ประสบการณ์ฤดูร้อน (Nation U . Summer Experience)

nation u. summer experience
nation u. summer experience 2011

โครงการ Nation U.  Summer Experience 2011 ระหว่างวันที่ 23 พ.ค.- 17 มิ.ย.2554 สำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยเนชั่นรุ่นแรก ทำกิจกรรมร่วมกับวิทยากรระดับประเทศมากมาย อาทิ ครูคริส ครูนีน่า ครูนุ้ย ครูเต้ ดูงานที่การรถไฟแห่งประเทศไทย บมจ.เนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป บจก.ดับบลิวพีเอส (ประเทศไทย) มีรางวัลแพ็คเก็จทัวร์ดูงานเกาหลีใต้ และกิจกรรม meet & Greet กับดารา รับสมัครจำนวนจำกัด สมัครได้สำนักพัฒนานักศึกษา โทร 054-265170-6 ต่อ 115 ไม่จำกัดชั้นปี แต่รับจำนวนจำกัด สามารถ ตรวจประกาศรายชื่อ หรือดาวน์โหลดใบสมัคร ได้ทางเว็บไซต์ http://www.nation-u.com
+ http://www.nation-u.com/summer.php

สูตรรวยเจ้าพ่อ คอม-ลิงค์ ศิริธัช โรจนพฤกษ์

nation university
nation university http://www.nation-u.com

ข่าวจาก bangkokbiznews.com สูตรรวยเจ้าพ่อ คอม-ลิงค์ ศิริธัช โรจนพฤกษ์

ศิริธัช โรจนพฤกษ์ เจ้าพ่อคอม-ลิงค์ สอนวิธี ‘รวย’ ฉบับมือใหม่ ‘ให้เงินทำงาน’ ด้วยการซื้อหุ้นปันผลสูงกว่าดอกเบี้ย และขายเมื่อขึ้นมา 2-3 เท่า

นานทีปีหนที่ ศิริธัช โรจนพฤกษ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอม-ลิงค์ จำกัด จะออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขามักถูกพูดถึงในทำนอง “มิสเตอร์ Shadow” เข้าไปเกี่ยวข้องกับหุ้น (ร้อน) หลายบริษัทโดยเฉพาะในยุคที่ บล.บีฟิท (BSEC) รุ่งเรืองซึ่งในอดีตโบรกเกอร์แห่งนี้ถือเป็นแหล่งชุมมังกรซ่อนพยัคฆ์ ปัจจุบันศิริธัชยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บง.กรุงเทพธนาทร (BFIT) บริษัทแม่ของ “บล.บีฟิท”

ต่อมาปี 2549 เจ้าพ่อคอม-ลิงค์ถูกมองว่าอยู่เบื้องหลัง วรเจตน์  อินทามระ และ สมโภชน์ อาหุนัย เข้าเทคโอเวอร์ บมจ.ซีฮอร์ส (SH) ก่อนจะเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจจากอาหารทะเลแช่แข็งมาทำธุรกิจพลังงานทดแทนใน ชื่อบริษัทใหม่ บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) จากนั้นศิริธัชค่อย ๆ ก้าวออกมาอยู่เบื้องหน้าในฐานะ “เจ้าของตัวจริง” และลามือจาก “หุ้นร้อน” เกือบหมดสิ้น

ปัจจุบันเขาและกลุ่มคอม-ลิงค์ ยังถือหุ้นใหญ่อาคารไอทาวเวอร์ (อาคารฐานเศรษฐกิจเดิม) เป็นเจ้าของเว็บไซต์อีไฟแนนซ์ไทยดอทคอม และเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป (NMG) ผ่านบริษัท ปรีดาปราโมทย์ จำกัด ก่อนจะมีการโอนขายหุ้นไปอยู่ในชื่อ มยุรี สุขศรีวงศ์ เมื่อปลายปี 2551

ในขณะที่กลุ่มคอม-ลิงค์ เป็นแหล่งรวมของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ของเมืองไทยมีผู้ถือหุ้นได้แก่ กลุ่มโรจนพฤกษ์ 18.62% กลุ่มสันติ ภิรมย์ภักดี 17.5% กลุ่มสุขศรีวงศ์ 14.45% ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล 8.34% ธนาคารกสิกรไทย 6.25% ตระกูลอดิเรกสาร 8.76% และตระกูลล่ำซำ 5.2% เป็นต้น

เมื่อ 2-3 ปีก่อนกลุ่มคอม-ลิงค์ มีเงินลงทุนในตลาดหุ้นสูงกว่า 4,000 ล้านบาท ช่วงนั้นศิริธัชเปิดตัวต่อสื่อมวลชนครั้งแรกมีนักข่าวถามเขาว่า พอร์ตการลงทุนของกลุ่มโรจนพฤกษ์ และกลุ่มคอม-ลิงค์ มีมูลค่าเท่าไร

ศิริธัช กล่าวว่า “ไม่ขอตอบ” เดี๋ยวจะหาว่า “ผมขี้โม้” (ฟังแล้วอาจไม่เชื่อ) แต่บอกได้คร่าวๆ ว่า มีการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยในต่างประเทศจะเน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม เนื่องจากสามารถเก็บกินผลประโยชน์ได้ในระยะยาว รวมทั้งได้ลงทุนในมหาวิทยาลัยโยนก จังหวัดลำปาง ซึ่งล่าสุดได้ขายใบอนุญาตประกอบกิจการให้กับเครือเนชั่น และกลุ่มเสริมสิน สะมะลาภา ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น “มหาวิทยาลัยเนชั่น”

หากคุณอยากร่ำรวยเหมือนผมจงให้เงินทำงาน อย่าให้มันนอนนิ่ง ๆ” ศิริธัชกล่าว ล่าสุดเขากำลังปลุกปั้น บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) มีแผนผลิตเอทานอล 6.5 แสนลิตรต่อวัน มูลค่าเงินลงทุนสูงถึง 5,950 ล้านบาท

เจ้าพ่อคอม-ลิงค์ กล่าวว่า คุณรู้หรือไม่ทุกวันนี้ที่ผมร่ำรวยไม่ได้เป็นเพราะผมเก่ง แต่มันเกิดจาก “ความเฮง” ล้วนๆ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ “บุญวาสนา” ต่อให้เก่งมากขนาดไหนแต่ไม่มีวาสนาเลยชีวิตคุณก็คงไปไม่ถึงดวงดาว

คำแนะนำของเศรษฐีรุ่นใหญ่วัย 65 ปีรายนี้บอกเล่าถึงวิธี “รวยหุ้น” ให้กับมือใหม่ว่า หาก มีเงินเย็นๆ อยู่ในมือให้เอาไปซื้อหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูงกว่าดอกเบี้ย หรือไปซื้อหุ้นที่มีสภาพคล่องรอให้ราคาปรับตัวลงมาแล้วค่อยเข้าไปซื้อ เขายกตัวอย่างหุ้นราคา 100 บาท ถ้าได้รับปันผลปีละ 5 บาท แค่นี้ก็คุ้มเกินคุ้มแล้ว

“ซื้อแล้วไม่ใช่ปล่อยให้มันนอนแช่นิ่งๆ ต้องดูแลมันด้วย ถ้าราคาหุ้นขึ้นไป 2-3 เท่าจากต้นทุนก็ควร “ขายออก” แล้วกำเงินสดไว้เพื่อรอจังหวะนำไปลงทุนอย่างอื่นต่อไป…ผมเรียกมันว่า “เงินต่อเงิน” เงินมันต้องทำงานอย่าให้มันนั่งนอนอยู่เฉยๆ” เขาเผยเคล็ดลับ

ศิริธัชบอกว่าพนักงานในบริษัทของเขาส่วนใหญ่จะเคยฟังเขาปฐมนิเทศเกี่ยว กับเคล็ดลับความร่ำรวยเสมอๆ เจ้าตัวไม่ขอตอบคำถามการลงทุนในส่วนอื่นๆ และหลีกเลี่ยงที่จะแนะนำหุ้นรายตัว โดยบอกเพียงว่า “ไปหาซื้อหุ้นที่มีคุณลักษณะตามที่ผมบอก (จ่ายเงินปันผลสูงกว่าดอกเบี้ยและมีสภาพคล่อง) เดี๋ยวก็ได้พบเจอกับคำว่า “รวย” อีกอย่างถ้าพูดว่าหุ้นตัวไหนจะดี คนเขาก็หาว่าผมปั่นหุ้น พอบอกว่าตัวไหนไม่ดีก็หาว่าผมทุบหุ้น”

ที่ผ่านมามีหลายครั้งที่ชื่อของเขาหลุดเข้าไปเกี่ยวข้องกับหุ้นร้อนหลาย บริษัทแต่ศิริธัชก็ไม่เคยออกมาแก้ข่าวหรือโต้ตอบใดๆ เขากล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งจะบอกเสมออย่าพูดอะไรจะดีกว่า ปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เองดูอย่างเรื่องที่ผมอยากทำโรงงานผลิตเอทา นอลตอนนั้นคนก็ไม่เชื่อนะ (คิดว่าปั่นหุ้น) แต่วันนี้เห็นแล้วว่าผมทำจริงและแสงสว่างปลายอุโมงค์ก็เกิดขึ้นแล้ว

เศรษฐีรายนี้เชื่อเรื่องบุญกรรมและชอบทำบุญเป็นประจำเขาเชื่อว่าที่ร่ำ รวยมาได้ทุกวันนี้เป็นเพราะ “พระท่านให้พร” บวกกับได้สะสมบุญบารมีมาตลอดชีวิต ทุกครั้งที่จะพูดหรือทำอะไรผมจะคิดเสมอว่าขอให้บุคคลเหล่านั้นเข้าใจในสิ่ง ที่เราพูด ในทุกๆ วันเขาจะนั่งสมาธิวันละ 2 เวลา ช่วงเช้าและก่อนนอนครั้งละ “ครึ่งชั่วโมง”

“ผมหัดนั่งสมาธิมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ผมเคยเดินสมาธิจากถนนสามเสนไปแถวสนามหลวง หายใจเข้าออกพุทโธ ฝึกจิตให้อยู่กับตัวเราตลอดเวลา นี่ตั้งใจว่าจะนั่งสมาธิวันละ 3 เวลา ครั้งละ 5 นาที ตามที่พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร (เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล วัย 91 ปี) สั่งสอน”

ศิริธัชเป็นหนึ่งในศิษย์เอกของหลวงพ่อวิริยังค์ เจ้าตัวบอกว่า เดี๋ยววันที่ 20 มีนาคม 2554 นี้ ท่านจะมาสอนฝึกพลังจิตพระอาจารย์บอกว่าหากเราทุกคนมีพลังจิตอยู่ในตัวมันจะ เหมือนฝากเงินไว้ในธนาคารเราสามารถจะถอนออกมาใช้ได้ พลังจิตจะทำให้ร่างกายสดชื่น…ผมเชื่อว่าหากเราทุกคนมีพลังจิตจะทำอะไรก็ ประสบความสำเร็จ

EE (Ethanol Energy) เริ่มมีกำไรสุทธิ ปี 2557

โครงการผลิตเอทานอลของ บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) ก่อสร้างบนพื้นที่ 1,500 ไร่ ในอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี โรงงานจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2555

บริษัท แคปปิตอล พลัส แอดไวซอรี่ จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ได้ประมาณการรายได้และกำไรสุทธิของ EE บนสมมติฐานปี 2556 ใช้กำลังการผลิต 65% และช่วงปี 2557-2563 ใช้กำลังการผลิตที่ 70% โดยในปี 2554-2555 บริษัทจะมีรายได้จากการขายมันสำปะหลังปีละ 22 ล้านบาท โดยจะเริ่มมีรายได้จากการผลิตเอทานอลในปี 2556 จำนวน 1,988 ล้านบาท แต่ผลการดำเนินงานยัง “ขาดทุน” ในช่วง 3 ปีนี้ (2554-2556)

ในปี 2557 อีเทอเนิล เอนเนอยีจะ เริ่มมีกำไรสุทธิเป็นปีแรกประมาณ 300 ล้านบาท บนประมาณการรายได้ก้าวกระโดดเป็น 4,435 ล้านบาท บนสมมติฐานระยะเวลาในการคืนทุน 8.35 ปี อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี (IRR) ที่ 17.25% บนประมาณการราคาขายเอทานอลเฉลี่ยอยู่ที่ลิตรละ 28.52 บาท

ศิริธัช โรจนพฤกษ์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี เชื่อว่าอนาคตบริษัทจะสดใส เผลอๆ จะทำได้ดีกว่าที่บริษัท แคปปิตอล พลัส แอดไวซอรี่ ประมาณการไว้ด้วย เพราะที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเขาประเมินผลประกอบการเพียงแค่ 70% ส่วนตัวคิดว่า 100% เราทำได้มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร ตลาดในประเทศเราก็มีลูกค้าอยู่แล้ว ล่าสุดก็เซ็นสัญญาขายเอทานอลให้กับ ปตท. ขณะที่ตลาดต่างประเทศอย่างจีน ก็เล็งจะส่งไปขายด้วย

“เราใช้เวลาหลายปีในการศึกษาโครงการนี้ ผมจึงมั่นใจว่าดีแน่นอน ถามว่าที่ผ่านมาเหนื่อยมั้ย! ผมว่ามันกำลังจะเริ่มเหนื่อยมากกว่า ธุรกิจที่ทำมันมีความเสี่ยงก็จริงแต่มันเสี่ยงน้อยที่สุด และคุ้มค่ามากด้วย” ศิริธัช มั่นใจสุดๆ

เขาบอกว่า ผลการศึกษาของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระถ้าราคาขายเอทานอลเฉลี่ยอยู่ที่ลิตร ละ 27.09 บาท ผลตอบแทนจากการลงทุนจะอยู่ที่ 13.26% ต่อปี ระยะเวลาคืนทุน 10 ปี ถ้าราคาขายอยู่ที่ลิตรละ 28.52 บาท จะได้ผลตอบแทนปีละ 17.25% คืนทุนในเวลา 8.35 ปี แต่ถ้าราคาขายขึ้นไป 29.94 บาทต่อลิตร  ผลตอบแทนเฉลี่ยจะอยู่ที่ 20.83% ต่อปี คืนทุนใน 7.3 ปี

เจ้าพ่อคอม-ลิงค์ กล่าวทิ้งท้ายว่า อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) กำลังจะดีขึ้นตามลำดับ เพราะผมตั้งใจกับมันมาก (ลากเสียงยาว) ถ้ารักแล้วรอหน่อยเถอะครับ!

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/bizweek/20110301/379604/%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3-%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1-%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C-%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B1%E0%B8%8A-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C.html
http://www.toro.in.th/1299/%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B9%8D%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B5.html

มหาวิทยาลัยเนชั่น (Nation University)

เนชั่นกรุ๊ปรุกตลาดการศึกษา

21 ก.พ.54 นายธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG กล่าวว่า จากความมุ่งมั่นของ NMG ที่จะเผยแพร่ข่าวสาร ความรู้ และความบันเทิง อย่างสร้างสรรค์ ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจเป็นบริษัทย่อยเพื่อพัฒนา ผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบสนองความต้องการด้านข่าวสาร

บริษัท ได้เล็งเห็นโอกาสในการขยายสายธุรกิจด้านความรู้ จึงได้พิจารณากรณีศึกษาจากต่างประเทศในด้านความร่วมมือระหว่างบริษัทสื่อกับ สถานศึกษา เช่น ผู้พิมพ์จำหน่ายนิตยสารรายใหญ่ที่สุดของยุโรป Gruner + Jahr GmbH ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Bertelsmann ได้ร่วมกับ Henri-Nannen School เปิดสอนหลักสูตรนิเทศศาสตร์   ในสหรัฐอเมริกา Washington Post ได้ขยายกิจการด้านการศึกษาผ่าน Kaplan ซึ่งเป็นบริษัทลูก ปัจจุบันมีเครือข่ายมหาวิทยาลัยและศูนย์การศึกษามากกว่า 500 แห่ง ใน 30 ประเทศ และมีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องมาตลอด 10 ปี

ล่าสุด NMG จึงได้ร่วมทุนกับมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ (SAU) ซึ่งมีประสบการณ์ด้านบริหารการศึกษากว่า 30 ปี และมีจำนวนนักศึกษาปัจจุบันกว่า 7,000 คน  เพื่อจัดตั้งบริษัท เนชั่น ยู จำกัด ผนึกกับความแข็งแกร่งด้านสื่อและการตลาดของเนชั่นก่อตั้ง “มหาวิทยาลัยเนชั่น” (Nation University)   โดยได้ซื้อใบอนุญาตประกอบกิจการสถานศึกษา จาก มหาวิทยาลัยโยนก  จังหวัดลำปาง   และเปลี่ยนชื่อเป็น มหาวิทยาลัยเนชั่น โดยจะเริ่มเปิดการเรียนการสอนในภาคการศึกษาที่ 1 เดือน พ.ค.2554

นายธนาชัย กล่าวต่อว่ามหาวิทยาลัย เนชั่น มีแผนที่จะขยายเครือข่ายการศึกษาไปทั่วทุกภูมิภาค โดยเริ่มจากวิทยาเขตภาคเหนือ และวิทยาเขตกรุงเทพภายในปี พ.ศ.2554 โดยมหาวิทยาลัยจะเข้าทำการบริหาร ปรับโครงสร้าง พัฒนาศักยภาพ และเปลี่ยนชื่อมหาวิทยาลัยโยนก (Yonok University) จังหวัดลำปาง เป็น มหาวิทยาลัย เนชั่น (Nation University) วิทยาเขตโยนก ส่วนวิทยาเขตกรุงเทพจะใช้ชื่อว่า มหาวิทยาลัย เนชั่น วิทยาเขตกรุงเทพ

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัย เนชั่น วิทยาเขตโยนก มีพื้นที่รวมกว่า 164 ไร่ และมีพื้นที่ส่วนอาคาร 14,000 ตร.ม. โดยจะมุ่งเน้นการสอนสาขาวิชานิเทศศาสตร์ บริหารธุรกิจ ศิลปศาสตร์ (ภาษาอังกฤษและจีน) และวิทยาศาสตร์สุขภาพ โดยมีเป้าหมายจำนวนนักศึกษารวม 1,300 คนภายใน 4 ปี และ 1,800 คนภายใน 10 ปี

พร้อมกันนี้ ได้เปิดมหาวิทยาลัย เนชั่น วิทยาเขตกรุงเทพ ในรูปแบบ Downtown Campus หรือ Campus บนตึกสูงโดยใช้พื้นที่อาคาร i-Tower ถนนวิภาวดี ใกล้ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว เพื่อความสะดวกในการเดินทางของนักศึกษาที่ทำงานในเมืองช่วงกลางวัน โดยจะเปิดสอนสาขาวิชานิเทศศาสตร์ บริหารธุรกิจ และ MBA โดยมีเป้าหมายจำนวนนักศึกษารวม 1,000 คนภายใน 4 ปี และ 2,000 คนภายใน 10 ปี บริษัทได้วางงบลงทุน 250 ล้านบาทเพื่อพัฒนา 2 วิทยาเขตแรก

ในส่วนของ แผนการตลาด NMG จะใช้สื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ และออนไลน์ เพื่อประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งการทำการตลาดร่วมกับพันธมิตร เช่น โครงการทบทวนความรู้สู่มหาวิทยาลัยกับ มาม่า ซึ่งมีนักเรียนมัธยมปลายลงทะเบียนปีละกว่า 8 หมื่นคน และงาน U-Expo ซึ่งจัดร่วมกับ Eduzones.com คาดว่าจะมีนักเรียนมัธยมปลายเข้าชมงานประมาณ 5 หมื่นคน

NMG เชื่อมั่นว่าความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ ในการเปิดมหาวิทยาลัย เนชั่น จะมีส่วนในการพัฒนาประเทศไทยด้วยการร่วมสร้างผู้นำด้านสื่อสารมวลชน โฆษณาประชาสัมพันธ์ ธุรกิจ และบริการสาธารณสุข มหาวิทยาลัย เนชั่น พร้อมขยายโอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพด้วยโครงการที่จะพัฒนาวิทยาเขตภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อให้ครอบคลุมทั่วภูมิภาคในอนาคต รวมทั้งการต่อยอดบริการการศึกษาไปทางด้านการสอนหลักสูตรระยะสั้นประเภท Non-Degree Program, e-Learning เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการศึกษาในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้นต่อไป

ด้านนายสุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการอำนวยการ กล่าวว่ามหาวิทยาลัย เนชั่น จะสร้างจุดต่างด้วยความได้เปรียบในการ “เรียนกับมืออาชีพ” โดยนักศึกษามีโอกาสพัฒนาทักษะและประสบการณ์นอกเหนือจากภาคทฤษฎี ด้วยการเรียนกับอุปกรณ์ปฏิบัติการของจริง ในสภาพการทำงานจริง และกับมืออาชีพในสายงานหนังสือพิมพ์ นิตยสาร โทรทัศน์ วิทยุ New Media การโฆษณา และบริหารธุรกิจ ส่วนในสายงานอื่น ๆ เช่น เอเจนซีโฆษณา ธุรกิจบันเทิง ผู้ผลิตภาพยนตร์/ ละคร นักศึกษาสามารถเรียนรู้และฝึกงานกับบริษัทพันธมิตร ทำให้นักศึกษาที่จบมามีโอกาสในการหางานทำได้สูงกว่า โดยสามารถเลือกทำงานกับบริษัทในกลุ่มและพันธมิตรของ NMG ได้หากผ่านเกณฑ์ที่กำหนด

นอกจากนี้ หลักสูตรนิเทศศาสตร์ของมหาวิทยาลัย เนชั่น จะมุ่งเน้นด้าน New Media เพื่อรองรับสื่อยุคดิจิตอลและ Social Media ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ส่วน NMG จะได้ประโยชน์ร่วมกับมหาวิทยาลัยจากการคัดเลือกบุคลากรจากนักศึกษาฝึกงานที่ มีผลงานดีเข้าทำงานในหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งแรงงานนักศึกษาฝึกงานที่มีต้นทุนไม่สูงมาก นอกจากนี้บริษัทยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากความร่วมมือของสายธุรกิจต่าง ๆ กับมหาวิทยาลัย เนชั่น เช่น NINE และ NBC ในการผลิต Content จากผลงานนักศึกษา หรือ NINE สามารถขยายธุรกิจสิ่งพิมพ์ด้านวิชาการเพิ่มเติมเพื่อผลิต คู่มือ ตำราเรียน หนังสือความรู้ด้านธุรกิจหรือด้านสื่อ ผลงานวิชาการของคณาจารย์มหาวิทยาลัย เนชั่น คล้ายกับ Harvard Business Publishing ของ Harvard Business School

executive of nation university
ผู้บริหารในพิธีแถลงข่าวประกาศเปิดตัวมหาวิทยาลัยเนชั่น

+ http://76.nationchannel.com/playvideo.php?id=136881
+ http://www.bangkokbiznews.com
+ http://www.suthichaiyoon.com/detail/8553
+ http://www.ryt9.com/s/prg/1093392
+ http://www.nation-u.com

เนชั่นกรุ๊ป ผุด บริษัทร่วมทุน “ เนชั่น ยู” ทุ่ม 250 ล้านบาท
http://www2.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000023556

เนชั่นกรุ๊ป .. เทคโอเวอร์ มหาวิทยาลัยโยนก พร้อมผุดวิทยาเขตในกทม. อนาคตเล็งเปิดเพิ่มอีกในภาคอีสานและใต้ มองนิวมีเดียและสิ่งพิมพ์ช่องทางสำคัญผลักดันรายได้

นายธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ ประธานคณะกรรมการ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน ) หรือ NMG เปิดเผยว่า ล่าสุดเล็งเห็นโอกาสที่จะเข้ามาต่อยอดธุรกิจทางด้านการศึกษา จึงได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ (SAU) ก่อตั้งบริษัท เนชั่น ยู จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท โดยทางเนชั่น กรุ๊ป ถือหุ้น 55% และทางSAU และ นายเสริมสิน สมะลาภา ถือหุ้นรวมกันอีก 45% ในการก่อตั้งมหาวิทยาลัย เนชั่น เบื้องต้นใช้งบลงทุนราว 250 ล้านบาท แบ่งเป็น 175 ล้านบาท ในการขอถ่ายโอนใบอนุญาตประกอบการสถานศึกษา (เทคโอเวอร์) จากทาง นาย ศิริธัช โรจนพฤกษ์ เจ้าของมหาวิทยาลัยโยนก จังหวัด ลำปาง มาเป็น มหาวิทยาลัย เนชั่น พร้อมเปิดภาคเรียนแรกในเดือนพ.ค.นี้ ภายใต้หลักสูตรการเรียนการสอน เฉพาะทาง คือ ทางด้านนิเทศศาสตร์ และบริหารธุรกิจ

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยโยนกมีนักศึกษาราว 300 คน ใน 3 คณะ คือ คณะบริหารธุรกิจ คณะ สังคมและมนุษยศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพและเทคโนโลยี ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการปรับโครงสร้างคณะผู้บริหาร และวางระบบหลักสูตรใหม่ ตั้งเป้าใน 4 ปี จะมีจำนวนนักศึกษาประมาณ 1,300 คน เพิ่มเป็น 1,800 คน ใน 10 ปี

นอกจากนี้ ยังมีวิทยาเขตอีก 1 ที่ คือ ในกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ที่ ตึก ไอ ทาวเวอร์ ถนนวิภาวดีรังสิต เปิดสอนภาคเรียนการศึกษาปี 2554 ในเดือนพ.ค. นี้เช่นเดียวกัน หลักสูตร นิเทศศาสตร์ บริหารธุรกิจ และMBA ตั้งเป้ามีนักศึกษาไม่ต่ำกว่า 1,000 คนใน 4 ปี เพิ่มเป็น 2,000 คนใน 10 ปี และหลังจากทั้ง 2 แห่งแข็งแกร่ง จะขยายวิทยาเขตอีก 2 แห่ง คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหลือ และภาคใต้ คาดว่าไม่เกิน 5 ปีนี้

นายธนาชัย กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมรายได้ ของเนชั่น กรุ๊ปในปีที่ผ่านมานั้น มีการเติบโตขึ้น 15% หรือราว 3,000 ล้านบาท ซึ่งในกลุ่มสิ่งพิมพ์ และนิวมีเดีย เป็นกลุ่มหลักที่ผลักดันรายได้ และมีแนวโน้มการเติบโตสูง จากแผนการตลาดที่ขายเป็นแพกเกจ เชื่อว่าจะส่งผลให้ปีนี้ จะมีรายได้รวมเติบโต 15%

+ http://www.facebook.com/video/video.php?v=115773685170144
+ http://77.nationchannel.com/playvideo.php?id=137532
+ http://www.nation-u.com
+ http://www.nationubangkok.com
+ http://www.facebook.com/nationuniversity
+ http://www.facebook.com/nationuclub