เล่าสู่กันฟังเรื่องคลิ๊ปคุณครู

dvd autorun ที่คุณครูทำสำหรับนักเรียน
dvd autorun ที่คุณครูทำสำหรับนักเรียน

2 ก.ค.55 จะทำคลิ๊ปสอนสร้างแผ่น dvd autorun ที่คุณครูบันทึกการสอนของคุณครูผ่าน powerpoint ด้วยโปรแกรม camtasia สักหน่อย เตรียมได้ถึง pptx ครับ จึงจับจอภาพมาให้ดู .. ผมถือเป็นการบันทึกความก้าวหน้า .. ในแผนที่จะทำ คือ นำ เสนอให้คุณครูทราบกระบวนการ หรือขั้นตอนในการจัดทำ มีขั้นตอนเบื้องต้น ดังนี้ 1) ตั้งชื่อแฟ้มอย่างไร หลังบันทึกคลิ๊ปกว่าร้อยตอน 2) เตรียมสารบัญอย่างไรเชื่อมโยงคลิ๊ปทั้งหมด 3) แล้วทำอย่างไรให้เป็นแผ่น autorun 4) เมื่อแจกให้นักเรียนแล้ว นักเรียนจะเห็นอะไรที่บ้าน .. ซึ่งคุณครูอาจต้องการทีมไอทีในการให้คำปรึกษาทุกขั้นตอน กว่าจะถึงขั้นที่ 4 สำหรับผมก็จะมีคุณเปรม อุ่นเรือน ที่ช่วยผมทดสอบจัดทำ DVD กว่าจะลงตัว ก็ใช้ DVD ไปสามแผ่นแน่ะครับ .. ตอนนี้ลงตัวแล้ว
http://www.thaiall.com/pptx/dvd_autorun.pptx

ผลสำรวจหนุนใช้ไม้เรียว

อ่านข่าวเรื่อง “โพลหนุนครูใช้ไม้เรียวลงโทษเด็ก แต่มีเงื่อนไขต้องไม่ตีพร่ำเพรื่อ

ทำให้นึกถึง theory x และ y แสดงว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็น theory x แม้การศึกษาจะมีผลทำให้มนุษย์มีค่านิยมในการบริโภคแบบเห็นแก่ตัวแล้ว ครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นว่าการศึกษาที่ดีขึ้นมิได้ทำให้คนใช้วิจารณญาณ แม้มีการให้เหตุผลมาโดยตลอด ถึงผลเสียของการใช้ไม้เรียว แต่ผู้สอบถามมากกว่าครั้งก็ยังคล้อยตามความรู้สึกเรื่องอำนาจ คิดว่าเยาวชนจะเกรงกลัวไม้เรียว เป็นปรากฎการ (Phenomenon) ที่แสดงว่ามนุษย์เราเสื่อมด้านการศึกษาอย่างชัดเจน เพราะมิได้ใช้การศึกษามาประกอบการพิจารณาเท่าที่ควร .. ลองไปถามเด็กสิครับว่า “ถ้าใช้ไม้เรียวแล้ว เด็กจะหลาบจำ และเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่”

http://news.mthai.com/general-news/100213.html
16ม.ค.54 รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ (15 ม.ค.) สวนดุสิตโพลได้เปิดเผยผลสำรวจ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 กรณีการเผยแพร่คลิปการกระทำความรุนแรงของครูด้วยการลงโทษตีลูกศิษย์อย่างรุน แรงผ่านเว็บไซต์ โดยได้สำรวจความคิดเห็นจากครู นักเรียน ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไปต่อกรณีดังกล่าวทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,476 คน
ซึ่ง ประชาชน 48.19% ไม่เห็นด้วยกับข่าวคลิปครูลงโทษเด็กนักเรียนด้วยการใช้ไม้เรียว เพราะเชื่อว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ รองลงมา 19.88% การลงโทษด้วยไม้เรียวเป็นสิ่งที่มามานานในสังคมไทยแต่ต้องใช้อย่างถูกต้อง และเหมาะสม
18.24% ผู้บริหารโรงเรียนทุกแห่งควรดูแลเรื่องกฎระเบียบ การลงโทษนักเรียนของครูอย่างใกล้ชิด และ 13.69%เห็นว่า ไม่ควรด่วนสรุปก่อนที่จะมีการสอบถามข้อเท็จจริงจากครูและนักเรียน
ขณะ ที่ 2.การลงโทษเด็ก ด้วยการใช้ “ไม้เรียว” มีผลดี – ผลเสีย อย่างไรนั้น ในแง่ของผลดีผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่า 52.03% เห็นว่าทำให้เด็กหลาบจำ ไม่กล้าทำผิดซ้ำอีก รองลงมา 26.64% เป็นวิธีลงโทษที่ได้ผล ทำให้เด็กกลัวและเชื่อฟัง 21.33% ทำให้เด็กเป็นคนดี ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ส่วนผลเสียผู้ตอบแบบสอบถาม 44.57% เห็นว่าส่งผลต่อจิตใจทำให้เด็กกลัว อายเพื่อน 30.83% ทางโรงเรียนและครูอาจถูกฟ้องหรือร้องเรียนได้ และ 24.60% ทำให้ครูไม่กล้าลงโทษเด็ก
ส่วนข้อสอบถามที่ว่า ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ กับสภานักเรียนแห่งประเทศไทยที่เรียกร้องให้ศธ.แก้ไขระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ.2548 โดยการเพิ่มโทษให้ครูใช้ ไม้เรียวทำโทษเด็กได้
ผู้ตอบ แบบสอบถาม 53.84% เห็นด้วยเพราะทำให้เด็กหลาบจำ ไม่กล้าทำผิดซ้ำอีก เพราะผู้ที่มีชื่อเสียง ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนที่ประสบความสำเร็จก็เคยโดนไม้เรียวมาก่อน แต่การลงโทษต้องอยู่ขอบเขต สมเหตุสมผล ไม่ใช้อารมณ์ ฯลฯ
ขณะ ที่อีก 24.85% ไม่เห็นด้วยเพราะยุคสมัยเปลี่ยนไปควรเปลี่ยนวิธีการลงโทษแบบอื่นๆแทนการใช้ ไม้เรียวจะดีกว่า ทำให้เด็กกลัว ไม่กล้าแสดงออก ,ครูแต่ ฃละคนมีวุฒิภาวะที่แตกต่างกัน และ 21.31% เฉยๆเพราะการลงโทษด้วยไม้เรียวมีทั้งข้อดี ข้อเสีย ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้และผู้ที่ถูกลงโทษมากกว่า ฯลฯ
http://www.youtube.com /watch?v=nmvMNv-tQ2s
http://www.youtube.com /watch?v=kCR0guBQKeU
http://www.youtube.com /watch?v=E2s2bP34AvY
http://www.youtube.com /watch?v=j4f52h50XKY
http://www.youtube.com /watch?v=bkVxCqistLE (ก่อน)
http://www.youtube.com /watch?v=J8IfTrjvPlA (หลัง)