tweet มาก อาจทำสมาธิสั้น .. จริงหรือ

การทวิต หรือการรับส่งข้อความอันจำกัดปริมาณมาก โดยไม่มีการประมวลผล จะส่งผลทำให้สมาธิสั้น โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก เช่นที่ปรากฏในงานวิจัยของผู้เชี่ยวชาญจากสกอตแลนด์

ในยุคที่การไหลบ่าของเทคโนโลยีถาถั่งเข้าใส่ ผู้คน ตั้งแต่อินเทอร์เน็ต เอสเอ็มเอส ไฮไฟว์ มาถึงยุคทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก และแบล็กเบอร์รี่ จนก้าวตามแทบไม่ทัน มีงานวิจัยหนึ่งที่ชี้ว่าการเล่นสื่อไอทีเหล่านี้ หากไม่มีการประมวลผลแล้ว จะมีผลต่อการพัฒนาความจำ อันส่งผลต่อเนื่องทำให้สมาธิสั้นได้

งานวิจัยชิ้นนี้เป็นของ ดร.เทรซีย์ อัลโลเวย์ (Dr.Tracy Alloway) นักจิตวิทยาที่เชี่ยวชาญด้านความจำระดับใช้งาน (Working Memory) เป็นความจำระยะสั้นชนิดหนึ่ง จากมหาวิทยาลัยสเตอร์ลิง (University of Stirling) ประเทศสกอตแลนด์ ที่ฝึกเด็กที่เรียนช้าให้มีความจำระดับใช้งานที่ดีขึ้นและได้ผลเป็นที่น่าพอ ใจ มีพัฒนาการความจำระดับใช้งานที่ดีขึ้น โดยงานชิ้นนี้เผยให้เห็นว่ากระบวนการจำต้องมีทั้ง การจำ และ การประมวลผล

นอกจากนี้ งานวิจัยยังครอบคลุมไปถึงสังคมออนไลน์ในยุค 2009 ด้วย กรณีนี้การเล่นเกมซู โดกุ และการอัพเดทเฟซบุ๊ก จะใช้การประมวลผลต่างกับการเล่นทวิตเตอร์ และ ยูทู้บ ตลอดจนการส่งข้อความทั่วไปเป็นการได้ข้อมูลอย่างรวบรัดและเข้ามาเป็นปริมาณมาก ไม่ก่อให้เกิดการประมวลผล จึงไม่เกิดการพัฒนาความจำ ตรงกันข้ามข้อมูลปริมาณมากยังส่งผลให้สมาธิสั้นลง และทำให้สมองไม่สร้างการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาท

ทวิตเตอร์ เกิดขึ้นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมีนาคม 2549 เป็นบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์จำพวกไมโครบล็อก ผู้ใช้สามารถส่งข้อความยาวไม่เกิน 140 ตัวอักษร เพื่อระบุว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ หรือทวีต (tweet) โดยข้อความอัพเดทที่ส่งเข้าไปยังทวิตเตอร์ จะแสดงอยู่บนเว็บเพจของผู้ใช้คนนั้นบนเว็บไซต์ และผู้ใช้คนอื่นสามารถเลือกรับข้อความเหล่านี้ได้หลายช่องทาง ปัจจุบันทวิตเตอร์มีหมายเลขโทรศัพท์สำหรับส่งเอสเอ็มเอสในสามประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และสหราชอาณาจักร ปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมจากสังคมออนไลน์ในประเทศไทย โดยเฉพาะในหมู่เด็กวัยรุ่นและคนทำงาน

สุกรี พัฒนภิรมย์ นักวิชาการศูนย์เทคโนโลยีไทยกริดแห่งชาติ และผู้เชี่ยวชาญทวิตเตอร์ ไม่เชื่อว่าการเล่นทวิตเตอร์จะมีส่วนทำให้สมาธิสั้น สาเหตุของสมาธิสั้นอาจเกิดจากนิสัยดั้งเดิมตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ ที่ถูกยัดเยียดให้เรียนเยอะ หรือทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน ตลอดจนการดูโทรทัศน์ที่ถูดยัดเยียดด้วยข้อมูลที่เปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว

“เวลาที่ผมต้องการสมาธิ ผมก็มีสมาธิอยู่กับมันได้นะ ส่วนงานวิจัยที่บอกว่าเล่นทวิตเตอร์แล้วสมาธิสั้น ผมว่ามันไม่เกี่ยวกัน หากจะสมาธิสั้นก็คงเริ่มตั้งแต่เรามีเพจเจอร์แล้ว ในมุมกลับกันผมว่าข้อความสั้นๆ ทำให้เราต้องใช้สมาธิในการอ่านให้ทัน แถมข้อความสั้นๆ ไม่เยิ่นเย้อสื่อสารกันเร็วดี ขึ้นอยู่กับว่าเราจะตอบสนองทันทีหรือไม่”

ตรงกันข้าม สุกรีกลับแสดงความเป็นห่วงการใช้ บีบี หรือแบล็กเบอรี่ (Black Berry : โทรศัพท์มือถือรุ่นที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้) มากกว่าการเล่นทวิตเตอร์ เพราะสร้างความคาดหวังให้มีการตอบสนองทันที หากไม่มีการตอบสนองก็อาจนำไปสู่การทะเลาะได้ เมื่อเราส่งข้อความไปทางบีบี จะสามารถรู้ได้ทันทีว่าได้รับหรือยัง อ่านหรือยัง แล้วเหตุใดถึงไม่ตอบกลับมา จะสร้างความหงุดหงิดจนนำไปสู่การทะเลาะกันหลายรายแล้ว

ด้าน นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต และรองประธานมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว มองว่า ปัจจุบันผลกระทบจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้เด็กไทยสมาธิสั้นมากขึ้น ไม่จำกัดเพียงแค่ทวิตเตอร์เท่านั้น ยังรวมถึงการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ การแชทเอ็มเอสเอ็นด้วย เนื่องจากธรรมชาติของเทคโนโลยีมันจะเปลี่ยนแปลงความสนใจไปอย่างรวดเร็ว ทำให้คนเรามีความสามารถ หรือสมาธิในการแยกแยะข้อมูลได้ลดน้อยลง

การใช้ไอทีในรูปแบบนี้จะทำให้สมองเชื่อมโยง คิดวิเคราะห์ กระบวนการตอบโต้ไม่เป็นระบบ ดังนั้นจึงมีแนวคิดใหม่ที่จะไม่เอาระบบไอทีเข้าไปติดตั้งอยู่ในห้องเรียน ระดับอนุบาล เนื่องจากเด็กวัยนี้ต้องเสริมสร้างสมาธิ รู้จักรอคอย รู้จักแยกแยะ ควรเน้นการอ่านและการเขียนมากกว่า” นพ.ยงยุทธ กล่าว

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีมักเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีสิ่งใหม่ๆ มาทดแทนเสมอ นพ.ยงยุทธ จึงแนะนำว่า ควรสร้างภูมิต้านทานในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น ด้วยการลดการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการบันเทิง แต่เน้นเพื่อการเรียนรู้ให้มากขึ้น หากเด็กใช้ไอทีเพื่อความบันเทิง ผู้ปกครองต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด กำหนดเวลาเล่นให้ชัดเจน หากเป็นชั้นประถมก็วันละครึ่งชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมง ที่สำคัญไม่ควรให้เยาวชนใช้คอมพิวเตอร์ในพื้นที่ส่วนตัว เพราะอาจเข้าถึงเรื่องทางเพศ หรือความรุนแรงได้

“การดูแลวัยรุ่นเรื่องการใช้ไอที ผู้ปกครองต้องกำหนดกติกา และส่งเสริมให้ทำกิจกรรมทดแทน เช่น เข้าร่วมกิจกรรมวงโยธวาทิต จะทำให้เด็กสนใจไอทีน้อยลง เมื่อได้ทำกิจกรรมอาจทำให้เด็กมีพัฒนาการและมีสมาธิมากขึ้น” นพ.ยงยุทธ กล่าว

เช่นเดียวกับ ดร.สุภาพร ธนะชานันท์ อาจารย์จากสถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ (มศว) ยอมรับว่า ผลการวิจัยในต่างประเทศชี้ให้เห็นว่า สื่อรูปแบบต่างๆ มีอันตรายต่อเด็ก แต่สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เด็กไม่ถูกสื่อครอบงำทำอันตรายได้ หากเด็กคนนั้นมีจิตใจ ความคิดแยกแยะสิ่งผิดถูกได้ และมีสิ่งแวดล้อมที่คอยปกป้องพวกเขา มีพ่อแม่ผู้ปกครองคอยดูแลและกำหนดเวลาการใช้อินเทอร์เน็ต หากไม่มีใครควบคุมเด็กสามารถเล่นอินเทอร์เน็ตได้ตลอดทั้งวัน อาจส่งผลเสียต่อเด็กได้

“ไม่โทษสื่อนะที่ทำให้เด็กได้รับผลกระทบต่างๆ แต่จะโทษผู้ดูแลสื่อมากกว่า อย่างที่อเมริกาเด็กๆ ของเขาจะไม่มีโอกาสได้เข้าไปในเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม เขาจะห้ามจริงๆ มีการบล็อกไว้เลย ส่วนเด็กก็จะมีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ที่จะไม่เข้าไปดูเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม แตกต่างกับเมืองไทยมาก” ดร.สุภาพร กล่าว

อย่างไรก็ดีผลการวิจัยที่อ้างถึงการเล่น ทวิตเตอร์ทำให้สมาธิสั้นนั้น ดร.สุภาพร บอกว่า การจะทำให้เชื่อได้ว่าคนมีสมาธิสั้นจากการเล่นทวิตเตอร์จริง หรือไม่ ต้องมีการทดลองก่อน คล้ายๆ กับการใช้โทรศัพท์ที่ถูกคาดเดาว่าทำให้สมาธิสั้น ซึ่งอาจไม่เป็นเรื่องจริง และเชื่อว่าเด็กที่เล่นอินเทอร์เน็ตเป็นล้านๆ คนในประเทศไทยไม่ได้สมาธิสั้นทุกคน แต่อาจเป็นคนส่วนน้อยเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

สมาธิสั้น เป็นความผิดปกติด้านพฤติกรรม เกิดจากการทำงานที่ไม่เหมาะสมของสมอง โดยเฉพาะสมองส่วนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสมาธิ ทำให้เกิดการทำงานที่ไม่สัมพันธ์กันกับระบบสั่งงานอื่นๆ อาการสมาธิสั้นในเด็กเล็กวัย 3-5 ขวบ จะแสดงอาการไม่อยู่นิ่ง เคลื่อนไหวตลอดเวลา มักพูดแทรกและขัดจังหวะคนอื่น เป็นคนอดทนรอไม่ได้

สำหรับอาการที่พบในเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไปมี 3 กลุ่มอาการ คือ 1.ไม่มีสมาธิ ทำผิดพลาดสิ่งเดิมๆ ซ้ำๆ ทำงานช้า หากเป็นสิ่งที่สนใจมากๆ เช่น วิดีโอเกมหรือรายการโทรทัศน์ ก็อาจตั้งใจดูเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อเนื่องได้ 2.อาการอยู่ไม่สุข ชอบเดินไปมาในห้อง ถ้าไม่เดินก็จะนั่งไม่อยู่นิ่ง ไม่มีระเบียบในการทำสิ่งต่างๆ 3.ขาดความยับยั้งชั่งใจ อดทนรออะไรไม่ได้ มักพูดมาก พูดแทรก รอคอยไม่เป็น

http://www.tlcthai.com/facebook/twitter-%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%86-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88-%E0%B8%97/

ปัญหาที่ทำให้ต้องย้ายบ้าน

อย่างนี้ต้องย้ายบ้าน
อย่างนี้ต้องย้ายบ้าน
6 พ.ย.54 เมื่อบ้านมีปัญหา ก็ต้องย้ายบ้าน เหตุผลของแต่ละคน หรือแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน บางคนบอกเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางคนก็รับไม่ได้ .. มีเพื่อนหลายคน ถามว่าทำไมต้องย้าย บ้านดีออก
สรุปปัญหาที่พบกับตัว หรือคนในบ้านเล่าให้ฟัง ดังนี้
1. คนเมามาอวก และถ่ายเบา หน้าประตูบ้านเป็นประจำ เพราะบ้านติดร้านเหล้า
2. ผัวเมียทะเลาะกัน เพราะมารอเมียที่มาดื่มเหล้ากับกิ๊ก ชีวิตดั่งละคร
3. ตีกันขั้นลงไม้ลงมือ ทั้งชายหญิงหรือหญิงหญิง คดีลงหนังสือพิมพ์ก็หลายครั้ง
4. หน้าบ้านเป็นที่โทรศัพท์ คุยอะไรกัน ในบ้านได้ยินหมด ไม่มีลับ
5. รถเข้าบ้านไม่ได้ เพราะมีรถลูกค้าข้างบ้านมาจอดขวาง ต้องไปหาที่จอดใหม่
6. ควันไอเสียจากรถลูกค้าร้านอาหาร แต่ที่หนักคือรถตู้เย็นที่ต้องสตาร์ททิ้งไว้
7. ตั้งแต่เที่ยงวันไปถึงเที่ยงคืนจะมีนักร้องสมัครเล่นมาขับกล่อมทุกวัน ชัดเจน
8. หนู แมลงสาบ ต๊กโต เป็นเพื่อนสนิทในบ้าน เพราะใต้บ้านเป็นร่องน้ำทิ้ง
9. คนผ่านไปใครมา เห็นในบ้านหมด ร้อน ๆ ถอดเสื้อผ้าก็อายเขา
10. บ้านปูนเป็นทาวน์เฮ้าเก่ากว่า 20 ปี ต่อเติมไม่ได้ ทางเทศบาลห้ามไว้

ปัญหาสามเรื่องกับไม้เด็ดเจ้าอาวาส

คติธรรมชวนคิด
คติธรรมชวนคิด

5 ต.ค.54 วันนี้มีนิทานธรรม มาเล่าสู่เพื่อนธรรม ต่อเนื่องจากข้อคิดสามัคคีธรรม 15 ข้อ ของ พระราชวิจิตรปฏิภาณ (เจ้าคุณพิพิธ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม   กรุงเทพมหานคร [540920] สมมติว่าเรื่องมีอยู่ว่า ศรัทธาธรรมไปชุมนุมพร้อมกันที่วัดในวันพระด้วยแรงกุศล พอเสร็จกิจทางสงฆ์แล้ว ท่านเจ้าอาวาสก็ไถ่ถามความคืบหน้าเกี่ยวกับปัญหาทางโลก ซึ่งเป็นปัญหาธรรมที่ให้ไว้เมื่อวันพระก่อนจำนวน 3 เรื่อง

เรื่องแรก ญาติโยมที่เป็นชุมชนโพ้งใต้ก็ยกมือขอตอบว่า ปัญหานั้นเกิดแด่เหตุของความไม่เข้าใจในระบบและกลไก ไม่มีอะไรในกอไผ่ แค่คนที่มีหน้าที่ไม่ได้อ่านคู่มือ และทำตามตัวหนังสือ เหมือนกับมีพรบ. แล้วทำผิดกฎหมาย เพราะไม่ได้อ่านพระราชบัญญัติดังนั้นแล ก็เลยทำผิดซ้ำซาก โดยสำคัญผิดคิดว่านั้นคือสิ่งที่ถูกต้อง

เรื่องที่สอง ญาติโยมที่เป็นชุมชนโพ้งเหนือยืนขึ้นตอบแข็งขันว่า เรื่องผีผีนั้น ผีไม่มีจริง แต่มีคนแต่งผีมาหลอกชาวบ้าน แล้วชาวบ้านหลายคนก็จับไข้หัวโกล๋นกันไป คงหวังให้ชาวบ้านตื่นกลัวทั้งหมู่บ้านกันมัง ส่วนเหตุของการกระทำแท้จริงเป็นอย่างไรนั้นไม่ทราบ คุณผีที่มาหลอกนั้นทิ้งไว้แต่หน้ากากผี กับผ้าคุม ส่วนตัวผียังจับไม่ได้ ส่วนที่รู้แน่คือวันนี้ผีก็มาวัด และนั่งอยู่กับเราแถว ๆ นี้หละท่านทั้งหลาย

เรื่องที่สาม มัคนายกเจ้าของไมค์ขอตอบบ้างว่าเรื่องพิพาทระหว่างพระกับชีกับคนบ้านนั้น ซับซ้อน เพราะมีทั้งเรื่องชื่อเสียงวัด เรื่องศีล และเรื่องของวัด  จะย้ายพระหรือชีออกวัดก็ลำบาก เพราะทั้งวัดมีพระกับชีอย่างละ 1 ถ้าให้ออกไปหนึ่ง ก็อาจจะหนีตามกันไป สู่ให้อยู่อีหลักอีเหลื่อให้ศรัทธาได้มาทำบุญกราบไหว้กันต่อไปดีกว่าไหม แต่ที่แน่ ๆ ยังไม่ออกหัวออกก้อยว่าพระกับชีทำผิดศีลข้อไหน ยังไม่มีใครถ่ายคลิ๊ปไปลง youtube.com ท่านมัคจึงสรุปว่าวันพระหน้าจะไปหาคลิ๊ปมาเปิดให้ดูกันจะจะ จะดีไหม

ท้ายสุด เจ้าอาวาสก็ควักไม้เด็ดออกมาเคาะกะโหลกชาวบ้าน ว่าเมื่อวานมีคนมาเล่าขวัญกันเอง ส่งข้อความด่าเพื่อนบ้านเข้าโทรศัพท์ ที่ร้ายเขียนหนังสือพันไม้หน้าสามโยนเข้ามาในกุฐิ แสดงให้เห็นว่าชาวบ้านในชุมชนไม่รักกันเลย ไม่รู้จักสามัคคี มองแต่ตนเอง ในหมู่บ้านนี้มีทั้งปัญหาทำกิน ทั้งทุจริต ปัญหาครอบครัว ปัญหาจริยธรรม ปัญหาทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ชิงดีชิงเด่น เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น แล้วจะเรียกชุมชนของเราว่าชุมชนเข้มแข็งได้อย่างไร จึงได้หยิบข้อคิดดี ๆ ของเจ้าคุณพิพิธ มาบรรยายว่า การอยู่ร่วมกัน ทำงานร่วมกันอย่างเป็นสุขต้องไม่ประพฤติตัว 15 อย่าง ต่อไปนี้        1) อย่าอวดรู้ 2) อย่าดูแคลน 3) อย่าแสนงอน 4) อย่าซ่อนเงื่อน 5) อย่าเชือนแช 6) อย่าแส่เรื่องของเผือก 7) อย่าเสือกงานของเค้า 8) อย่าเอาแต่งานของตัว 9) อย่ากลัวเขาหาว่า 10) อย่าด่าเจ้านาย 11) อย่าขายความลับ 12) อย่าจ้องจับผิด 13) อย่าคิดไม่ซื่อ 14) อย่าดื้อจนด้าน 15) อย่าค้านจนแค้น
สาธุ สาธุ สาธุ

มองไปตามเส้นเวลา

29 พ.ค.54 รื้อเอกสาร .. แล้วมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเส้นเวลา อาทิ อบต.แต่ละแห่งมีผู้บริหารเข้าออกตลอดเวลา ในระดับประเทศก็มีนายกใหม่ด้วยนโยบายใหม่ กระทรวง กรม จังหวัด ทีมงาน  โครงการ ก็เปลี่ยนตลอดเวลา .. ความต่อเนื่อง การบูรณาการ การจัดการความรู้ แผนงาน การประเมินผล ผู้รับผิดชอบ ผู้ปฏิบัติ ผู้ประสานงาน กลุ่มเป้าหมาย สัญญา การรับประกัน คุณภาพของงาน ความสมบูรณ์ของวงจรแต่ละวง ทุกอย่างเหมือน Jigsaw คนละชิ้น ที่ไม่ได้ติดกาว เลื่อนไหล และเปลี่ยนแปลง .. สรุปว่า มนุษย์เราไม่อาจคาดหวังในความเปลี่ยนแปลงบนความไม่แน่นอน ที่เป็นอยู่บนเส้นเวลาที่ไม่อาจประมาณจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของเส้นเวลาได้

ถ้าคาดหวังแล้วก็จะเป็นทุกข์ดังโบราณว่า
หวังมากก็ทุกข์มาก หวังน้อยก็ทุกข์น้อย
ความยึดมั่นถือมั่นเป็นเหตุที่ทำให้ไม่อาจหลุดพ้นจากความทุกข์

วันนี้ที่รอคอย

http://www.youtube.com/watch?v=LosZlguUBXU

เป็นเพลงที่ให้กำลัง : ฟังแล้ว เหมือนตัวเองเป็นเจ้าชายเลยครับ

วันนี้ที่รอคอย .. เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์

Gmดนตรี 6 Bars..4…5…6…

เกิด มาชาตินี้ ด้วยศักดิ์ศรี อันยิ่งใหญ่
กลับต้องปราชัย ถูกปองร้าย หักหลัง
เปลี่ยนทางชีวิต ให้อับจน หมดหนทาง
ต้องจากบัลลังก์ เร่ร่อนมา
..อยู่ ถึงแห่งไหน ยังถูกภัยคอยคุกคาม
จนต้องซมซาน ยังไม่มี จุดหมาย
ชาติกำเนิดชีวิต ต้องคอยปิดบังไว้
คอยวันที่เลวร้าย นั้นพ้นผ่าน
….ชีวิต ทั้งชีวิต แทบอับปาง กลางคลื่นลม
เหมือน พายุ ที่คอยโหม อยู่เรื่อยไป
เฝ้า แต่หวัง ใครสักคน คอยให้กำลังใจ
ให้สู้ ฝ่าฟัน เรื่อยมา
….จาก ผู้หลบหนี แทบไม่มี ที่ให้อยู่
สู้ มาด้วยมือ และใจ เท่านั้น
สร้าง สิ่งที่หวัง ให้กลับจริง ขึ้นทุกวัน
จนได้พานพบ วันที่ดี
..เมื่อ ถึงวันนี้ วันที่คอย มาแสนนาน
วันที่เปิดเผย ชีวิตจริง ที่มี
ขอคนหนึ่งเท่านั้น เคียงข้างกันอยู่อย่างนี้
คือ วันนี้ ที่รอคอย
….ชีวิต ทั้งชีวิต แทบอับปางกลางคลื่นลม
เหมือนพายุที่คอยโหม อยู่เรื่อยไป
เฝ้า แต่หวังใครสักคน คอยให้กำลังใจ
ให้สู้ ฝ่าฟัน เรื่อยมา
ดนตรี 13 Bars..11…12…13…

ชีวิต ทั้งชีวิต แทบอับปางกลางคลื่นลม
เหมือน พายุที่คอยโหม อยู่เรื่อยไป
เฝ้า แต่หวัง ใครสักคน คอยให้กำลังใจ
จนถึง วันนี้ ที่รอคอย..