9 เรื่องที่คนส่วนใหญ่ขาด กับเพลงต้นขับขี่

9 เรื่องที่คนส่วนใหญ่ขาด สงสัยต้องจัดอบรม
นึกถึงหนุ่มชาวเขาที่ถามว่าต้นใบขับขี่หน้าตาอย่างไร
จะไปเก็บใบมาให้
555 สงสัยหัวหน้าจะบอก บุรินทร์ คุณไม่เข้าใจ
เพื่อน ๆ คงอ่านแล้วงง ผมไม่ได้ร้อยเรียงครับ
อ่านคนเดียว ก็เข้าใจคนเดียว
===
หัวหน้าแชร์มาให้อ่าน น่าสนใจครับ
===
ผลงานวิจัยเปรียบเทียบระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศด้อยพัฒนาหรือกำลังพัฒนา พบว่า:-

* ไม่ได้อยู่ที่ความเก่าแก่ของอารยะธรรมของประเทศนั้นๆ ซึ่งสามารถดูได้จากประเทศอินเดียและอียิปต์ แม้มีอารยะธรรมมานานมากกว่า 2,000 ปี แต่ก็ยังยากจน

ในขณะเดียวกันประเทศ ออสเตรเลีย แคนาดา ละนิวซีแลนด์ ที่เป็นประเทศที่เพิ่งเกิดใหม่ไม่เกินร้อยห้าสิบปี ก็พัฒนากลายเป็นประเทศร่ำรวยได้

* ไม่ได้อยู่ที่ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรในประเทศนั้นๆ

ซึ่งสามารถดูได้จากประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีพื้นที่ทำกินน้อยมาก พื้นที่ 80% เป็นภูเขาไม่เหมาะแก่การเกษตรกรรม

แต่สามารถเป็นประเทศส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญ และยังเป็นปใช้วัตถุดิบจากประเทศอื่นๆ ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก

ส่วนประเทศสวิสเซอร์แลนด์ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตซ็อคโกแล็ตรายใหญ่ของโลกทั้งๆ ที่ไม่มีไร่ปลูกโกโก้เลยและมีที่ดินเพียงน้อยนิดแถมอากาศหนาวจัดปลูกพืชได้เพียงปีละ 4 เดือนเท่านั้น

นอกจากนี้ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ยังนำเอาความเป็นระบบระเบียบของคนในชาติมาใช้ประโยชน์จนเป็นประเทศธนาคารโลกและองค์กรธุรกิจการเงินที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก

* ไม่ได้อยู่ที่ความแตกต่างด้านสติปัญญาและแรงงานของคนในชาติเลย

เพราะเมื่อแรงงานที่เคยขี้เกียจในประเทศตนย้ายไปทำงานในประเทศที่เจริญแล้วกลับกลายเป็นแรงงานที่ขยันขันแข็งด้วยซ้ำไป

***แล้วอะไรที่ทำให้แตกต่าง?

สิ่งที่แตกต่างคือ ทัศนคติที่ฝังรากลึกมานานปีโดยผ่านระบบการศึกษาและการอบรมปลูกฝัง

จากการวิเคราะห์พฤติกรรมของคนในประเทศที่พัฒนาแล้วพบว่า

คนส่วนใหญ่ดำเนินชีวิตอยู่บนหลักปรัชญาเหล่านี้ คือ

1. ใช้จริยธรรมนำทางชีวิต
2. ความซื่อสัตย์
3. ความรับผิดชอบในบทบาทหน้าที่
4. ความเคารพต่อกฎระเบียบ
5. การเคารพต่อสิทธิของผู้อื่น
6. ความรักในงาน
7. ความสนใจในการอดออมและการลงทุน
8. แรงผลักดันสูงสู่ความเป็นที่หนึ่ง
9. ความตรงต่อเวลา

ในประเทศด้อยพัฒนานั้น มีคนเพียงจำนวนน้อยที่ใช้หลักปรัชญาเหล่านี้ในการดำเนินชีวิต
การที่ประเทศไทยเรายังไม่สามารถพัฒนาไปดีกว่านี้เพราะเราขาดทัศนคติและแรงผลักดันที่สอดคล้องไปตามหลักปรัชญาการดำเนินชีวิตที่กล่าวมาแล้ว

เพลงต้นขับขี่ ของ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ
“เหล่าเช้งเป็นคนปราดเปรื่อง รู้เรื่องใบไม้อย่างดี แต่ใบที่นายสิบตรี ว่าใบขับขี่มันเป็นละยังไง”

ติด shortcut เข้าแล้ว

อาการ เมื่อพา handydrive ไปจิ้มที่ไหนมา กลับบ้านจะพบอย่างที่เห็น
อาการ เมื่อพา handydrive ไปจิ้มที่ไหนมา กลับบ้านจะพบอย่างที่เห็น
เล่าสู่กันฟัง
ที่ห้องควบคุมห้องประชุม เห็นเพื่อน ๆ มักนำ handy drive ไปจิ้ม
วันหนึ่งผมก็ไปจิ้มบ้าง พอกลับถึงบ้านถึงรู้ว่าได้ [ไ-ว-รั-ส] กลับมาหนึ่งตัว
อาการคือทั้งแฟ้มและโฟรเดอร์เป็น shortcut  กันหมด
ลองตรวจดูพบว่า ตัวไวรัสอยู่ในแฟ้ม i e x p l o r e . vbs
แล้วผมก็เก็บไว้ผ่านใน zip + passwrod แล้ว
เอาไปรันที่ไหน เครื่องนั้นก็จะติดไปด้วย .. ถ้าไม่ run ก็ไม่ติด
กรณีที่ 1
เนื่องจากเครื่องที่ผมใช้อยู่เป็น win7 และติดตั้ง แ-อ-น-ตี้-ไ-ว-รั-ส ไว้
เมื่อเสียบเข้าไปไวรัก็ถูกฆ่าไปด้วย แต่อาการปัญหายังอยู่
ยังมีแต่ shortcut เหมือนเดิม
แก้ไขได้ด้วยการพิมพ์คำสั่งใน DOS ผ่าน run,cmd
attrib -h -s -r /s /d
del *.lnk
แล้วทุกอย่างก็จะเหมือนเดิม
กรณีที่ 2
ลองพา flash drive ไปติดไวรัสมาอีกครั้ง
เพราะที่ติดก่อนหน้านี้ถูกจัดการไปแล้ว
เมื่อเอา flash drive ที่ติด ไปจิ้มกับเครื่องที่ไม่มี แ-อ-น-ตี้-ไ-ว-รั-ส
ปรากฎติดอีกครั้ง และแก้ไขด้วย attrib พบว่า แก้ไขไม่สำเร็จ
เพราะอาการจะกลับมาอย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึงนาที
วิธีแก้ คือ ไปหา antivirus มาติดตั้งให้เรียบร้อย
แล้วค่อยสั่ง attrib
สำหรับเครื่องในห้องควบคุม ก็คาดว่ายังติดไวรัสอยู่
ต้องรอผู้ดูแลมาตัดสินใจว่าจะแก้ไขอย่างไร
1. ดูแล้วทำให้รู้ว่ายังไม่ติด แ-อ-น-ตี้-ไ-ว-รั-ส
หรือทำงานไม่เต็มที่ ก็ต้องอัพเดท หรือติดตั้งใหม่ ก็มีหลายค่ายให้เลือก
2. ไม่ติด deepfreeze เพราะคาดว่าต้องการใช้งาน desktop
เพื่อให้ผู้ใช้คัดลอกแฟ้มลงไปแล้วไม่หาย ในกรณีไฟฟ้าดับ
จึงทำให้เครื่องนี้ติด และพร้อมแพร่เชื้อได้ตลอดเวลา
antivir เป็นโปรแกรมที่น่าสนใจ
antivir เป็นโปรแกรมที่น่าสนใจ
คำสั่งใน shortcut ถ้าคลิ๊ก ก็จะพาไปไหนต่อไหน
คำสั่งใน shortcut ถ้าคลิ๊ก ก็จะพาไปไหนต่อไหน

สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญา (บ้านเฟื่องฟ้า)

สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญา (บ้านเฟื่องฟ้า)
สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญา (บ้านเฟื่องฟ้า)

แบ่งปันว่า มีเด็ก ๆ ต้องการความช่วยเหลือ
ผมก็ช่วยไปตามกำลังศรัทธาครับ
ที่ตั้งของบ้านเฟื่องฟ้า คือ 78/1 หมู่ 1
ซอยติวานนท์-ปากเกร็ด 1
ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120
โทร. 0-2583-6815, 0-2583-4000

http://www.fuengfah.com/
ชีวิตที่งดงาม อยู่ที่ความเอื้ออาทรของสังคม
Society involvement creating beautiful life
สนับสนุนการดำเนินงานและช่วยเหลือเด็ก โดยโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์
ชื่อบัญชี มูลนิธิสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญา
ธนาคารกรุงไทย สาขาปากเกร็ด เลขที่บัญชี 123-1-18770-0
ตรวจสอบข้อมูลบัญชีอีกครั้ง
ที่ http://www.fuengfah.com/homepage/borijang.html

น้องเน กับ บ่อน้ำ

น้องเน กับบ่อน้ำ (nong naturegift)
น้องเน กับบ่อน้ำ (nong naturegift)

บทเรียน (Lesson) เด็กผู้หญิง (Girl) กับบ่อน้ำ (pond) บนยอดเขา
ตัวละคร หรือประเด็นตาม story board
1. มีปัญหา (Problem)
2. ผู้มีปัญหา (Girl)
3. ภูมิปัญญา (Teacher)
4. วิธีการ (Hope)
5. เป้าหมาย (God)
6. รู้จักฟัง (Listen)
7. ลงมือทำ (Do)
8. อุปสรรค (Threat)
9. จำไว้เลย (Record)
10. สำเร็จแล้ว (Success)
11. เรียนรู้ (Learn)
12. บุญคุณ (Credit)

http://www.youtube.com/watch?v=mlXz_Q-nFZA

บทเรียนที่ 1
เรื่องราวในโลกล้วนเป็นเรื่องเป็นราว
มีระบบ กลไก และกระบวนการ
มีที่มา ที่ไป ตำนาน วรรณกรรม เนื้อหา และบทสรุป
ง่าย ๆ คือ เรื่องนี้มี story board

บทเรียนที่ 2
น้องเน ..น่าจะเข้าวัดฟังธรรมมาก่อน .. กระมัง
เพราะดำเนินชีวิตตาม .. หลักอริยสัจ 4
1. รู้ว่าทุกข์คืออะไร (ทุกข์) .. นั่งร้องไห้ ไม่ได้นั่งหัวเราะ
2. รู้ว่าเหตุแห่งทุกข์คืออะไร (สมุทัย) .. รู้ว่าเป็นหมู คือปัญหา
3. รู้ว่าต้องดับทุกข์แล้ว (นิโรธ) .. ไม่นั่งเฉย ไม่อยากเป็นหมู
4. รู้ว่าหนทางดับทุกข์ต้องเดินอย่างไร (มรรค) .. ตักน้ำใส่บ่อคือก้าวแรก
กรณีนี้ น้องเนเขาไม่รู้หรอกว่า ความจริงคืออะไร
แต่น้องเนเชื่อว่าถ้าตักน้ำใส่บ่อ จะได้พบพระเจ้า จะได้ขอพร
พอสรุปได้ว่า เดินถูกทาง ผลถูกใช้ ก็นับว่าเป็นบทเรียนที่ดีได้ในระดับหนึ่ง

บทเรียนที่ 3
ใน 4 ทักษะของการเรียนรู้ คือ สุ จิ ปุ ลิ
ผมว่าทักษะการฟังของน้องเน .. เข้าขั้นใช้การได้
ถ้านึกถึง พละ 5 ที่ประกอบด้วย ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา
ก็ต้องบอกว่า 4 พละแรกสอบผ่านเลย
บางทีคนที่ประสบความสำเร็จก็ไม่จำเป็นเก่งไปหมด
ขอให้มีดีสักเรื่อง และใช้ให้ถูกทาง .. ก็พอ
http://www.thaiall.com/blogacla/burin/3310/

กรุงเสีย หรือเสียกรุง

คลิ๊ปนี้เชื่อว่า คนเราจะมองปัญหาในอดีต
แล้วจะไม่ปล่อยให้ปัญหาในอดีต เกิดขึ้น
อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้งในปัจจุบัน
http://www.youtube.com/watch?v=D5P9Bm8ua9Q

23 เม.ย.2555 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่ฮือฮากันกันในโลกออนไลน์ถึงคลิปวิดีโอ 7 นาทีชื่อ “จดหมายเหตุ กรุงเสีย”  ยิ่งในช่วงเวลาที่ไทยกำลังให้ความสนใจเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชากรณีเขาพระวิหาร ขณะเดียวกันคลิป “The Fall of Ayutthaya จดหมายเหตุกรุงเสีย” ก็ได้กลับมาเป็นกระแสอีกครั้งของชาวโซเชียล

สำหรับคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย.2555 จัดทำโดย นายกีรติ วรรณเลิศศิริ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าลาดกระบัง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นวิทยานิพนธ์ที่ได้รับเลือกให้ไปแสดงโชว์ในงานปล่อยแสงของ TCDC เมื่อปี 2555 และมีการนำมาลงในเว็ปไซต์ยูทูปอีกครั้งเพื่อให้ประชาชนได้รับชมซึ่งเหมาะกับสถานการณ์ไทยและกัมพูชาในเวลานี้พอดี

ประโยคนี้ “ชาวเน็ตให้กำลังใจ คลิปครูหมวยจีน” .. มีคำถาม

lady teacher
lady teacher

ประเด็นจากข่าวนี้
1. ไม่เผยแพร่แหล่งที่มา เพราะสงสัยในเจตนาว่า เมตตา หรือ ไม่กรุณา
2. เกี่ยวกับ พรบ.คอมฯ 2550 มาตรา 16 เรื่องตัดต่อ แล้วเผยแพร่ก่อให้เกิดความเสียหาย
http://www.thaiall.com/article/law.htm

16 เม.ย.56 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า “คลิปครูชาวจีน” ซึ่งทำงานอยู่ที่ศูนย์วิชาการวิทยาลัยอาชีวศึกษาเมืองxxx มณฑลxxx ประเทศจีน กำลังถูกแพร่ว่อนโลกอินเตอร์เน็ตในประเทศเวียดนาม โดยชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความเห็นใจครูสาว เพราะเชื่อว่าเหตุเกิดจาก ครูสาวมีปากเสียงกับแฟนหนุ่มที่กล่าวหาว่าเธอไปมีชายคนใหม่ ก่อนจะปล่อยคลิปออกมาเพื่อประจาน

ทั้งนี้ มีรายงานว่าแฟนหนุ่มมือปล่อยคลิปถูกจับกุมแล้ว โดยตำรวจตั้งข้อหาเผยแพร่วัสดุลามกอนาจารในอินเทอร์เน็ต ขณะครูสาวต้องลาหยุดงานยาวเพื่อตั้งหลัก แต่ก็ถูกบังคับให้ออกจากสมาชิกภาพของสมาคมครูในท้องถิ่น

ปล.

ไม่ได้คัดลอกภาพประกอบข่าว เพราะนั่นเป็นหลักฐานว่า
เรื่อง
ไม่ได้เมตตา .. ถ้า share ภาพคุณครู ก็จะมีคนกด like ตรึม
แต่ภาพนั้นเป็นหลักฐานตาม พรบ.ฯ ว่าเผยแพร่ให้คุณครูได้รับความอับอาายเพิ่มขึ้น
ดูจากเจตนา

แท็บเลต 1.7 ล้านเครื่อง ในงบประมาณ 1760 ล้านบาท

tablet ป.1 และ ม.1
tablet ป.1 และ ม.1

ตัวเลข 1.7 ล้านเครื่อง ถ้าราคาเครื่องละ 2,000 บาท
ก็น่าจะเกินงบไปมากกว่าเท่าตัว
งบแท็บเล็ตน้อยกว่ารถคันแรกเยอะเลย
เห็นยอดรถคันแรกน่าจะใช้งบหนึ่งแสนล้านบาท แต่งบแท็บเล็ตแต่หนึ่งพันกว่าล้านเอง

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
เปิดสเป็กจัดซื้อ “แท็บเลต” ลอตใหม่ 1.7 ล้านเครื่อง รวบแจก ป.1-ม.1 ตั้งราคากลาง “ป.1-2,720 บาท” เครื่องเด็ก ม.1 ที่ “2,920 บาท” พร้อมเตรียมเปิดขายซอง 3-5 เม.ย.56 เคาะราคา 29 เม.ย.56  แบ่งประมูล 4 รอบ จับคู่แยกรายภาค สารพัดแบรนด์รุมจีบทั้ง “จีน-อินเดีย-เยอรมนี” คาดแข่งเดือด ขณะที่ “ครู ป.2” โอละพ่อเด็กหิ้วเครื่องติดตัวมาจาก ป.1 แต่ไม่มีงบฯจัดซื้อเครื่องให้ครู

น.อ.สุรพล นะวะมวัฒน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยในฐานะคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายแท็บเลตเพื่อการศึกษา (One Tablet per Child : OPTC) ว่า ขณะนี้ได้สรุปสเป็กของแท็บเลตที่ต้องจัดซื้อลอตใหม่ เพื่อแจกชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2556 พร้อมกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการจัดซื้อแล้ว โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นเจ้าภาพในการจัดซื้อด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction)

สำหรับราคากลางในการจัดซื้อแท็บเลตเด็ก ป.1 อยู่ที่เครื่องละ 2,720 บาท ม.1 และเครื่องสำหรับครูอยู่ที่ 2,920 บาท รวมภาษีและค่าขนส่งถึงหน่วยงานเจ้าของงบประมาณ โดยจัดซื้อรวมทั้งสิ้น 1.74 ล้านเครื่อง สพฐ.ได้รับมอบอำนาจในการจัดซื้อจากเจ้าของงบประมาณ 8 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กรมการส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักการศึกษาเมืองพัทยา และ สพฐ.เอง เพื่อจัดซื้อ

แท็บเลตให้โรงเรียนในสังกัดโดยสเป็กแท็บเลตลอตนี้หลัก ๆ เหมือนกันคือใช้หน่วยประมวลผล (CPU) ดูอัลคอร์ 1.5 GHz หน่วยความจำ (RAM) ขนาด 1 GB ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 ขึ้นไป หรือวินโดวส์ แบตเตอรี่ 3600 mAh ต่างกันที่เด็ก ป.1 มีหน้าจอ 7 นิ้ว ฮาร์ดดิสก์ 8 GB ส่วนเด็ก ม.1 และเครื่องคุณครู หน้าจอ 8 นิ้ว ฮาร์ดดิสก์ 16 GB ซึ่งเครื่องของครูมีฟังก์ชั่นเพิ่ม เช่น ช่อง HDMI มีปากกาสไตลัส พร้อม SD card ความจุ 8 GB เพิ่มให้ต่างหากซึ่งสเป็กที่สูงกว่าการจัดซื้อในปีที่แล้ว ที่เป็น CPU และเป็นแบบแกนเดียว ความเร็ว 1 GHz ความจุ RAM 512 MB ฮาร์ดดิสก์ 8 GB และหน้าจอ 7 นิ้ว ราคา 82 เหรียญสหรัฐ (รวมค่าขนส่งถึงสนามบินสุวรรณภูมิ)และจะเปิดขายซองข้อมูลสำหรับผู้สนใจเข้าร่วมประมูลวันที่ 3-5 เม.ย. 2556 มีกำหนดชี้แจงข้อมูลระเบียบ และข้อกำหนดเทคนิค (ทีโออาร์) วันที่ 9 เม.ย. เปิดยื่นซองเทคนิควันที่ 17 เม.ย. และประกาศผลผู้ผ่านเกณฑ์วันที่ 27 เม.ย. ประมูลแบบ e-Auction วันที่ 29 เม.ย. และจัดพิธีลงนามในสัญญาจัดซื้อ 9 หรือ 10 พ.ค. ให้ผู้ชนะทยอยส่งแท็บเลตตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.จนครบใน 90 วันนับจากเซ็นสัญญา

“ปีนี้กระบวนการจัดซื้อแท็บเลตใช้ e-Auction ต่างกับปีที่แล้วที่ใช้การจัดหาแบบทำสัญญารัฐต่อรัฐ (G to G) เป็นการจัดหาคือสั่งผลิต ไม่ใช่จัดซื้อแบบครั้งนี้ที่ผู้เข้าประมูลทุกรายต้องนำแท็บเลตที่สมบูรณ์แล้ว 6 เครื่องมาให้ทดสอบก่อนว่าตรงตามสเป็กหรือไม่ ใช้งานกับซอฟต์แวร์และคอนเทนต์ของ สพฐ.ที่มีอยู่แล้วได้หรือไม่ ที่สำคัญคือเป็นการตัดสินกันที่ราคา สเป็กที่เหนือกว่าคู่แข่งไม่มีผลถ้าราคาแพงกว่า”

ส่วนการเคาะราคาประมูลในเบื้องต้นแบ่งเป็น 4 รอบตามสัญญาที่แยกเซ็น ได้แก่ สัญญาการจัดซื้อแท็บเลตสำหรับเด็ก ป.1 ในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้จำนวน 431,775 เครื่อง สัญญาจัดซื้อสำหรับเด็ก ป.1 ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 417,042 เครื่อง สัญญาที่ 3 สำหรับชั้น ม.1 ในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ 416,440 เครื่อง และสัญญาจัดซื้อแท็บเลต ม.1 ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 423,333 เครื่อง โดยผู้ชนะประมูลจะลงนามในสัญญาจัดซื้อโดยตรงกับหน่วยงานเจ้าของงบประมาณ เนื่องจาก สพฐ.เป็นแค่ผู้รับมอบอำนาจในการจัดซื้อเพื่อให้มีปริมาณมากพอ

ขณะที่แท็บเลตสำหรับให้คุณครูจำนวน 54,000 เครื่อง ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าต้องเปิดประมูลและทำสัญญาแยกต่างหาก หรือรวมเข้าไปในการจัดซื้อแท็บเลตแต่ละสัญญาที่แยกตามพื้นที่ แต่มั่นใจว่าการจัดซื้อครั้งนี้จะได้ราคาต่ำกว่าราคากลางแน่นอน เพราะจัดประมูลแยกเป็นรอบ ๆ ไล่ทีละสัญญา เชื่อว่าในสัญญาที่ 4 รอบสุดท้ายยิ่งได้ราคาต่ำที่สุด ซึ่งอาจได้ผู้ชนะแยกเป็น 4 ราย หรือมีแค่บริษัทเดียวก็ได้ ที่สำคัญคือเป็นการประมูลที่เปิดกว้าง ใครที่คิดว่ามีศักยภาพก็เข้ามาประมูลได้

น.อ.สุรพล เปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้มีผู้ผลิตแท็บเลตหลายรายสนใจเข้ามาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนี้ อาทิ ทีซีแอล, ไฮเออร์, แชมเปี้ยนเอเชีย, สโคป, อินถัง, ออลอิน แบรนด์ซังเวิร์นของเอเซอร์ รวมถึงผู้ผลิตแท็บเลตของอินเดียและเยอรมนีด้วย ซึ่งเท่าที่ได้พูดคุยมา บริษัทจีนบางแห่งยอมขาดทุนเพื่อให้ได้โปรเจ็กต์นี้ และเพื่อใช้ชื่อประเทศไทยเพิ่มโปรไฟล์ให้ตนเอง เนื่องจากมีไม่กี่โครงการที่จัดซื้อพร้อมกันเป็นลอตใหญ่

และนอกเหนือจากการจัดส่งแท็บเลตที่ลงแอปพลิเคชั่นและคอนเทนต์ให้ครบถ้วนตามข้อกำหนดแล้ว ผู้ชนะประมูลยังต้องเสนอแผนการตั้งศูนย์บริการให้ได้ครอบคลุมพื้นที่ตามสัญญาจัดซื้อ รวมถึงการรับประกันสินค้าเป็นเวลา 1 ปีด้วย

“การจัดซื้อครั้งนี้ได้นำบทเรียนจากครั้งก่อนมาปรับปรุง ตั้งแต่การเปิดเผยรายละเอียดของสัญญาจัดซื้อให้ศึกษาทำความเข้าใจ และยอมรับเงื่อนไขก่อนเข้าประมูล การให้นำแท็บเลตมาทดลองลงแอปพลิเคชั่นและคอนเทนต์ต่าง ๆ ว่าทำงานได้สมบูรณ์ตั้งแต่ขั้นตอนทดสอบเทคนิค รวมถึงการใช้ e-Auction ให้การจัดซื้อโปร่งใส วัดกันที่ราคา จะได้ไม่เกิดข้อครหาทำให้ส่งมอบล่าช้า”

ข้อกังวลที่มีอยู่ คือ ไม่แน่ใจว่าทางองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นจะมอบอำนาจการจัดซื้อมาให้ สพฐ.ทันหรือไม่ เนื่องจากติดขัดเรื่องระเบียบการจัดซื้อ และยังมีปัญหาไม่มีงบประมาณในการจัดซื้อแท็บเลตที่จะให้ครูชั้น ป.2 นำไปสอนเด็กนักเรียนที่ได้รับแจกแท็บเลตตั้งแต่ตอน ป.1

ขณะที่ความคืบหน้าในการนำแท็บเลตที่จัดซื้อในปีที่แล้วไปใช้งาน ล่าสุดกระทรวงไอซีทีลงนามในสัญญาเช่าใช้บริการวงจรสื่อสารข้อมูลพร้อมอุปกรณ์โครงการพัฒนาระบบโครงข่ายไร้สาย (WiFi network) กับ บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท โทรคมนาคม เพื่อให้ทั้ง 27,231 โรงเรียนในสังกัด สพฐ.มีอินเทอร์เน็ต WiFi ความเร็ว 4-10 Mbps. ใช้ฟรี

งบประมาณ 1,760 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 300 วัน นับจากส่งมอบอุปกรณ์ให้โครงข่ายกระทรวงศึกษาธิการ หรือ MOENet จะทยอยเปิดให้บริการใน มิ.ย.เป็นต้นไป คาดว่าจะครบทั้งระบบภายใน ส.ค. โดยกระทรวงไอซีทีได้เตรียมเสนอของบประมาณปี 2557 ไว้ 4,250 ล้านบาทสำหรับวางโครงข่าย WiFi เพิ่มเติมให้โรงเรียนที่ได้รับแจกแท็บเลตในปีการศึกษา 2556 กว่า 43,258 แห่ง

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1363062897&grpid=&catid=06&subcatid=0603

อังกฤษ .. เลิกจ้างครูด้อยมาตรฐาน

คุณครู กำลังมีปัญหา
คุณครู กำลังมีปัญหา

http://news.voicetv.co.th/global/35870.html
6 เม.ย.55 เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดอะ เทเลกราฟ ของอังกฤษ พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งเป็นเรื่องของสหภาพครูแห่งชาติของอังกฤษ ซึ่งประท้วงกฎเกณฑ์ใหม่ของรัฐบาล ซึ่งอนุญาตให้ผู้บริหารโรงเรียนแต่ละโรงเรียน สามารถเลิกจ้างครูที่ถูกประเมินต่ำกว่ามาตรฐานเป็นรายภาคเรียนได้ โดยสหภาพครูแห่งชาติระบุว่า การแก้ปัญหาที่ดี คือ การหามาตรการให้ครูสามารถพัฒนาตัวเองให้ถึงจุดสูงสุดได้ มากกว่าการพยายามกำจัดเขาออกไป ซึ่งเป็นการปิดกั้นการพัฒนา
Unions protest against plans to sack poor teachers
Teaching unions are refusing to accept plans to allow schools to sack the worst teachers as momentum builds for an autumn of strikes.
Under plans put forward by the Government head teachers will be given more freedom to monitor staff and powers to sack the worst-performing staff in just a term – rather than a year.
All teachers will be assessed against rigorous new teaching standards every year to ensure performance is being maintained and measures will be introduced to stop poor teachers being “recycled” from school to school.
Ministers claim the reforms – being introduced from September this year – will create a “simpler and faster system to deal with teachers who are struggling” and ensure quality for pupils.
But Christine Blower, General Secretary of the National Union of Teachers, said the rules could damage the careers of perfectly good teachers caught out having a ‘bad day’ or a difficult time in their careers.
She said the rules should be drawn up to help teachers achieve their best, rather than threatening to punish them for minor transgressions.

http://www.telegraph.co.uk/education/universityeducation/9190138/Unions-protest-against-plans-to-sack-poor-teachers.html

ความผิดพลาดของคนในทีมอาจพาผู้บริหารเข้าตาจน

http://www.youtube.com/watch?v=PYP1Tjgt1Ao

ปี 1984 คลิ๊ปเปิดตัว Macintosh แรงทะลุจักรวาล ประสบความสำเร็จ
แต่ภาพยนตร์เรื่อง Lemmings p.216 ที่เป็นหนังโฆษณาในเดือนมกราคม 1985
ที่ทำให้โลกต้องอึ้ง จนบริษัทวิจัยแห่งหนึ่งเขียนในนิตยสาร fortune
ว่า “โฆษณาดูหมิ่น ดูแคลนกลุ่มลูกค้าที่ Apple พยายามจะเข้าถึง
อาจสรุปได้ว่า agency พาทั้งจ็อบส์ และสคัลลีย์ หลงทางได้เหมือนกัน

แม้วิสัยทัศน์ของผู้บริหารของ apple จะเป็นอย่างหนึ่ง
แต่ถ้าผู้ที่นำไปปฏิบัติไปทำอีกอย่าง บนความเชื่อว่าตนถูกต้อง
นี่เป็นหนึ่งในบทเรียน จากบทเรียนมากมายที่สามารถหาอ่านได้ใน
หนังสือ steve jobs by walter isaacson

เล่นเฟซบุ๊คนาน อาจทำให้ผิดปกติทางจิต

สมาคมจิตวิทยาอเมริกา (American Psychological Assasociation) ได้นำเสนองานวิจัยโดยสำรวจพฤติกรรมของวัยรุ่นที่ใช้อินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะการเข้าไปดูกิจกรรมต่าง ๆ บนเว็บไซต์ facebook  พบว่า วัยรุ่นเล่น facebook มีทั้งข้อดีและข้อเสีย   แต่ถ้าหากปล่อย เล่น facebook มากเกินไปอาจส่งผลกระทบทางจิตใจหลายอย่างดังนี้
– เกิดอาการติด  หลงตัวเอง มีอารมณ์ก้าวร้าว
– ไม่มีสมาธิในการเรียน ขาดเรียนเพิ่มขึ้น ผลการเรียนแย่ลง
– วิตกกังวล ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า
– เสพติดอินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน เช่น ติดแชต ติดเกม เป็นต้น
– ทำให้มีปัญหานอนดึกมากขึ้น พักผ่อนไม่เพียงพอ

แต่จากงานวิจัยนี้ก็ยังมีข้อดีเกี่ยวกับการใช้ facebook ด้วย คือการดูแลเอาใจใส่เพื่อน เห็นอกเห็นใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แม้ว่าเราจะอยู่ในที่ต่างกันไกลแค่ไหน ก็ยังสามารถติดต่อกันได้และเป็นการเรียนรู้การเข้าสังคมได้เป็นอย่างดี จะเห็นได้จากการรวมกลุ่มทำกิจกรรมดีๆของชาว facebook บนโลกความเป็นจริงที่ รวบรวมสมาชิกทำเพื่อสังคมเป็นจำนวนมากได้ ซึ่งมีจำนวนกลุ่มมากมาย

ผู้ใหญ่ควรดูแลแนะนำเรื่องเนื้อหาที่เหมาะสมบนโลกอินเทอร์เน็ต ให้กับลูกๆ ให้รู้เนื้อหาไหนดีไม่ดี ควรและไม่ควรทำและต้องเรียนรู้ปรับเข้าหากิจกรรมทางสังคมออนไลน์กับลูกๆ เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมและชี้นำคอยตัดเตือนลูกๆด้วยไม่ให้ลูกหลงผิดจากโลกออ นไลน์ ส่วนเด็กๆวัยรุ่น ก็ควรแบ่งเวลาในการใช้อินเทอร์เน็ต สลับกับพบกับเพื่อนบนโลกแห่งความเป็นจริง รวมทั้งแบ่งเวลาให้กับการอ่านหนังสือการทบทวนเนื้อหาตำราด้วย ทั้งในหนังสือและเนื้อหาบนโลกอินเทอร์เน็ต วิธีนี้จะช่วยให้ผลการศึกษาที่ดีต่อลูกได้ด้วย

http://www.it24hrs.com/2011/facebook-teens-study/
http://mashable.com/2011/08/08/facebook-teens-study/