บุกบ่อนไฮโลหน้า มหาวิทยาลัยดัง ได้นักศึกษาอื้อ

ลูกไฮโล
ลูกไฮโล

6 มี.ค.56 นายอำเภอคลองหลวง พร้อม ผอ.สสน.นำ อส.กว่า 50 บุกจับบ่อนไฮโล หน้า หน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง 3 จุด ได้เซียนพนัน 118 คน เงินสด 1.5 แสนบาท ขณะที่ ผบช.ภ.1 เต้น สั่งตรวจสอบด่วน ก่อนพิจารณาความผิดท้องที่อีกครั้ง

นายสุวิทย์ คำดี นายอำเภอคลองหลวง จ.ปทุมธานี เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ทาง อ.คลองหลวง และ นายมานะ สิมมา ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย กรมการปกครอง นำกำลัง อส.ของจังหวัด กว่า 55 นาย บุกจับกุมบ่อนไฮโล 3 จุด ที่อยู่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ภายในซอยพรธิสาร หมู่ที่ 1 ต.คลองหก ซึ่งบ่อนทั้งหมดเปิดเป็นร้านเกมและร้านคาราโอเกะบังหน้า โดยสามารถจับกุมเซียนพนันได้ทั้งหมด 118 ราย และมี น.ศ.สถาบันดังกล่าวรวมอยู่ด้วยจำนวนมาก และเงินสดของกลางอีก 150,000 บาท นอกนั้นก็มีอุปกรณ์ในการเล่นไฮโลครบเซ็ท ซึ่งขณะนี้ นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดลงบันทึกประจำวันไว้ที่ อบต.คลองหก โดยการจับกุทมครั้งนี้ ได้รายงานให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี รับทราบทุกขั้นตอน

ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ ไม่มีตำรวจท้องที่ คือ สภ.คลองห้า เข้าร่วมในบันทึกจับกุมด้วยแต่อย่างใด ซึ่งทาง สภ.คลองห้า นั้นจะมี พ.ต.อ.มนตรี เจียมบุรเศรษฐ์ เป็น ผกก.หัวหน้าสถานี อยู่

ผบช.ภ.1 เต้นสั่งตรวจสอบ นอภ.คลองหลวง จับบ่อนไฮโลแล้ว

พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า กรณีที่ นายอำเภอคลองหลวง และ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย กรมการปกครอง นำกำลัง อส. กว่า 50 นาย บุกจับกุมบ่อนไฮโลขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ด้านหน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งอยู่ในท้องที่รับผิดชอบของ สภ.คลองห้า และจับกุมนักพนันได้มากถึง 118 ราย เมื่อเย็นวันนี้นั้น ตนยังไม่ได้รับรายงานข่าวดังกล่าว ซึ่งจะตรวจสอบรายละเอียดอย่างเร่งด่วนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ก่อนที่จะพิจารณาโทษทางวินัยท้องที่อีกครั้ง

ผบช.ภ.1 สั่งผู้การฯ ปทุมธานี รายงานด่วน

พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ถึงความคืบหน้ากรณี นอภ.คลองหลวง นำกำลัง อส. 50 นาย บุกทลายบ่อนไฮโล ในท้องที่ สภ.คลองห้า ว่าได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ทำรายงานด่วนถึงกรณีดังกล่าวให้ตนเองรับทราบโดยด่วนที่สุดแล้ว ซึ่งเบื้องต้นทางผู้การได้รายงานว่า การจับกุมครั้งนี้ ทาง สภ.คลองห้า ยืนยันว่าได้มีบันทึกการจับกุมร่วมกับทีมเฉพาะกิจของนายอำเภอคลองหลวงด้วย แต่อย่างไรก็ตามต้องพิจารณาจากเหตุผลและข้อเท็จจริงว่า เป็นอย่างไรกันแน่อีกครั้ง ซึ่งจะใช้เวลาพิจารณาไม่นาน

นอภ.คลองหลวงชี้จับบ่อนแจ้งตร.แล้วแต่เงียบ

นายสุวิทย์ คำดี นายอำเภอคลองหลวง กล่าวถึงกรณีบุกไปจับบ่อนการพนันในหมู่บ้านพรธิสาร 3 ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยไม่มีกำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า การจับกุมครั้งนี้ ทางฝ่ายปกครองไม่ได้เชิญตำรวจท้องที่เข้าร่วมจับกุม เนื่องจากที่ผ่านมา เคยแจ้งเตือนไปยัง สภ. แล้วหลายครั้ง แต่ยังไม่มีการดำเนินการ จนทำให้ฝ่ายปกครอง ได้รับการร้องเรียนมาหลายครั้งจนทนไม่ได้ จึงนำไปการบุกจับบ่อน 3 แห่ง พร้อมกันในครั้งนี้

http://news.sanook.com/1190055/%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A0.%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AE%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1.%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87/

6 มิ.ย.56 นายอำเภอคลองหลวงนำอาสาฝ่ายปกครองปทุมธานีบุกจับ 3 บ่อนไฮโลใกล้สถานศึกษา ห่างป้อมตำรวจแค่ 200 เมตร พบนักพนันกว่า 100 คนเป็นนักศึกษาอื้อ

เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 6 มิ.ย.2556 นายสุวิทย์   คำดี นายอำเภอคลองหลวง พร้อมกำลังอาสาฝ่ายปกครอง บุกจับ 3 บ่อน ใกล้กับ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่าน คลองหก ภายในหมู่บ้านพรพิสาร 3 ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ที่บ่อนน้องเล็ก ,บ่อนอีเกิ้ล ,และบ่อนตาเขียว สามารถจับกุมนักพนันได้จำนวน 110 คน พร้อมด้วยของกลางเป็นเสื่อแทงไฮโล ,อุปกรณ์การเล่นพนันไพ่ ,โพยบอล  และเงินสดกว่า 200,000 บาท

จากการตรวจสอบพบว่านักพนันส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา และพ่อค้าแม่ค้าอาชีพค้าขายในย่านใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดของกลาง พร้อมควบคุมตัวนักพนันส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้บ่อนภายในหมู่บ้านดังกล่าวอยู่ติดกับมหาวิทยาลัยและมีกลุ่มนักศึกษาที่พักอาศัยอยู่ตามหอพักเอกชน และภายในหมู่บ้านหมุนเวียนมาเล่นพนันกันจำนวนมาก ขณะเข้าจับกุมมีนักศึกษาบางรายใส่ชุดนักศึกษามาเล่นพนัน และพบว่าบ่อนดังกล่าวอยู่ห่างจากป้อมตำรวจ หมู่บ้านพรพิสาร 3 ไม่ถึง 200 เมตร

http://www.posttoday.com/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1/226765/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A3%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2

http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9560000068335

สังคมออนไลน์ดันยอดพนันพุ่ง
วันพุธที่ 29 พฤษภาคม 2556 เวลา 16:56 น.

http://www.dailynews.co.th/businesss/207953
นักวิชาการเผยผีพนันเข้าสิงคนไทย เงินสะพัดบ่อนออนไลน์เพิ่ม 32,481 ล้านบาท หวยใต้ดินครองแชมป์สุดฮิต ตะลึงบ่อนพนันเถื่อนเงินหมุนเวียน 800,000 ล้าน ห่วงเยาวชนหมกมุ่นพนันฟุตบอล เร่งรัฐหามาตรการแก้ไขด่วน

นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยในงามสัมมนาเหลียวหลัง แลหน้าการพนันไทย 10 ปีการพนันไทยกับธุรกิจการเสี่ยงโชคในสังคมไทย ว่า ผลการวิจัยพบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หรือปี 53 มีวงเงินที่เล่นการพนันในประเทศเพิ่มขึ้น จาก 324,795 ล้านบาท เป็น 357,276 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีการสื่อสารและโครงสร้างพื้นฐานของสังคม ทำให้คนไทยสามารถเล่นการพนันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือได้ง่ายกว่า

ทั้งนี้ แม้ว่าการพนันผิดกฎหมายที่คนไทยส่วนใหญ่นิยมเล่นมากที่สุด จะเป็นหวยใต้ดิน สลากกินแบ่งรัฐบาล และไพ่ แต่ปัจจุบันที่ส่งผลกระทบด้านลบต่อสังคมไทยมากที่สุด คือการพนันฟุตบอล เนื่องจากผู้เล่นมีอายุน้อยที่เป็นเด็กนักเรียนและนักศึกษา ซึ่งไม่สามารถพึ่งพาตัวเองทางเศรษฐกิจได้ โดยพบว่ามีวงเงินในการพนันดังกล่าวไม่น้อยกว่าปีละ 20,000-30,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังและต้องรีบหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ขณะเดียวกัน ทัศนคติคนไทยต่อการพนันเริ่มเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านเกือบทุกประเทศ ทั้ง พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม ต่างมีนโยบายการทำคาสิโนที่ถูกกฎหมาย จึงทำให้คนไทยจำนวนมากเดินทางไปเล่นการพนันในสถานที่แห่งนี้อยู่เป็นประจำ และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในวันหยุดยาว รวมทั้ง มีการบริการจากคาสิโนบางแห่งที่อำนวยความสะดวกในการเดินทาง ทำให้เชื่อว่าในอนาคตจะมีผู้ที่สนใจเดินทางเข้าไปเล่นกาสิโนเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ผลการสำรวจพบว่าประเทศไทยยังมีบ่อนการพนันเถื่อนทั่วประเทศกว่า 1,500 แห่ง มีผู้เล่นประมาณปีละ 4-5 ล้านราย โดยมีขนาดเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจการพนันกว่าปีละ600,000-800,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ่อนการพนันในพื้นที่ กทม.ประมาณ 15-20 แห่ง มีขนาดเงินหมุนเวียนปีละ 180,000-200,000 ล้านบาท ที่ลักลอบเล่นการพนัน ทำให้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐขาดคความสามารถในการบริหารจัดการเศรษฐกิจนอกกฎหมายอย่างแท้จริงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

“รัฐบาลและคนไทยบางส่วนมีความเชื่อว่าการพนันเป็นปัญหาที่ต้องควบคุม และไม่ควรให้ประชาชนเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ในโลกความเป็นจริงแล้ว มีคนไทยที่อายุมากกว่า 15 ปีขึ้นไปเข้ามาเกี่ยวข้องกับการพนันในปัจจุบันกว่า 30 ล้านบาท เนื่องจากประเทศไทยมีการพนันที่ผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นหลายช่องทาง ทั้ง หวยใต้ดิน พนันฟุตบอล และการพนันผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งสร้างรายได้ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวนมากในแต่ละปี เช่น พ่อค้า นักธุรกิจ ตำรวจ และนักการเมือง”

อย่างไรก็ตาม ภาครัฐควรแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 ที่ใช้ควบคุมการเล่นพนันให้ทันกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะกฎหมายที่ใช้อยู่ได้นับรวมกิจกรรมการเล่นเกมเกือบทุกเงื่อนไขที่เกี่ยวกับผลได้และเสีย ไม่ว่าจะเล่นสนุกหรือผ่อนคลาย มีประโยชน์เป็นเงินมากหรือน้อย ถือเป็นการพนันในกฎหมายดังกล่าวทั้งสิ้น โดยไม่มีการจำแนกแยกแยะกิจกรรมที่มีประโยชน์หรือโทษออกจากกันให้ชัดเจน ส่งผลให้ประชาชนในสังคมไทยถูกครอบงำความคิด และอาจเป็นช่องทางแสวงหาผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่รัฐจากการบังคับใช้กฎหมาย

นายวรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า การพนันในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีการพนันออนไลน์ การพนันฟุตบอลเพิ่มขึ้น ซึ่งรัฐควรจะแก้ไขกฎหมายดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้ง ควรแยกแยะระหว่างการพนันกับการเล่นเพื่อความบันเทิงให้ชัดเจน เพื่อเป็นการป้องกันให้ประชาชนไม่เข้าไปหมกหมุนกับการพนันเพิ่มขึ้น

ยุบศูนย์นอกที่ตั้ง เพราะให้คนนอกสอน จึงคุมคุณภาพไม่ได้

เทคนิคการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
เทคนิคการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

http://kroowitda.wordpress.com/2011/06/21/education_techni/

จากข่าวในหนังสือพิมพ์สยามรัฐ เรื่องยุบศูนย์นอกที่ตั้งทั่วประเทศ
มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ
ยุบเพราะพบว่ามีการจัดการเรียนการสอนที่ไม่ใช่คนในสถานศึกษา
ซึ่งคุมคุณภาพไม่ได้ และไม่เป็นมาตรฐาน

ใครดื้อ .. โทษวินัย

อาชีวะประกาศยุบศูนย์นอกที่ตั้งร้องโฆษณา
เรียนลัดจบเร็ว-กระทบคุณภาพ/ผอ.ฝ่าฝืนโทษวินัย

27 พฤษภาคม 2556

korea student
korea student

นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยว่าได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง ผอ.วิทยาลัย ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ทั่วประเทศ เพื่อให้ยกเลิก และปิดการจัดการอาชีวศึกษาภายนอกสถานศึกษา ตั้งแต่ปีการศึกษา 2556 เป็นต้นไป เนื่องจากมีข้อร้องเรียนในการดำเนินการจัดการเรียนการสอนกลุ่มเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ว่า ไม่ได้จัดสอนโดยบุคลากรของสถานศึกษา มีการโฆษณาว่าสามารถเรียนจบได้เร็วและเปิดอย่างแพร่หลายเป็นจำนวนมาก ส่งผลต่อคุณภาพผู้จบการศึกษา และมาตรฐานการจัดการของ สอศ.

ดังนั้น จึงให้สถานศึกษาปิดการจัดการเรียนการสอนกลุ่มเทียบโอนความรู้และประสบการณ์นอกที่ตั้งฯในจังหวัดโดยด่วน และให้รับนักเรียน นักศึกษา กลุ่มที่กำลังศึกษาอยู่นอกสถานที่ตั้งฯ เข้ามาเรียนในสถานศึกษาทั้งหมด ขณะเดียวกัน เมื่อดำเนินการยกเลิกและปิดการจัดการเรียนการสอนกลุ่มดังกล่าวแล้ว ต้องรายงานผลมายังสอศ. หากสถานศึกษาใดไม่ปฏิบัติตาม จะมีโทษทางวินัย
หลังจากนี้จะต้องมาจัดระเบียบกันใหม่โดยการเรียนการสอนกลุ่มเทียบโอนความรู้ฯจะต้องเปิดสอนอยู่ภายในสถานศึกษาเท่านั้นเพื่อควบคุมคุณภาพ และให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งเจ้าหน้าที่จากส่วนกลาง ลงไปพูดคุยกับวิทยาลัยที่เปิดสอนนอกที่ตั้งฯ ให้ยุติการดำเนินการดังกล่าว โดยสถานศึกษาต่างก็ให้ความร่วมมือ และจะติดตามว่าสถานศึกษามีการปิดศูนย์นอกที่ตั้งจริง หรือยังเปิดรับนักศึกษาใหม่อยู่หรือไม่ และดูแลให้นักศึกษาในศูนย์นอกที่ตั้งฯ ได้เข้ามาเรียนต่อในวิทยาลัยหรือไม่ เพราะเด็กกลุ่มนี้ต้องไม่ได้รับผลกระทบใดอย่างเด็ดขาด นายชัยพฤกษ์ กล่าว
เลขาธิการ กอศ. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังได้ทำความเข้าใจเรื่องการเรียนการสอนระหว่างกลุ่มเทียบโอนความรู้ฯ และระบบทวิภาคีด้วย เพื่อให้การจัดการศึกษาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพราะก่อนหน้านี้มีสถานศึกษาบางแห่งอ้างว่าการจัดการเรียนการสอนกลุ่มเทียบโอนฯ เป็นการจัดการศึกษาระบบทวิภาคี ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะการจัดการอาชีวศึกษากลุ่มเทียบโอนฯ จะเทียบโอนได้กี่หน่วยกิตก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ทำงานของแต่ละบุคคล โดยมีคณะกรรมการเป็นผู้ประเมิน ส่วนระบบทวิภาคี เป็นการเรียนการสอนที่เกิดจากข้อตกลงระหว่างสถาบันอาชีวศึกษากับสถานประกอบการ หรือแหล่งวิทยาการในเรื่องการจัดหลักสูตรการเรียนการสอนที่มีแผนการเรียนการสอน การวัดและประเมินผลโดยผู้เรียนใช้เวลาส่วนหนึ่งในสถานศึกษาและเรียนรู้ฝึกอาชีพในสถานประกอบการ ซึ่งจะใช้เวลาเรียนอย่างน้อยเท่ากับระบบปกติ
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32819&Key=hotnews

ค่ายอาสาเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน

20 พ.ค.56 เห็นภาพห้องเรียนที่ประยุกต์เป็นห้องพัก
ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองของสถาบัน ที่มาใช้สถานที่จัดประชุม
ทำให้นึกถึงภาพสมัยออกค่าอาสาในป่าเมืองแพร่ ที่ต้องเดินเท้าเข้าไปสิบกิโลเมตร
แล้วพักค้างคืนในป่าหนึ่งคืน แล้วไปพักที่โรงเรียนอีกหนึ่งคืน
เพื่อทำกิจกรรมพัฒนาหมู่บ้านชาวเขา
ขากลับก็เดินออกมาอีกสิบกิโลเมตร เหนื่อยเลยครับ
การออกค่ายทรหดแบบนี้ผมออกครั้งเดียว ที่เหลือก็ไม่ขนาดนั้นแล้ว

ปรับห้องเรียนเป็นห้องพัก
ปรับห้องเรียนเป็นห้องพัก

ประชุมสหกิจคริสเตียนเขตภาคเหนือ
20 – 21 พ.ค.2556 มหาวิทยาลัยเนชั่น ลำปาง ให้การต้อนรับสหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย
เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดประชุมสหกิจคริสเตียนเขตภาคเหนือ
มีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 300 คน
โดยใช้ห้องประชุมใหญ่ อาคารคณะบริหารธุรกิจ
และค้างคืนที่ห้อง 1203 และ 1208 เป็นเวลา 1 คืน

http://blog.nation.ac.th/?p=2644

วิถีสร้างการเรียนรู้ในศตวรรษที่21

Framework for 21st Century Learning
Framework for 21st Century Learning

1. ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
ประธานกรรมการมูลนิธิสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม
http://www.kmi.or.th/
ให้เด็กเป็นผู้เลือกทั้งหมดก็ไม่ได้
เพราะเด็กยังไม่โต ยังคิดกว้างขวางไม่ได้
การศึกษาต้องเข้าไปช่วยเข้าไปจัดการอะไรต่าง ๆ
2. นพ.ประเสริฐ  ผลิตผลการพิมพ์
เลขาธิการมูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์
http://www.thaissf.org/
จำนวนความรู้เพิ่มขึ้นมหาศาล
เราไม่ต้องการเด็กที่รู้เยอะ ท่องเก่ง เรียนเก่งแต่เพียงอย่างเดียว
อยากได้เด็กที่ใฝ่รู้ อยากเรียนรู้ของใหม่เรื่อย ๆ รู้วิธีที่จะเรียนรู้
มีทักษะการเรียนรู้ที่เรียกว่า learning skill
แล้วก็มีทักษะการใช้ชีวิต life skill

ศตวรรษที่ 21
http://www.p21.org/

1. สาระวิชาหลัก ได้แก่
ภาษาแม่และภาษาสำคัญของโลก
ศิลปะ คณิตศาสตร์ เศรษฐศาสตร์
ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์
รัฐ และความเป็นพลเมืองที่ดี

2. แนวคิดสำคัญที่ควรรู้
– ความรู้เกี่ยวกับโลก
– ความรู้ด้านการเงิน เศรษฐศาสตร์ ธุรกิจ และการเป็นผู้ประกอบการ
– ความรู้ด้านการเป็นพลเมืองที่ดี
– ความรู้ด้านสุขภาพ
– ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม

3. ทักษะสำคัญ 3 เรื่อง
3.1 ทักษะชีวิต และการทำงาน
– ความยืดหยุ่นและการปรับตัว
– การริเริ่มสร้างสรรค์และเป็นตัวของตัวเอง
– ทักษะด้านสังคมและทักษะข้ามวัฒนธรรม
– การเป็นผู้สร้างหรือผลิตและความรับผิดชอบเชื่อถือได้
– ภาวะผู้นำและความรับผิดชอบ
3.2 ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม
– ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และนวัตกรรม
– การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา
– การสื่อสารและความร่วมมือ
3.3 ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี
– ใช้และประเมินสารสนเทศได้อย่างเท่าทัน
– วิเคราะห์และเลือกใช้สื่อได้อย่างเหมาะสม
– ใช้เทคโนโลยีใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. โครงสร้างพื้นฐาน 4 ด้านเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้
– มาตรฐานและการประเมินในศตวรรษที่ 21
– หลักสูตรและการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21
– การพัฒนาครูในศตวรรษที่ 21
– สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้

5. เปลี่ยนเป้าหมายจาก “ความรู้” สู่ “ทักษะ”
เปลี่ยนจากครูเป็นหลัก
เป็นนักเรียนเป็นหลัก
เรียนโดยการปฏิบัติที่เรียกว่า PBL : Problem Based Learning
โดยครูเป็นเพียงโค้ช (Coach) หรือครูฝึก ที่คอยช่วยเหลือ

6. เด็กจะได้ฝึกทักษะต่าง ๆ
– การตีโจทย์
– ค้นคว้าหาข้อมูล
– ตรวจสอบและประเมินข้อมูล
– เลือกสิ่งที่เหมาะสมมาใช้
– ได้ฝึกปฏิบัติจริง
– เพิ่มทักษะในการศึกษา
– การนำเสนออย่างสร้างสรรค์
– ฝึกการทำงานเป็นทีม
– แลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน
– ต่อยอดไปสร้างเป็นองค์ความรู้ของตนเองต่อไป

7. ครูต้องมีทักษะที่สำคัญ คือ สร้างแรงบันดาลใจ
ทำให้เด็กมีพลัง มีไฟ ก็จะมีชีวิตชีวาในการเรียน

8. การเรียนรู้แบบ PBL
ไม่มีกรอบ มีเสรีภาพทางปัญญา เพราะเราไม่สนใจคำตอบ
สนใจกระบวนการหาคำตอบ
โจทย์ข้อหนึ่งมีวิธีตอบเยอะแยะ
เราสนใจการทำงานของกลุ่มและการเรียนรู้จากการทำกระบวนการเรียนรู้
การวัดมิใช่เพื่อประเมินได้ผล
แต่เป็นการวัดเพื่อประเมินความก้าวหน้า
เด็กทุกคนมีศักยภาพที่จะพัฒนาตนเองไปเรื่อย ๆ

9.
การบ้านมีเพื่อให้เด็กมีความรู้
การบ้านสมัยใหม่ เช่น ปลายปีแสดงละครเช็คสเปียร์
แก้ปัญหาเด็กสมาธิสั้น เพราะมุ่งมั่นกับสิ่งที่เป็นระยะยาว และทำงานร่วมกันเป็นทีม
เป็นการเรียนรู้ที่ครูไม่ได้สอนด้วยวิธีการบอกให้ท่องจำแบบเดิม

10. สมัยใหม่ความรู้มหาศาลจนไม่รู้จะสอนอะไรให้เด็ก
จึงไม่แปลกที่ครูสักคนหนึ่งจะไม่รู้ จึงต้องมีเครื่องมือช่วยครู
คือ PLC = Professional Learning Commitee
การรวมตัวของครูที่จะเรียนรู้ “เรียนรู้การทำหน้าที่ครูยุคใหม่”
สิ่งที่สำคัญ คือ ร่วมกันทำ ดีกว่าทำคนเดียว เป็น “ชุมชนการเรียนรู้ครู”
– ช่วยกันออกแบบการเรียนรู้ของเด็ก
– ช่วยพัฒนาเพื่อให้เด็กมีทักษะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21

11. แนวคิดการศึกษาต้องเปลี่ยนจากที่เราคุ้นเคย
เปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เยอะมาก
ถ้าเรียนแบบปัจจุบันส่งผลต่อสังคมอย่างไร
– วัยรุ่นจะเสียคน ไม่สนุก น่าเบื่อ
– ทั้งชาติยุ่ง เพราะเรียนเพื่อได้ความรู้อย่างเดียว ไม่ได้ทักษะ
ไม่มีวิจารณญาณ ไม่ได้ critical thinking
ถ้าทำได้สังคมเราก็จะยกระดับขึ้น

century 21
century 21

http://www.scribd.com/doc/97624333/
http://www.thaiall.com/blog/burin/3296/

ผมเพิ่มเติมว่า
ทักษะ = นำความรู้ + ไปทำและทำได้ + จนคล่องแคล่ว

ทักษะ (Skill) หมายถึง ความสามารถทางกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
ที่ผู้รับการฝึกสามารถทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว

หัวอกนักศึกษาพี่เลี้ยง

หัวอกพี่เลี้ยง (Mentor mind)
หัวอกพี่เลี้ยง (Mentor mind)

บทความพิเศษ เรื่อง “ปัญหาผลการเรียนต่ำของนักศึกษา…ใครจะแก้
พุธที่ 25 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2552
(อ่านแล้วชื่นชม รู้สึกว่างานเขียนดีระดับอาจารย์เลย มากกว่าเป็นเพียงของรุ่นพี่)

ถ้าพูดถึงวิกฤติที่สำคัญที่สุดของนักศึกษา ในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีในขณะนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องการเรียน ผลการเรียนที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ในทุกปีสร้างความกระวนกระวายใจให้อาจารย์ผู้สอนแทบทุกสาขาวิชา แม้ว่าหลายฝ่ายต่างงัดกลยุทธ์มากมาย เพื่อช่วยเหลือนักศึกษาผลการเรียนน่าเป็นห่วงเหล่านี้ แต่ดูเหมือนว่าความพยายามของพวกเขาจะเป็นเพียงแค่น้ำเหลวทุกครั้งไป

ปัญหาผลการเรียนที่ตกต่ำของนักศึกษา ม.อ.ปัตตานี ไม่ได้เป็นปัญหาใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในปีนี้ แต่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆรายงานการเปรียบเทียบสถิติผลการเรียนของนักศึกษาจากงานทะเบียนและสถิตินักศึกษาของวิทยาเขตปัตตานี พบว่า ตั้งแต่ปี 2545-2549 นักศึกษาที่พบกับภาวะรอพินิจเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า และเป็นที่น่าตกใจ เมื่อพบว่าวิชาที่นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่ผ่าน เป็นวิชาบังคับพื้นฐานของมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์

หากวิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นก็สามารถมองได้หลายแง่มุม แต่สาเหตุหลัก ๆ ก็มีอยู่เพียงไม่กี่ข้อเท่านั้น ประเด็นแรก คือ พื้นฐานการเรียนอ่อน พื้นฐานเดิมไม่ดีก่อนเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย [ .. ]

ประเด็นที่สอง คือ มีกิจกรรมมากมายที่นักศึกษาปี 1 ต้องเข้าร่วม ซึ่งผู้เขียนมองว่ากิจกรรมเหล่านี้มีมากเกินไป จนบางครั้งทำให้นักศึกษาน้องใหม่ ซึ่งยังไม่สามารถปรับตัวได้ดีพอ ต้องประสบปัญหาแบ่งเวลาไม่ทันจากประสบการณ์ที่ผู้เขียนเคยเข้าศึกษาสถาบันอื่นก่อนที่เข้ามาศึกษาที่ ม.อ.ปัตตานี กิจกรรมรับน้องที่ทางคณะ และมหาวิทยาลัยจัดขึ้นจะเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์แรกของการเปิดภาคเรียน ทำให้นักศึกษาน้องใหม่เหล่านี้มีเวลาเรียน และปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมที่ตนไม่คุ้นเคยอย่างเต็มที่ ส่วนกิจกรรมระหว่างภาคเรียนนั้นก็จัดขึ้นอย่างเหมาะสม ไม่มากและน้อยจนเกินไป ไม่มีการเรียกน้องในเวลาดึกดื่นจนน้องต้องไปเรียนสายในวันรุ่งขึ้น และไม่มีการเรียกประชุมถี่ จนน้องไม่มีเวลาพักผ่อนและทบทวนบทเรียน

ประเด็นที่สาม คือ พฤติกรรมเคยชินของนักศึกษา ซึ่งผู้เขียนมองว่าเป็นสาเหตุหลักที่สำคัญที่สุด นักศึกษาที่เข้ามาเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ยังคงติดรูปแบบการดำเนินชีวิตช่วงมัธยม คือตื่นนอนเช้า เข้าเรียน เลิกเรียนและกลับที่พัก นอกจากนั้นการเรียนสมัยมัธยมอาจารย์จะเป็นผู้ค้นคว้าหาความรู้ จ้ำจี้จ้ำไชให้นักศึกษาทำงานส่งการบ้าน ในขณะที่การเรียนในมหาวิทยาลัยนั้นนักศึกษาจะต้องเป็นผู้ค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมนอกห้องเรียนเอง อาจารย์เพียงแต่ทำหน้าที่แนะแนวทางให้เท่านั้น และไม่มีใครคอยผลักดันให้นักศึกษาต้องรับผิดชอบต่องานที่ได้รับ ยกเว้นแต่เราจะกำชับตัวเอง

พฤติกรรมเคยชินของนักศึกษาที่เป็นอยู่ขณะนี้ ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมอื่น ๆ ที่เป็นอุปสรรคให้นักศึกษาเป็นผู้ที่มีประสิทธิภาพในการเรียนมากยิ่งขึ้น ตามมาอีกหลายอย่าง เช่น การไม่รู้จักแบ่งเวลา การไม่รู้จักที่จะพัฒนาเพื่อเปลี่ยนแปลงตนเอง

ผู้เขียนมีโอกาสเป็นพี่เลี้ยงสอนนักศึกษาปีที่ 1 ในโครงการพี่สอนน้องที่ทางมหาวิทยาลัยจัดขึ้น โดยรับผิดชอบในวิชาภาษาอังกฤษ 1 ซึ่งเป็นวิชาบังคับพื้นฐานของมหาวิทยาลัยที่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ในปีการศึกษานี้ไม่ผ่าน คิดเป็นร้อยละ 70 ของนักศึกษาที่เรียนทั้งหมด พบว่านักศึกษาที่สมัครเรียนด้วยความเต็มใจมีเพียง 12 คนเท่านั้นจากทั้งหมด 100 คน และในทุกสัปดาห์จะมีนักศึกษาเข้าร่วมโครงการนี้ไม่ถึง 20 คน และในสัปดาห์สุดท้ายผู้เขียนพบว่าไม่มีนักศึกษาคนใดมาเรียนเลยสักคนในห้องที่ผู้เขียนรับผิดชอบสอน

เห็นได้ว่านักศึกษาที่มีผลการเรียนอ่อน แม้จะรู้ตัวเองและอาจารย์ผู้สอนพยายามช่วยอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม แต่นักศึกษาส่วนใหญ่ก็ยังขาดความตั้งใจ และขาดความกระตือรือร้น นอกจากนั้นยังไม่สามารถแบ่งเวลาให้เหมาะสมได้อีกด้วย ซึ่งสังเกตได้จากเวลาว่างของนักศึกษาเหล่านี้ที่มักจะหมดไปกับสิ่งไร้สาระ ไม่ว่าจะเป็นการดูรายการโทรทัศน์ การคุยโทรศัพท์ การเล่นอินเทอร์เน็ต การเดินเล่นตามห้างสรรพสินค้า ฯลฯ ซึ่งหากทำมากจนเกินไปก็จะทำให้นักศึกษามีเวลาทบทวนบทเรียนน้อยลง พักผ่อนน้อยลง ซึ่งไม่แน่นอนสิ่งเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่อการเรียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  สุดท้ายเมื่อผลการเรียนออกมาอย่างไม่ค่อยดีนัก หลายคนต่างรู้สึกท้อถอยและไม่มีกำลังใจที่จะต้องเรียนในวิชาเดียวกันอีกครั้ง

ผู้เขียนพบว่านักศึกษากาหลายคนที่ประสบความสำเร็จในการเรียนนั้น เพราะมีทักษะในการใช้ชีวิตได้ดี นักศึกษาเหล่านี้ใช้เวลาทุกวินาทีอย่างคุ้มค่า รู้ว่าควรแบ่งเวลาให้เหมาะสมอย่างไร หลายคนอาจจะเข้าใจว่านักศึกษาที่ได้เกียรตินิยม ส่วนมากคงจะใช้เวลาคร่ำเคร่งกับตำราเรียนเพียงอย่างเดียว แต่จากประสบการณ์ของผู้เขียน นักศึกษาเหล่านี้ก็ยังมีเวลาทำกิจกรรม ทำงานอดิเรกที่ตนรัก ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดจากการเรียน เหนือสิ่งใดพวกเรารู้จักสร้างกำลังใจให้กับตนเอง เพราะแน่นอนการดำเนินชีวิตของมนุษย์ไม่ว่าจะด้านใดก็ตามคงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบทุกครั้งไป ย่อมต้องพบเจอกับขวากหนามบ้างเป็นเรื่องธรรมดา และเมื่อต้องพบกับอุปสรรคไม่ว่าจะเรื่องการเรียน หรือเรื่องใดก็ตาม นักศึกษาเหล่านี้จะไม่ท้อถอย แต่จะเดินหน้าเข้าสู้กับอุปสรรคเหล่านั้นอย่างไม่หวั่นเกรง ยิ่งไปกว่านั้นนักศึกษาบางคนยังคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าท้าทายอีกด้วย

หากจะแก้ปัญหาผลการเรียนของนักศึกษา คงไม่สามารถจะประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย แม้ว่ามหาวิทยาลัยจะเร่งแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังเพียงใด หรือแต่ละคณะจะระดมกำลังและความคิดมากเท่าไหร่ แต่หากนักศึกษายังยึดติดกับพฤติกรรมเดิม ท้อถอยเมื่อพบเจอกับอุปสรรคและกล่าวโทษบุคคลอื่นมากกว่าจะย้อนมองดูตัวเอง ก็คงไม่สามารถจะช่วยให้ผลการเรียนของนักศึกษาดีขึ้นได้ เพราะคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ส่วนใหญ่จะคิดอยู่เสมอว่า โชคชะตาไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงพวกเขาได้ ยกเว้น แต่พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียก่อน


นางสาวมัรยัม วรรณมาตร
นักศึกษาวิชาเอกภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
นักศึกษารายวิชา 870-224 การเขียนเชิงวารสารศาสตร์
http://comm-sci.pn.psu.ac.th/commsci/web_bumee/?name=news&file=readnews&id=122

เล่าสู่กันฟังเรื่องคลิ๊ปคุณครู

dvd autorun ที่คุณครูทำสำหรับนักเรียน
dvd autorun ที่คุณครูทำสำหรับนักเรียน

2 ก.ค.55 จะทำคลิ๊ปสอนสร้างแผ่น dvd autorun ที่คุณครูบันทึกการสอนของคุณครูผ่าน powerpoint ด้วยโปรแกรม camtasia สักหน่อย เตรียมได้ถึง pptx ครับ จึงจับจอภาพมาให้ดู .. ผมถือเป็นการบันทึกความก้าวหน้า .. ในแผนที่จะทำ คือ นำ เสนอให้คุณครูทราบกระบวนการ หรือขั้นตอนในการจัดทำ มีขั้นตอนเบื้องต้น ดังนี้ 1) ตั้งชื่อแฟ้มอย่างไร หลังบันทึกคลิ๊ปกว่าร้อยตอน 2) เตรียมสารบัญอย่างไรเชื่อมโยงคลิ๊ปทั้งหมด 3) แล้วทำอย่างไรให้เป็นแผ่น autorun 4) เมื่อแจกให้นักเรียนแล้ว นักเรียนจะเห็นอะไรที่บ้าน .. ซึ่งคุณครูอาจต้องการทีมไอทีในการให้คำปรึกษาทุกขั้นตอน กว่าจะถึงขั้นที่ 4 สำหรับผมก็จะมีคุณเปรม อุ่นเรือน ที่ช่วยผมทดสอบจัดทำ DVD กว่าจะลงตัว ก็ใช้ DVD ไปสามแผ่นแน่ะครับ .. ตอนนี้ลงตัวแล้ว
http://www.thaiall.com/pptx/dvd_autorun.pptx

ระบบรับข้อมูลการสมัครเรียนด้วยแบบฟอร์มออนไลน์

online application of university in thailand
online application of university in thailand

ระบบรับข้อมูลการสมัครเรียนด้วยแบบฟอร์มออนไลน์
(Application form for the new student)

มหาวิทยาลัยเนชั่น
http://www.nation.ac.th/register-bangkok.php
มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์
http://www.sau.ac.th/apply.html
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
http://admission.utcc.ac.th/register-howto.html
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
http://admission.bu.ac.th/index.php/admissions/applymenu
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
http://admission.spu.ac.th/content/535/7857.php
มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
http://www.admissions.au.edu/
มหาวิทยาลัยศรีปทุม
http://web.spu.ac.th/apply/information
มหาวิทยาลัยคริสเตียน
http://estudent.christian.ac.th/admission/
มหาวิทยาลัยพายัพ
http://www.payap.ac.th/pyu_e-admission/
มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต
http://www1.rbac.ac.th/graduate/candidate.asp
หน่วยบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร
http://web.mis.nu.ac.th/graduate/register.php
มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น
http://lms.umt.ac.th:8080/umtreg/default3.aspx
มหาวิทยาลัยราชธานี
http://register.rtu.ac.th/
วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย
http://www.cas.ac.th/systems/form_rg.asp
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง
http://www.trang.rmutsv.ac.th/~regis/reg_admission/webopac/index.php?option=mod_admission01
วิทยาลัยกรุงเทพสุวรรณภูมิ
http://www.bsc.ac.th/Register_Short/
มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล นครราชสีมา
http://i-vu.vu.ac.th/admission/apply.php
วิทยาลัยนครราชสีมา
http://reg.nmc.ac.th/OnlineRegister/regisonline.php
มหาวิทยาลัยเกริก
http://wwwback.krirk.ac.th/form/applyform.asp
วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาการจัดการ (MBA) มหาวิทยาลัยขอนแก่น
http://mba.kku.ac.th/index.php?gid=admission&cid=webapply
มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย
http://reg.lru.ac.th/registrar/apphome.asp
สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์
http://www.pim.ac.th/register
มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา
http://www.cpu.ac.th/cpu2010/apply53/reserve.php
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรังสิต
http://www.rsu-cyberu.com/msitm/RegisterI/register.php
มหาวิทยาลัยราชธานี
http://register.rtu.ac.th/Form.php
วิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก
http://www.southeast.ac.th/register.php
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
http://www.coe.psu.ac.th/th/interest/registeronline.html
มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ศูนย์ดุสิตพณิชยการ
http://203.144.226.201/rbac/site/index.php/welcome/page/Online%20Registration.htm
มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
http://www.bkkthon.ac.th/admission/
มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
http://admission.hcu.ac.th/modules.php?name=admission_online
มหาวิทยาลัยนครพนม
http://www.npu.ac.th/edus/entry_online/main.php

ระบบข่าวประชาสัมพันธ์และการขยายผล

news system
news system
คุณนก ได้เรียน วิชาการจัดการการตลาด (Marketing Management) เล่าให้ฟังเรื่องช่องทางทางการตลาดว่ามีหลายช่องทาง เช่น ปั้นหม้อขึ้นมา 1 ลูก แต่เปิดโอกาสให้คนทั้งโลกเห็นหม้อได้เป็นพันใบ และลงไปในสื่อได้อีกนับไม่ถ้วน (ถ้าจะทำ) โดยอาศัยช่องทาง ใช้ทรัพยากร และความเข้าใจ เพื่อทำการประชาสัมพันธ์ ให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
ระบบข่าวประชาสัมพันธ์ ที่ http://it.nation.ac.th/news มีภาพ และรายละเอียดข่าวที่ดูแลโดยพี่นิเวศน์ งานรับนักศึกษาและสื่อสารองค์กร มหาวิทยาลัยเนชั่น ซึ่งแต่ละข่าวสามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้อย่างไม่จำกัด
วันนี้ (12 มีนาคม 2555) ได้เข้าไปตรวจและพบประเด็นที่ต้องปรับปรุง จึงนำมาแบ่งปัน นำไปสู่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้
โดยระบบมีดังนี้
1. เริ่มจากการเพิ่มข่าวที่ดำเนินการโดยพี่นิเวศน์
2. ผลการเพิ่มข่าวจะไปปรากฎในเว็บไซต์ http://www.nation-u.com อัตโนมัติ
3. เมื่ออ่านข่าวหนึ่ง สามารถเลือก print version ใช้สำหรับนำไปติดบอร์ดประชาสัมพันธ์ในมหาวิทยาลัย
4. นำ url ของข่าวไปวางไว้ที่ http://www.facebook.com/nationunews
5. นำ url ของข่าวไปวางไว้ใน twitter.com ของแต่ละคน
6. สามารถกด sharethis ซึ่งมีบริการในเว็บเพจส่งไปยังเว็บไซต์เครือข่ายสังคม
7. เมื่อไปวางไว้ใน fb หรือ twitter ของมหาวิทยาลัย จะกลับมาแสดงผลในหน้าข่าวทันที
ประเด็นที่มีการปรับปรุงใน code ที่ดำเนินการร่วมกับ คุณเปรม อุ่นเรือน
1. ปรับให้ใช้กับ browser ของทุกค่าย
2. ปรับโค้ด เพื่อให้ข้อมูลแก่ facebook.com อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำให้แสดงรายละเอียดได้มากกว่าเดิมเมื่อปรากฎใน facebook.com
3. ปรับโค้ดให้มีส่วน keyword และ description สำหรับ google.com
4. ปรับให้อ่าน code โดยมนุษย์ได้ง่ายขึ้น และลบ code ที่ไม่จำเป็น

คุณลักษณะบัณฑิตที่พึงประสงค์ คล้ายคนไทยที่พึงประสงค์

mindmap
mindmap http://portal.edu.chula.ac.th/edu52/view.php?Page=1242480890782745

คุณลักษณะบัณฑิตที่พึงประสงค์ คือ คุณลักษณะที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนอันเป็นคุณลักษณะที่สังคมต้องการ

มาตรฐานการศึกษาของชาติ
มาตรฐานที่ 2 คุณลักษณะของ คนไทยที่พึงประสงค์ ทั้งในฐานะพลเมืองและพลโลก คนไทยเป็นคน เก่ง คนดี และมีความสุข
คุณลักษณะของคนไทยที่พึงประสงค์ ประกอบด้วยเบญจคุณ หรือ คุณ 5 ประการ
1. คุณลักษณ์ มีรูปลักษณ์ (สุขภาพ บุคลิกภาพ) กิจลักษณ์ (พฤติกรรม ทักษะความสามารถ) ดี
2. คุณค่า มีประสบการณ์จากการเรียนรู้ สัมพันธ์เชื่อมโยงกับการพัฒนาชีวิต
3. คุณประโยชน์ มีชีวิตที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม ร่วมสร้างและให้สิ่งดีแก่สังคม
4. คุณภาพ มีชีวิตร่มเย็นเป็นสุข พออยู่พอกิน เป็นสมาชิกครอบครัว พลเมืองและพลโลก ที่ดี
5. คุณธรรม มีความดี เข้าถึงความงามและความจริง ดำเนินชีวิตโดยกายสุจริต วจีสุจริต และมโนสุจริต
http://area.obec.go.th/petchaburi2/ed.standard.htm


ตัวอย่าง
คุณลักษณะบัณฑิต ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มีปณิธาน (vision) แล้วนำไปแตกเป็น คุณลักษณะบัณฑิตที่ desired
http://stu-aff.oop.cmu.ac.th/student/stu-property.htm

http://information.aru.ac.th/index.php?option=com_content&view=article&id=7&Itemid=10

http://scsa.buu.ac.th/2012/?p=124

http://www.facebook.com/media/set/?set=a.10150528471378895.394757.814248894

การใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ (itinlife325)

facebook
facebook

14 มกราคม 2555 นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Sphere ที่มนุษย์ได้แก้วสารพัดนึกมา 1 ลูก แต่คนกลุ่มหนึ่งเป็นระดับหัวกะทิของโลกได้สัมผัสแก้วนี้แล้วพบว่าขาดความพร้อม หรือใช้ไม่ถูกวิธี จนเป็นภัยต่อตนเองและกลุ่ม ในบทสรุปของภาพยนตร์พบว่ากลุ่มที่เหลือรอดพร้อมใจกันทิ้งลูกแก้วนี้ออกไปนอกโลก เพราะมนุษย์ในปัจจุบันยังไม่พร้อมที่จะใช้แก้วสารพัดนึกอย่างมีประสิทธิภาพ แล้วทำให้นึกถึงเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นมากมายในปัจจุบันว่ามีคุณอนันต์ และโทษมหันต์ ตัวอย่างของโทษเช่นอาวุธร้ายที่คิดค้นขึ้นเพื่อทำลายทั้งร่างกายและทรัพย์สิน อินเทอร์เน็ตที่ผู้คนมากมายหลงใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมจนเสียการเรียน เสียคน เสียเงิน หรือเสียงาน
ประโยชน์ของเทคโนโลยีนั้นชัดเจน เพราะเราใช้งานอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าใช้อย่างไม่มีประสิทธิภาพอาจมีประเด็นให้พูดคุยกันหลากหลาย ตัวอย่างปัญหาของการใช้เทคโนโลยี อาทิ การใช้เครือข่ายสังคมในเวลางานจนทำให้ผลงานลดลง ผิดพลาด หรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่ การติดเกมในรูปแบบใหม่ทำให้เยาวชนใช้เวลาว่างอย่างไม่เหมาะสมเป็นเหตุให้พ้นสภาพการศึกษา หรือผลการเรียนตกต่ำ การแสดงความคิดเห็นเชิงลบผ่านเครือข่ายสังคมอาจทำให้ตนเองหรือครอบครัวเสื่อมเสีย ซึ่งล้วนเป็นการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์

ปัญหาใหญ่ของการใช้เทคโนโลยีในการจัดการความรู้เกิดจากการมีอัตตาในตัวบุคคลที่ไม่นิยมแสดงความคิดเห็นให้ผู้อื่นได้นำไปใช้ประโยชน์ มีการพัฒนาเทคโนโลยีรองรับการจัดการความรู้ทั้งในกลุ่มคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา นักวิจัย แต่การใช้งานก็ยังเป็นความนิยมในระดับบุคคลมากกว่ากลุ่มองค์กร และมักไม่พบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านสื่อสาธารณะที่จะนำไปใช้เป็นข้อสรุปประกอบการตัดสินใจขององค์กร พบว่าการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านบล็อก (Blog) หรือเครือข่ายสังคมมีประสิทธิภาพน้อยกว่าการแลกเปลี่ยนในห้องประชุมที่มีสมาชิกไม่เกินสิบคน แม้เครือข่ายสังคมจะเป็นเทคโนโลยีที่รองรับจำนวนคนได้พร้อมกันจำนวนมาก กลับพบว่ามีน้อยครั้งที่จะเห็นการใช้ประโยชน์เพื่อหาข้อสรุปจากประเด็นกำหนด แต่ถ้ามีการรวมกลุ่ม กำหนดเป้าหมายตรงกันชัดเจน มีบทบาทหน้าที่ให้แต่ละคน ก็เชื่อได้ว่าจะเป็นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน

การใช้ facebook ทำให้เกรดตก

http://ac219pyu22553s1.blogspot.com/2010/11/facebook.html

งานวิจัยระบุว่า ขณะทำการบ้าน ถ้าเปิด facebook ทิ้งไว้เฉย ๆ จะส่งผลให้การเรียนตกต่ำกว่าเพื่อน ๆลง 20 เปอร์เซ็นต์ เทียบระหว่างเด็กที่ใช้ และ ไม่ใช้ ถ้าใช้เกรดเฉลี่ยอยู่ที่ 3.06 ถ้าไม่ใช้อยู่ที่ 3.82

ผลกระทบต่อการทำงาน พบว่า บริษัทที่อนุญาติให้พนักงานใช้ facebook.com ขณะทำงาน ผลผลิตของพนักงานลดลง 1.5 เปอร์เซนต์จากผลผลิตทั้งหมด และมีองค์กรอีกมากที่ไม่ทราบเรื่องนี้

เขาว่า facebook ทำให้การเรียนเสีย ผลงานตก แต่เจ้าตัวไม่รู้
ผมว่าปัญหาใหญ่คือ เจ้าตัวรู้ แต่ผู้ปกครองไม่รู้