การออกเสียงอ่าน

forvo.com in einstein by walter isaacson
forvo.com in einstein by walter isaacson

จากหนังสือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ โดย วอลเตอร์ไอแซคสัน
หน้า xix หรือหน้า 19 ก่อนเข้าหน้า 1 ของหนังสือ
ในบท “จากผู้แปล” คือ ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ
เล่าให้ฟังว่า พบศัพท์หลายคำที่ไม่ใช่ภาษาไทย
แต่ต้องเขียนเป็นภาษาไทย จึงใช้บริการของ forvo.com
ออกเสียง และสะกดให้ได้ใกล้เคียงกับที่สุดจากเจ้าของภาษา
เช่น http://th.forvo.com/word/internet/

แชร์ให้เพื่อน
<script type=”text/javascript”
src=”http://th.forvo.com/_ext/ext-prons.js?id=223328″>
</script>


ถ้า download ต้องสมัครสมาชิก

http://th.forvo.com/download/mp3/internet/en/223328

อ่านเรื่อง forvo.com และทดสอบ script ที่เปิด share ของเขาแล้ว
ทำให้เกิดความคิดขึ้นมาว่าน่าจะปรับเว็บเพจ http://www.thaiall.com/listen/
ให้ใช้ได้แบบ spelling bee
เคยทำระบบนี้แต่ใช้เสียงของภรรยา และเด็กที่บ้านเ็ป็นภาษาไทย
ที่ http://www.thaiall.com/quiz/misspell/

p.644 เสียชีวิตจากเส้นเลือดในสมองแตก stroke อายุ 76 ปี

หนังไทย พี่มากพระโขนง มีรายได้ 3 ร้อยกว่าล้าน

อันดับหนังทำเงิน เทียบรายการไทยกับฝรั่ง
อันดับหนังทำเงิน เทียบรายการไทยกับฝรั่ง
เห็นปกนิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์ บอกว่า พี่มากพระโขนง ทำรายได้แซงโกโบริไปมากมาย ก็มากกว่าถึง 10 เท่า ทำให้ผมสนใจว่า คนไทยดูภาพยนตร์เรื่องอะไรกันบ้าง
พบว่า การทำภาพยนตร์ของไทย ใน 30 อันดับ มีหนังประวัติศาสตร์ 7 เรื่อง มีหนังผีระทึก 4 เรื่อง มีหนังบู้ 3 เรื่อง มีหนังตลก และรัก 16 เรื่อง
แต่ไม่รู้จะเทียบหนังไทยกับหนังฝรั่งอย่างไร เพราะปัจจัยของการดูภาพยนตร์น่าจะอยู่ที่คนดู สำหรับประเทศไทย ผมรู้สึกไปเองว่าประเภทของภาพยนตร์ไทยขึ้นอยู่กับผู้สร้าง เพราะผู้ดูก็จะไปดูทุกเรื่องที่มีให้ดู แต่ผู้สร้างไม่ได้สร้างให้ดูก็คงจะไม่เห็นในรายการจัดอันดับหนังทำเงินของไทย เพราะเห็นความแตกต่างระหว่างรายการหลังไทย กับหนังฝรั่ง  แล้วหนังฝรั่งคนไทยก็ดูนะครับ อย่างรายการ top 50 นั่นผมดูแล้วทุกเรื่อง ส่วนหนังไทยยังดูไ่ม่ครบครับ
อันที่จริงมีคำถามในใจ ว่า “ทำไมคนไทยไปดูหนังเรื่องพี่มากพระโขนง มากถึง 3 ล้านคนเลยเหรอ” เพราะรายได้ 300 ร้อยกว่าล้าน ที่ได้จากผู้ชมคนละร้อย ก็น่าจะมีคนชมกว่า 3 ล้านคน
1. สุริโยไท
2. พี่มากพระโขนง
3. ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 1
4. ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 2
5. ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๓ ยุทธนาวี
6. ต้มยำกุ้ง
7. ATM เออรัก เออเร่อ
8. บางระจัน
9. นางนาก
10. รถไฟฟ้า..มาหานะเธอ
11. หลวงพี่เท่ง
12. แฟนฉัน
13. ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๔ ศึกนันทบุเรง
14. กวน มึน โฮ
15. สุดเขตสเลดเป็ด
16. มือปืน/โลก/พระ/จัน
17. ลัดดาแลนด์
18. 5 แพร่ง
19. ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ
20. 32 ธันวา
21. องค์บาก 2
22. คุณนายโฮ
23. แหยมยโสธร
24. องค์บาก
25. สตรีเหล็ก
26. แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า
27. สาระแนห้าวเป้ง
28. ก้านกล้วย
29. วงศ์คำเหลา
30. โหน่งเท่ง นักเลงภูเขาทอง

ดาราไทยกับอาหารสดในต่างแดน

dog in china
dog in china

ไปเดิน bigc หรือ lotus ในแผนกอาหารสด ก็เห็นแต่สัตว์ที่ตายแล้วเต็มไปหมด ปลาหมึก หมู วัว ไก่ ปลา ก็เห็นจะมีปลาบางตัวที่ยังว่ายน้ำอยู่ หากท่านใดสนใจก็จะชี้ปลาตัวนั้น ผมว่านั่นสดจริง ๆ

ย้อนนึกถึงสุนัขที่คนไทยบางกลุ่มส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านเป็นลำรถที่เดียว และออกเป็นข่าวบ่อย ๆ เนื่องจากคนไทยไม่นิยม เมื่อค้นดูก็พบว่ามีการห้อยสุนัขเหมือนเป็ด เหมือนไก่ เหมือนข้าวขาหมู ก็คงเป็นอาหารที่ไม่สด เนื่องจากไม่ได้ฆ่าสัตว์นั้นตรงนั้น แล้วกินกันเลย แต่มีการฆ่าแล้วก็หั่นเอาเฉพาะส่วนที่น่าทานเสิร์ฟไปยังร้านอาหารต่าง ๆ ก็คงเหมือนกับ KFC หรือ MK หรือ PIZZA หรือ Shabushi หรือ Santafe ที่ต้องฆ่าสัตว์นั้น ๆ ก่อน แล้วก็คงแช่แข็งไว้ หากมีลูกค้าสั่งถึงจะนำออกมาวางให้หยิบเข้าปาก

เคยมีรายการเที่ยวต่างประเทศ ที่ดาราไปเกาหลีแล้วเข้าร้านเปิปพิสดาร ทานปลาหมึกลวก (live octopus) ประเด็นที่น่าสนใจคือ ปลาหมึกตัวนั้นยังไม่ตาย ยังสด ๆ แล้วดาราคนนั้นก็ทานไม่ลง แต่คนในร้านทานกันอย่างเอร็ดอร่อย เรียกว่าวัฒนธรรมการรับประทานอาหารที่แตกต่างกัน ซึ่งดาราไทยปรับตัวไม่ได้ในระหว่างท่องไปในต่างแดน

ผมเองก็ทานอาหารสด จำไ้ด้ว่าเคยไปกว้านพะเยา แล้วมีแม่ค้าเอากุ้งเต้นมาขาย ใส่กล่องโฟมแบบยำแล้ว ราคาประมาณ 30 บาทในสมัยนั้น บางตัวก็เต้นอยู่ แต่เพราะอยู่กับพริก จึงทะยอยหยุดเต้นจนเหลือมีชีวิตอยู่ไม่กี่ตัว .. ภาคหลังไ้ด้ค้นข้อมูลจากเว็บไซต์ได้ข้อมูลว่าในกุ้งเต้นมีพยาธิปริมาณมาก และอาจเป็นเหตุของโรคภัยสารพัด จึงต้องหยุดเป็นลูกค้าในเวลาต่อมา

http://dailykimchi.com/buzz/china-food-festival-over-15000-dogs-on-the-menu/

ไอน์สไตน์ โดย วอลเตอร์ไอแซคสัน

ไอน์สไตน์ โดย วอลเตอร์ไอแซคสัน 9786165154147
ไอน์สไตน์ โดย วอลเตอร์ไอแซคสัน 9786165154147

หน้าก่อนหน้า ix
ข้อความในจดหมายที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เขียนถึงลูกชาย เอดูอาร์ด ไอน์สไตน์
ว่า “ชีวิตเหมือนการขี่จักรยาน
ถ้าไม่อยากล้ม ลูกต้องขี่ไปข้างหน้าเรื่อย ๆ อย่าหยุด

ได้หนังสือ ไอน์สไตน์ โดย วอลเตอร์ไอแซคสัน
Albert Einstein by Walter Isaacson
ชีวประวัติ และจักรวาล (ฉบับสมบูรณ์)
His Life and Universe

ที่แปลโดย ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ และคณะ
ซึ่ง อ.อัศนีย์ ณ น่าน รับประสานให้บุคลากร และจัดซื้อราคาพิเศษ
ราคาตามปกคือเล่มละ 495 บาท
ได้หนังสือวันที่ 9 เม.ย.56
หนังสือพิมพ์ครั้งแรก มี.ค.56
ในเล่มภาษาอังกฤษนั้น พิมพ์ครั้งแรก เม.ย.50
เล่มแปลมีเลขหน้าถึงหน้าที่ 763 จากทั้งหมด 816 หน้า
มีทั้งหมด 25 บท เขียนคำนิยมโดย

1. ว.วชิรเมธี มหาวิชชาลัยพุทธเศรษฐศาสตร์
2. ศ.ดร.สุทัศน์ ยกส้าน
3. คุณสุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการ

เล่มนี้ isaacson เขียนเสร็จก่อนเล่ม Steve Jobs
แต่สำนักพิมพ์ Nation books แปลเล่มของ Steve Jobs ก่อน
แล้วตามมาด้วยการแปลเล่มนี้

สารบัญ
บุคคลสำคัญในเรื่อง
บทที่ 1 บุรุษผู้ท่องไปกับลำแสง
บทที่ 2 วัยเด็ก, ปี 1879 – 1896
บทที่ 3 ซูริกโพลีเทคนิค , ปี 1896 – 1900
บทที่ 4 คู่รัก, ปี 1900 – 1904
บทที่ 5 ปีมหัศจรรย์: ควอนตัม และโมเลกุล, ปี 1905
บทที่ 6 ทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษ, ปี 1905
บทที่ 7 ความคิดอันแสนสุข, ปี 1906 – 1909
บทที่ 8 ศาสตราจารย์ผู้ร่อนแร่, ปี 1909 – 1914
บทที่ 9 ทฤษฎีสัมพันธภาพทั่วไป, ปี 1911 – 1915
บทที่ 10 หย่า, ปี 1916 – 1919
บทที่ 11 เอกภพของไอน์สไตน์, ปี 1916 – 1919
บทที่ 12 ดังกระฉ่อน, ปี 1919
บทที่ 13 ไซออนิสต์พเนจร, ปี 1920 – 1927
บทที่ 14 รางวัลโนเบล, ปี 1921 – 1927
บทที่ 15 ทฤษฎีสนามรวม, ปี 1923 – 1931
บทที่ 16 เข้าสู่วัย 50, ปี 1929 – 1931
บทที่ 17 พระผู้เป็นเจ้าของไอน์สไตน์
บทที่ 18 ลี้ภัย, ปี 1932 – 1933
บทที่ 19 สหรัฐอเมริกา, ปี 1933 – 1939
บทที่ 20 การพัวพันเชิงควอนตัม, ปี 1935
บทที่ 21 ระเบิดปรมาณู, ปี 1939 – 1945
บทที่ 22 พลเมืองของโลกเพียงหนึ่งเดียว, ปี 1945 -1948
บทที่ 23 เด่นดัง, ปี 1948 -1953
บทที่ 24 หวาดกลัวลัทธิคอมมิวนิสต์, ปี 1951 -1954
บทที่ 25 วาระสุดท้าย, ปี 1955
บทส่งท้าย สมองและความคิดของไอน์สไตน์

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (เยอรมัน: Albert Einstein) (14 มีนาคม พ.ศ. 2422 – 18 เมษายน พ.ศ. 2498) เป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎี ชาวเยอรมันเชื้อสายยิวที่มีสัญชาติสวิสและอเมริกัน ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เขาเป็นผู้เสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพ และมีส่วนร่วมในการพัฒนากลศาสตร์ควอนตัม สถิติกลศาสตร์ และจักรวาลวิทยา เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ในปี พ.ศ. 2464 จากการอธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก และจาก “การทำประโยชน์แก่ฟิสิกส์ทฤษฎี”

http://en.wikipedia.org/wiki/Albert_Einstein

http://bit.ly/14IVcmx
http://www.se-ed.com/eShop/Products/ProductList.aspx?CategoryId=5408&AspxAutoDetectCookieSupport=1

ถ่ายคลิ๊ปรูปถ่ายหมู่มหาฯ

มหาบัณฑิต ในพิธีประสาทปริญญาบัตรกลางแจ้ง
มหาบัณฑิต ในพิธีประสาทปริญญาบัตรกลางแจ้ง

21 ธ.ค.55 เป็นครั้งที่ 20 ที่มหาวิทยาลัยเนชั่นจัดพิธีประสาทปริญญาบัตรบัณฑิต และมหาบัณฑิต ณ ลานกลางแจ้ง ในมหาวิทยาลัย ริมอ่างตระพังดาว และเป็นปีแรกที่ใช้ชื่อมหาวิทยาลัยเนชั่น หลังรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเซ็นอนุมัติการเปลี่ยนชื่อจาก มหาวิทยาลัยโยนก เป็นมหาวิทยาลัยเนชั่น เมื่อวันที่ 28 พ.ย.54

โดยภาพนี้เป็นภาพหมู่ของมหาบัณฑิต ที่ใช้ชื่อมหาวิทยาลัยเนชั่นเป็นรุ่นแรก โดยมี คุณสุทธิชัย หยุ่น ประธานเครือเนชั่น คุณเสริมสิน สมะลาภา และ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี เป็นเกียรติ และ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานในพิธี

ช้างเผือก หรือสาวงาม ก็ล้วนงามตา

โบราณว่า “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง

สาวลาวบนปก นิตยสารมหาชน (Mahason Magazine) ของลาว ก็งามเพราะแต่ง

สาวลาวในปีใหม่ลาว 2556
สาวลาวในปีใหม่ลาว 2556 #158

http://www.facebook.com/mahasonmagazine

http://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151362502959149&set=a.10151362502159149.1073741831.104039739148

http://www.thailandmagazinedirectory.com/LAO-MAGAZINES-DIRECTORY/MAHASON-MAGAZINE-LAO.html

คนลาวก็มีวัฒนธรรมดั่งเดิมไม่ต่างกันคนไทยมากนัก
คนลาวก็มีวัฒนธรรมดั่งเดิมไม่ต่างกันคนไทยมากนัก #158

heraine honey ในนิตยสารฉบับ 134
heraine honey ในนิตยสารฉบับ 134

Heraine Honey Mahason Magazine Issue #134

http://www.facebook.com/photo.php?fbid=10150649667474149&set=a.10150649666834149.389696.104039739148

สิ่งมีชีวิตที่มีสีสันแปลกไปจากเดิม .. เราก็มักจะให้ความสนใจ


ช้างที่สีดำ พอจับทาสีขาวหรือชมพู .. ก็ดูดีและถูกชื่นชม
เจ้าของช้างรู้ว่า ถ้าทาสีช้างแล้ว จะทำให้ผู้ชมการแสดงช้างมีความสุข
เจ้าของช้างก็ต้องทำ .. เพราะทำแล้วมีผู้ชม และให้อาหารช้าง

ช้างแต่งตัว ทาสี แล้วก็ดูดี บ้างก็เรียกว่าช้างเผือก
ช้างแต่งตัว ทาสี แล้วก็ดูดี บ้างก็เรียกว่าช้างเผือก

9 เม.ย.56 ผมพบช้างเผือก 3 เชือก
เดินแถวศาลากลางเก่าจังหวัดลำปาง
ซึ่งก่อนหน้านี้ในหนังสือพิมพ์พูดถึงช้างจากสุรินทร์
แต่เป็นข่าว และเรื่องราวที่แตกต่างกัน โดยสิ้นเชิง
http://qq.seedang.com/stories/48099

แท็บเลต 1.7 ล้านเครื่อง ในงบประมาณ 1760 ล้านบาท

tablet ป.1 และ ม.1
tablet ป.1 และ ม.1

ตัวเลข 1.7 ล้านเครื่อง ถ้าราคาเครื่องละ 2,000 บาท
ก็น่าจะเกินงบไปมากกว่าเท่าตัว
งบแท็บเล็ตน้อยกว่ารถคันแรกเยอะเลย
เห็นยอดรถคันแรกน่าจะใช้งบหนึ่งแสนล้านบาท แต่งบแท็บเล็ตแต่หนึ่งพันกว่าล้านเอง

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
เปิดสเป็กจัดซื้อ “แท็บเลต” ลอตใหม่ 1.7 ล้านเครื่อง รวบแจก ป.1-ม.1 ตั้งราคากลาง “ป.1-2,720 บาท” เครื่องเด็ก ม.1 ที่ “2,920 บาท” พร้อมเตรียมเปิดขายซอง 3-5 เม.ย.56 เคาะราคา 29 เม.ย.56  แบ่งประมูล 4 รอบ จับคู่แยกรายภาค สารพัดแบรนด์รุมจีบทั้ง “จีน-อินเดีย-เยอรมนี” คาดแข่งเดือด ขณะที่ “ครู ป.2” โอละพ่อเด็กหิ้วเครื่องติดตัวมาจาก ป.1 แต่ไม่มีงบฯจัดซื้อเครื่องให้ครู

น.อ.สุรพล นะวะมวัฒน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยในฐานะคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายแท็บเลตเพื่อการศึกษา (One Tablet per Child : OPTC) ว่า ขณะนี้ได้สรุปสเป็กของแท็บเลตที่ต้องจัดซื้อลอตใหม่ เพื่อแจกชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2556 พร้อมกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการจัดซื้อแล้ว โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นเจ้าภาพในการจัดซื้อด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction)

สำหรับราคากลางในการจัดซื้อแท็บเลตเด็ก ป.1 อยู่ที่เครื่องละ 2,720 บาท ม.1 และเครื่องสำหรับครูอยู่ที่ 2,920 บาท รวมภาษีและค่าขนส่งถึงหน่วยงานเจ้าของงบประมาณ โดยจัดซื้อรวมทั้งสิ้น 1.74 ล้านเครื่อง สพฐ.ได้รับมอบอำนาจในการจัดซื้อจากเจ้าของงบประมาณ 8 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กรมการส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักการศึกษาเมืองพัทยา และ สพฐ.เอง เพื่อจัดซื้อ

แท็บเลตให้โรงเรียนในสังกัดโดยสเป็กแท็บเลตลอตนี้หลัก ๆ เหมือนกันคือใช้หน่วยประมวลผล (CPU) ดูอัลคอร์ 1.5 GHz หน่วยความจำ (RAM) ขนาด 1 GB ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 ขึ้นไป หรือวินโดวส์ แบตเตอรี่ 3600 mAh ต่างกันที่เด็ก ป.1 มีหน้าจอ 7 นิ้ว ฮาร์ดดิสก์ 8 GB ส่วนเด็ก ม.1 และเครื่องคุณครู หน้าจอ 8 นิ้ว ฮาร์ดดิสก์ 16 GB ซึ่งเครื่องของครูมีฟังก์ชั่นเพิ่ม เช่น ช่อง HDMI มีปากกาสไตลัส พร้อม SD card ความจุ 8 GB เพิ่มให้ต่างหากซึ่งสเป็กที่สูงกว่าการจัดซื้อในปีที่แล้ว ที่เป็น CPU และเป็นแบบแกนเดียว ความเร็ว 1 GHz ความจุ RAM 512 MB ฮาร์ดดิสก์ 8 GB และหน้าจอ 7 นิ้ว ราคา 82 เหรียญสหรัฐ (รวมค่าขนส่งถึงสนามบินสุวรรณภูมิ)และจะเปิดขายซองข้อมูลสำหรับผู้สนใจเข้าร่วมประมูลวันที่ 3-5 เม.ย. 2556 มีกำหนดชี้แจงข้อมูลระเบียบ และข้อกำหนดเทคนิค (ทีโออาร์) วันที่ 9 เม.ย. เปิดยื่นซองเทคนิควันที่ 17 เม.ย. และประกาศผลผู้ผ่านเกณฑ์วันที่ 27 เม.ย. ประมูลแบบ e-Auction วันที่ 29 เม.ย. และจัดพิธีลงนามในสัญญาจัดซื้อ 9 หรือ 10 พ.ค. ให้ผู้ชนะทยอยส่งแท็บเลตตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.จนครบใน 90 วันนับจากเซ็นสัญญา

“ปีนี้กระบวนการจัดซื้อแท็บเลตใช้ e-Auction ต่างกับปีที่แล้วที่ใช้การจัดหาแบบทำสัญญารัฐต่อรัฐ (G to G) เป็นการจัดหาคือสั่งผลิต ไม่ใช่จัดซื้อแบบครั้งนี้ที่ผู้เข้าประมูลทุกรายต้องนำแท็บเลตที่สมบูรณ์แล้ว 6 เครื่องมาให้ทดสอบก่อนว่าตรงตามสเป็กหรือไม่ ใช้งานกับซอฟต์แวร์และคอนเทนต์ของ สพฐ.ที่มีอยู่แล้วได้หรือไม่ ที่สำคัญคือเป็นการตัดสินกันที่ราคา สเป็กที่เหนือกว่าคู่แข่งไม่มีผลถ้าราคาแพงกว่า”

ส่วนการเคาะราคาประมูลในเบื้องต้นแบ่งเป็น 4 รอบตามสัญญาที่แยกเซ็น ได้แก่ สัญญาการจัดซื้อแท็บเลตสำหรับเด็ก ป.1 ในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้จำนวน 431,775 เครื่อง สัญญาจัดซื้อสำหรับเด็ก ป.1 ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 417,042 เครื่อง สัญญาที่ 3 สำหรับชั้น ม.1 ในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ 416,440 เครื่อง และสัญญาจัดซื้อแท็บเลต ม.1 ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 423,333 เครื่อง โดยผู้ชนะประมูลจะลงนามในสัญญาจัดซื้อโดยตรงกับหน่วยงานเจ้าของงบประมาณ เนื่องจาก สพฐ.เป็นแค่ผู้รับมอบอำนาจในการจัดซื้อเพื่อให้มีปริมาณมากพอ

ขณะที่แท็บเลตสำหรับให้คุณครูจำนวน 54,000 เครื่อง ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าต้องเปิดประมูลและทำสัญญาแยกต่างหาก หรือรวมเข้าไปในการจัดซื้อแท็บเลตแต่ละสัญญาที่แยกตามพื้นที่ แต่มั่นใจว่าการจัดซื้อครั้งนี้จะได้ราคาต่ำกว่าราคากลางแน่นอน เพราะจัดประมูลแยกเป็นรอบ ๆ ไล่ทีละสัญญา เชื่อว่าในสัญญาที่ 4 รอบสุดท้ายยิ่งได้ราคาต่ำที่สุด ซึ่งอาจได้ผู้ชนะแยกเป็น 4 ราย หรือมีแค่บริษัทเดียวก็ได้ ที่สำคัญคือเป็นการประมูลที่เปิดกว้าง ใครที่คิดว่ามีศักยภาพก็เข้ามาประมูลได้

น.อ.สุรพล เปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้มีผู้ผลิตแท็บเลตหลายรายสนใจเข้ามาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนี้ อาทิ ทีซีแอล, ไฮเออร์, แชมเปี้ยนเอเชีย, สโคป, อินถัง, ออลอิน แบรนด์ซังเวิร์นของเอเซอร์ รวมถึงผู้ผลิตแท็บเลตของอินเดียและเยอรมนีด้วย ซึ่งเท่าที่ได้พูดคุยมา บริษัทจีนบางแห่งยอมขาดทุนเพื่อให้ได้โปรเจ็กต์นี้ และเพื่อใช้ชื่อประเทศไทยเพิ่มโปรไฟล์ให้ตนเอง เนื่องจากมีไม่กี่โครงการที่จัดซื้อพร้อมกันเป็นลอตใหญ่

และนอกเหนือจากการจัดส่งแท็บเลตที่ลงแอปพลิเคชั่นและคอนเทนต์ให้ครบถ้วนตามข้อกำหนดแล้ว ผู้ชนะประมูลยังต้องเสนอแผนการตั้งศูนย์บริการให้ได้ครอบคลุมพื้นที่ตามสัญญาจัดซื้อ รวมถึงการรับประกันสินค้าเป็นเวลา 1 ปีด้วย

“การจัดซื้อครั้งนี้ได้นำบทเรียนจากครั้งก่อนมาปรับปรุง ตั้งแต่การเปิดเผยรายละเอียดของสัญญาจัดซื้อให้ศึกษาทำความเข้าใจ และยอมรับเงื่อนไขก่อนเข้าประมูล การให้นำแท็บเลตมาทดลองลงแอปพลิเคชั่นและคอนเทนต์ต่าง ๆ ว่าทำงานได้สมบูรณ์ตั้งแต่ขั้นตอนทดสอบเทคนิค รวมถึงการใช้ e-Auction ให้การจัดซื้อโปร่งใส วัดกันที่ราคา จะได้ไม่เกิดข้อครหาทำให้ส่งมอบล่าช้า”

ข้อกังวลที่มีอยู่ คือ ไม่แน่ใจว่าทางองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นจะมอบอำนาจการจัดซื้อมาให้ สพฐ.ทันหรือไม่ เนื่องจากติดขัดเรื่องระเบียบการจัดซื้อ และยังมีปัญหาไม่มีงบประมาณในการจัดซื้อแท็บเลตที่จะให้ครูชั้น ป.2 นำไปสอนเด็กนักเรียนที่ได้รับแจกแท็บเลตตั้งแต่ตอน ป.1

ขณะที่ความคืบหน้าในการนำแท็บเลตที่จัดซื้อในปีที่แล้วไปใช้งาน ล่าสุดกระทรวงไอซีทีลงนามในสัญญาเช่าใช้บริการวงจรสื่อสารข้อมูลพร้อมอุปกรณ์โครงการพัฒนาระบบโครงข่ายไร้สาย (WiFi network) กับ บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท โทรคมนาคม เพื่อให้ทั้ง 27,231 โรงเรียนในสังกัด สพฐ.มีอินเทอร์เน็ต WiFi ความเร็ว 4-10 Mbps. ใช้ฟรี

งบประมาณ 1,760 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 300 วัน นับจากส่งมอบอุปกรณ์ให้โครงข่ายกระทรวงศึกษาธิการ หรือ MOENet จะทยอยเปิดให้บริการใน มิ.ย.เป็นต้นไป คาดว่าจะครบทั้งระบบภายใน ส.ค. โดยกระทรวงไอซีทีได้เตรียมเสนอของบประมาณปี 2557 ไว้ 4,250 ล้านบาทสำหรับวางโครงข่าย WiFi เพิ่มเติมให้โรงเรียนที่ได้รับแจกแท็บเลตในปีการศึกษา 2556 กว่า 43,258 แห่ง

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1363062897&grpid=&catid=06&subcatid=0603

รถคันแรกทะลัก 1.25 ล้านคันใช้งบแสนล้านบาท

รถคันแรก คนไทยใช้สิทธิ์ 1.25 ล้าน
รถคันแรก คนไทยใช้สิทธิ์ 1.25 ล้าน

ฟังเพลง “รอพี่ก่อน” ของ SHADE
.. บอกว่า อย่าพึ่งซื้อรถยนต์ หรือรถไฟเลย ตอนนี้ยังไม่มีตัง
น้องเสื้อดำคงยื่นคำขาดว่า “รอไม่ได้หรอกพี่
แต่คนไทยรอไม่ไหว .. ยอดจองรถคันแรก 1.25 ล้าน
ใช้งบ 100,000,000,000 (ไม่รู้ใส่ 0 ถูกรึเปล่า ขาดเกินขออภัยด้วย)
ก็ของมันจำเรื่องมันจำเป็น ทำไงได้ .. เรื่องนี้มีคนชวนคิดกันเยอะ
เพราะบ้านคันแรกก็จำเป็น รถคันแรกก็จำเป็น แท็บเล็ตเด็กก็จำเป็น เงินเดือนขึ้นก็จำเป็น

ข่าวคมชัดลึก
ปิดฉากรถยนต์คันแรกแห่ใช้สิทธิทะลัก 1.25 ล้านคัน ดันยอดคืนภาษีพุ่ง 9.1 หมื่นล้านบาท พบรถยนต์นั่งแชมป์ขอคืนสูงสุด 7.4 แสนคัน


นโยบายรถคันแรกของรัฐบาลที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554 และสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 นั้น ส่งผลให้ประชาชนยังคงยื่นขอใช้สิทธิ์ในโครงการดังกล่าวกันอย่างคึกคัก โดยนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า การยื่นขอใช้สิทธิคืนภาษีรถยนต์คันแรกในวันนี้ (31 ธ.ค.2555) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของโครงการ มีผู้ยื่นขอคืนภาษีสรรพสามิตรถยนต์คันแรกตลอดทั้งวันทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 2,000 คัน เทียบกับเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม มีการยื่นขอคืนภาษีรถยนต์คันแรกสูงถึง 5,000 คัน ส่งผลให้ตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการจนถึงวันสุดท้ายที่รับยื่นขอคืนภาษีมียอดรวมทั้งสิ้น 1.255 ล้านคัน คิดเป็นเงินที่ต้องคืนภาษีรวม 9.1 หมื่นล้านบาท สูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ในช่วงแรก 3 หมื่นล้านบาทถึง 3 เท่าตัว

สำหรับการยื่นใช้สิทธิขอคืนภาษีรถคันแรกทั่วประเทศจำนวน 1.255 ล้านคันนั้น แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 7.40 แสนคัน รถกระบะ 2.58 แสนคัน รถยนต์นั่งที่มีกระบะ หรือดับเบิลแค็บ 2.57 แสนคัน ส่วนผู้ที่ได้รับสิทธิและได้รับเงินคืนไปแล้วมีทั้งสิ้น 47,018 ราย คิดเป็นเงิน 3,481 ล้านบาท และคาดว่าปีงบประมาณ  2556 จะต้องคืนภาษีรถยนต์คันแรกรวม 2 หมื่นล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ครั้งแรก 7,000 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 18,000 ล้านบาทแต่ก็ยังไม่เพียงพอจึงอาจต้องขอใช้งบกลางเพิ่มเติม ส่วนปีงบ 2557 คาดว่าจะใช้เงินคืนภาษีรถยนต์คันแรกประมาณ 3-3.5 หมื่นล้านบาท และใช้งบอีกบางส่วนในปี 2558 โดยผู้ที่ได้รับคืนเงินทางบัญชีเงินฝากนั้นจะต้องครอบครองรถยนต์ครบ  1  ปี

อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวอีกว่า การให้บริการยื่นเอกสารขอคืนภาษีกรมสรรพสามิตวันสุดท้ายที่ผ่านมา กรมสรรพสามิตและพื้นที่ต่างๆ เปิดรับยื่นเอกสารจนถึงเวลา 16.30 น. เฉพาะที่กรมสรรพสามิต ราชวัตร มีผู้มายื่นใช้สิทธิประมาณ 300 รายเท่านั้น ขณะที่กรมได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ไว้รองรับอย่างเต็มที่ และส่วนใหญ่ที่มาก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเอกสารแต่อย่างใดจึงไม่น่าจะมีปัญหาในการขอคืนภาษี นอกจากจะมีการตรวจสอบกับกรมการขนส่งทางบกอีกครั้งและพบว่าไม่เข้าเงื่อนไขการเป็นเจ้าของรถคันแรกจริง

วันสุดท้ายมีผู้มายื่นใช้สิทธิน้อยกว่าที่คาดไว้ จึงน่าจะเป็นการเก็บตกผู้ใช้สิทธิ เท่าที่สอบถามผู้มายื่น 2-3 ราย ส่วนใหญ่ระบุว่าเพิ่งได้รับการอนุมัติจากทางบ้านให้ซื้อรถยนต์จึงรีบนำใบจองซื้อรถยนต์มาใช้สิทธิให้ทันในวันสุดท้าย โดยมองว่าไม่น่าจะมีผู้ตกหล่นหรือใช้สิทธิไม่ทัน เพราะก่อนหน้านี้กรมสรรพสามิตได้ประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่องแล้ว” นายสมชายระบุ

กระนั้นก็ดี นายสมชาย กล่าวด้วยว่า แม้เจ้าหน้าที่จะปิดรับเรื่องแล้วแต่ยังสามารถยื่นผ่านอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ https://firstcar.excise.go.th/ ได้จนถึงเวลา 24.00 น. วันที่ 31 ธันวาคม 2555 และเอกสารต้องพร้อมภายใน 15 วันนับจากวันที่ยื่นขอใช้สิทธิ แต่ส่วนนี้ก็ไม่น่าจะมีเพิ่มขึ้นมากนัก ไม่เกินร้อยราย ปิดยอดจริงๆ ก็น่าจะประมาณ 1.256 ล้านคัน อย่างไรก็ตามกรมสรรพสามิตไม่ได้มีการแยกว่าเป็นการยื่นขอใช้สิทธิคืนภาษีรถยนต์ยี่ห้อใดมากที่สุดเอาไว้ด้วย

สำหรับกรณีของรถโตโยต้า วีออสรุ่นใหม่ที่มีกรณีเรียกร้องให้ทบทวนการได้สิทธิเข้าโครงการรถยนต์คันแรก ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้นำออกมาจำหน่ายในตลาดแต่มีการเปิดรับจองแล้วนั้น ทางกรมสรรพสามิตได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่โรงงานแล้วเห็นว่าทางบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ได้ขึ้นไลน์การผลิตแล้วจริง มีการผลิตรถยนต์และเสียภาษีสรรพสามิตไว้แล้วบางส่วน จึงถือว่าเข้าข่ายได้รับสิทธิโครงการรถยนต์คันแรก ผู้ที่จองซื้อรถยนต์รุ่นดังกล่าวจึงมีสิทธิได้รับเงินคืนเช่นเดียวกัน แต่คาดว่าจะมีไม่มากนักเพราะเพิ่งเปิดจองช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคม 2555 เท่านั้น

ทั้งนี้ โครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาลเดิมตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิเข้าโครงการประมาณ 5 แสนคัน คิดเป็นเม็ดเงินต้องคืนราว 3.2 หมื่นล้านบาทเท่านั้น แต่จากการผ่อนปรนเงื่อนไขให้จองได้ถึงเดือนธันวาคมจากเดิมเดือนกันยายน และให้ใช้เพียงใบจองซื้อรถยนต์มายื่นเข้าโครงการโดยเปิดกว้างให้ส่งมอบรถเมื่อไหร่ก็ได้ ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้มีผู้สนใจใช้สิทธิมากกว่าเดิมถึงเท่าตัว

http://www.komchadluek.net/detail/20130101/148456/ปิดฉาก!รถคันแรกทะลัก1.25ล้านคัน.html

เกมส์ความคิดสร้างสรรค์

พบใน http://www.ce-kmitl.net/index.php?topic=4815.0
มีข้อความดังนี้

เพื่อนคุณได้ส่งคำเชิญให้คุณมาร่วมเล่นเกมส์ความคิดสร้างสรรค์
ชิงรางวัล IPOD ข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www….ac.th
วันนี้ ถึง
16 พฤษถาคม 2553

creative game
creative game

กติกาการแข่งขัน :
สุดยอดนักคิดต้องลงทะเบียนและเข้ามาตอบคำถาม
ใน Creative Game with Creative Campus@YONOK
ได้ที่ www…..ac.th
ทีมงานจะออกคำถามไม่น้อยกว่าวันละ 1 คำถามโดยไม่ระบุเวลา
คำถามจะทยอยขึ้นมาให้ตอบเรื่อย ๆ สุดยอดนักคิดทุกคนมีสิทธิ์ตอบคำถามตามเวลาและอารมณ์ของสุดยอดนักคิด
และสามารถติดตามคำถามได้
ที่ Facebook : Creative Campus @ YONOK University
หรือที่เว็บไซต์ www…..ac.th

วิธีคิดคะแนนสุดยอดนักคิด :

ผู้ที่ตอบถูกคนแรก ได้ข้อละ 200 คะแนน
ผู้ที่ตอบถูกเป็นคนที่สองได้ข้อละ 190 คะแนน
ผู้ที่ตอบถูกเป็นคนที่สามได้ข้อละ 180 คะแนน
ผู้ที่ตอบถูกเป็นคนที่สี่ได้ข้อละ 170 คะแนน
เรียงลำดับไปเรื่อย ๆ จนถึงผู้ที่ตอบถูกคนที่ 20 และผู้ที่ตอบถูกหลังจากคนที่ 20
คือคนที่ 21, 22 ….. จะได้คนละ10 คะแนน

มาดูตัวอย่างคำถามฝึกความคิดสร้างสรรค์

– นายป่วยพบต้นไม้ ถอดรหัสเป็นเลขสี่หลัก
ตอบ …………….9653……………………..
เหตุผล ………Nine Six find Tree

– ลองมาทำสมการแบบกวนๆดูนะ SinX = nA Aมีค่าเท่ากับเท่าไร
ตอบ …………..6
เหตุผล ……….SinX = nA ( n ตัด n = Six = A )

กำหนดการรับสมัครสุดยอดนักคิด :
รับสมัครสุดยอดนักคิดตั้งแต่วันนี้ – 16 พฤษถาคม 2553

กำหนดการวันประกาศผลสุดยอดนักคิด :
วันที่ 17-18 พฤษถาคม 2553 ทางเว็บไซต์ http://www…..ac.th

กำหนดการมอบของรางวัลสุดยอดนักคิด :

วันที่ 9 มิถุนายน 2553 ณ มหาวิทยาลับ

ของรางวัลสำหรับสุดยอดนักคิดนักค้น :
รางวัลที่ 1 : iPod Touch พร้อมใบประกาศเกียรติคุณจากมหาวิทยาลัย
รางวัลที่ 2 : Samsung Candy Chat พร้อมใบประกาศเกียรติคุณจากมหาวิทยาลัย
รางวัลที่ 3 : ตั๋วเครื่องไปกลับกรุงเทพฯ-ลำปางและที่พักในจังหวัดลำปาง
พร้อมใบประกาศเกียรติคุณจากมหาวิทยาลัย
รางวัลประจำสัปดาห์อีกมากมาย

http://www.facebook.com/yonoklampang
http://www.weekendhobby.com/ict/webboard/questionn.asp?id=45
http://www.ce-kmitl.net/index.php?topic=4815.0

ประกวดภาพถ่าย

photo contest
photo contest

การส่งภาพประกวด Nation U Photo Contest กับคอนเซ็บต์
Fun Fin Feel @Songkran Festival 2013

เงื่อนไขการร่วมสนุก
• ผู้ร่วมกิจกรรมต้องมีบัญชีเฟสบุ๊ค (Facebook Account) เป็นของตนเอง
• ผู้ร่วมกิจกรรมต้องกด Like เพื่อเป็น Fan ของหน้าเพจ Nation U News ก่อนเข้าร่วมกิจกรรม
• ผู้เข้าประกวดต้องเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย, ปวช, หรือ ปวส. หรือเทียบเท่า (เท่านั้น)
• ผู้ร่วมสนุกต้องทำตามกติกาให้ครบถ้วนตามที่ระบุ
• ผู้ได้รับรางวัลต้องติดต่อกลับเพื่อมารับรางวัลภายในเวลา 15 วันนับจากประกาศผล หากผู้ได้รับรางวัลไม่มารับรางวัลภายในระยะเวลาที่กำหนด จะถือว่าผู้ได้รับรางวัลสละสิทธิ์
• มหาวิทยาลัยขอสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงข้อกำหนด และเงื่อนไขเหล่านี้ได้ทุกเมื่อโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งเหตุผลให้ทราบ โดยอยู่ภายใต้ดุลยพินิจของทีมงาน คำตัดสินของคณะกรรมการและมหาวิทยาลัยถือเป็นที่สิ้นสุด ผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง หรือขอให้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น
• ผู้ร่วมกิจกรรมรับทราบ และยินยอมปฏิบัติตามกติกาการร่วมสนุกฉบับนี้

กติกา
• ต้องเป็นภาพประเพณีสงกรานต์ ปี 2556 ถ่ายจากกล้อง DSLR หรือกล้องดิจิตอลคอมแพ็ค ที่มีความละเอียดไม่ต่ำกว่า 5 ล้านพิกเซล
• จำกัดจำนวนภาพที่ส่งเข้าประกวดของผู้เข้าประกวด 1 USERNAME ต่อ 1 ภาพ
• ภาพที่ส่งประกวดต้องไม่เคยได้รับรางวัลจากการประกวดใดๆมาก่อน และต้องเป็นผลงานของผู้เข้าประกวดเองเท่านั้น
• ผู้ส่งภาพเข้าประกวดสามารถใช้เทคนิคการถ่ายภาพได้อย่างอิสระ แต่ห้ามตัดต่อ เพิ่มเติม หรือบิดเบือนภาพไปจากเดิม ยกเว้นการปรับสี ความอิ่มตัวสี แสง และคอนทราสต์ของภาพที่ไม่เกินจากความเป็นจริง
• ผู้ได้รับรางวัล กรุณาถือไฟล์ภาพจริงมาแสดงให้แก่คณะกรรมการตัดสิน
• ลิขสิทธิ์ภาพที่ส่งประกวด ตกเป็นของมหาวิทยาลัยเนชั่น เพื่อใช้จัดพิมพ์ เผยแพร่ ในการประชาสัมพันธ์กิจกรรมของมหาวิทยาลัย
• การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด ผู้ส่งภาพประกวดไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ใดๆทั้งสิ้น
• ภาพทั้งหมดจะได้รับโพสต์ ลงเว็บไซค์มหาวิทยาลัยเนชั่น และโซเชียวมีเดียของมหาวิทยาลัย

กำหนดปฏิทินการประกวด
• ส่งภาพเข้ามาภายในวันที่ 22 เมษายน 2556
• กรรมการตรวจตัดสินการประกวดภาพถ่าย วันที่ 29 เมษายน 2556
• ประกาศผลภาพถ่ายผ่าน www.nation.ac.th และทางแฟนเพจ www.facebook.com/NationUNews
และมอบรางวัล วันที่ 16 พฤษภาคม 2556 ณ มหาวิทยาลัยเนชั่น ศูนย์เนชั่นบางนา

เผยแพร่
http://www.nation.ac.th/
http://www.facebook.com/NationUNews
http://www.facebook.com/CommartsNationuBangkok

รางวัลการประกวด
• รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล 5,000 บาท
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 3,000 บาท
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 2,000 บาท