ชวนมองในอีก 100 ปีข้างหน้า

ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
เพื่ออีก 100 ปีข้างหน้า
เป็นการชวนมองกาลไกล
เมื่อเราไปอยู่โลกหน้าแล้ว

https://vt.tiktok.com/ZSNCMjhUS/

อาจมีหลายคน
มีความคิดเห็นต่างออกไป
ผมเองก็คิดว่าไกลไป
หันกลับมาชวนมองที่ใกล้กว่าหน่อย
อีก 50 ปี
อีก 10 ปี
อีก 1 ปี
อีก 1 เดือน
อีก 1 วัน
อีก 1 ชั่วโมง
หรืออีก 1 นาที
จะทำอะไร เพื่ออะไร ที่ไหร ให้เกิดอะไร
กับใคร อย่างไรดีกว่า


🙂

ชีวิตก็เป็นแบบนี้

เด็กคิดเป็น การสอบโอเน็ตท่องจำ คุณธรรม กับการติวสอบ

wiriyah ชวนให้คิด
wiriyah ชวนให้คิด

เห็นภาพนี้จาก Facebook ของ Wiriyah Eduzones
ผมชอบที่ท่านชวนให้คิด เหมือนอ่าน ปุจฉา-วิสัชนา เลยครับ
มีข้อความว่า
อยากให้เด็ก คิดเป็น แต่เน้น ONET ท่องจำ
อยากให้เด็กมีคุณธรรม แต่สิ่งที่ครูทำคือ ติว

ผมอ่านแล้วน่าจะแยกได้ 2 เรื่อง ที่ชวนเด็ก กับผู้ปกครองคิดกันได้

เรื่องที่ 1
คงมีใครสักคน คิดว่า การคิดเป็นของเด็ก ไม่เกี่ยวข้องกับ ONET ท่องจำ
แต่มีบางคน คิดว่า การคิดเป็นของเด็ก เกี่ยวข้องกับ ONET ท่องจำ
แล้วอะไรคือความจริงล่ะ หรือจะไม่มีความจริง

เรื่องที่ 2
คงมีใครสักคน คิดว่า การทำให้เด็กมีคุณธรรม ไปเกี่ยวข้องกับการติวสอบ
แต่มีบางคน คิดว่า การทำให้เด็กมีคุณธรรม กับการติวสอบไม่เห็นเกี่ยวข้องกัน
แล้วสองเรื่องนี้เกี่ยวข้อง หรือไม่เกี่ยวข้องกันล่ะ
https://www.facebook.com/ajWiriya/photos/a.582316755123646.1073741850.109357035752956/905772969444688/

เรียนก็ เพราะอยากได้ปริญญา ไม่ได้อยากรู้

think before post
think before post

จากที่ผมเห็น post นี้แล้ว
ฟังแล้ว ผมก็คิดว่า น่าจะเป็นประโยชน์กับนักศึกษานิเทศศาสตร์
ที่ผมกำลังจะไปคุยเรื่องคิดก่อนโพสต์ (Think before post)
ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ว่าจะโพสต์อะไรคิดหน่อย
จะอ่านอะไรคิดด้วย จะเขียนอะไรยิ่งต้องคิดให้มาก
อย่างเช่น ดูภาพยนตร์เรื่อง เกรียนฟิคชั่น (Grean Fiction)
มีอะไรให้คิดเยอะว่าปัญหาหัวเลี้ยวหัวต่อของวัยรุ่น .. เยอะเพียงใด
เพราะเคยยกตัวอย่างหนังเรื่องน้ำพุ (2527)  .. นักศึกษาบอกว่ายังไม่เกิด
ต่อไปต้องหาตัวอย่างหนังที่พ.ศ.ใกล้ ๆ หน่อย ไม่งั้นงงกันทั้งห้อง

…….
ภาพนี้มีข้อความว่า
เรียนก็ เพราะอยากได้ปริญญา ไม่ได้อยากรู้
ทำงานก็ไม่ได้คิดอะไร แค่อยากได้ ค่าตอบแทน

แล้ว อ.วิริยะ eduzones แสดงความเห็นว่า
ความคิดเห็นของคนต่างประเทศ ที่ทำงานกับเรา
มันเหมือนดูถูก มันเจ็บ
แต่ถ้าฟังแล้ว คิด เราก็พัฒนา
ฟังแล้ว สวนกลับ ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา

…….
คนไทยมักจะไม่รู้ว่าอะไรว่าอะไรคือเรื่องงาน และอะไรที่เรียกว่าเรื่องส่วนตัว
พวกเขาชอบเอาทั้งสองอย่างนี้มาปนกันจนทำให้ระบบการทำงานเสียไปหมด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งขององค์กร
1. ชอบสอดรู้สอดเห็น โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวของเพื่อนร่วมงาน
2. มักจะคุยกันเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับงานมากเกินไป บางครั้งทำให้บานปลายและนำไปสู่ข่าวลือ และการนินทากันภายในสำนักงาน
3. มักจะลาออกจากบริษัทโดยไม่ยอมแจ้งล่วงหน้าตามข้อตกลง แต่กลับคาดหวังว่าจะได้รับผลประโยชน์เต็มที
4. ไม่ยอมรับความผิดชอบที่มีมากขึ้นในช่วงวิกฤติ
5. ต้องการเงินมากขึ้นแต่กลับไม่ค่อยสร้างคุณค่างานอะไรเพิ่มขึ้นเลย
วิลเลี่ยม แมคคินสัน
http://www.chancoop.com/coop/ckeditor/system/plugins/ckfinder/upload/files/NewsBoss22_2557.pdf

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=463338

https://www.facebook.com/ajWiriya/photos/a.582316755123646.1073741850.109357035752956/822591291096190/
https://www.facebook.com/ThinkB4UPostTH

หักศอกสั้น

"หักศอกสั้น" อ่านพบใน fb ของ HappyPhoneMBK
"หักศอกสั้น" อ่านพบใน fb ของ HappyPhoneMBK

หัวข้อ “หักศอกสั้น” อ่านพบใน fb ของ HappyPhoneMBK
เมื่อ 11 ตุลาคม 2557 พบว่ามีคนกดไลค์ไป 15475 คน
พออ่านแล้ว พบว่าหลายคน ment เห็นด้วยทุกข้อเลย
อ่านดูผมว่ามี 6 ประเด็น
1. ความแตกต่างของชนชั้น ประเทศทุนนิยม เป็นกันทุกประเทศ
2. ยกย่องดาราเด่นดัง แต่ทิ้งคนที่ลำบากไว้ข้างหลัง เป็นค่านิยมดารา
3. ห่วงเรื่องครอบครัวของดารา แต่ไม่ห่วงทหารที่ปกป้องชาติ
4. ไม่ยกย่องพระดี แต่ไปยกย่องพระดูดวง
5. ชาวพุทธไม่สนพระธรรม แต่เชื่อเทพ
6. ประเทศไม่พัฒนา ย่ำอยู่กับที่
เขาว่าเป็นเรื่องของคนปากจัด

ถ้ามีคำถามว่า 6 ประเด็นนี้ มีข้อใดท่านไม่เห็นด้วยบ้าง
หากต้องเลือกมา 1 ประเด็น ที่ไม่เห็นด้วยจะเลือกประเด็นใด เพราะเหตุใด
https://www.facebook.com/HappyPhoneMBKfanpage/photos/a.200619146651766.48454.199289656784715/758774177502924

เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล พูดคำว่าทักษะ

เห็นนักวิชาการพูดเรื่องทักษะมาพักหนึ่งแล้ว
มาสนใจเป็นพิเศษ ตอนที่น้องเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล
พูดคำว่า “ทักษะ” ครั้งให้สัมภาษณ์กับคุณปลื้ม
ใน voice tv รายการ daily dose นาทีที่ 9.30
ว่า “ต้องเน้นทักษะการทำงาน การคิดเชิงวิพากษ์ และการตั้งคำถาม

http://www.youtube.com/watch?v=PINVqbQDIc0

ความหมายของคำว่า “ทักษะ”

ทักษะ (Skill) หมายถึง ความสามารถทางกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
ที่ผู้รับการฝึกสามารถทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว

ความรู้ (Knowledge) คือ ข้อมูลทื่อยู่ในตัวคนหรืออยู่ในสมอง
ซึ่งความรู้ในสมองของคนเรานั้นจะมี 2 ลักษณะ
ได้แก่  การจำ ( Remembering) และความเข้าใจ (Understanding)
ที่มา .. กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน
http://home.dsd.go.th/kamphaengphet/km/information/dacum/04DACUM.html?categoryID=CAT00003228

ทักษะ = นำความรู้ + ไปทำและทำได้ + จนคล่องแคล่ว
skill = knowledge + practice + proficient

หัวหน้าเล่าเรื่องเหล้าให้ฟัง ว่าน้ำแข็งเป็นเหตุ จึงนำมาแบ่งปัน

ipo น้ำแข็งกับนางสาวสวย
ipo น้ำแข็งกับนางสาวสวย

นำเรื่องนี้ไปแบ่งปันในหลายที่
เมื่อไปเล่าให้นักศึกษาฟัง
เขาก็เห็นว่า input มีปัญหา
หากวิเคราะห์ใหม่ก็จะได้องค์ประกอบที่เป็นปัจจัยของปัญหาที่น่าจะถูก
แล้วรู้ว่าอะไรคือปัญหาที่แท้จริง
นำไปสู่การสรุปผล (Output) และใช้ประโยชน์จากผลสรุปต่อไป

คิดมากจนไม่ได้ทำ

คิดมากจนไม่ได้ทำ กับ ทำมากจนไม่ได้คิด
คิดมากจนไม่ได้ทำ กับ ทำมากจนไม่ได้คิด

คิดมากจนไม่ได้ทำ โดย ดร.บวร ปภัสราทร

งานจะสำเร็จได้นั้นว่ากันว่าต้องมีการวางแผนที่ดีเป็นเบื้องต้น แต่มีแผนที่ดีไม่ได้หมายความว่างานทุกงานจะประสบความสำเร็จ

งานจะสำเร็จได้ ต้องมีคนลงมือทำงานนั้น ไม่ว่างานเล็กงานใหญ่ก็ต้องลงมือทำเสียก่อนงานจึงจะเสร็จได้ หลายงานที่ว่ากันว่ามีการวางแผนมาเป็นอย่างดีนั้นกลายเป็นวิมานในอากาศคือมีแต่แผนสวยหรู แต่งานจริงไม่เกิดขึ้น ยิ่งในยามที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน จะทำอะไรสักอย่างก็ต้องมีขั้นตอนการวางแผนที่พิสดารเกินกว่าที่บ้านอื่นเมืองอื่นเขาทำกัน เกาหลีมีแผนไอทีไม่กี่หน้ากระดาษ แต่สร้างงานจริงได้อย่างมหาศาลจนเปลี่ยนให้เกาหลีเป็นเจ้าตลาดผลิตภัณฑ์ไอทีหลากหลายชนิดได้อย่างน่ามหัศจรรย์ บ้านเรามีแผนไอทีสองสามแผน แต่ละฉบับหนานับร้อยหน้า แผนก็ดีจริงๆ ด้วย แต่วันนี้บ้านเราก็ยังห่างไกลจากเกาหลีอย่างมากมาย แผนไอทีไม่กี่หน้าเอาชนะแผนไอทีหนานับร้อยหน้าได้อย่างสบายเพราะเกาหลีมีแผนแล้วมีคนลงมือทำตามแผนอย่างจริงจังจนกระทั่งบรรลุผล
อะไร ทำให้คนมัวแต่คิดแผน หรือคิดว่าจะทำตามแผนได้อย่างไร จนกระทั่งรีรอไม่ลงมือทำงาน คิดเรื่องแผนว่าดีไม่ดีอย่างไรจนไม่มีใครลงมือทำตามแผนนั้น แผนดีมีอยู่จริง แต่งานดีไม่มีสักเรื่องที่เกิดขึ้น เหตุที่คนมัวแต่ถกเถียงกันเรื่องแผนนั้นมาจากการที่ไม่ได้ตกลงกันให้ชัดเจนก่อนว่าคำว่าประสบความสำเร็จนั้นคือเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้ายังมองไม่ชัดว่าแค่ไหนเรียกว่าประสบความสำเร็จในงานนั้น ต่างคนต่างก็นิยามความสำเร็จของตนเองขึ้นมาแล้วอนุมานไปเองว่าคนอื่นก็ใช้นิยามของความสำเร็จของงานนั้นเหมือนกับที่ตนเองเชื่อ การถกเถียงจึงเริ่มขึ้นตั้งแต่ว่าจะเริ่มงานกันอย่างไร เพราะปลายทางของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การเริ่มต้นลงมือทำงานจะเกิดขึ้นได้เร็วช้าขึ้นกับว่าเราตกลงความหมายของคำว่างานสำเร็จได้เร็วเพียงใด การตกลงเรื่องความสำเร็จนี้ ขอเพียงแค่ทุกคนยอมรับว่าคำว่าความสำเร็จของแต่ละหน่วยงานนั้นแตกต่างกันไปตามอายุงานและขีดความสามารถของแต่ละหน่วยงาน ผลงานอย่างหนึ่งที่เรียกว่าประสบความสำเร็จในหน่วยงานหนึ่งอาจหมายถึงผลงานที่ล้มเหลวในอีกหน่วยงานหนึ่งก็ได้
เริ่มทำงานมาแค่สองสามปี คงไม่สามารถนิยามความสำเร็จของงานได้เหมือนกับหน่วยงานที่ทำงานมาเกือบร้อยปี มีคนแค่สามสี่คนคงไม่อาจใช้นิยามความสำเร็จของงานได้เหมือนกับหน่วยงานที่มีคนนับร้อยนับพัน ยอมรับและรู้จักขีดความสามารถของกลุ่มของตนได้มากเท่าใด เวลาที่ใช้ในการตกลงนิยามของความสำเร็จก็เร็วขึ้นเท่านั้น

หลายครั้ง ที่มีประเด็นที่มาถกเถียงกันจนไม่ได้ลงมือทำงานกันสักที นั้นมาจากข่าวลือบ้าง มาจากคำติเตียนอย่างไม่สร้างสรรค์บ้าง มาจากคำแนะนำของบางคนที่ดูเหมือนว่าจะหวังดีแต่จริงๆ แล้วเจตนาร้ายคือไม่ต้องการให้งานเดินหน้าได้บ้าง โบราณกล่าวไว้ว่าจิ้งจกทักให้รับฟังก็จริง แต่ถ้าไม่ยอมออกจากบ้านไปไหน เพราะมัวแต่กังวลกับจิ้งจก การงานคงไม่อาจเดินหน้าไปได้ ทั้งนี้ ต้องยอมรับความจริงไว้ด้วยว่าหลายคนรักษาหน้าที่การงานของตนไว้ได้ด้วยการคอยติเตียนงานของคนอื่นว่าเป็นไปไม่ได้บ้าง ว่าวางแผนไม่ดีพอบ้าง ทั้งๆ ที่พอย้อนถามกลับว่าที่ต้องทำเพิ่มเติมนั้น ต้องทำอะไรบ้าง คนเหล่านี้ก็ตอบไม่ได้ ดังนั้น หากไม่อยากกังวลกับสารพัดเรื่องจนรีรอไม่กล้าลงมือทำงานกันอย่างจริงจัง ต้องรู้จักเอาหูไปนา เอาตาไปไร่กับคำนินทาหรือคำเล่าลือต่างๆ เกี่ยวกับงานนั้นเสียบ้าง ถ้าตกลงกันเรื่องนิยามของความสำเร็จของงานนั้นได้แล้วให้ลงมือทำทันที อย่ากลัวคำนินทา อย่ารีรอกับสารพัดคำแนะนำเสนอแนะต่างๆ มากจนเกินไปเพราะลงมือทำงานแล้วงานจะดีเลวอย่างไรก็ยังบอกได้ว่างานได้เกิดขึ้นแล้ว

ถ้าทีมงาน มีคนที่ชิงดีชิงเด่นกันมาร่วมทำงานกัน ปรากฏมามากต่อมากแล้วว่างานจะเริ่มต้นได้ช้ามาก เพราะหมดเวลาไปกับการที่ต่างฝ่ายต่างหาทางกีดกันอีกฝ่ายหนึ่งให้ห่างไกลจากความสำเร็จของงาน ถ้าไม่ใช่งานที่ฉันได้ประโยชน์แล้ว ฉันไม่ยอมให้ใครได้หน้าได้ตาจากความสำเร็จของงานที่เกิดขึ้นนั้น ถ้าอยากเริ่มลงมือทำงานตามแผนได้เร็ว ต้องขอให้ทุกคนที่มาทำงานด้วยกันแยกแยะเรื่องส่วนตัวออกไปก่อน ขอให้ลงมือทำงานก่อนแล้วค่อยมาชิงดีชิงเด่นกันทีหลัง หรือถ้าทำได้ขออย่าได้เลือกทีมงานที่มัวแต่ชิงดีชิงเด่นกัน เลือกคนไม่เก่งแต่ไม่เกี่ยงงานดีกว่าเลือกคนเก่งที่อิจฉาตาร้อนไปหมดทุกเรื่อง การชิงดีชิงเด่นกันนั้นดีสำหรับงานที่ต่างคนต่างทำ ชิงดีชิงเด่นในงานเดียวกันไม่เคยทำให้งานนั้นสำเร็จได้

ความกังวล ที่มากเกินไปกับการที่ผลงานที่ได้อาจไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่คาดหวังไว้ เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่หลายงานจบลงที่ว่าได้คิดงานนั้น แต่ไม่ได้ทำงานนั้น ถ้าคาดหวังว่างานนั้นต้องสมบูรณ์แบบมากเกินไป ก่อนลงมือทำงานก็เลยต้องคิดมากหน่อย คิดมากไปจนกระทั่งต้องมาคบคิดเรื่องที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ไม่ถึงหนึ่งในล้าน วันเวลาผ่านไปก็ยิ่งสนุกกับการคิดประเด็นที่สมมุติขึ้นมาว่าถ้าเกิดเช่นนี้ ต้องทำอะไร จนหมดสนุกที่จะลงมือทำงานอย่างจริงจัง ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่ายักษ์ใหญ่ในวงการไอทีไม่เคยรีรอที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มาพร้อมกับความบกพร่อง ออกตัวมาก่อนแล้วค่อยตามแก้ไขภายหลัง ทุกวันนี้ เราจึงได้ใช้งานผลิตภัณฑ์ไอทีที่ออกตัวเร็วแต่มีการตามแก้ไขสารพัดเรื่องอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น อย่ากังวลกับความสมบูรณ์แบบของผลงานมากเกินไป แต่ให้เร่งลงมือทำไปก่อน ผิดพลาดประการใดก็น่าจะมีเวลาแก้ไขให้ถูกต้องได้ ลงมือทำงานด้วยกันดีกว่าลงแรงวิตกสารพัดเรื่องร่วมกัน

มีหลายงาน ที่ผู้บริหารบอกให้ทำเพื่อให้ดูเหมือนว่าได้ทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้ได้ผลงานอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งที่จริงแล้วผู้บริหารไม่ได้อยากให้เกิดผลงานอย่างที่บอกไว้ แค่มีงานไว้ใช้บอกกล่าวเป็นการแก้ตัวว่ากำลังอยู่ระหว่างดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง งานแบบนี้ลงมือทำได้ยากเพราะมีความไม่แน่นอนว่าจะให้ทำอะไรกันแน่ ดังนั้น ถ้าเห็นว่างานใดผู้บริหารสรรหามาให้ทำเพียงเพื่อใช้แก้ตัวในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็อย่าตกอกตกใจที่งานไม่เดินหน้าเสียที แค่แกล้งทำท่าทำทางว่ากำลังจะลงมือทำก็เป็นที่พอใจของผู้บริหารแล้ว เคล็ดลับคือถ้าต้องทำงานภายใต้การบริหารของใคร ให้สร้างทักษะในการแยกแยะระหว่างงานที่ผู้บริหารหวังว่าจะให้เกิดขึ้นจริง กับงานที่มีไว้ใช้แก้ตัวในบางเรื่อง ถ้าแยกแยะไม่ได้ให้ระวังให้ดีว่าเราจะไปสร้างความสำเร็จกับงานที่ผู้บริหารไม่ตั้งใจจะให้เสร็จโดยไม่รู้ตัว งานสำเร็จแต่คราวนี้ตัวเราก็เสร็จตามไปด้วย

โดย ดร.บวร ปภัสราทร
ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ประจำคอลัมน์ “ก้าวไกล วิสัยทัศน์

http://www.bangkokbiznews.com

ปล. ผมพบเรื่องนี้ เพราะ อ.อุดม ไพรเกษร ได้ share link มาให้อ่าน เมื่อวันที่ 30 ก.ค.55
แต่กว่าผมจะเข้ามาเก็บประเด็นได้ ก็21 ส.ค.55 แล้วครับ

เพลง ม.ให้อะไร

เพลง  ม.ให้อะไร
ศิลปิน  พงษ์สิทธิ์ คำภีร์

เขาหวังเขารอด้วยความแกร่ง
รอนแรมจากครอบครัวมา
หวังปริญญามหาวิทยาลัย
อุดมการณ์อุดมความแกร่ง
โรคแล้งน้ำใจจะแก้ไข
ให้ความเป็นธรรม
ทุกชนทุกชั้นทั่วไป
ไต่เต้ารับราชการยศต่ำ
คุณธรรมยังนำความอยากในใจ
เพื่อนฝูงอย่างไร
กินได้รวยไปไม่สนใจ
จิตใจของคนต่ำสูงไม่เทียมเท่ากัน
เขายังหวังซักวัน
ว่าเพื่อนเขาจะกลับใจ
อยู่ไปอยู่มาถึงจึงรู้ว่า
โลกนี้คนดีมันน้อยเกินไป
แค่คนไม่ชั่ว
ไม่ต้องดีไม่รู้อยู่ไหน

เขาจึงมองย้อนไปถึงชีวิตในมหา’ลัย
แล้วตั้งคำถามมหา’ลัยให้อะไรเรา
ไม่ได้สอนให้เรียน
แข่งขันอย่างคลั่งบ้า
ไม่ได้สอนคิดบ้าว่าเป็นคนเหนือคน
จบเห็นแก่ตน
แต่งงานสืบพันธุ์แล้วตาย
มหา’ลัยสอนไว้ให้เรา
เป็นข้าประชาชน
ไม่ได้สอนให้เรียน
แข่งขันอย่างคลั่งบ้า
ไม่ได้สอนคิดบ้าว่าเป็นคนเหนือคน
จบเห็นแก่ตน
แต่งงานสืบพันธุ์แล้วตาย
ไม่ได้สอนให้โกงให้กลอกกลิ้ง
ไม่ได้สอนว่าเป็นเทวดา
ไม่ได้สอนให้จบออกมา
เหยียดหยามประชาชน
ไม่ได้ให้ปัญญาเอาไว้คดโกงสังคม
มหา’ลัยสอนไว้ให้เรา
เป็นข้าประชาชน
(ไม่ได้สอนว่าเป็นเทวดา)
(ไม่ได้สอนให้จบออกมา)
(เหยียดหยามประชาชน)
(ไม่ได้สอนว่าเป็นเทวดา)
(จบเห็นแก่ตน)
(แต่งงานสืบพันธุ์แล้วตาย)
(ไม่ได้ให้ปัญญาไว้โกงสังคม)
(มหา’ลัยสอนไว้ให้เรา)
(เป็นข้าประชาชน)

ม.ให้อะไร? – พงษ์สิทธ์ คำภีร์ คอร์ดกีต้าร์ Guitar Chord

อ.แม็ค แนะนำเพลงนี้ให้ผมฟังครับ สงสัยอยากให้ผมรู้คิง

หลักคิดของทหารที่ไม่แตกทัพ

คำพระ ว่าด้วยเรื่องอริยสัจ 4
คำพระ ว่าด้วยเรื่องอริยสัจ 4

เคารพกติกา
ปกติการอยู่ในสังคม ก็ต้องดำเนินการไปตามกติกาที่มีในสังคมนั้น การศรัทธาในลำดับชั้นตามสายการบังคับบัญชา ทำให้การเคลื่อนทัพสามารถไปในทิศทางที่กำหนดได้อย่างถูกต้อง ถ้ามีทหารแตกแถวจำนวนมาก ทัพนั้นก็มีแนวโน้มไปไม่ถึงวิสัยทัศน์ที่กำหนด ดังนั้นความผิดของทหารแตกแถว หรือบุคลากรในองค์กรที่ไม่เคารพกติกาของกลุ่ม จึงมีความผิดร้ายแรงเสมอ

ไม่เป็นทหารแตกทัพ
มีอยู่วันหนึ่ง คือ 4 กรกฎาคม 2555 ไปประชุมกับเพื่อนในเวทีต่างวัฒนธรรม มีท่านหนึ่งทักผมว่า ผมกล้าคิด negative ซึ่งการคิดแบบนั้น สำหรับผมแล้ว ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะในใจผมจะเริ่มต้นด้วยคำถามจากทุกมุม คงเพราะเคยมีพระสอนเรื่องอริยสัจ 4 ที่เริ่มต้นด้วยคำว่าทุกข์คืออะไร เมื่ออยู่ในกลุ่มเพื่อนก็ต้องมองหากาละเทศะก่อนเอ่ยคำใด แต่ถ้าพูดแล้วรู้สึกว่าตนเองเป็นทหารแตกทัพก็ต้องเปลี่ยนมุมใหม่ เพราะความคิดของเราอาจไม่ถูกเสมอไป แต่สิ่งที่ทำให้ทัพเป็นทัพอยู่ได้คือความสามัคคี ผมมีศรัทธาอยู่อย่างหนึ่งว่าความสามัคคีคือพลังและอาจนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังนั้นความคิดของเราจึงไม่จำเป็นต้องถูกเสมอไป เปลี่ยนตนเองไปตามกลุ่มซะ ทุกอย่างก็เรียบร้อย เพราะจุดยืนของตนคงไม่สำคัญเท่าของกลุ่ม

ปากไม่ตรงกับใจ
มีเพื่อนทักผมว่าปากไม่ตรงกับใจ เพราะท่านถามว่า “มีรถราคาดีคัน 10 ล้าน มาวางขายผมจะซื้อไหม ผมก็ตอบไปว่าซื้อแน่ เพราะคุ้ม” ที่ผมตอบว่าซื้อก็เพราะคนตั้งเขามีเหตุผลของเขา และเปลี่ยนไม่ได้ ผมว่ามนุษย์ที่มีการศึกษามาระดับหนึ่งแล้ว จะคิดก่อนพูด ตอนนั้นผมก็คิดว่าจะขัดไปทำไม ขัดไปก็คงไม่ลดราคาลง ทำให้หลายครั้งพูดแบบไม่ตรงกับความคิด ตัวอย่างเช่น มีผู้หญิงโปะแป้งมาซะขาว กระโปรงสั้นจู๋ สวมเสื้อเกาะอก เดินมา แล้วถามผมว่าสวยไหม ผมก็ต้องตอบไปว่า “สวย” อันที่จริงไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะการแต่งตัวแบบนั้น เลยเกณฑ์คำว่าสวยไปหลายขุมแล้ว แต่เพื่อให้เกียรติคนถาม ก็ต้องตอบไปตามที่ผู้ถามคาดหวัง

สำนวณ “ได้ครับพี่ – ดีครับนาย – สบายครับผม – เหมาะสมครับท่าน”
http://www.dhiravegin.com/detail.php?item_id=000091

มุมที่แตกต่างจากบทความเรื่อง
‘ประสาร’เขียนจ.ม.ถึง’อ.ป๋วย’เปิดเบื้องหลังโอนหนี้กองทุนฯ
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20120706/460351/news.html

40 things you need to know about the next 40 years

40 things
40 things

หนังสือ “40 things you need to know about the next 40 years” ของ Nation Group จัดทำในโอกาสครบ 40 ปี Nation Group : ผมอ่านแล้วประทับใจในการมองไปข้างหน้าของทีมนักเขียน .. ประเด็นที่อ่านแล้วน่าสนใจ อาทิ  1) การศึกษา p.84 ที่มองไปที่ cloud apps, การก้าวสู่ยุคโลกไร้พรมแดนของคอร์สแวร์ และ เครือข่ายสังคม 2) ทุเรียน p.46 ในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และคุณภาพสู่ตลาดโลก

นักเขียนในแต่ละหัวข้อมีดังนี้
1. Thai buddhism : Aree Chaisatien
2. Gender : Tulsathit Taptim
3. The funeral ceremony : Chularat Saengpassa
4. Thainess : Bill Klausner Senior Fellow ISIS-Thailand Chulalongkorn University
5. Cross-cultural marriage : Bill Klausner Senior Fellow ISIS-Thailand Chulalongkorn University
6. National ideology : Nithinand Yorsaengrat
7. Merit-making : Aree Chaisatien
8. Thai Music : Phatarawadee Phataranawik
9. Architecture : Phatarawadee Phataranawik
10. Bangkok : Phatarawadee Phataranawik
11. Aging : Wannapa Khaopa, Pongphon Sarnsamak
12. Thai language : Manote Tripathi
13. OTOP : Achara Pongoutitham
14. Nanotechnology : Lawrence Neal
15. Biotechnology : Lawrence Neal
16. Television : Tulsathit Taptim
17. Birds : Lawrence Neal
18. Wildlife : Yodsroi Sukdinunt
19. Red bull : Lawrence Neal
20. Durian : Pairin Kanisan
21. Khao yai : Kwandao Haruensat
22. Future cars : Yodsroi Sukdinunt
23. Rail ways : Kwandao Haruensat
24. Pattaya : Lawrence Neal
25. Beauty : Kwandao Haruensat
26. Coastal erosion : Tanjira Pongrai
27. Rice : Pairin Kanisan
28. The mekong : Pairin Kanisan
29. Solar thailand : Kwandao Haruensat
30. Thai theatres : Yodsroi Sukdinunt
31. Thai soaps : Pairin Kanisan
32. Olympics : Preechachan Wiriyanupappong
33. Trade : Sasithorn Ongdee
34. Thai football : Kitinan Sanguansak
35. Credit : Achara Deboonme
36. Thai food : Manote Tripathi
37. Education : Asina Pornwasin
38. Karaoke : Phatarawadee Phataranawik
39. Indochina : Supalak Ganjanakhundee
40. Burma : Supalak Ganjanakhundee