ประโยชน์และโทษของกาแฟ

มีงานวิจัยหลายงานที่ระบุว่าเมล็ดกาแฟมีสารคาเฟอีนที่มีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจและกระตุ้นประสาทส่วนกลาง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ ผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำจะมีโอกาสรอดพ้นจากโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ถึง 50% เมื่อได้รู้อย่างนี้ อย่าเพิ่งรีบสรุปเลยค่ะว่า คาเฟอีนในกาแฟนั้น ปลอดภัยไม่มีปัญหา เพราะอันที่จริงยังมีอีกหลายคนเหมือนกัน ที่มีปัญหาจากสารคาเฟอีน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะแต่ละคน มีประสาทสัมผัสไวต่อสารแต่ละตัวไม่เหมือนกัน

ประโยชน์ของกาแฟ
1. กาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นตัวช่วยต้านสารพิษที่เกิดจากภายในและภายนอกร่างกาย
2. ในกาแฟที่เข้มข้นจะทำให้ออกไซด์แตกตัวและลดการเกิดมะเร็งได้
3. สามารถช่วยกระตุ้นให้สมองเกิดการตื่นตัว ช่วยเร่งความเร็วในกระประมวลผลข้อมูลในสมอง
4. ช่วยลดอาการเมื่อยล้าจากการออกกำลังกาย
5. สารประกอบที่มีชื่อว่า Trigonelline ในกาแฟช่วยป้องกันฟันผุได้
6. กลิ่นของกาแฟสามารถช่วยลดอาการอยากอาหารและช่วยฟื้นฟูประสาทรับกลิ่นได้
7. หากนำเอาเมล็ดกาแฟมาอมไว้สักครู่ สามารถช่วยทำให้ลมหายใจหอมสดชื่นได้
8. เมล็ดกาแฟช่วยกำจัดกลิ่นอาหาร กลิ่นปลา กลิ่นกระเทียม หรือกลิ่นอาหารแรงๆได้

โทษของกาแฟ
1. คาเฟอีนมีคุณสมบัติคล้ายยาเสพติกอย่างอ่อน ผู้ที่ดื่มกาแฟจึงมักมีอาการ “ติดกาแฟ”
2. ผู้ที่มีความดันสูง เมื่อดื่มกาแฟในปริมาณสูง คาเฟอีนจะทำให้มีความดันสูงขึ้นไปอีก
3. หากร่างกายได้รับคาเฟอีนสูงกว่า 150 มิลลิกรัมต่อวัน คาเฟอีนจะทำให้นอนหลับยาก
4. ผู้ทีดื่มกาแฟเป็นประจำ หากหยุดดื่มกระทันหันจะทำให้มีอาการปวดศีรษะ กระสับกระส่าย ร่างกายอ่อนเพลีย และง่วงนอนได้
5. คาเฟอีนในกาแฟมีฤทธิ์กระตุ้นกล้ามเนื้อหัวใจโดยตรง จึงส่งผลให้ทำให้หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติหรือเต้นไม่เป็นจังหวะได้
6. การดื่มกาแฟหลายถ้วยต่อวัน จะลดความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกายลงได้ โดยเฉพาะในสตรี
7. คาเฟอีนมีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งของกรด pepsin และ gastrin ซึ่งอาจทำให้โรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้รุนแรงขึ้นได้
8. ถ้าหากร่างกายสูญเสียแคลเซียมออกจากร่างกายบ่อยๆ ในปริมาณมาก อาจเป็นการเพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนในหญิงวัยหมดประจำเดือนได้
9. การดื่มกาแฟมากกว่าวันละ 1 แก้ว จะมีโอกาสเกิดการเป็นหมันมากขึ้น ผู้เชียวชาญแนะนำว่าการดื่มกาแฟวันละ 1-2 ถ้วยต่อวัน จะช่วยให้สมองปลอดโปร่งได้ และการที่ดื่มกาแฟมากขึ้นก็ไม่ช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้นแต่อย่างใด

กาแฟ 1-2 แก้ว หมายถึง แก้วกาแฟปกติ ขนาด 140 มิลลิลิตร ที่ให้คาเฟอีน ขนาด 50-80 มิลลิกรัมเท่านั้น ไม่ใช่แก้วกาแฟใบใหญ่ๆ อย่างที่หลายคนชอบใช้นะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.masterplan101.com/trip/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A9%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87…%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%9F%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%B0/27.html

ดื่มกาแฟ ลดความเสี่ยงในการกลับมาเป็นมะเร็งซ้ำ

งานวิจัยในวารสารคลินิกคัลออนโคโลจี (Journal of Clinical Oncology) เผยว่า การดื่มกาแฟวันละ 4 ถ้วยขึ้นไป ลดความเสี่ยงในการกลับมาเป็นมะเร็งซ้ำ

นักวิจัยจากศูนย์มะเร็งดานา-ฟาร์เบอร์ เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา วิเคราะห์ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ระยะที่ 3 จำนวน 1,000 ราย ที่เคยผ่านการผ่าตัดและทำเคมีบำบัด พบว่า กลุ่มที่ดื่มกาแฟร้อยละ 42 มีแนวโน้มที่โรคจะกลับมาน้อยลง

และร้อยละ 33 มีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตจากโรคน้อยลง โดยนายแพทย์ชาร์ลส์ ฟุชส์ ผู้เขียนงานวิจัย และผู้อำนวยการด้านมะเร็งทางเดินอาหาร จากศูนย์ดานา-ฟาร์เบอร์ ระบุว่า ผู้ป่วยประมาณร้อยละ 35 มีความเสี่ยงที่จะกลับมาเป็นซ้ำภายในระยะเวลา 5 ปี หลังจากการรักษา แต่คาเฟอีนในกาแฟสามารถลดความเสี่ยงนี้ลงได้

อย่างไรก็ตามนักวิจัยยังคงต้องศึกษาเพิ่มเติม เพื่อหาการเชื่อมโยงที่ชัดเจนของกาแฟและความสามารถในการป้องกันการกลับมาของโรค

ที่มา: Healthcare Asia Daily และ http://www.cheewajit.com/category/diet/