ไม่ใช้เฟซบุ๊คในการทำงาน

เพื่อนท่านหนึ่งพูดให้ฟังว่า “ไม่ใช้เฟซบุ๊คในการทำงาน” เมื่อจับความได้ ก็นำมาพิจารณาก็พบว่า ปัจจุบันผู้คนจำนวนไม่น้อยใช้งานเฟซบุ๊ค เมื่อใช้มาก ๆ เข้าก็หลงใหลถึงขั้นติดงอมแงม (คุณโน๊ต : fb เพื่อ บ่น ปฏิญาณตน อวด แอ็บแตก ทำคำคม) เหมือนที่ คุณโน๊ตอุดม พูดไว้ใน เดี่ยว 8 เรื่อง Hi5 ว่า “ถ้าบริษัทมึงเจ้งกูก็ไม่แปลกใจ” นั่นหละครับ

ความสามารถของ fb ที่เด่นและเห็นได้ชัดมี 3 บริการ
1. profile มีไว้คุยกับคนที่ยอมรับเราเป็นเพื่อน
2. page มีไว้นำเสนอข้อมูลข่าวสารแบบบล็อก หรือตอบข้อซักถาม
3. group มีไว้พูดคุยเฉพาะกลุ่มคนที่สนใจเรื่องเดียวกัน

สรุปประเด็น
1. profile มีประโยชน์ต่อการทำงานที่หวังเป้าหมายในระดับบุคคลถือว่าต่ำสุด แม้จะใช้ในการสื่อสารระหว่างบุคคล แต่ก็ต้องเป็นเพื่อนเท่านั้น ถ้าเพื่อนในองค์กรไม่รับท่านเป็นเพื่อน ก็คงสื่อสารด้วยเฟซบุ๊คกันไม่ได้
2. page มักถูกใช้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารขององค์กรในแบบบล็อกเป็นสำคัญ แต่เปรียบเทียบกับ website ไม่ได้ เพราะเว็บไซต์สามารถนำเสนอเนื้อหา ภาพนิ่ง ภาพคลิ๊ป ในรูปมัลติมีเดีย และอินเทอร์แอ็คทีฟได้สมบูรณ์ สามารถควบคุม header และ footer ที่ไม่มีโฆษณาของ facebook มากวนใจ มีระบบบล็อก และเว็บบอร์ดที่ควบคุมได้ และสามารถจัดการ seo ได้อย่างสมบูรณ์
3. group มีประโยชน์ในการทำงานสูงสุด แต่มีข้อแม้เพียงข้อเดียว คือไม่เข้ามาใช้ประโยชน์ กลับเลือกใช้บริการที่ไม่ก่อประโยชน์ในการทำงานเหมือนที่คุณโน๊ตว่าไว้

ผมเชื่อว่า มีองค์กรที่ประสบความสำเร็จจากการใช้ facebook for working ซึ่งองค์กรที่จะประสบความสำเร็จได้ บุคลากรต้องไม่เป็นแบบที่โน๊ตว่าไว้ และการใช้งานต้องมีการควบคุม เพื่อให้ได้ผลตามเป้าหมายของการใช้งานที่วัดได้


หนึ่งวันของมนุษย์ออฟฟิซ
หนึ่งวันของมนุษย์ออฟฟิซ

http://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151022111276768&set=a.493024076767.276129.370539266767

อัปเปหิตนเอง ออกการเป็น admin ของ page

page admin & member
page admin & member

คำว่า อัปเปหิ หมายถึง ขับไล่ ผลักไสให้ออกไป
แล้วผมใช้คำว่า “ผมได้อัปเปหิตนเองออกจากการเป็น admin จาก page”
เพื่อแปรเปลี่ยนสถานะของตนเองเป็นเพียง member

ทำให้ต่อไป การ post ข้อความต่าง ๆ ก็จะทำได้ในฐานะ member

เดิมการเป็น admin ของ page
จะพบว่า ผลการ post ถูกแสดงออกมาในบทบาทของกลุ่ม admin

ดังนั้น เพื่อสร้าง identity ที่หลายหลายในการ comment
และเป็นภาพการเกิดกิจกรรมจากการมีส่วนร่วม

จึงตัดสินใจ อัปเปหิตนเอง ออกจากเพจดังกล่าว
เพราะต้องการให้เห็น activities จากบุคคลที่หลากหลายกว่า
มิใช่เกิดจากกลุ่ม admin เท่านั้น

บริการที่แตกต่างกันของ fb
1. group ใน fb มีเพื่อตอบวัตถุประสงค์ของการรวมกลุ่ม
และมีภารกิจบางอย่างต้องทำร่วมกันให้บรรลุ
2. page ใน fb มีเพื่อตอบวัตถุประสงค์ของเพจที่สร้างขึ้นเฉพาะ
แต่ละเพจก็จะมีผู้ดูแล ซึ่งมีบทบาทตามวัตถุประสงค์ข้างต้น
3. profile ใน fb มีเพื่อบันทึกเรื่องราวของตนเอง
อาจเป็นภาพ เอกสาร หรือคลิ๊ปเกี่ยวกับตนเอง

บ่นเรื่องมนุษย์ใน fb

เพราะ บ่นเป็น 1 ใน 5 พฤติกรรมของชาว fb ตามที่โน็ตอุดม ได้ talk show ไว้
เห็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่เป็นเรื่องธรรมชาติครับ
ความล้มเหลว ของหมู เป็ด ไก่ในการปกป้องตนเอง เป็นความสำเร็จของมนุษย์ ที่ได้จับพวกเขากินเป็นอาหาร
ความล้มเหลว ในการผลิตสินค้าของประ เทศเพื่อนบ้าน เป็นโอกาสของประเทศเรา ที่จะชนะในตลาดการค้าเสรี
ความล้มเหลว แขนซ้าย ทำให้แขนขวายึดอำนาจในการใช้งาน

มนุษย์ชอบเอากีฬามาเป็นอารมณ์ ทั้งที่เลือกได้ที่จะอยู่อย่างสงบ
ถ้ามนุษย์ใช้ความรู้ที่สั่งสมมาหลาย สิบปีได้ คงมีอะไรเปลี่ยนไปอีกเยอะ
แต่ศักยภาพของมนุษย์มีจำกัดจริง ๆ พัฒนาได้แค่นี้แล้ว

การตัดสินใจแต่ละเรื่อง เราระดมสมองได้ไม่กี่เหตุการณ์ มาประกอบการตัดสินใจเรื่องหนึ่ง

.. บทเรียนไกลตัว คือ อดีตรมว.สธ.รักเกียรติ ท่านก็เคยพลาดในการใช้ความรู้ที่สั่งสมมา
แล้วเดินทางผิด จนต้องติดคุก .. ก็เพราะพ่ายแพ้ต่อกิเลสในตนเอง

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=28341