สังคมก้มหน้า (itinlife468)

สังคมก้มหน้า (social ignore)
สังคมก้มหน้า (social ignore)

http://www.oh-i-see.com/blog/2013/02/11/technology-in-everyday-life-plug-away-or-pull-the-plug/

มนุษย์เราถูกยอมรับว่าเป็นสัตว์สังคมมานาน มีการรวมกลุ่มทำกิจกรรมหาอาหาร เพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ สร้างบ้านเมือง แลกเปลี่ยนสินค้า โดยเฉพาะสังคมครอบครัวของไทย ถือเป็นสังคมที่เหนียวแน่นที่เคยอยู่รวมกันทั้งปู่ ย่า ตา ยาย ลูก หลาน เหลน จนเมื่อไม่นานมานี้ มนุษย์พัฒนาตนเองให้มีความเจริญขึ้น เกิดการแยกตัวระหว่างสังคมเมือง และสังคมชนบทอย่างชัดเจน เป็นผลให้ครอบครัวไทยมีการแยกตัวผ่านกลไกทางการศึกษา เด็กมักต้องไปเรียนหนังสือในเมือง เมื่อมีความรู้สูงขึ้นก็จะเข้าไปทำงานในเมือง ทำให้สังคมครอบครัวมีขนาดเล็กลงเหลือเพียงพ่อแม่ลูกและอาศัยในบ้านขนาดเล็กลงตามหัวเมืองใหญ่

ความเจริญของเทคโนโลยีการสื่อสาร ทำให้เกิดพฤติกรรมใหม่ที่เรียกว่า สังคมก้มหน้า (Social ignore) คือ การเพกเฉยต่อสังคมรอบตัว แต่ให้ความสำคัญกับสังคมเสมือนจริงมากกว่า ในอดีตเรามักสื่อสารโต้ตอบกับคนใกล้ตัวโดยไม่ต้องอาศัยเครื่องมือทางเทคโนโลยีก็สามารถพูดคุย แสดงกิริยา หรือสัมผัสกันได้โดยตรง เมื่อสังคมเสมือนจริงเข้ามาเป็นที่นิยม ช่วยให้การสื่อสารได้สะดวกทั้งระหว่างบุคคล เป็นกลุ่ม หรือสาธารณะก็ทำได้ในทุกที่ทุกเวลา ทำให้ความสัมพันธ์ในสังคมกับคนรอบตัวเปลี่ยนไป เพราะเวลามีจำกัด แต่ละเสี้ยวเวลาก็จะทำได้เพียงกิจกรรมเดียว หากติดอยู่กับกิจกรรมหนึ่งก็อาจเพิกเฉยต่ออีกกิจกรรมหนึ่งโดยไม่รู้ตัว

เคยดูคลิ๊ป disconnect to connect ของ dtac ที่แสดงให้เห็นชัดว่าปัจจุบันพ่อแม่กับลูก เริ่มมีความสัมพันธ์ที่ถอยห่าง แม้อยู่ด้วยกัน ทานข้าวด้วยกัน แต่ก็ก้มหน้าก้มตาคุยกับคนในสังคมเสมือนจริง ในสังคมคนทำงานที่ประชุมร่วมกับเพื่อน หรืออยู่กับแฟน ก็ยังแยกตัวเองไปอยู่ในสังคมเสมือนจริง เช่น อัพเฟส (update facebook status) หรือส่งไลน์สติกเกอร์ (line sticker) หรือทวีต (tweet) หรือดูคลิ๊ปในยูทูป ทั้งที่เวลานั้นมีกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกับคนใกล้ตัว ถือเป็นการเพิกเฉย (ignore) ต่อการทำกิจกรรมร่วมกัน แม้ยังไม่ใช่ปัญหาสังคมที่รุนแรง แต่สะท้อนถึงมารยาท หรือจริยธรรมของคนในสังคมที่เสพติดสังคมเสมือนจริง ที่ให้ความสำคัญต่อคนใกล้ตัวน้อยกว่า ปัญหาทั้งหมดแก้ได้ด้วยการทำให้ผู้คนรักษามารยาทที่มีต่อครอบครัว เพื่อน และความตระหนักถึงประโยชน์ที่แท้จริงของการสื่อสาร มิใช่เลือกที่จะสื่อสารเพื่อความบันเทิงส่วนตัวอย่างเดียว

http://anusornkob.blogspot.com/2013/03/social-ignore.html

จริยธรรมที่ควรปกปิดหรือเปิดเผย (itinlife437)

fish
fish

ลองค้นคำว่านักเรียนตบกันแย่งผู้ชาย พบ 289,000 รายการ น่าแปลกใจว่าทำไมจึงได้มีมากมาย เมื่อเข้าไปอ่านข่าวหนึ่งใน dailynews.co.th เล่าเหตุการณ์ที่นักเรียนหญิงทะเลาะกันนอกโรงเรียนได้ละเอียดเหมือนอยู่ในที่เกิดเหตุ ก็เพราะมีเพื่อนในกลุ่มถ่ายคลิ๊ปไว้นั่นเอง เรื่องนี้ผู้บริหารโรงเรียนคิดว่าโรงเรียนเสียหาย จึงทำทัณฑ์บนกับผู้ก่อเหตุ เตรียมดำเนินการฟ้องร้อง และดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้นำคลิปไปโพสต์ ผู้บริหารโรงเรียนก็เห็นแก่ชื่อเสียงของโรงเรียน ไม่ต้องการให้ใครรู้มากไปกว่าเดิมว่านักเรียนในความปกครองมีความประพฤติหรือมีจริยธรรมไม่งามตามที่ปรากฎในคลิ๊ป

นักเรียนในปัจจุบันกลายเป็นเหยื่อของสื่อที่ไม่เหมาะสม ถ้าเอ่ยชื่อนักแสดงนำฝ่ายหญิงในละครที่ชื่อลำยอง หรือมุนินกับมุตา ก็คาดว่าหลายคนคงรู้จัก หรือการ์ตูนญี่ปุ่นก็จะมีพระเอกนางเอกอายุน้อยนิด การแต่งตัวและต่อสู้ช่วงชิงเพศตรงข้ามกลายเป็นธรรมชาติที่ล้วนเป็นแบบอย่างที่ไม่งาม  เมื่อนักเรียนประพฤติตัวคล้ายตัวละครในสื่อ เช่น ตบตี แต่งตัว หรือคบหากันอย่างชู้สาวก่อนวัยอันควร กลับเป็นความผิดของเด็กไปทั้งหมด ทั้งที่แบบอย่างเหล่านั้นมาจากสื่อที่เราท่านพบเห็นกันอยู่ทุกวัน บางโรงเรียนอาจมีบทลงโทษที่รุนแรง และมีมาตรการห้ามนักเรียนพูดเรื่องการผิดจริยธรรมของเพื่อนให้ใครฟัง เพื่อรักษาภาพพจน์ของโรงเรียนสืบต่อไป

โบราณว่า ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง ก็เหมือนเหตุการณ์นี้ที่นักเรียนคนใดทำผิดจริยธรรมก็ถูกผู้รับสารตีความไปว่า นักเรียนทั้งโรงเรียนมีพฤติกรรมทำนองนั้นทั้งหมด จึงเป็นความชอบธรรมที่ทุกองค์กรจะปกปิดความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในองค์กร ไม่ยอมปล่อยข่าวเชิงลบออกไปสู่สังคม แต่ถ้าเป็นข่าวนักเรียนได้รางวัลก็จะพยายามเผยแพร่ข่าวสารให้ทราบทั่วกัน เพื่อให้เพื่อนร่วมโรงเรียนมีความมุ่งมั่น แข่งขันกันเพื่อความเป็นเลิศ และเชื่อว่าผู้รับสารทั่วไปจะตีความว่านักเรียนทั้งโรงเรียนมีลักษณะเช่นนั้น และเป็นความภูมิใจของทั้งโรงเรียน นี่เป็นเพียงประเด็นหนึ่งที่น่าขบคิดและต้องยอมรับว่ามีค่านิยมแบบนี้จริง ทั้งเด็กเลียนแบบสื่อ นิยมการแข่งขันเพื่อรางวัล และนิยมปกปิดความผิด เพื่อรักษาประโยชน์ของกลุ่ม

http://www.dailynews.co.th/Content/regional/178223/

http://funtales4u.blogspot.com/2011/06/blog-post.html

ข้อกำหนดพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม

ข้อกำหนดพฤติกรรม
ข้อกำหนดพฤติกรรม

ประกาศเรื่อง ข้อกำหนดพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม สำหรับ นักศึกษามหาวิทยาลัยเนชั่น
1. มีความซื่อสัตย์ สุจริต
2. มีความกตัญญู
3. มีความเพียร ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน มุ่งมั่นพัฒนาตนเองอย่างเต็มศักยภาพ
4. มีระเบียบวินัย
5. คิดเป็น ทำเป็น มีจิตอาสา และเสียสละ
6. มีความศรัทธาการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
7. เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ประกาศ 10 ตุลาคม 2554

ปัญหาสามเรื่องกับไม้เด็ดเจ้าอาวาส

คติธรรมชวนคิด
คติธรรมชวนคิด

5 ต.ค.54 วันนี้มีนิทานธรรม มาเล่าสู่เพื่อนธรรม ต่อเนื่องจากข้อคิดสามัคคีธรรม 15 ข้อ ของ พระราชวิจิตรปฏิภาณ (เจ้าคุณพิพิธ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม   กรุงเทพมหานคร [540920] สมมติว่าเรื่องมีอยู่ว่า ศรัทธาธรรมไปชุมนุมพร้อมกันที่วัดในวันพระด้วยแรงกุศล พอเสร็จกิจทางสงฆ์แล้ว ท่านเจ้าอาวาสก็ไถ่ถามความคืบหน้าเกี่ยวกับปัญหาทางโลก ซึ่งเป็นปัญหาธรรมที่ให้ไว้เมื่อวันพระก่อนจำนวน 3 เรื่อง

เรื่องแรก ญาติโยมที่เป็นชุมชนโพ้งใต้ก็ยกมือขอตอบว่า ปัญหานั้นเกิดแด่เหตุของความไม่เข้าใจในระบบและกลไก ไม่มีอะไรในกอไผ่ แค่คนที่มีหน้าที่ไม่ได้อ่านคู่มือ และทำตามตัวหนังสือ เหมือนกับมีพรบ. แล้วทำผิดกฎหมาย เพราะไม่ได้อ่านพระราชบัญญัติดังนั้นแล ก็เลยทำผิดซ้ำซาก โดยสำคัญผิดคิดว่านั้นคือสิ่งที่ถูกต้อง

เรื่องที่สอง ญาติโยมที่เป็นชุมชนโพ้งเหนือยืนขึ้นตอบแข็งขันว่า เรื่องผีผีนั้น ผีไม่มีจริง แต่มีคนแต่งผีมาหลอกชาวบ้าน แล้วชาวบ้านหลายคนก็จับไข้หัวโกล๋นกันไป คงหวังให้ชาวบ้านตื่นกลัวทั้งหมู่บ้านกันมัง ส่วนเหตุของการกระทำแท้จริงเป็นอย่างไรนั้นไม่ทราบ คุณผีที่มาหลอกนั้นทิ้งไว้แต่หน้ากากผี กับผ้าคุม ส่วนตัวผียังจับไม่ได้ ส่วนที่รู้แน่คือวันนี้ผีก็มาวัด และนั่งอยู่กับเราแถว ๆ นี้หละท่านทั้งหลาย

เรื่องที่สาม มัคนายกเจ้าของไมค์ขอตอบบ้างว่าเรื่องพิพาทระหว่างพระกับชีกับคนบ้านนั้น ซับซ้อน เพราะมีทั้งเรื่องชื่อเสียงวัด เรื่องศีล และเรื่องของวัด  จะย้ายพระหรือชีออกวัดก็ลำบาก เพราะทั้งวัดมีพระกับชีอย่างละ 1 ถ้าให้ออกไปหนึ่ง ก็อาจจะหนีตามกันไป สู่ให้อยู่อีหลักอีเหลื่อให้ศรัทธาได้มาทำบุญกราบไหว้กันต่อไปดีกว่าไหม แต่ที่แน่ ๆ ยังไม่ออกหัวออกก้อยว่าพระกับชีทำผิดศีลข้อไหน ยังไม่มีใครถ่ายคลิ๊ปไปลง youtube.com ท่านมัคจึงสรุปว่าวันพระหน้าจะไปหาคลิ๊ปมาเปิดให้ดูกันจะจะ จะดีไหม

ท้ายสุด เจ้าอาวาสก็ควักไม้เด็ดออกมาเคาะกะโหลกชาวบ้าน ว่าเมื่อวานมีคนมาเล่าขวัญกันเอง ส่งข้อความด่าเพื่อนบ้านเข้าโทรศัพท์ ที่ร้ายเขียนหนังสือพันไม้หน้าสามโยนเข้ามาในกุฐิ แสดงให้เห็นว่าชาวบ้านในชุมชนไม่รักกันเลย ไม่รู้จักสามัคคี มองแต่ตนเอง ในหมู่บ้านนี้มีทั้งปัญหาทำกิน ทั้งทุจริต ปัญหาครอบครัว ปัญหาจริยธรรม ปัญหาทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ชิงดีชิงเด่น เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น แล้วจะเรียกชุมชนของเราว่าชุมชนเข้มแข็งได้อย่างไร จึงได้หยิบข้อคิดดี ๆ ของเจ้าคุณพิพิธ มาบรรยายว่า การอยู่ร่วมกัน ทำงานร่วมกันอย่างเป็นสุขต้องไม่ประพฤติตัว 15 อย่าง ต่อไปนี้        1) อย่าอวดรู้ 2) อย่าดูแคลน 3) อย่าแสนงอน 4) อย่าซ่อนเงื่อน 5) อย่าเชือนแช 6) อย่าแส่เรื่องของเผือก 7) อย่าเสือกงานของเค้า 8) อย่าเอาแต่งานของตัว 9) อย่ากลัวเขาหาว่า 10) อย่าด่าเจ้านาย 11) อย่าขายความลับ 12) อย่าจ้องจับผิด 13) อย่าคิดไม่ซื่อ 14) อย่าดื้อจนด้าน 15) อย่าค้านจนแค้น
สาธุ สาธุ สาธุ