จดหมายจากลูกถึงพ่อแม่ ฉบับที่ 2 มองไปนอกหน้าต่างรถไฟ

เคยขึ้นรถไฟตอนเด็ก ๆ

สวัสดีค่ะ พ่อเก๋ แม่ขวัญ

สู้ สู้ นะเรา” เป็นคำพูดที่หนูบอกตัวเอง
เมื่อมองออกไปที่นอกหน้าต่างรถไฟ
เห็นคุณตา คุณย่า พ่อเก๋ แม่ขวัญ และน้อง ๆ
ยืนส่งยิ้มมาที่หนู หนูก็ยิ้มนะ แต่ในใจสะอื้นเลยหละ
เหมือนใจดีสู้เสือเลย

ตอนนั้นรถไฟยังจอดสงบนิ่งอยู่ที่ชานชาลาสถานีลำปาง
แล้วก็ค่อย ๆ เคลื่อนออกไป กระชึก กระชัก กระชึก กระชัก

วันนั้น เป็นครั้งแรก
ที่หนูนึกถึงคำว่า change ที่ประธานาธิบดีโอบามา กล่าวไว้
เพราะกำลังจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับหนูเยอะเลย

เปลี่ยนจาก อยู่ในรั้วโรงเรียน ไปอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย
เปลี่ยนจาก แม่ทำข้าวให้ทาน ไปซื้อทานเอง
เปลี่ยนจาก นอนกับน้อง ไปนอนกับเพื่อนใหม่
เปลี่ยนจาก นอนบ้าน ไปนอนหอพัก
เปลี่ยนจาก นักเรียน ไปเป็นนักศึกษา
เปลี่ยนจาก พ่อแม่ไปส่ง ไปไหนก็ต้องไปคนเดียวโด่เด่
เปลี่ยนจาก ขอตังพ่อแม่ใช้ ไปใช้เงิน กยศ.
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนเดิม คือ ต้องตั้งใจเรียนหนังสือ

เรื่องที่หนูหวั่นใจที่สุด
คือ ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่ต้องขึ้นรถไฟคนเดียว
เดินทางไปไกลหลายร้อยกิโลเมตรจากบ้าน
และอีกหลายเดือนจะได้กลับบ้าน
นึกทีไรก็อยากร้องไห้นะ กลัวเป็นโฮมซิกจังเลย

คืนนั้น เป็นคืนเดือนหงาย
คืน 15 ค่ำ ข้างนอกดูสว่างนะ ถ้าเมฆไม่บังจันทร์
หนูนอนเตียงล่าง นอนก็ไม่หลับผิดที่
เตียงบนยังว่าง คืนนั้นมีหลายเตียงว่างอยู่
แล้วตู้นี้ชาวต่างชาติเยอะมาก ไม่พูดอังกฤษด้วย
จึงไม่ได้ทักใคร แล้วก็ไม่มีใครมาทักหนู
ยกเว้นตำรวจรถไฟที่มาเดินตรวจตั๋ว
หนูแอบมองไปข้างนอก ที่นอกหน้าต่างรถไฟ
มีอะไรน่าสนใจเยอะเลย คงเพราะไกลบ้าน
เห็นถนนที่ตัดผ่านรถไฟ บางเส้นก็มีที่กั้น บางเส้นไม่มี
เห็นภูเขาที่มีต้นไม้เต็มไปหมด
เห็นบึงน้ำกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
เห็นถ้ำ แต่ก็เห็นไม่ชันนะคะ เพราะมืดไปหมด
เห็นสถานีรถไฟ หน้าตาเหมือนกันทุกสถานี หนูนั่งนับด้วยนะ
.. หนึ่ง สอง สาม .. ถึงเท่าไรไม่รู้ เพราะงีบหลับไป

หนูหลับ ๆ ตื่น ๆ มองนอกหน้าต่างรถไฟบ่อย ๆ
และแล้วก็ถึงรุ่งสาง พระอาทิตย์มาเลย
เข้าบางกอกแล้ว รถยนต์เยอะมาก
ปลายทางที่หนูจะลง คือ หัวลำโพง
หนูพกกระเป๋าไป 3 ใบ
สะพายหลัง ลากใบใหญ่ และหิ้วอีกใบหนึ่ง
ส่วนกระเป๋าตังหนูใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ

ครั้งล่าสุด
ยังจำได้เลย พ่อเก๋ แม่ขวัญ มาด้วยไง
พวกเราไปจองหอพัก เลือกอยู่นาน มีหลายแบบน่ะ
และสอนให้หนูเดินทางเอง ทั้งรถไฟ และรถทัวร์
แต่ไม่ได้สอนว่าไปกลับเครื่องบินต้องทำอย่างไร
ครั้งนี้
หนูมาเอง พอลงรถไฟ ก็เดินไปที่คิวรถตู้ อยู่ไม่ไกลนัก
เพราะนั่งรถแท็กซี่ไปมหาวิทยาลัยจะไกลมาก ๆ
นั่งรถตู้สะดวก ไม่แพงเกินไปนัก
บอกคนขับรถตู้ว่าลงหน้ามอ เค้าก็จอดให้เลย
หนูแอบงีบระหว่างนั่งรถตู้ด้วย เพราะแอร์เย็น
หนูสะดุ้งตื่น เพราะผู้โดยสารเกือบทั้งคันลงที่ตลาด
แต่มหาวิทยาลัยอยู่เลยตลาดไปอีกไม่กี่กิโล
พอถึงหน้ามอ เค้าก็จอดให้ มีเพื่อนลงด้วยสองคน

ไปถึงมหาวิทยาลัยก็เช้าล่ะ
เพราะรถไฟเสียเวลา ไปถึงเลยเวลาที่เค้าแจ้งไว้
ครั้งต่อไปหนูคงไป-กลับรถทัวร์เอา
เพราะใช้เวลาน้อยกว่า รถทัวร์แวะทานข้าวต้มรอบดึกด้วย
หนูชอบข้าวต้มดึก มีกุงเชียง มีผัดผักบุ้ง มีปลาทอด
และได้แวะเข้าห้องน้ำที่กำแพงเพชร

ตอนนี้ถึงห้องพักแล้ว
ที่นี่เป็นหอพักหญิงที่อยู่ในมหาวิทยาลัย
เดินจากหน้ามหาวิทยาลัยเข้าไปประมาณ 300 เมตร
ห้องหนูนอนกัน 3 คน เป็นเตียงเดี่ยว ห้องน้ำในตัว
เพื่อนอีก 2 คนยังมาไม่ถึง หนูมาคนแรก
สงสัยเค้าไม่ได้มาจากภาคเหนือแบบหนู
ไม่งั้นคงถึงพร้อม ๆ กัน
หนูขอนอนเอาแรงก่อนนะคะ
เมื่อคืนตื่นเต้นเกิน เลยไม่ค่อยได้หลับ
ฉบับหน้า จะหาเรื่องสนุก ๆ มาเล่าให้ฟังนะค่ะ

ลากกระเป๋า ระหว่างเดินทาง
ลากกระเป๋า ระหว่างเดินทาง

Bye Bye จ้า .. รักทุกคนนะ จุ๊บ จุ๊บ
จาก พี่เอของน้อง ๆ และลูกที่น่ารักของพ่อเก๋ แม่ขวัญ
มีอะไรทักแชทได้เหมือนเดิมน้า

Author: burin

I am Lecturer, Developer, Researcher, Columnist, Writer, Photographer, and Webmaster - L@mpang man

Leave a Reply