ใคร ๆ ก็ชอบของฟรี อยากให้ค่ายเพลงมีน้ำใจไม่คิดตังร้านกาแฟ

sing a song in party
sing a song in party

ที่มา
ปลายมิถุนายน 59 ถึงต้นกรกฎาคม 59
ฟังข่าวมาเรื่องร้านกาแฟเปิดเพลงแล้วจี๊ดเลยครับ
เป็นเรื่องของค่ายเพลง และศิลปินเพลงออกมาชวนมองต่างมุม
ว่ากฎระเบียบก็อย่างหนึ่ง สังคมร้านกาแฟก็อีกอย่างหนึ่ง

ความเห็นศิลปิน
ผมว่าศิลปินเค้าเข้าใจผู้ฟังกับร้านกาแฟนะว่า
ผู้ฟังชอบฟังเพลงฟรี ไม่ชอบซื้อเพลงฟัง
เจ้าของร้านกาแฟ ชอบเปิดเพลงฟรี ไม่ต้องการเพิ่มทุน
นี่ถ้าค่ายเพลง
ทำ CSR แล้วอนุญาตให้ร้านกาแฟเปิดเพลงฟรีโดยไม่เสียตัง
จะเข้าหลักมีเมตตากรุณา เข้าใจลูกค้า มีน้ำใจ ไม่คิดเล็กคิดน้อย
ไม่เห็นแก่เงิน ไม่หน้าเลือด ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน รับผิดชอบต่อสังคม
รู้จักพอ ไม่อ้างกฎหมาย เคารพนับถือผู้อื่น และมีเหตุผล
http://www.thaiall.com/ethics/

working in coffee shop
working in coffee shop

ข้อมูลข่าวประกอบ
เกี่ยวกับเรื่องร้านกาแฟเปิดเพลงผ่าน youtube.com แล้วโดนจับ
หัวข้อ จ่อแถลงละเมิดลิขสิทธิ์ เปิดเพลงในร้านกาแฟผ่านยูทูป
http://www.thairath.co.th/content/650817
ต่อมามี “ศิลปินอื่นพร้อมใจเปิดเพลงฟรี”
http://manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9590000065638

ที่ผ่านมามีจับจริง “หนุ่มเจ้าของร้านกาแฟโดนจับลิขสิทธิ์
http://www.thaijam.com/24801

ไม่ใช้เฟซบุ๊คในการทำงาน

เพื่อนท่านหนึ่งพูดให้ฟังว่า “ไม่ใช้เฟซบุ๊คในการทำงาน” เมื่อจับความได้ ก็นำมาพิจารณาก็พบว่า ปัจจุบันผู้คนจำนวนไม่น้อยใช้งานเฟซบุ๊ค เมื่อใช้มาก ๆ เข้าก็หลงใหลถึงขั้นติดงอมแงม (คุณโน๊ต : fb เพื่อ บ่น ปฏิญาณตน อวด แอ็บแตก ทำคำคม) เหมือนที่ คุณโน๊ตอุดม พูดไว้ใน เดี่ยว 8 เรื่อง Hi5 ว่า “ถ้าบริษัทมึงเจ้งกูก็ไม่แปลกใจ” นั่นหละครับ

ความสามารถของ fb ที่เด่นและเห็นได้ชัดมี 3 บริการ
1. profile มีไว้คุยกับคนที่ยอมรับเราเป็นเพื่อน
2. page มีไว้นำเสนอข้อมูลข่าวสารแบบบล็อก หรือตอบข้อซักถาม
3. group มีไว้พูดคุยเฉพาะกลุ่มคนที่สนใจเรื่องเดียวกัน

สรุปประเด็น
1. profile มีประโยชน์ต่อการทำงานที่หวังเป้าหมายในระดับบุคคลถือว่าต่ำสุด แม้จะใช้ในการสื่อสารระหว่างบุคคล แต่ก็ต้องเป็นเพื่อนเท่านั้น ถ้าเพื่อนในองค์กรไม่รับท่านเป็นเพื่อน ก็คงสื่อสารด้วยเฟซบุ๊คกันไม่ได้
2. page มักถูกใช้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารขององค์กรในแบบบล็อกเป็นสำคัญ แต่เปรียบเทียบกับ website ไม่ได้ เพราะเว็บไซต์สามารถนำเสนอเนื้อหา ภาพนิ่ง ภาพคลิ๊ป ในรูปมัลติมีเดีย และอินเทอร์แอ็คทีฟได้สมบูรณ์ สามารถควบคุม header และ footer ที่ไม่มีโฆษณาของ facebook มากวนใจ มีระบบบล็อก และเว็บบอร์ดที่ควบคุมได้ และสามารถจัดการ seo ได้อย่างสมบูรณ์
3. group มีประโยชน์ในการทำงานสูงสุด แต่มีข้อแม้เพียงข้อเดียว คือไม่เข้ามาใช้ประโยชน์ กลับเลือกใช้บริการที่ไม่ก่อประโยชน์ในการทำงานเหมือนที่คุณโน๊ตว่าไว้

ผมเชื่อว่า มีองค์กรที่ประสบความสำเร็จจากการใช้ facebook for working ซึ่งองค์กรที่จะประสบความสำเร็จได้ บุคลากรต้องไม่เป็นแบบที่โน๊ตว่าไว้ และการใช้งานต้องมีการควบคุม เพื่อให้ได้ผลตามเป้าหมายของการใช้งานที่วัดได้


หนึ่งวันของมนุษย์ออฟฟิซ
หนึ่งวันของมนุษย์ออฟฟิซ

http://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151022111276768&set=a.493024076767.276129.370539266767