จดหมายจากลูกถึงพ่อแม่ ฉบับที่ 2 มองไปนอกหน้าต่างรถไฟ

สวัสดีค่ะ พ่อเก๋ แม่ขวัญ

สู้ สู้ นะเรา” เป็นคำพูดที่หนูบอกตัวเอง
เมื่อมองออกไปที่นอกหน้าต่างรถไฟ
เห็นคุณตา คุณย่า พ่อเก๋ แม่ขวัญ และน้อง ๆ
ยืนส่งยิ้มมาที่หนู หนูก็ยิ้มนะ แต่ในใจสะอื้นเลยหละ
เหมือนใจดีสู้เสือเลย

ตอนนั้นรถไฟยังจอดสงบนิ่งอยู่ที่ชานชาลาสถานีลำปาง
แล้วก็ค่อย ๆ เคลื่อนออกไป กระชึก กระชัก กระชึก กระชัก

วันนั้น เป็นครั้งแรก
ที่หนูนึกถึงคำว่า change ที่ประธานาธิบดีโอบามา กล่าวไว้
เพราะกำลังจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับหนูเยอะเลย

เปลี่ยนจาก อยู่ในรั้วโรงเรียน ไปอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย
เปลี่ยนจาก แม่ทำข้าวให้ทาน ไปซื้อทานเอง
เปลี่ยนจาก นอนกับน้อง ไปนอนกับเพื่อนใหม่
เปลี่ยนจาก นอนบ้าน ไปนอนหอพัก
เปลี่ยนจาก นักเรียน ไปเป็นนักศึกษา
เปลี่ยนจาก พ่อแม่ไปส่ง ไปไหนก็ต้องไปคนเดียวโด่เด่
เปลี่ยนจาก ขอตังพ่อแม่ใช้ ไปใช้เงิน กยศ.
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนเดิม คือ ต้องตั้งใจเรียนหนังสือ

เรื่องที่หนูหวั่นใจที่สุด
คือ ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่ต้องขึ้นรถไฟคนเดียว
เดินทางไปไกลหลายร้อยกิโลเมตรจากบ้าน
และอีกหลายเดือนจะได้กลับบ้าน
นึกทีไรก็อยากร้องไห้นะ กลัวเป็นโฮมซิกจังเลย

คืนนั้น เป็นคืนเดือนหงาย
คืน 15 ค่ำ ข้างนอกดูสว่างนะ ถ้าเมฆไม่บังจันทร์
หนูนอนเตียงล่าง นอนก็ไม่หลับผิดที่
เตียงบนยังว่าง คืนนั้นมีหลายเตียงว่างอยู่
แล้วตู้นี้ชาวต่างชาติเยอะมาก ไม่พูดอังกฤษด้วย
จึงไม่ได้ทักใคร แล้วก็ไม่มีใครมาทักหนู
ยกเว้นตำรวจรถไฟที่มาเดินตรวจตั๋ว
หนูแอบมองไปข้างนอก ที่นอกหน้าต่างรถไฟ
มีอะไรน่าสนใจเยอะเลย คงเพราะไกลบ้าน
เห็นถนนที่ตัดผ่านรถไฟ บางเส้นก็มีที่กั้น บางเส้นไม่มี
เห็นภูเขาที่มีต้นไม้เต็มไปหมด
เห็นบึงน้ำกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
เห็นถ้ำ แต่ก็เห็นไม่ชันนะคะ เพราะมืดไปหมด
เห็นสถานีรถไฟ หน้าตาเหมือนกันทุกสถานี หนูนั่งนับด้วยนะ
.. หนึ่ง สอง สาม .. ถึงเท่าไรไม่รู้ เพราะงีบหลับไป

หนูหลับ ๆ ตื่น ๆ มองนอกหน้าต่างรถไฟบ่อย ๆ
และแล้วก็ถึงรุ่งสาง พระอาทิตย์มาเลย
เข้าบางกอกแล้ว รถยนต์เยอะมาก
ปลายทางที่หนูจะลง คือ หัวลำโพง
หนูพกกระเป๋าไป 3 ใบ
สะพายหลัง ลากใบใหญ่ และหิ้วอีกใบหนึ่ง
ส่วนกระเป๋าตังหนูใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ

ครั้งล่าสุด
ยังจำได้เลย พ่อเก๋ แม่ขวัญ มาด้วยไง
พวกเราไปจองหอพัก เลือกอยู่นาน มีหลายแบบน่ะ
และสอนให้หนูเดินทางเอง ทั้งรถไฟ และรถทัวร์
แต่ไม่ได้สอนว่าไปกลับเครื่องบินต้องทำอย่างไร
ครั้งนี้
หนูมาเอง พอลงรถไฟ ก็เดินไปที่คิวรถตู้ อยู่ไม่ไกลนัก
เพราะนั่งรถแท็กซี่ไปมหาวิทยาลัยจะไกลมาก ๆ
นั่งรถตู้สะดวก ไม่แพงเกินไปนัก
บอกคนขับรถตู้ว่าลงหน้ามอ เค้าก็จอดให้เลย
หนูแอบงีบระหว่างนั่งรถตู้ด้วย เพราะแอร์เย็น
หนูสะดุ้งตื่น เพราะผู้โดยสารเกือบทั้งคันลงที่ตลาด
แต่มหาวิทยาลัยอยู่เลยตลาดไปอีกไม่กี่กิโล
พอถึงหน้ามอ เค้าก็จอดให้ มีเพื่อนลงด้วยสองคน

ไปถึงมหาวิทยาลัยก็เช้าล่ะ
เพราะรถไฟเสียเวลา ไปถึงเลยเวลาที่เค้าแจ้งไว้
ครั้งต่อไปหนูคงไป-กลับรถทัวร์เอา
เพราะใช้เวลาน้อยกว่า รถทัวร์แวะทานข้าวต้มรอบดึกด้วย
หนูชอบข้าวต้มดึก มีกุงเชียง มีผัดผักบุ้ง มีปลาทอด
และได้แวะเข้าห้องน้ำที่กำแพงเพชร

ตอนนี้ถึงห้องพักแล้ว
ที่นี่เป็นหอพักหญิงที่อยู่ในมหาวิทยาลัย
เดินจากหน้ามหาวิทยาลัยเข้าไปประมาณ 300 เมตร
ห้องหนูนอนกัน 3 คน เป็นเตียงเดี่ยว ห้องน้ำในตัว
เพื่อนอีก 2 คนยังมาไม่ถึง หนูมาคนแรก
สงสัยเค้าไม่ได้มาจากภาคเหนือแบบหนู
ไม่งั้นคงถึงพร้อม ๆ กัน
หนูขอนอนเอาแรงก่อนนะคะ
เมื่อคืนตื่นเต้นเกิน เลยไม่ค่อยได้หลับ
ฉบับหน้า จะหาเรื่องสนุก ๆ มาเล่าให้ฟังนะค่ะ

ลากกระเป๋า ระหว่างเดินทาง
ลากกระเป๋า ระหว่างเดินทาง

Bye Bye จ้า .. รักทุกคนนะ จุ๊บ จุ๊บ
จาก พี่เอของน้อง ๆ และลูกที่น่ารักของพ่อเก๋ แม่ขวัญ
มีอะไรทักแชทได้เหมือนเดิมน้า

อยากเกิดเป็นคนหลายใจ

เพลง อยากเกิดเป็นคนหลายใจ ของ กะลา
มีเนื้อหาที่ดี สอดคล้องกับวิถีพุทธที่ว่า
ถ้าถือแล้วหนักก็ปล่อยก็วาง ถ้าปล่อยวางได้แล้ว
ทำใจได้แล้ว ก็จะไม่หนักไม่ทุกข์อีกต่อไป
เนื้อเพลง
ตั้งแต่ที่รักเธอ ก็ไม่เคยรักใคร
ไม่เคยแบ่งหัวใจ ให้ใครเลยสักหน
แต่หนึ่งใจของเธอ ทำไมช่างวกวน
มีใครอีกหลายคน ซ่อนไว้ตั้งมากมาย
ไม่เคยจะคิดเลย ว่าเธอทำได้ลง
กับคนที่มั่นคง ให้เธออย่างหมดใจ
ไม่มีใจเหลือเฟือ ไม่เผื่อใจให้ใคร
เมื่อเธอมาทิ้งไป มันทนไม่ได้เลย
* อยากเกิดเป็นคนหลายใจ รักใครทีละหลายคน
ไม่ต้องมาทุกข์ทน เสียคนแทบเป็นแทบตาย
เกิดเป็นคนใจเดียว แล้วมันไม่มีความหมาย
อยากเป็นคนหลายใจ(เหมือน/อย่าง)เธอ
ไม่อยากจะโทษเธอ ไม่อยากจะโทษใคร
ที่เจ็บและเสียใจ เมื่อเธอไม่เหลียวแล
มันผิดที่ฉันเอง ที่เกิดมารักเดียว
ก็เจ็บอยู่ข้างเดียว ไม่มีใครสนใจ
(ซ้ำ *)
(ซ้ำ * , *)

มนุษย์อาจเปลี่ยนศีรษะกันเองได้ในอีกสองปี (itinlife489)

คนเราก็แปลก บางคนอยากอยู่นาน ๆ
แต่บางคนพออยู่นานแล้วก็เบื่อ อยากตาย
ตามสถิติ คนเกาหลี ฆ่าตัวตายจำนวนมาก
ทั้งที่อายุพวกเขาก็ยังไม่มาก แต่ด่วนรีบจากไปกันก่อน
ในความเป็นจริง หากมนุษย์เรา อยู่นานแล้วไม่มีอะไรทำ ก็อาจเบื่อชีวิตก็ได้
อย่างตัวเอกของหนังเรื่อง
Bicentennial man .. ก็เลือกที่จะจากไปเอง

The Devil's Game
The Devil's Game

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้การสื่อสารง่ายขึ้น โลกแบนขึ้น และแคบลงอย่างมาก โดยการเปลี่ยนแปลงนี้รวดเร็วมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ความก้าวหน้าทางการแพทย์ก็ไม่แพ้กัน ปัจจุบันเรามีอวัยวะเทียมหลายชิ้นที่สามารถนำมาทดแทนอวัยวะจริงได้ ความพยายามทางการแพทย์ทำให้การผ่าตัดใหญ่ เช่น การนำนิ่วออกจากช่องท้องทำได้ง่ายขึ้น ด้วยการเจาะรูที่หน้าท้องไม่กี่รู แล้วสอดกล้องและเครื่องมือเข้าไปนำนิ่วออกมา แทนการเปิดแผลขนาดใหญ่ที่หน้าท้อง การต่อเส้นเลือดหรือต่ออวัยวะก็ประสบผลสำเร็จ เช่น การต่ออวัยวะเพศชาย ต่อแขน ต่อขา ก็สามารถทำแล้ว

พบข่าวจากหลายสื่อว่าหมอเซอร์จิโอ คานาเวโร (Sergio Canavero) ศัลยแพทย์ที่ประเทศอิตาลี และคณะ เขียนบทความลงนิตยสารทางวิทยาศาสตร์ว่าอีก 2 ปีข้างหน้า การผ่าตัดเปลี่ยนศีรษะน่าจะเป็นไปได้ เพื่อช่วยต่อชีวิตให้กับผู้ป่วยที่ร่างกายมีปัญหา เช่น มะเร็ง เป็นต้น โดยการย้ายศีรษะจากคนหนึ่งไปใส่ยังร่างกายของอีกคนหนึ่งที่ได้รับบริจาคมา ความซับซ้อนมี 2 จุดคือการต่อเส้นเลือดใหญ่ และการต่อไขสันหลังซึ่งมีเซลประสาทจำนวนมาก โดยทบทวนวรรณกรรมว่าการผ่าตัดแบบนี้เคยทำกับลิงมาแล้วเมื่อปี 2513 โดยหมอโรเบิร์ต ไวท์ ศัลยแพทย์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ครั้งนั้นไม่สามารถต่อไขสันหลังของลิงได้ และมีปัญหาเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน ลิงตัวนั้นจึงมีชีวิตได้เพียง 9 วัน

แนวคิดนี้ได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เกาหลีเมื่อปี 2551 เรื่อง The Devil’s Game โดยเศรษฐีชราผู้มีเงินมหาศาล ท้าพนันกับหนุ่มน้อย ถ้าหนุ่มน้อยแพ้พนันต้องยอมสลับร่างกายกับเศรษฐีชรา ในภาพยนตร์จะไม่ใช่การเปลี่ยนทั้งศีรษะ แต่เปลี่ยนเฉพาะสมอง ทำให้เศรษฐีชรามีหน้าตาเหมือนกับหนุ่มน้อยทุกประการ ถ้าหากการผ่าตัดเปลี่ยนศีรษะสำเร็จก็เชื่อว่าเศรษฐีในโลกส่วนใหญ่ต้องยอมทุ่มเงินที่สะสมมา เพื่อให้ได้ร่างกายใหม่ที่เสมือนกับการได้ชีวิตใหม่ ไม่ต้องอยู่ในร่างกายที่แห้งเหี่ยว มีแต่อวัยวะที่ชำรุดทรุดโทรมอีกต่อไป ก้าวต่อไปของนวัตกรรมก็คงต้องการย้ายไปเฉพาะสมองที่เก็บจิตสำนึกเท่านั้น เพราะหน้าตาที่ดูชราก็คงไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไป หากย้ายร่างกายได้จริง

bicentennial man
bicentennial man

http://www.hancinema.net/korean_movie_The_Devil__s_Game-picture_47919.html

http://www.thairath.co.th/clip/13612

http://www.cnet.com/news/human-head-transplant-just-two-years-away-surgeon-claims/

http://www.theguardian.com/society/2015/feb/25/first-full-body-transplant-two-years-away-surgeon-claim

เลื่อนแจกแท็บเล็ตปี 2556

ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน
ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน

นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีการศึกษาของไทยเปลี่ยนแปลงในปีการศึกษา 2555 อีกครั้ง เมื่อนักเรียนในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในประเทศไทยได้รับแจกแท็บเล็ตพีซีเพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอน แล้วปีการศึกษา 2556 เป็นปีที่ 2 ที่จะแจกให้กับนักเรียน 2 ระดับชั้น คือ เพิ่มชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งกระทรวงศึกษาออกมาให้ข่าวในต้นเดือนมี.ค.56 ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างทำรายละเอียดความต้องการ หากกำหนดการไม่เปลี่ยนก็จะมีการส่งในช่วงปลายพ.ค. ถึงก.ค.56 ซึ่งไม่ทันส่งมอบในวันเปิดเรียน คือ 16 พ.ค.56 เพราะมียอดรวมที่จะซื้อกว่า 1.8 ล้านเครื่อง ใช้งบหลายพันล้านบาท

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000027890

ไม่ทราบว่าทำไมในปี 2555 ถึงต้นปี 2556 ถึงมีข่าวการศึกษาเชิงลบออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งผลการจัดอันดับในเวทีโลกด้านการศึกษาที่มีแนวโน้มอยู่ในอันดับท้าย ข่าวสอบครูผู้ช่วยที่คาดว่า 1000 จาก 2000 คนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ข่าวทุจริตสอบตำรวจ ข่าวปิดสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในภาคอีสาน และข่าวผลประเมินโรงเรียนโดยสมศ.ไม่ได้คุณภาพถึง 1 ใน 3 จากที่รับการประเมินคุณภาพ 7,985 แห่ง แต่มีผลไม่รับรอง 2,295 แห่ง ซึ่งล้วนแต่เป็นข่าวเชิงลบต่อการใช้เทคโนโลยีของเยาวชน แม้สถิติที่กรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงที่ใช้เฟสบุ๊ค (Facebook) มากที่สุด หรือใช้แอพไลน์ (Line) ต่อเนื่องนานที่สุด ก็ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่าเกิดการพัฒนาการศึกษาควบคู่ไปกับเทคโนโลยีที่เด่นชัด แต่จะเป็นคำถามว่าแทนที่จะเอาเวลาไปอยู่ในเฟสบุ๊ค หรือใช้สื่อสารในหลายรูปแบบ น่าจะหันไปสนใจการศึกษา และตัวบ่งชี้ที่จะทำให้การศึกษาของไทยมีคุณภาพเพิ่มขึ้นน่าจะเป็นแนวทางที่ถูกต้อง

ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) นำผลวิจัยมาแบ่งปันพบว่า ความเห็นของผู้ปกครองในภาพรวมมีความพอใจ และ ครูมีการใช้งานแท็บเล็ตเพื่อการเรียนการสอนเฉลี่ยสัปดาห์ละ 4 วัน วันละ 55 นาที และได้ใช้แท็บเล็ตในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาหลักมากที่สุด คือ วิชาภาษาไทย ร้อยละ 56.05  สังคมศึกษา ร้อยละ 44.5 คณิตศาสตร์ ร้อยละ 42.7 วิทยศาสตร์ ร้อยละ 38.1 และภาษาอังกฤษ ร้อยละ 35.5 ปัจจุบันแท็บเล็ตสำหรับเด็กมีราคาไม่ถึง 5,000 บาท ซึ่งเชื่อได้ว่าผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยซื้อหามาใช้ที่บ้าน แล้วใช้งานนานกว่าที่โรงเรียนโดยการดูแลใกล้ชิดจากผู้ปกครอง เป็นอีกกลไกหนึ่งที่สนับสนุนนโยบายการศึกษาของภาครัฐที่จะส่งเสริมให้เด็กรู้จักประยุกต์ใช้อุปกรณ์อย่างถูกต้องให้เกิดประโยชน์สูงสุด

http://www.thaiall.com/blogacla/admin/2392/

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000029487

เปลี่ยนหัวหน้าอีกครั้ง (change boss)

12 ต.ค.55 เพื่อนเล่าให้ฟังต่อจากปี 52 ว่าชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง นี่ก็เปลี่ยนหัวหน้ามาหลายคนแล้ว ต่อจากคุณเอกในปี 52 ก็เป็น 12) บอย 13) นัท 14) อุ้ย 15) ลักษณ์ และล่าสุดปี 55 คือ 16) ปุ๊ก พร้อมกับเปลี่ยนสังกัดจาก PR ไปเป็น HR

มีเพลงของบิลลี่หลายเพลงน่าสนใจ แต่เพลงนี้ดูมีน้ำใจครับ ชอบทำนองด้วย

เพลง     น้ำใจลูกจ้าง
ศิลปิน     บิลลี่ โอแกน
รหัสเพลง     05688

สวัสดี สวัสดีนายครับ
ผมคิดถึงนาย ไม่ได้ไปไหว้ปีใหม่
ได้ข่าวที่ไม่ค่อยดีเรื่องนาย
ได้ข่าวว่าเศรษฐกิจวุ่นวาย
นายแทบล้มละลาย
ต้องกลายเป็นคนเคยรวย
จะบอกนาย จะบอกนายเอาไว้
เดือดร้อนยังไง ไอ้ผมก็เต็มใจช่วย
อยากเห็นเจ้านายกลับไปร่ำรวย
ผมรู้ไม่นานเจ้านายต้องรวย
ถ้านายมีผมคอยช่วย
รับรองต้องรวยเหมือนเดิม
ถ้านายจะไปขายเต้าฮวย
ผมไปขายเฉาก๊วยร่วมด้วยก็ยังได้
รึว่านายจะไปขายก๋วยจั้บ
ผมจะไปช่วยหั่นตับเครื่องในเอามั้ย
รึว่านายจะไปขายข้าวแกง
ผมจะทำแพนงกับแกงเผ็ดไปให้
รึว่านายจะไปขายเกาเหลา
ผมไปเสิร์ฟข้าวเปล่าลูกค้าให้นาย
รึว่านายจะไปขายราดหน้า
ผมช่วยหั่นผักคะน้าให้นายเอาไหม
รึว่านายจะไปขายไก่ย่าง
ผมทำไก่อบฟางขายด้วยยังได้
รึว่านายอยากจะไปขายถั่ว
ผมจะช่วยปลอมตัวโพกหัวนายให้
รึว่านายจะไปขายฮ้อทด๊อก
ผมจะช่วยทำไส้กรอกอีสานให้นาย
ให้นายรวยรวย ให้นายรวยรวย
ให้นายรวยรวย ให้นายรวยรวย
จะบอกนาย จะบอกนายเอาไว้
เดือดร้อนยังไง ไอ้ผมก็เต็มใจช่วย
อยากเห็น เจ้านายกลับไปร่ำรวย
ผมรู้ไม่นานเจ้านายต้องรวย
ถ้านายมีผมคอยช่วย
รับรองต้องรวยยิ่งกว่าเดิม
หากว่านายจะไปขายหอยทอด
ผมจะทำน้ำซอสอร่อยอร่อยไปให้
รึว่านายจะไปขายสุกี้
ผมทำเต้าหู้ยี้รถเด็ดยังไหว
หากว่านายจะขายข้าวหมูแดง
ผมไปช่วยหั่นแตงหั่นหมูยังได้
รึว่านายจะเปิดร้านโต้รุ่ง
ผมไปผัดบุ้งไฟแดงเอามั๊ย
หากว่านายจะขายข้าวต้มผัด
ผมจะคอยช่วยตัดใบตองไว้ให้
รึว่านายจะขายลาบน้ำตก
ผมมีสากกับครกไปตำส้มตำยังได้
รึว่านายจะขายปาท่องโก๋
ผมช่วยขายไมโล โอยั๊วะช่วยนาย
รึว่านายจะขายกระเพาะปลา
ผมต้มไข่นกกระทาเตรียมไว้ให้นาย
ให้นายรวยรวย ให้นายรวยรวย
ให้นายรวยรวย ให้นายรวยรวย
จะบอกนาย จะบอกนายเอาไว้
เดือดร้อนยังไง ไอ้ผมก็เต็มใจช่วย
อยากเห็น เจ้านายกลับไปร่ำรวย
ผมรู้ไม่นานเจ้านายต้องรวย
ถ้านายมีผมคอยช่วย
รับรองต้องรวยยิ่งกว่าเดิม
หากว่านายจะไปขายรองเท้า
ผมไปช่วยทากาวให้นายยังได้
รึว่านายจะไปขายของเก่า
ผมมีตู้มีเตาพระเจ้าเหาเคยใช้
แต่ถ้านายจะไปทำเฟอร์นิเจอร์
ผมช่วยทาแลคเกอร์เอาเงาด้านก็ได้
รึว่านายจะไปขับแท็กซี่
ผมจะหารถดีดี มาไว้ให้นายใช้
แต่ถ้านายจะไปทำก่อสร้าง
ผมจะไปคอยช่วยวางเหล็กเส้นก็ได้
รึนายขี่มอเตอร์ไชด์รับจ้าง
ผมจะช่วยบอกทางซอกแซกเอามั๊ย
หากว่านายอยากจะไปเฝ้ายาม
ผมจะลองไปถามเจ้าของแฟลตเค้าให้
รึนายอยากจะไปเป็นเซลล์แมน
ผมจะช่วยวางแผนการขายให้นาย
ให้นายรวยรวย ให้นายรวยรวย
ให้นายรวยรวย ให้นายรวยรวย
รึว่านายอยากไปเป็นนักร้อง
ผมจะได้ไปจองห้องอัดเอาไว้
รึว่านายอยากไปเป็นตลก
ผมบอกหม่ำจ๊กม๊กมาดูตัวยังได้
รึว่านายอยากจะไปชกมวย
ผมจะได้ไปช่วยไปเป็นคู่ซ้อมให้
รึว่านายจะหันหน้าเข้าวัด
ผมจะหาตาลปัตร
สวยสวยมาถวาย
หากว่านายมีอะไรขาดเหลือ
ผมจะขอสินเชื่อให้นายก็ได้
รึว่านายมีแต่หนี้เสียเสีย
ผมบอกกู๊ดแบงค์เคลียร์ให้นายยังไหว
รึว่านายอยากจะเทขายหุ้น
ผมจะหานักลงทุน
มาช้อนซื้อหุ้นให้นาย
รึว่านายอยากจะคิดเปิดบ่อน
ผมจะรับแทงบอลเปิดโต๊ะช่วยนาย
รึว่านายอยากจะเป็นเจ้าพ่อ
ผมหาพระห้อยคอแท้แท้มาให้
รึนายอยากจะเป็น ส.ส.
ผมไปสอพลอให้นายเอามั๊ย
รึนายอยากเป็นรัฐมนตรี
ผมจะช่วยล้อบบี้
กับปาร์ตี้ลิสต์เค้าให้
ถ้าเมื่อไหร่มีกำไรถอนทุน
นายให้ผมร่วมหุ้นแล้วเพิ่มทุนดีมั๊ย
http://music.forthai.com/music/lyric/?sid=5688

เปลี่ยน background ของ km blog

background of blog
background of blog

4 มี.ค.55 เดิมใช้แนวภาพแบบวงกลม ให้ความรู้สึกที่ลื่นไหล ไร้เหลี่ยมให้ขัดใจ ไร้รอยต่อให้สะดุด (คิดแบบ steve jobs) แม้จะดูดี แต่ไม่มีความหมายชัดเจน หรือเล่าเรื่องต่อได้ยาก .. เมื่อนึกถึงภาพยนตร์เรื่อง rise of the planet of the apes ซึ่งนึกถึง 3 รอเรือ คือ รัก รุนแรง และเรียนรู้ ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ blog จึงเปลี่ยนเป็นภาพพื้นหลัง แต่เนื้อหาที่คิดจะเขียนไม่ได้อยู่ใน thaiall.com/blog แต่เนื้อหาไปอยู่ใน thaiall.com/blogacla เพราะเป้าหมายของ /blog ออกแนววิชาการ แต่ผมตั้งใจเขียนเรื่องเกี่ยวกับภาพยนตร์ ซึ่งจะมี catagory ใน /blogacla ซึ่งมีอยู่แล้ว

ปัจจุบันมีเรื่องราวมากมายที่ผมไม่ได้คิดเอง
– ภาษาที่พูด/เขียน
– เสื้อผ้าที่ใส่
– ของใช้ก็ไม่เคยสร้างเอง
– อาหารที่รับประทาน ก็มีคนคิดมาก่อน
– ศาสนาที่เชื่อ ก็ตามคนรอบตัว
– แนวความคิดที่มีอยู่ ก็เกิดจากบทเรียน
– ความคิดก็โดนมนุษย์ยัดเข้ามาในหัวผมทั้งนั้น

ทุกอย่างล้วนคัดลอก หรือดัดแปลงของเขามาทั้งสิ้น
เรียกว่า เรียนรู้สิ่งที่คนอื่นออกแบบไว้
มาเป็นของตนเอง

http://www.thaiall.com/ppt/movie.pptx

ประเด็นชวนคิด
ถ้าคิดอย่างลิง ผมว่ามนุษย์ไม่ควรใช้อำนาจอย่างที่ใช้อยู่
ถ้าคิดอย่างคน ผมว่าลิงก็เป็นเพียงสัตว์ทดลอง อย่างไปใส่ใจอะไรเลย

เรื่องที่เขียนนี้มาจากคำว่า
เพราะมีการเรียนรู้ในอดีต จึงถูกใช้ในปัจจุบัน เพื่อกำหนดอนาคต
ถ้ารู้จักใช้อดีตสักนิด
ก็แสดงว่ามนุษย์ผู้นั้น
กำลัง .. ใช้การศึกษาให้เป็นประโยชน์

http://www.youtube.com/watch?v=f8D2NIGEJW8

ปัญหาที่ทำให้ต้องย้ายบ้าน

อย่างนี้ต้องย้ายบ้าน
อย่างนี้ต้องย้ายบ้าน
6 พ.ย.54 เมื่อบ้านมีปัญหา ก็ต้องย้ายบ้าน เหตุผลของแต่ละคน หรือแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน บางคนบอกเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางคนก็รับไม่ได้ .. มีเพื่อนหลายคน ถามว่าทำไมต้องย้าย บ้านดีออก
สรุปปัญหาที่พบกับตัว หรือคนในบ้านเล่าให้ฟัง ดังนี้
1. คนเมามาอวก และถ่ายเบา หน้าประตูบ้านเป็นประจำ เพราะบ้านติดร้านเหล้า
2. ผัวเมียทะเลาะกัน เพราะมารอเมียที่มาดื่มเหล้ากับกิ๊ก ชีวิตดั่งละคร
3. ตีกันขั้นลงไม้ลงมือ ทั้งชายหญิงหรือหญิงหญิง คดีลงหนังสือพิมพ์ก็หลายครั้ง
4. หน้าบ้านเป็นที่โทรศัพท์ คุยอะไรกัน ในบ้านได้ยินหมด ไม่มีลับ
5. รถเข้าบ้านไม่ได้ เพราะมีรถลูกค้าข้างบ้านมาจอดขวาง ต้องไปหาที่จอดใหม่
6. ควันไอเสียจากรถลูกค้าร้านอาหาร แต่ที่หนักคือรถตู้เย็นที่ต้องสตาร์ททิ้งไว้
7. ตั้งแต่เที่ยงวันไปถึงเที่ยงคืนจะมีนักร้องสมัครเล่นมาขับกล่อมทุกวัน ชัดเจน
8. หนู แมลงสาบ ต๊กโต เป็นเพื่อนสนิทในบ้าน เพราะใต้บ้านเป็นร่องน้ำทิ้ง
9. คนผ่านไปใครมา เห็นในบ้านหมด ร้อน ๆ ถอดเสื้อผ้าก็อายเขา
10. บ้านปูนเป็นทาวน์เฮ้าเก่ากว่า 20 ปี ต่อเติมไม่ได้ ทางเทศบาลห้ามไว้

2 ปี เปลี่ยนผู้บริหาร 5 คน

เพลง กลัวเธอเปลี่ยนไป

13 ก.พ.54 เข้าร่วมฟังเวทีสาธารณะ เรื่อง “ลำปาง…เหงามาก” ที่สวนเขลางค์นคร ผู้ร่วมเสวนาในเวทีบอกว่า 2 ปีมีผู้บริหารจังหวัดลำปาง หรือที่เราเรียกว่าผู้ว่าราชการจังหวัด เปลี่ยนถึง 5 คน คงไม่มีที่ไหนทำลายสถิตินี้ได้ ถ้านับตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2551 ถึง 1 ตุลาคม พ.ศ.2553 พบว่า ท่านแรกคือ  1) นายดิเรก ก้อนกลีบ ออก 19 ตุลาคม พ.ศ.2551 2) นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ออก 15 มีนาคม พ.ศ.2552 3) นายสมบูรณ์ ศรีพัฒนาวัฒน์  ออก 30 กันยายน พ.ศ.2552  4) นายศุภกิจ บุญญฤทธิพงษ์ ออก 30 กันยายน พ.ศ.2553 5) นายอธิคม สุพรรณพงศ์ เข้ารับตำแหน่ง 1 ตุลาคม พ.ศ.2553

ประเด็นที่น่าสนใจคือ คำว่าการเปลี่ยนแปลง (Change) ย่อมนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า หรือมีคำกล่าวว่า “สิ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลง คือการเปลี่ยนแปลง”
http://www.lampang.go.th/govlp.htm
http://www.thaiall.com/blogacla/admin/139/

เปลี่ยนนโยบายจากบล๊อกสมาคม เป็นวาไรตี้บล็อก

8 ก.พ.54 โฮมเพจ thaiall.com/blogacla เปลี่ยนนโยบายการให้บริการจากการเป็น blog แลกเปลี่ยนเรียนรู้ของสมาคมศิษย์เก่า เป็น “อะค่ะบล็อก” ที่เป็นวาไรตี้ของมนุษย์ มีประเด็นนำเสนอเกี่ยวกับ คลิ๊ป ภาพ ดารา เกม ชีวิต การศึกษา วิจัย วิถีชีวิต บันเทิง การค้า กีฬา ศาสนา แต่ก็เปิดให้ลงทะเบียนได้ทั่วไป เพราะหัวข้อของสมาคมศิษย์เก่าอัสสัมชัญลำปางยังไม่หายไป หากต้องการเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ก็ยินดี .. เห็นผลสำคัญในการเปลี่ยนนโยบายของบล็อก เพราะระบบของ facebook.com/aclalumni มีความสมบูรณ์ในการเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และได้รับความนิยมจากสมาชิกของสมาคม มากกว่าระบบบล็อก ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ สิงหาคม 2552 ถึง กุมภาพันธ์ 2554