ผีเสื้อกระพือปีก สะเทือนถึงดวงดาว

ภาพยนตร์เรื่อง Looper
พยายามจะสื่อว่า ถ้าคุณพบว่ามีข้อผิดพลาดใน loop
แล้วรู้ว่าสามารถหยุดข้อผิดพลาดที่เกิดในอนาคต
ด้วยการหยุดปัจจุบัน
คุณจะทำไหม .. ในเรื่องนี้บอกว่า เขาทำ
เป็นความสัมพันธ์ของคำว่า อดีต ปัจจุบัน และอนาคต

วันนี้ผมบ่นเรื่อง .. Butterfly Effect
สอดรับกับ “ผีเสื้อกระพือปีก สะเทือนถึงดวงดาว
2 ก.พ.2557 เพื่อน ๆ ทำอะไร หรือไม่ทำอะไร
ย่อมสะท้อนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้
บางทีการกระทำไม่ได้สะท้อนในทันที และไม่ได้สะท้อนต่อตัวเรา
แต่สะท้อนถึงผู้คนที่ต้องรับผลกระทบจากความคิดหนึ่งของเรา
เช่น ซื้อหวย ก็จะปฏิเสธไม่ได้ว่าสนับสนุนคนทำผิดกฎหมาย
หรือ ซื้อก๋วยเตี๋ยวทุกวัน ทำให้ร้านข้าวแกงข้าง ๆ เจ้งไปเพราะเราไม่ซื้อ
หรือ คนในหมู่บ้าน ไม่ใส่บาตร พระก็ต้องย้ายไปจำพรรษาที่อื่น
หรือ ชื่นชมรายการ ฟันธงราศี ก็สนับสนุนให้คนไม่ยึดมั่นในความจริง
เป็นต้น

แนะนำคำว่า butterfly effect หรือ chaos
แนะนำคำว่า butterfly effect หรือ chaos

ที่มาของ ทฤษฎี Chaos
ผีเสื้อกระพือปีกย่อมเกิดพายุใหญ่ เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว

by Professor Edward Lorenz (1917-2008)
Does the flap of a butterfly’s wings in Brazil
Set Off a Tornado in Texas?

http://www.prachathon.org/forum/index.php?topic=1104.0

Specifically Lorenz studied a primitive model of how an air current would rise and fall while being heated by the sun.
ลอเรนซ์เจาะจงศึกษาแบบจำลองเก่าแก่ที่ว่าด้วยกระแสลมที่ลอยตัวขึ้นหรือลดต่ำลงเมื่อได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์

Lorenz’s computer code contained the mathematical equations which governed the flow the air currents. Since computer code is truly deterministic, Lorentz expected that by inputing the same initial values, he would get exactly the same result when he ran the program.
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ของลอเรนซ์ลอเรนซ์ประกอบด้วยสมการคณิตศาสตร์หลายสมการ ที่ครอบคลุมการไหลเวียนของกระแสลม และเนื่องจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งที่ตายตัว(Deterministic) ลอเรนซ์ จึงคาดว่าเมื่อใส่ตัวเลขเบื้องต้นที่เหมือนๆกันเข้าไป เมื่อรันโปรแกรมแล้ว เขาก็ควรได้รับผลลัพท์ที่ออกมาเหมือนกันอย่างไม่ผิดเพี้ยน

Lorenz was surprised to find, however, that when he input what he believed were the same initial values, he got a drastically different result each time.
แต่ ลอเรนซ์ต้องแปลกใจเมื่อเขาพบว่า ตัวเลขที่เขาคิดว่าเหมือนกันเมื่อตอนใส่อินพุทนั้น กลับให้ผลลัพท์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในการรันแต่ละครั้ง

By examining more closely, he realized that he was not actually inputing the same initial values each time, but ones which were slightly different from each other.
จากการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อมา เขาพบว่าตัวเลขที่เขาใส่ลงไปนั้น เขาไม่ได้ใส่ตัวเลขเดียวกันลงไปทุกครั้ง ตัวเลขที่เขาใส่แต่ละครั้ง จะมีค่าแตกต่างกันเล็กน้อย

He did not notice the initial values for each run were different because the difference was incredibly small, so small as to be considered microscopic and insignificant by usual standards.
เขาไม่ได้สังเกตเห็นความแตกต่างของตัวเลขที่เขาใส่ลงไป เพราะความแตกต่างที่มีนั้น มันน้อยจนแทบไม่น่าเชื่อ มันเล็กขนาดที่ถือกันว่าเป็นเพียงเศษเสี้ยวธุลีหรือจุลภาค(Microscopic) และถือว่าไม่มีค่าในมาตรฐานปกติ

The mathematics inside Lorenz’s model of atmospheric currents was widely studied in the 1970’s. Gradually it came to be known that even the smallest imaginable discrepancy between two sets of initial conditions would always result in a huge discrepancy at later or earlier times, the hallmark of a chaotic system, of course.
ในทศวรรษ 1970 มีการศึกษาตัวเลขในแบบจำลองกระแสลมของลอเรนซ์อย่างกว้างขวาง และก็ต่อๆมาก็เป็นที่ที่รู้กันว่า แม้ความแตกต่างจะมีค่าเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม จะสามารถทำให้เซ็ทของเงื่อนไขก่อนหน้าสองเซ็ทมีผลที่แตกต่างกันอย่างมหาศาลไม่ว่าจะในภายหน้าหรือในกาลย้อนหลัง นี่ก็คือสัญญลักษณ์ของระบบที่ไร้ระเบียบ(Chaotic System) นั่นเอง

Scientists now believe that like Lorenz’s simple computer model of air currents, the weather as a whole is a chaotic system. This means that in order to make long-term weather forecasts with any degree of accuracy at all, it would be necessary to take an infinite number of measurements.
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่า สภาพอากาศโดยรวมนั้น เป็นระบบไรัระเบียบแบบเดียวกับแบบจำลองคอมพิวเตอร์ของลอเรนซ์ ซึ่งหมายความว่า ถ้าจะพยากรณ์อากาศระยะยาวให้มีความแม่นยำ จำต้องมีตัวเลขจากการวัดต่างๆที่มีค่าถูกต้องสมบูรณ์

Even if it were possible to fill the entire atmosphere of the earth with an enormous array of measuring instruments—in this case thermometers, wind gauges, and barometers—uncertainty in the initial conditions would arise from the minute variations in measured values between each set of instruments in the array.
ดังนั้น แม้ว่าจะมีเครื่องวัดค่าต่างๆเต็มท้องฟ้า เช่น เทอร์โมมิเตอร์ บาโรมิเตอร์ ที่วัดลม ฯ ก็ตาม ความคลาดเคลื่อนแม้เพียงเล็กน้อยที่เกิดจากการวัดต่างๆ ก็ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในค่าตั้งต้นขึ้น

Because the atmosphere is chaotic, these uncertainties, no matter how small, would eventually overwhelm any calculations and defeat the accuracy of the forecast.
และเพราะบรรยากาศของเรานี้ยไร้ระเบียบ ความไม่แน่นอนเหล่านั้นไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงไรก็ตาม ที่สุดแล้วก็จะท่วมท้นการคำนวนต่างๆ และจะทำลายความแม่นยำของการพยากรณ์

หนังสือที่ระลึกงานทำบุญครบ 100 วัน

หนังสือที่ระลึกงานทำบุญครบ 100 วัน
หนังสือที่ระลึกงานทำบุญครบ 100 วัน

ผมเสียพี่ชายคนหนึ่งไป มักเรียกท่านว่าพี่โอ
เป็นโรคปัจจุบันทันด่วน ปวดท้อง ไปเสียที่โรงพยาบาล
เสียเมื่อ 1 ก.ย.56 อายุ 45 ปี
แล้ววันที่ 7 ธ.ค.56 ทำบุญ 100 วัน
ป้าวรรณ แจกหนังสือผู้ร่วมงานบุญ ผมก็ได้รับหนังสือที่ระลึกมาด้วย
อ่านแล้วรู้สึกว่าให้คติเตือนใจที่ดีมาก ๆ
แปลจากบางส่วนของหนังสือ ชีวิตหลังความตาย (Live After Death)
เขียนโดย นพ.ดีปัก โชปรา หรือดีพัค โชปรา (Deepak Chopra)
แปลโดย พวงแสด และแบงค์
เป็นเรื่องราวของหนุ่มรูปงาม สัตยาวรรณ กับภรรยาแสนสวยชื่อ สาวิตรี
โดยมีพญายม กับ รามา ในฐานะองค์ศักดิ์สิทธิ์
.. ได้คติว่า ทุกคนต้องตาย และเกิด และตาย
ที่เรารู้ว่ามีอยู่ คือ ตอนมีชีวิต
แล้วตอนเราไม่มีชีวิต เราก็ไม่รู้
แต่ไม่ได้หมายความว่า การไม่มี จะหมายถึงไม่มี
เสมือนน้ำใสสะท้อนแสงจันทร์
ถ้าใจขุ่นก็ไม่เห็นเงา แต่จันทร์ก็ไม่ได้หายไปไหน
.. และอีกมากมาย
http://www.youtube.com/watch?v=T_rdYiLAz38

มองโลกแง่ดี กับ มองโลกแง่ร้าย

optimistic & pessimistic
optimistic & pessimistic

เคยคิดว่ามนุษย์ [ทุกคนคิดบวกเพื่อตนเอง]
ตอนหลังเข้าอ่านสื่อเลือกข้าง ได้รู้ว่า
[บางคนคิดลบก็เพื่อตนเอง] ก็มี เหมือนกัน
ได้เห็นความคิดลบกว่าครึ่งที่สอดแทรกเข้าไป
จริง ๆ เป็นอาชีพที่เขาต้องคิดลบ เพราะถูกสั่งมา
คนที่อ่านก็คงซึมซับความคิดเหล่านั้นไป
.. ยิ่งซึมความคิดลบมากเข้า สื่อนั้นก็จะอยู่รอด
.. เอาใจคนคิดลบมาใส่ใจเรา พอเดาได้ว่าที่มาที่ไปคืออะไร
.. อ่านข่าวสมัยนี้เหมือนนั่งดูโคนัน


เคยนั่งดู Talk show
คำพูดที่ [พรั่งพรูออกมาจากปากนักพูด]
แล้วทำให้ผู้ฟังนั่งหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง .. ดูมีความสุข
ล้วนเป็นคำพูดคิดลบสุดขั้ว .. ถึงกระนั้นเชียว
คนที่น่ากลัวคือ เหล่าผู้ฟัง  ที่ดูจะชื่นชอบ และชื่นชม
แล้วก็ซึมซับเอาความคิดเหล่านั้น เข้าไปเรียบร้อย
.. ผู้ฟังส่วนหนึ่งก็คงเชื่อ เพราะผู้พูดน่าเชื่อถือ .. กระมัง
.. นักพูดเขารู้ว่าอะไรลบ อะไรบวก เขาแยกแยะมาแล้ว
.. แล้วเขาก็เลือกเฉพาะที่ [ผู้ฟังอยากฟัง]

ขยายความ
อ่านข่าวสมัยนี้เหมือนนั่งดูโคนัน
เพราะในข่าวดูอะไรอะไร จะเป็นห้องปิดตายไปซะหมด
หาทางออกไม่พบ หาคนรับผิดชอบไม่เจอ รับข้อมูลฝ่ายเดียว
ทางออกก็พอเห็นอยู่ .. ถ้าเปิดใจยอมไกล่เกลี่ย และยอมความ
สุดท้ายผู้ร้ายก็เลือกฝ่าทางตัน คือ ทำผิดกฎหมายนั่นเอง
.. นักข่าวเขาฉายภาพมาเป็นห้องปิดตาย
.. เพราะหน้าที่ของเขา คือ เล่าเหตุการณ์ที่พบ เท่านั้นเอง

ใช้ SWOT ทำให้อยู่กับร้านเลขเจ็ดได้

seven shop
seven shop

บทแลกเปลี่ยน จาก http://pantip.com/topic/30883540

ไปพบการแชร์เรื่องราวดี ๆ
ใน fb profile ของ zongkiat pavadee อ่านแล้วรับรู้ได้ว่า
ผู้ตอบขั้นเทพใช้ประโยชน์จาก SWOT อย่างเห็นได้ชัด
(SWOT = Strengths, Weaknesses, Opportunities, Threats)
ทำให้ได้บทเรียนว่าสามารถใช้ SWOT เป็น SWORD สำหรับเอาชนะปัญหาในการแข่งขัน
ถ้ามีปัญหา แล้วไม่วิเคราะห์ SWOT จะรู้เขารู้เราได้อย่างไร
นี้เป็นเพียงเทคนิคเดียวที่ผู้ตอบนำมาใช้ และแก้ปัญหาได้ตรงจุด
อีกเทคนิคที่พบในคำตอบ คือ CSR (Coporate Social Responsibility)
แต่ไม่ได้ขยายความทางวิชาการเหมือน SWOT
ต้องขอชื่นชมผู้ตอบครับ น่าจะเป็นบทเรียนแก่ร้านของชำได้อย่างเป็นรูปธรรม
เป็นมุมมองของการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส .. จริง ๆ ๆ

ผู้ถาม http://pantip.com/profile/962611
บ้านเราเป็นร้านของชำเล็ก ๆ + ร้านก๋วยเตี๋ยว หน้าโรงงานมีผู้คนพลุกพล่านพอสมควร
กิจการนี้พ่อแม่เราทำมา 20 กว่าปีแล้ว  กลุ่มลูกค้าส่วนมากจะเป็นคนงานและชาวบ้านในซอย
เราเป็นร้านชำร้านเดียวในย่านนั้น เรียกว่าขายดีมาก ๆ ทั้งของชำและก๋วยเตี๋ยว
(ขาย 20 -25 ราคาขายคนงานเพราะขายแพงกว่านี้ก็ไม่มีคนกิน
กำไรจากก๋วยเตี๋ยวแทบไม่เห็น ที่ขายเพราะช่วยดึงลูกค้า ให้ร้านเราคึกคักขึ้น )
ร้านเราเปิดตั้งแต่เช้ายันเย็น ลูกค้าเข้าไม่ขาด ยิ่งช่วงพักของโรงงานทอนตังแทบไม่ทัน
อาชีพนี้ทำให้เรามีกินมีใช้อย่างสุขสบายแม่กับพ่อสามารถเลี้ยงเรากับน้องได้อย่างดี
จนเมื่อปีที่ผ่านมายอดขายตกลง เพราะแรงงานพม่าเข้ามาแทนแรงงานชาวอีสาน
กำลังการซื้อของแรงงานพม่าน้อยว่าชาวอีสานอย่างเห็นได้ชัด
พวกนี้จะกินใช้อย่างประหยัดมาก
แต่เราก็ยังพออยู่ได้เรื่อย ๆ เพราะยังมีชาวบ้านแถวนั้นแวะเวียนมาซื้ออยู่
จนกระทั่งเร็ว ๆ นี้ ร้านเลขเจ็ด มาเปิดใกล้บ้านห่างกันไม่ถึง 20 เมตร
สร้างใหญ่โตอลังการมาก (ประมาณตึกแถว 4 ห้องติด)
ตอนนี้ท้อมากค่ะ คนแห่เข้าร้านสะดวกซื้อหมด ร้านเราเงียบเป็นป่าช้าเลย
ที่พอขายได้ก็แค่บุหรี่แบ่งขาย เหล้าแบ่งขาย เป๊ปซี่น้ำแข็ง
นึกแล้วก็ใจหายสงสารคุณแม่นั่งเฝ้าร้านอย่างเหงา ๆ  ดีที่ยังมีก๋วยเตี๋ยว
แต่อีกไม่ปี่ปีพ่อแม่เราคงขายก๋วยเตี๋ยวไม่ไหว ท่านจะ 60 แล้ว
กลุ้มใจมากค่ะ เลยอยากขอคำปรึกษาจากเพื่อน ๆ ต่อ เราควรทำอย่างไรดี
ตอนนี้เราจัดร้านใหม่ให้ดูดีขึ้น เรื่องความสะอาดเราก็ตรวจเช็คตลอด
แต่ก็ยังเงียบ ยิ่งวันโรงงานปิดยิ่งเงียบ  คนบ้านไม่แทบไม่เข้าเลย เฮร้ออ
แต่เราก็เข้าใจผู้บริโภคนะคะ ที่นู่นมีพร้อมทุกอย่าง แอร์ก็เย็น
ถ้าเป็นเราก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด
ณ ตอนนี้ยังมองอนาคตไม่ออกเลยค่ะ ว่าจะไปทางไหนดี
ส่วนตัวเราตอนนี้ก็เพิ่งเรียนจบใหม่ทำงานเงินเดือนหมื่นกว่าบาท
น้องเราก็ยังเรียนไม่จบ  ทุกวันนี้เครียดมากนอนไม่หลับเลย
เวลามองบ้านเรากับร้านเลขเจ็ดเห็นภาพแล้วมันสะเทือนใจค่ะ
เพื่อน ๆ พอมีไอเดีย มาแนะนำมั้ยคะ ว่าเราควรทำยังไงต่อไป
หรือจะเปลี่ยนจากร้านของชำมาขายอย่างอื่นแทน
แล้วควรจะขายอะไรดี

ผู้ตอบขั้นเทพ http://pantip.com/profile/972021
อย่ากลัวค่ะน้อง พี่ (น่าจะพี่นะคะ อายุ 33 ค่ะ) ก็ขายของชำค่ะ
(ไม่ใช่สมาชิก pantip ค่ะ แต่สมัครมาตอบกระทู้นี้โดยเฉพาะ)
ร้านอยู่ห่างจาก ร้านเลขเจ็ด ประมาณ 20 ก้าวค่ะ
(ใกล้มากก เพราะทีแรก ร้านเลขเจ็ด จะมาขอเช่าที่บ้านค่ะ
แต่ถามจากรายได้ต่อเดือนแล้วไม่พอ คชจ. ในบ้านแน่นอน เลยตกลงใจไม่ทำค่ะ
เค้าเลยมาเช่าห้องที่ถัดไปจากที่บ้าน 3 ห้อง
)
จะบอกว่าการที่ ร้านเลขเจ็ด มาเปิดนั้นคือโอกาสนะคะ
ก่อน ร้านเลขเจ็ด มาเปิด พี่ก็ทำร้านต่อมาจากแม่ค่ะ (แม่เปิดมาจะ 30 ปีแล้ว)
ขายแต่ของชำอย่างเดียว ร้าน 2 คูหาค่ะ ขายส่งบ้างบางอย่าง
ตอน ร้านเลขเจ็ด มาเปิดวันแรก ร้านเงียบมากเลยวันนั้น
จำได้เลยนั่งดูลูกค้าถือลูกโป่งกับถุง ร้านเลขเจ็ด เดินผ่าน
จนอาทิตย์แรกผ่านไป เริ่มคิดแล้วรายได้ลดไปอย่างเห็นได้ชัด เอาไงดีวะ
(อันนี้บอกตัวเองนะคะ)
เพราะมีอีกหลายชีวิตในบ้านที่ต้องรับผิดชอบ เลยมาเริ่มคิด
ข้อ 1 คือ ร้านเลขเจ็ด มีอะไรและไม่มีอะไร และเรามีอะไรและไม่มีอะไร
.. งงมั้ยคะ จะสรุปให้ฟังทีหลังนะ
ข้อ 2 คือ ลูกค้าไปซื้ออะไรใน ร้านเลขเจ็ด
หาจุดอ่อนจุดแข็งทั้งของเราและของเค้าค่ะ
(SWOT analysis ที่เรียนมาเพิ่งจะได้รู้ประโยชน์จริงจังก็วันนี้ 555 เขียนผิดอย่าว่ากันนะคะ)
จากการวิเคราะห์ข้างต้น จุดแข็งของเราคือเรื่องสินค้า ราคา และลูกค้าค่ะ เอาทีละข้อนะคะ
(ตอบยาวเพราะอยากให้เพื่อน ๆ ร้านชำอีกหลาย ๆ คนสู้ ๆ เหมือนกันค่ะ อย่ายอมแพ้นะคะ)
สินค้า ความหลากหลายเราต้องมีให้มากกว่าค่ะ
ตอนเรียนโชคดีที่บังเอิญอาจารย์ให้หาข้อมูลของ ร้านเลขเจ็ด
เลยรู้ว่า ร้านเลขเจ็ด จะคัดเลือกเฉพาะสินค้าขายดี 3 อันดับต้น ๆ เข้ามาขายค่ะ
ทุกสาขาจะมีสินค้าคล้าย ๆ กัน แต่ความต้องการของลูกค้าแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกันนะคะ
เราคนพื้นที่ คุยกับลูกค้าบ่อย ๆ เวลาเค้ามาซื้อของเราจะได้รู้ว่าเค้าต้องการอะไร
ความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ของเรามากกว่าค่ะ
สังเกตดูลูกค้าเราเป็นใคร ชอบอะไร ก็หามาขายค่ะ อีกอย่างต้องไวนะคะ
โฆษณาห้ามเปลี่ยนช่องดูเข้าไปอะไรออกใหม่ ต้องหามาขายให้ทันโฆษณาค่ะ
ร้านเลขเจ็ด  ขายได้เราก็ต้องขายได้
ราคาสินค้า เดินไปดูเลยค่ะที่ ร้านเลขเจ็ด ขายกี่บาท เราตั้งราคาให้ถูกกว่าค่ะ
ร้านเลขเจ็ด จะบวกกำไรเยอะมาก เราลดราคาลงมาหน่อย หาร้านส่งที่ราคาถูก
(ที่บ้านพี่แยกซื้อค่ะ กว่าจะได้ของครบนี่บางทีวนเกือบ 10 ร้าน  -_-“)
ที่สำคัญหมั่นไปดูเค้าขายอะไร แปลก ๆ ใหม่ ๆ ดูจะขายได้ต้องขวนขวายไปหามาค่ะ
ป้ายราคาต้องมีให้ชัดเจนนะคะ ไม่ต้องถึงขนาดไปซื้อป้ายแบบใน ร้านเลขเจ็ด มาก็ได้
แค่ตัวยิงราคาแบบที่ติดที่สินค้าเลย ตัวละ 2-300 บาทก็ใช้ได้แล้ว
ยิ่งอันไหนถูกกว่ามาก มีคอมใช้คอมปรินท์ติดให้เห็นตัวโต ๆ ค่ะ
สร้างความแตกต่าง ของแบ่งขายนี่ตัวได้กำไรเลยค่ะ
บ้านพี่แบ่งทั้งถุงใส่กับข้าว ยางรัดของ ขนมปี๊บ (ทำแพคเกจให้สวยงามนะคะ กำไรดีมาก)
หลัง ๆ มีลูกค้ามาบ่นเรื่องเด็ก ๆ ชอบไปซื้อของเล่นในร้านเลขเจ็ด
ซึ่งราคาแพงมาก พี่เลยไปหาของเล่นแผงมาขายค่ะ
ตอนนี้ลูกค้าเด็ก ๆ เลยกลับมาเพียบแล้วค่ะ อิอิ แต่ขายของเด็กต้องทันเด็กนะคะ
ตอนนี้เค้าเล่นอะไรกัน อะไรกำลังฮิต ถามเอาจากร้านขายส่งนั่นแหละค่ะ
เลือกร้านที่เค้าแนะนำเราดี ๆ
อีกอย่างสินค้าเครื่องแต่งตัว ร้านเลขเจ็ด จะไม่ขายของพวกฮิต ๆ ตามตลาดนัดค่ะ
เช่น พวกสบู่ต่าง ๆ ครีมยอดฮิต
อีกอย่าง ร้านเลขเจ็ด ข้างบ้านเราพนักงานหน้าเป็นตูด
(ขอโทษที่ใช้คำไม่สุภาพค่ะ ลูกค้าพูดมาอีกที)
ร้านเราเลยได้เปรียบ เพราะเราอยากให้ลูกค้าออกจากร้านเราไปด้วยรอยยิ้มมากกว่า ยิ้ม
อ้อ รายได้เสริมบ้านพี่คือมีตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ กับตู้เติมเงินมือถือค่ะ
(ตู้ร้านเลขเจ็ด คิดค่าบริการตามยอดที่เติม ตู้ที่บ้านพี่ พี่ตั้งค่าบริการเองถูกกว่า ร้านเลขเจ็ด ค่ะ
รายได้ไปเอาจากส่วนแบ่ง % จากเงินที่ลูกค้าเติมแทน
)
ปีใหม่พี่มีของขวัญให้ลูกค้าจับรางวัลด้วยค่ะ ของเล็ก ๆ น้อย ๆ
แต่ถือว่าเป็นน้ำใจตอบแทนลูกค้า

ลูกค้าก็สนุกไปกับเราด้วย
หลายอย่างค่ะ เริ่มเมื่อยมือแล้ว จิ้มในมือถือ -_-”
สรุปคือค่อย ๆ คิดค่ะ แก้ปัญหาทีละอย่าง ความเครียดช่วยอะไรไม่ได้เลยมีแต่ทำให้แย่ลง
สิ่งสำคัญคือ [สติ] นะคะ
ทุกวันนี้ ร้านเลขเจ็ด ทำให้พี่หมดหนี้ค่ะ
ก่อนร้านเลขเจ็ด มาเปิดมีหนี้อยู่ประมาณล้านกว่าบาท ร้านเลขเจ็ด
เปิดได้ 1 ปีกว่า ๆ ยอกขายที่ร้านพี่เพิ่มขึ้นมาก หนี้จากที่ไม่ค่อยขยับไปไหนก็หมดไป
(ขอบคุณ ร้านเลขเจ็ด ค่ะ)
ปัจจุบันร้านจาก 2 ห้องขยายเป็น 3 ห้องแล้วค่ะ สินค้าในร้านเยอะมากขึ้นมาก
ลูกค้าก็เยอะขึ้นตามมามากเหมือนกัน
(ร้านเลขเจ็ด ช่วยดึงลูกค้านะคะ บ้านพี่ไม่ได้อยู่ในตลาด
ตะก่อนลูกค้าจะเลยเข้าตลาด พอ ร้านเลขเจ็ด มาเปิดเลยดึงลูกค้าส่วนนี้มา
)
หนี้ที่หมดเริ่มมีก้อนใหม่แล้วค่ะ เอามาลงทุนเพิ่ม แต่ไม่กลัวแล้วค่ะ
แถมตอนนี้ Big C มาแล้ว ข่าวว่า Lotus กำลังจะตามมา
แต่ก็ไม่ท้อค่ะ ลูกค้าไป bigc มาส่วนใหญ่ว่าของแพง บ้านเราถูกกว่า
(จะไม่ถูกกว่าได้ยังไง เราแอบดูราคาจากในเว็บ bigc อิอิ)
ไม่ได้มีแต่ร้านเรานะคะที่คิดว่า ร้านเลขเจ็ด มาเปิดแล้วไม่ดี คนรู้จักกันเปิดร้านคน

ละอำเภอเจอสถานการณ์เดียวกัน
เค้าก็ขายดีขึ้นเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ ร้านเลขเจ็ด เปิดมาได้น่าจะ 3-4 ปีแล้ว
ได้น้องพนักงานขาย ร้านเลขเจ็ด มาเป็นลูกค้าเราด้วยอีก อิอิ

อย่าท้อค่ะ อย่าท้อ มาสู้ ๆ ไปด้วยกันนะคะ

เป้าหมายของปลาทู

เป้าหมายของปลาทู
เป้าหมายของปลาทู

เป้าหมายของผม คือ ขออิ่มท้องไปอีกมื้อ
เป้าหมายของปลาทู คือ ขออยู่ในทะเลไปชั่วชีวิต
เป้าหมายของผม กับเป้าหมายของปลาทู ไม่ตรงกัน
รู้สึกว่าเป้าหมายของผมสำคัญกว่าเป้าหมายของปลาทู
แต่ถ้าถามปลาทูว่าเป้าหมายใครสำคัญกว่า
.. ก็คงได้คำตอบที่ต่างมุมมอง

ที่สำคัญคือเราใช้มุมมองของมนุษย์ หรือมุมมองของปลาทู

หนังสือ คำถาม โดย คนคิดเยอะ

12 นักษัตร หรือ 12 ราศี
12 นักษัตร หรือ 12 ราศี

21 เม.ย.56 ไปเดิน central plaza lampang
พบ B2S shop ขายหนังสือลดราคา
พบเล่มหนึ่งราคา 69 ลดเหลือ 20 จึงพากลับบ้าน
พร้อมหนังสือนิยายเด็ก ๆ เล่มเกือบ 2ร้อย ลดเหลือ 50

หนังสือคำถามมี 60 คำถาม พิมพ์เมื่อ ส.ค.51
ทุกคำถามจะได้คำตอบที่ถอดรหัสเป็นเลข 4 ตัว


1. ชิสุหลังอานไซบีเรียนบางแก้ว
= 4000 (เพราะมีชื่อสุนัข 4 พันธุ์ )
2. 800
= 1820 (8 และ 00 อ่านเป็นไทยว่า หนึ่งแปด สองศูนย์)

3. กระดาษสองแผ่นตัดกระดาษ
=5525 (กระดาษ=5 กรรไกร=ตัด=2)
ดังนั้น กระดาษสองแผ่น = 55 ตัดกระดาษ=25

4. วัวม้าหมู
= 2712 (ใน 12 นักษัตร ชวด=หนู=1 วัว=ฉลู=2 ม้า=มะเมีย=7 หมู=กุล=12)

http://www.facebook.com/yonoklampang
http://www.anitgroup.co.th

ปีฉลู
ปีฉลู
ปีจอ
ปีจอ
ปีมะโรง
ปีมะโรง
ปีมะแม
ปีมะแม
ปีระกา
ปีระกา
ปีมะเมีย
ปีมะเมีย
ปีวอก
ปีวอก
ปีกุล
ปีกุล
ปีชวด
ปีชวด
ปีเถาะ
ปีเถาะ
ปีมะเส็ง
ปีมะเส็ง
ปีขาล
ปีขาล

http://play.kapook.com/photo/show-71647
http://play.kapook.com/photo/show-71648

จุดจบ/จุดเริ่ม

สิ้นสุด เริ่มต้น (finish begin)
สิ้นสุด เริ่มต้น (finish begin)

จุดจบ/จุดเริ่ม

จบจากจุดเริ่ม…เริ่มจากจุดจบ
เมื่อเดินทางมาถึงจุดจบ เรามองเห็นจุดเริ่มต้นหรือไม่
เรามองข้ามความเหนื่อยล้า เรามองหาโอกาสที่จะเริ่มใหม่หรือเปล่า
จุดจบเป็นเพียงบทหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
หากเรายังไม่หยุดที่จะเริ่มต้น เราจะค้นพบความสุขได้ไม่สิ้นสุด
http://www.tairomdham.net/index.php?topic=8326.0

จากปฏิทินตั้งโต๊ะ ธนาคารกรุงเทพ ปีพ.ศ.2556
http://www.facebook.com/media/set/?set=a.620932377920897.1073741833.506818005999002

ความฝัน/ความจริง

ความฝัน ความจริง (dream truth)
ความฝัน ความจริง (dream truth)

ความฝัน/ความจริง

ฝันเฟื่อง…เรื่องความจริง
ความฝันไม่ใช่เรื่องผิด ความจริงไม่ใช่สิ่งโหดร้าย
อยู่ที่เราจะเลือกหยุดอยู่ที่ความฝัน หรือเปลี่ยนมันให้เป็นจริง
โลกแห่งความฝันนั้นสวยงาม แต่โลกแห่งฝันที่เป็นจริงนั้น
แสนยิ่งใหญ่และน่าภาคภูมิใจยิ่งกว่า
http://www.tairomdham.net/index.php?topic=8326.0

จากปฏิทินตั้งโต๊ะ ธนาคารกรุงเทพ ปีพ.ศ.2556
http://www.facebook.com/media/set/?set=a.620932377920897.1073741833.506818005999002

อดีต/อนาคต

อดีต อนาคต (past future)
อดีต อนาคต (past future)

อดีต/อนาคต

เขียนอดีต…วาดอนาคต
สิ่งต่างๆในอดีต มีผลสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน ทอดยาวไปยังอนาคต
การทบทวนมองสิ่งที่ผ่านมา เรียนรู้เรื่องที่ผ่านไป
ทั้งเรื่องร้ายและดี จะทำให้เราสามารถต่อยอดไปสู่อนาคตที่งดงามได้
http://www.tairomdham.net/index.php?topic=8326.0

จากปฏิทินตั้งโต๊ะ ธนาคารกรุงเทพ ปีพ.ศ.2556
http://www.facebook.com/media/set/?set=a.620932377920897.1073741833.506818005999002

เก็บ/ใช้

เก็บ ใช้ (keep use)
เก็บ ใช้ (keep use)

เก็บ/ใช้

เหลือเก็บ…เหลือใช้
หนึ่งในปัจจัยแห่งความสุขของคนยุคนี้
บางคนเก็บมากไป บางคนใช้มากเกิน
หากไม่เดินทางสายกลาง เราอาจไม่ได้พบกับความสุขอย่างที่หวัง
สะสมเงินทอง ต้องไม่ลืม สะสมความสุข
http://www.tairomdham.net/index.php?topic=8326.0

จากปฏิทินตั้งโต๊ะ ธนาคารกรุงเทพ ปีพ.ศ.2556
http://www.facebook.com/media/set/?set=a.620932377920897.1073741833.506818005999002