ซึ่งผมเองก็ใช้บริการนี้ส่งไปยัง facebook ของผมครับ โดยมี code ดังนี้

<a href=”http://www.facebook.com/share.php?u=<?=urlencode(“http://www.thaiall.com” . $_SERVER[“REQUEST_URI”]);?>”> facebook </a>
<a href=”http://twitter.com/home?status=<?php urlencode(wp_title(‘«’, true, ‘right’)); ?><?=urlencode(“http://www.thaiall.com” . $_SERVER[“REQUEST_URI”]);?>”> twitter </a>

รายงานการประชุมแสวงหาความรู้จากอาจารย์แต่ละคน

ทัศนะของรุ่นพี่ ที่ฉายภาพในคณะวิทย์

6 เม.ย.53 มีโอกาสทำรายงานการประชุมตามแผนการจัดการความรู้ (KM : Knowledge Management) ของอาจารย์กลุ่มหนึ่ง เรื่องการพัฒนาการเรียนการสอนให้มีคุณภาพ หลายท่านขอสงวนนามไว้ แต่มีรายละเอียดชวนให้เรียนรู้ เป็นแนวคิดของแต่ละคน ที่มีความมุ่งมั่นพัฒนาการเรียนการสอน ดังนี้
     1) อ.อติบุ๋มให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดการความรู้ (Knowledge Management) ในฐานะที่เป็นผู้มีประสบการณ์ตรงในด้านนี้ว่า ในการพัฒนาสู่การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ที่มีบรรยากาศในการเรียนรู้ในระดับบุคคลและกลุ่มบุคคล จำเป็นต้องมีการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และสามารถประมวลผลความรู้ในแต่ละด้าน เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว เหมาะสมกับสถานการณ์ รวมทั้งการแสวงหา แลกเปลี่ยน และพัฒนาความรู้ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและการปฏิบัติงาน อันเป็นผลมาจากความรู้ใหม่ อันจะนำไปสู่การสร้างบุคลากรที่มีประสิทธิภาพและเกิดการเรียนรู้ร่วมกัน
      2) อ.ศศิแนนให้ความคิดเห็นว่าการพัฒนาการเรียนการสอนนั้นมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องมากมาย ทั้งบุคลากร นักศึกษา อาจารย์ สิ่งอำนวยความสะดวก สภาพแวดล้อม กระบวนการจัดการเรียนการสอน การดูแลเอาใจใส่ แหล่งค้นคว้า ทัศนคติ เป้าหมายที่ต้องเป็นไปในทางเดียวกัน เสริมซึ่งกันและกัน จึงจะทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิผล โดยเฉพาะการให้คะแนนนั้นต้องเป็นไปในทางเดียวกันคือมีคะแนนพัฒนาการวิชาละ 5 คะแนน เพื่อวัดพัฒนาการหรือความก้าวหน้าในการเรียนรายบุคคล จากประสบการณ์ใช้วิธีบันทึกว่านักศึกษาแต่ละคนก่อนเรียนเป็นอย่างไร เมื่อให้งานแล้วผลการเรียน หรือผลสอบพัฒนาขึ้นมากน้อยเพียงไร ก็จะใช้เป็นเกณฑ์ในการให้คะแนนพัฒนาการ
     3) อ.วิบุญให้ความคิดเห็นว่าอาจารย์จำเป็นต้องเห็นนักศึกษาคือลูก ต้องทำตัวเป็นพ่อผู้ให้ความรักอย่างเอื้ออาทร และแสดงออกให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ เพราะทุกคนมีคุณค่า หากเริ่มต้นด้วยจิตใจที่ดีแล้ว ทุกอย่างก็จะดีงามเป็นเงาตามตัว ขอให้ทุกคนคิดดีด้วยจิตใจที่งามเห็นนักศึกษาเป็นลูกหลาน แล้วการให้คำปรึกษา การสอน หรือการปฏิบัติตนต่อนักศึกษาก็จะเป็นไปในแบบกัลยาณมิตร นักศึกษาก็จะเข้าเรียนอย่างมีความสุขกับพ่อพระที่ทำหน้าที่อบรมสั่งสอน ชี้แนะลูกทุกคน อย่างมีความสุขด้วยความเท่าเทียม การจัดการความรู้เป็นสิ่งที่ดีทำให้ทุกคนได้มาประชุมร่วมกันหากมีสิ่งดี ๆ ก็จะได้นำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบนี้อีก ทำให้เกิดกำลังใจหนุ่นเสริมให้การทำงานเป็นไปอย่างมีความสุข และไม่รู้สึกว่าทำงานอีกต่อไป แต่รู้สึกว่าเป็นการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและเป็นสุขอยู่ตลอดเวลา
     4) อ.ทนงเมืองให้ความคิดเห็นว่าการพัฒนาการเรียนการสอนต้องมีเทคนิควิธีในการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน ซึ่งต้องบูรณาการเทคนิคเข้ากับวิชาที่ตนสอน โดยมีประเด็นนำเสนอทั้งหมด 5 ประเด็น คือ 1) การอภิปรายกลุ่มใหญ่ (Whole – Class Discussion) 2) การอภิปรายกลุ่มย่อย (Small – Group Discussion) 3) การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Participatory Learning) 4) สถานการณ์จำลอง (Simulation) 5) ละคร (Dramatization) นำเสนอประสบการณ์ว่าได้จัดกิจกรรมกลุ่มที่เปิดให้นักศึกษารวมกันเป็นกลุ่มเล็ก แบ่งหน้าที่กันทำงาน เรียนรู้ที่จะทำงานอย่างบูรณาการ รู้หน้าที่ของกันและกัน จำลองเหตุการณ์เพื่อแก้ปัญหา เช่นวิชาด้านความปลอดภัยที่เปิดให้ค้นคว้า แบ่งกันหาข้อมูล นำมาแลกเปลี่ยนและสรุปร่วมกัน และนำเสนออย่างรู้หน้าที่ร่วมกัน
     5) อ.เกศลาเห็นพร้องกับ อ.ทนงเมือง และเสนอประเด็นหรือเทคนิคที่สามารถนำไปใช้ในชั้นเรียนอีก 6 ประเด็นคือ 1) กระบวนการสืบค้น (Inquiry Process) 2) การตั้งคำถาม (Questioning) 3) การศึกษาเป็นรายบุคคล (Individual Study) 4) การจัดการเรียนการสอนที่ใช้เทคโนโลยี (Technology – Related Instruction) 5) การฝึกปฏิบัติการ (Practice) 6) กรณีศึกษา (Case Studies) ตัวอย่างเช่นวิชาคอมพิวเตอร์เบื้องต้นที่ให้นักศึกษาทำโครงงานประจำวิชา ได้สืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ตั้งโจทย์ด้วยตนเองที่ต้องนำเสนอหน้าชั้นเรียนเป็นรายบุคคล ฝึกปฏิบัติสร้างภาพยนต์ด้วยโปรแกรม Flash หรือเรียนรู้จากกรณีศึกษา และวิเคราะห์ร่วมกัน ซึ่งถูกใช้ในหลายวิชา และสอดแทรกไปอยู่เสมอ การใช้เทคนิคเหล่านี้เป็นไปโดยธรรมชาติ การได้นำเสนอให้เกิดการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้รู้สึกดี และเสนอให้จัดขึ้นบ่อย ๆ เพราะถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นในชั้นเรียนก็จะได้นำมาแลกเปลี่ยนร่วมกันได้
     6) อ.บุพันธุ์ เสริมว่ายังมีอีก 2 ประเด็นคือ การเรียนแบบค้นพบ   (Discovery Learning) และ  การเรียนแบบแก้ปัญหา (Problem-solving) ตัวอย่างเช่นวิชาการโปรแกรมจาวาที่ให้นักศึกษาเรียนการใช้ฟังก์ชัน และสร้างฟังก์ชันขึ้นใช้เอง เพื่อใช้สำหรับแก้ปัญหาที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีรหัสต้นฉบับให้กับนักศึกษาและให้นักศึกษาค้นหาว่ารหัสต้นฉบับที่ให้นั้นมีคำสั่งใด รูปแบบ หรือผลลัพธ์ผิดพลาดอย่างไร ถ้าพบปัญหาแล้วจะต้องแก้ไขอย่างไร
     7) นางสาวพัชวรรณ เสริมว่าแผนการสอน หรือเอกสารประกอบการสอนขออาจารย์ทุกท่านสามารถขอดูได้ที่เลขานุการเพื่อนำไปเรียนรู้ หรือเป็นบทเรียนในการพัฒนาการเรียนการสอนภายในคณะ ปัจจุบันคณะมีคลังแผนการสอนที่สั่งสมมาหลายปีหากมีการนำไปใช้อย่างเป็นรูปธรรมก็จะเกิดประโยชน์ได้

ร่าง แผนที่ยุทธศาสตร์ ปีการศึกษา 2553

strategy map ยกร่างโดย อ.ทันฉลอง รุ่งวิทู

5 เม.ย.53 แผนที่ยุทธศาสตร์ (Strategy Map) คือ แผนภาพที่จะใช้แสดงทิศทาง การเชื่อมโยงแต่ละเป้าหมายขององค์กรและการพัฒนาในแต่ละด้านอย่างเป็นรูปธรรม  เป็นเครื่องมือสื่อสาร และถ่ายทอดกลยุทธ์ไปสู่คนในองค์กรให้มีเข้าใจชัดเจน ตรงกัน และเป็นรูปธรรม
     เมื่อวันที่ 2 เม.ย.53 อ.ทันฉลอง รุ่งวิทู เป็นผู้ยกร่าง Strategy map ของมหาวิทยาลัยโยนกและจัดอบรมการเขียนแผนปฏิบัติการ โดยแผนที่ยุทธศาสตร์นี้แบ่งยุทธศาสตร์เป็น 2 กรอบคือ กรอบยุทธศาสตร์ตามพันธกิจ และกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาองค์การ โดยเชื่อมโยงกับมิติ 4 ด้านคือ 1) การพัฒนาบุคลากร 2) การบริหารจัดการ 3) คุณภาพการให้บริการ 4) ประสิทธิผลตามพันธกิจ ซึ่งสอดรับกับที่ไปอ่านพบว่า Professor  Robert  Kaplan และ Dr.David Norton ได้เสนอในวารสาร Harvard Business Review  ปี 1992 ว่าการประเมินองค์การควรมี 4 ด้านคือ 1) มิติด้านการเงิน (Financial Perspective) 2) มิติด้านลูกค้า (Customer Perspective) 3) มิติด้านกระบวนการภายใน (Internal Process Perspective) 4) มิติด้านการเรียนรู้และการพัฒนา (Learning and Growth Perspective)
+ http://www.thaiall.com/swot
+ http://www.naewna.com/news.asp?ID=86939 (ประวัติ อ.ทันฉลอง รุ่งวิทู)

แผนที่ยุทธศาสตร์ (Strategy map)

เอาอนาคตของประเทศมาเป็นตัวประกัน .. มักสำเร็จ

5 เม.ย.53 ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีใครหาอะไรมาเป็นตัวประกันเพื่อต่อรองให้ได้สิ่งที่ต้องการ ตัวอย่างมีให้เห็นบ่อยมากในประเทศไทย แม้ในองค์กรบางแห่งก็มีอยู่เสมอ ที่ขาดความรู้สึกเป็นเจ้าของในองค์กรของตน เช่น 1) การบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ 2) การบอกว่าคนนั้นก็ยังไม่ทำจึงเป็นความชอบธรรมที่ตนไม่ทำบ้าง 3) การบอกว่าไม่ใช่เรื่องของเรา 4) การบอกว่าอย่าไปช่วยใครให้เห็นแก่ตัวไว้ก่อน 5) การบอกว่าก็เขาไม่มาบอก 6) การบอกว่ายังไม่ถึงเวลา 7) การบอกว่าอย่าไปยุ่ง 8 ) การบอกว่าเขาทำมาอย่างนั้นจงทำต่อไปทำเหมือนกันไปดีเอง .. คงเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่กลายพันธุ์มาจากลิงได้ไม่นาน คนบางคนจึงพัฒนาไปได้ไม่ไกลนัก มองไปไม่พ้นเงาตนเองสักที ดังนั้นเราจึงเห็นคนที่มีการศึกษา แต่จิตใจไม่พัฒนา บางคนจิตใจดีงามแต่ขาดการศึกษาเป็นฐานความรู้ที่ใช้ประกอบการตัดสินใจอย่างสมเหตุสมผล คนบางคนถูกความโลภ โกรธ หลง ชี้นำพฤติกรรมไปในทางใดทางหนึ่งก็มีตัวอย่างมากมายเกินกว่าจะยกตัวอย่าง .. เราท่านก็รู้เห็นเป็นใจกันอยู่ .. สรุปตรงนี้ว่าผมบ่นเรื่องการเมืองไทย .. แล้วอย่าถามผมว่าคิดอย่างไร เพราะคำตอบผมรุนแรงมากที่เห็นพฤติกรรมมนุษย์เป็นเช่นนี้ และที่สำคัญผมก็เป็นมนุษย์

เขียน vbs ใน macro แปลงระหว่างเลขไทยและเลขอาราบิก

แปลงเลขไทยเป็นเลขอาราบิก

5 มี.ค.53 ทุกองค์กรย่อมมีนโยบายมากมายทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษร และไม่เป็น เป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ ช่วงนี้มีแนวนโยบายที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรและไม่เป็นทางการเกิดขึ้นในองค์กรแห่งหนึ่ง คือ การใช้ตัวเลขในเอกสารขององค์กร ซึ่งก่อนหน้านี้มีวัฒนธรรมที่ผู้บริหารสนับสนุนให้ใช้เลขไทย ทำให้มีการใช้เลขไทยในเอกสารเป็นไปโดยอัตโนมัติ เมื่อเวลาผ่านไปแล้วมีการเปลี่ยนทีมผู้บริหารก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงในหลายเรื่อง ทำให้การเลือกใช้แบบของตัวเลขเริ่มเปลี่ยนทิศทางไป การใช้ visual basic script ใน macro ของ microsoft word ที่เขียนขึ้น 2 ฟังก์ชันคือ แบบแปลงไทยเป็นเลขอาราบิก และ เลขอาราบิกเป็นเลขไทย ทำให้การสั่งเปลี่ยนทำได้ง่าย ทดสอบกับ word2003 แล้วใช้ได้ครับ .. ลองนำไปทดสอบดูได้นะครับ

Sub arabictothai()
For i = 0 To 9
With Selection.Find
.Text = Chr(48 + i)
.Replacement.Text = Chr(240 + i)
.Wrap = wdFindContinue
End With
Selection.Find.Execute Replace:=wdReplaceAll
Next
End Sub

Sub thaitoarabic()
For i = 0 To 9
With Selection.Find
.Text = Chr(240 + i)
.Replacement.Text = Chr(48 + i)
.Wrap = wdFindContinue
End With
Selection.Find.Execute Replace:=wdReplaceAll
Next
End Sub

ถ้าเป็น excel ไม่ต้องใช้ function ให้กด Ctrl-A แล้วกำหนด format ของ cell ใน Number,  Custom เป็น [$-D07041E]0 ก็จะทำให้ข้อมูลที่เป็นตัวเลขทั้งหมดเป็นเลขไทย

สาธิต : http://www.youtube.com/watch?v=JNy15bLnt9k


ปัญหาเครื่องบริการไม่รับเมลเข้า และ reset password ของ root

reset fedora root password

4 เม.ย.53 วันนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่ผมไม่สะดวกไปไหว้เจ้าที่สุสานบรรพบุรุษชาวจีน เพราะมีงานสอนตอน 8.30 น. จึงไม่ได้พบปะครอบครัวเหมือนเช่นทุกปี ประกอบกับมีอะไรคาใจทำให้อยากไปทำงานก่อนเวลา เพราะเมื่อคืนนี้ได้ตรวจอีเมลพบว่าคนจาก Intrusion Detection Team @spawar.navy.mil ส่งอีเมลมาแจ้งว่า 1) เครื่องหนึ่งในเครือข่ายของเราได้ scan เครือข่ายของเขา หรือ 2) ผู้ใช้คนหนึ่งในเครือข่ายของเราได้ scan เครือข่ายของเขา โดยใช้ port 22 เข้าไป 129 addresses ในใจก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่มาแน่ใจว่าจริงก็เพราะผมเข้า root ของ fedora core 4 ไม่ได้
     มีการดำเนินการกับเครื่องบริการ ดังนี้ 1) เปลี่ยนรหัสผ่านของ root ใหม่ โดยรีบูต แล้วกด esc ขณะอยู่ใน grub แล้วกด a แล้วพิมพ์เลข 1 ต่อท้ายบรรทัดเดิม เช่น ro root=LABEL=/ rhgb quiet 1 เมื่อพบเครื่องหมาย # ก็ใช้ passwd เปลี่ยนรหัสผ่านของ root แล้ว reboot 2) ใช้ last, du, ls -alt, cat passwd, netstat -tap ตรวจว่า account อะไรถูก hack แล้วแก้ไขทีละ account ด้วยเหตุด้วยผล 3) ตรวจว่ามีบริการอะไรเปิด ด้วย service –status-all และ chkconfig –list  ถ้าบริการใดไม่ใช้ก็จะปิดบริการนั้น เช่น service sshd stop และ chkconfig sshd off 4) พบว่าอีเมลไม่เข้า หรือเข้าน้อยมาก มีปัญหานี้อยู่เกือบหนึ่งวันหลังแก้ไขในตอนเช้า จึงตรวจแล้วพบว่า postfix ไม่เปิดบริการ จึงใช้ cat maillog ก็พบว่าข้อกำหนดของ /etc /postfix /main.cf ใน postfix เป็นสาเหตุทำให้ start ไม่ขึ้น เพราะห้าม myhostname และ relayhost เป็นตัวเดียวกัน จึงเข้าไปเปลี่ยนแฟ้ม main.cf เป็นแบบไม่กำหนดคือ relayhost = หลังจากนั้นก็รับอีเมลได้ปกติ
http://fedorasolved.org/Members/realz/reset-root-password/