ความเป็นมาที่เริ่มวาดสติ๊กเกอร์ไลน์ 3 ชั่วโมง

หลายปีมานี้ มอบหมายงานใน วิชาสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้นิสิตใช้ Powerpoint วาดภาพแบบ Vector ได้ผลงาน คือ ภาพตนเอง กับภาพการ์ตูน ส่วนวิชาโค้ดดิ้งหลายวิชาก็จะเขียนคำสั่งวาดภาพเรือ ภาพรถ หรือโดราเอมอน ทำให้นึกถึงภาพแบบ .svg ที่ save as ออกมาจาก .ppt ได้ ส่วนงานมอบหมาย infographic ในวิชาคอมพิวเตอร์เบื้องต้น ก็มักต้องใช้การวาดภาพแบบ Vector ซึ่งเครื่องมือที่เป็นที่นิยมในกลุ่มมืออาชีพ คือ Adobe illustrator แต่การใช้ Powerpoint ซึ่งเป็นเครื่องมือประจำเครื่อง ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ประกอบกับพบภาพ Sticker มากมายที่เป็นแบบ Vector ที่นิสิตน่าจะต่อยอดบทเรียนไปวาดภาพตนเองเป็น Line Sticker ไว้ใช้งานใน Line ได้

เมื่อต้นมกราคม 2565 ได้คุยกับนิสิต M.Ed. มีงานมอบหมายเป็น Poster และ Brochure พบว่า มีนิสิตเลือกใช้ Adobe Illustrator และบางท่านก็มี Avatar เป็นภาพประจำตัว ทำให้กลับมามองภาพ Avatar ที่เคยทำไว้เมื่อหลายปีก่อน และคิดว่าน่าจะถึงเวลาอัพเกรดภาพ Avatar เข้าไปอยู่ใน Line Sticker จากการศึกษาการวาดภาพ Sticker พบว่า มีเครื่องมือมากมาย แต่สุดท้ายระบบของ Line ต้องการภาพแบบ Transparency ขนาดไม่ใหญ่นัก จำนวนภาพเริ่มต้นที่ 8 ภาพ จึงลองวาดภาพตัวอย่างง่าย ๆ ด้วย Powerpoint แล้วจัดการแปลงเป็น Transparency ด้วย Irfanview

ลงมือวาด ตั้งใจให้เสร็จใน 3 ชั่วโมง นับตั้งแต่เริ่มต้นเข้าระบบ ไปจบที่ส่งผลงานให้ Line จนถึงขั้นตอน “รอการพิจารณา” 1) เข้า creator.line.me เพื่อจะส่ง sticker ไปขาย โดยใช้ line account ที่ผูกกับอีเมลแล้ว ซึ่งขั้นตอนนี้ไม่ยาก กรอกข้อมูล และยืนยันไปตามปกติ 2) ต้องเลือกบัญชีที่จะรับเงินว่าจะใช้ Paypal หรือ Rabbit line pay ซึ่งผมเลือก Line pay ในขั้นตอนนี้จะตรวจสอบบัตรประชาชน ถ่ายรูปบัตรประชาชน และสแกนใบหน้าจนกว่าจะตรงกัน คล้ายกับแอปเป๋าตัง หรือ Bitkub 3) ใช้ Powerpoint สร้างภาพจำนวน 8 รูปสติกเกอร์ + main คือ รูปภาพหลัก และ tab คือ รูปภาพแท็บห้องแชท รวมเป็น 10 ภาพ แล้วส่งออกเป็น .png แล้วไปปรับขนาดใน Irfanview รวมถึงลบพื้นหลังในขั้นตอนนี้ 4) อัพโหลดทีละภาพ หรือรวมภาพทั้งหมดเป็น .zip แล้วอัพโหลดครั้งเดียว

https://www.thaiall.com/linesticker/

วาดเอง ซื้อเอง ขายได้แล้ว

เรื่องการแชร์ดอกไม้ในไลน์ .. พูดยากเนอะ

ด้วยความห่วงใย เนื่องจากกฎหมายลิขสิทธิ์
ด้วยความห่วงใย เนื่องจากกฎหมายลิขสิทธิ์

เรื่องราวของดอกไม้ จาก 2 ข้อความ ของผู้เยาว์ 2 คน
ที่น่าจะสัมพันธ์กัน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
1. หัวข้อ “มีวิธีบอกญาติหรือผู้ใหญ่ในไลน์ยังไงดีคะ ว่าไม่ต้องส่งรูปสวัสดี หรือดอกไม้ให้ทุกวันก็ได้”
ตามหัวข้อเลยค่ะ ไม่รู้จะบอกยังไง บอกไม่ต้องส่งก็ได้
ก็กลัวว่าเดี๋ยวจะน้อยใจอีก
มีวิธีบอกยังไงดีคะ ญาติๆผู้ใหญ่ส่งเข้าทั้งไลน์กลุ่มทั้งแชทส่วนตัวเลย
แม้กระทั่งลูกค้าผู้ใหญ่ที่ติดต่องานกันอยู่
มันอาจจะมีความหมายลึกซึ้งเกินไปจนเราไม่เข้าใจ ไม่อาจเข้าถึงได้ 5555555
เราเองก็ไม่ได้อะไรนะคะ แต่ก็เกรงใจ พอส่งมาให้เรา
เราก็ตอบไม่ถูก และไม่รู้จะตอบไปว่าไงดีจะส่งเป็นรูปกลับก็ยังไงอยู่
มีคนเป็นแบบเราปะ ?
หรือขอแนะนำวิธีตอบกลับข้อความแบบนี้ ก็ได้ค่ะ
ยังไงดีคะ ยังไงดี

ด้วยความห่วงใย เนื่องจากกฎหมายลิขสิทธิ์
ด้วยความห่วงใย เนื่องจากกฎหมายลิขสิทธิ์

2. หัวข้อ “ข้อความเตือนเรื่องดอกไม้ผ่านไลน์ตามกฎหมายลิขสิทธิ์”
เรียน สมาชิกไลน์ทุกท่าน
ด้วยความห่วงใย เนื่องจากกฎหมายลิขสิทธิ์ จะมีผลเริ่ม 4 สิงหาคมนี้
จึงจำเป็นต้องยุติการส่งไลน์ ภาพดอกไม้ เพราะภาพเหล่านั้นเป็นภาพที่มีลิขสิทธิ์กว่า 95%
แม้ว่าจะก๊อปมาจากกูเกิ้ลทั้งหมด สองสามวันมานี้ขยายภาพเพื่อก๊อปไม่ได้จอดำมืด
มีข้อความเตือนว่า image may be subject to copy right
จึงยุติการก๊อปปี้ และจะยุติการเผยแพร่ภาพดอกไม้
เป็นการถาวรด้วย ท่านใดที่เก็บสะสมภาพเก่า ๆ ไว้
โปรดสะสมเป็นส่วนตัว อย่าได้ส่งต่อให้ผู้ใดเป็นอันขาด
เพราะจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์เจ้าของภาพ แทบทุกภาพมีลิขสิทธิ์ทั้งสิ้น
ถ่ายโดยช่างภาพมีชื่อเสียง และเป็นดอกไม้ประเภทแปลกที่สุดในโลก,
สวยที่สุดในโลก, แพงที่สุดในโลก, หายากที่สุดในโลก ฯลฯ
ด้วยความเป็นห่วงค่ะ และก็จะขยายผลดำเนินคดีตามกฎหมาย
เพราะภาพทุกภาพมีลิขสิทธิ์ และเบอร์โทรของท่านได้ลงทะเบียนไว้แล้ว
ว่าท่านอยู่ที่ไหน ด้วยความห่วงใย ตื่นเช้ามาก็ให้พิมพ์สวัสดีกันไปก่อน
บอกต่อพี่ ๆ น้อง ๆ ไปด้วย
หากโดนหมายศาลมาถึงจะงงกันไปใหญ่

ความเป็นมาของการส่งความสุขที่เปลี่ยนไป (itinlife 481)

ส.ค.ส. ที่มีรูปธงไตรรงค์ ธงชาติไทยที่เก่าแก่ที่สุด
ส.ค.ส. ที่มีรูปธงไตรรงค์ ธงชาติไทยที่เก่าแก่ที่สุด

http://tccontent.blogspot.com/2013/11/blog-post_3001.html

ตามบันทึกในประวัติศาสตร์ พบว่าเริ่มมีการส่งบัตรเยี่ยม หรือ การ์ดข้อความมามากกว่า 200 ปีแล้ว ประเทศไทยรับธรรมเนียมการส่งบัตรอวยพรจากต่างชาติ แบบแรกคือ บัตรอวยพรปีใหม่ ซึ่งพบหลักฐานที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 เคยจัดทำเป็นภาษาอังกฤษเมื่อ พ.ศ.2409 ปรากฏในหนังสือพิมพ์ The Bangkok Recorder ของ หมอบรัดเลย์ (Dr.Dan Beach Bradley) ต่อมาได้เกิดคำว่า ส.ค.ส. ที่ย่อจาก ส่งความสุข ในต้นรัชกาลที่ 5 จนมีการเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่จากเมษายน เป็นมกราคม ตามแบบสากลเมื่อ พ.ศ.2483 และนิยมสงการ์ดอวยพรเรื่องมาถึงปัจจุบัน

เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างมาก หลายปีก่อนนิยมส่งข้อความถึงกันด้วยอีเมล (E-Mail) และมีบริการส่งบัตรอวยพรทางเว็บไซต์ ทำให้บัตรอวยพรที่ส่งทางไปรษณีย์เริ่มเสื่อมความนิยมลง แต่มีการรับส่งบัตรอวยพรอิเล็กทรอนิกส์ (E-Card) ทางอีเมลกันมากขึ้น ต่อมาโทรศัพท์มีบริการรับส่งข้อความแบบสั้น หรือ SMS (Short Message Service) ทำให้การส่งความสุข หรือข้อความยินดีในแต่ละเทศกาลเริ่มเปลี่ยนไป บางท่านที่มีเพื่อนมากอาจได้รับข้อความในเทศกาลปีใหม่นับร้อย บางท่านมีเพื่อนน้อยอาจได้รับเป็นสิบข้อความเข้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในต้นปี 2558 สถิติการส่งข้อความสั้นลดลงตามคาด และลดลงมากกว่าปีที่ผ่านมา จากรายงานข้อมูลของผู้ให้บริการทั้ง ดีแทค เอไอเอส และทรูมูฟ เอช

การใช้งานดาต้าในช่วง 23.45 – 00.15น. เปลี่ยนปีเก่าเป็นปีใหม่ เทียบกับปีที่ผ่านมา พบว่ามียอดการใช้งานสูงขึ้น 3 – 4 เท่า ซึ่งผู้ใช้ส่งข้อความหากันผ่านโซเชียลมีเดียหลัก 3 ราย คือ Line, Facebook และ Instagram ทั้งนี้กระแสการใช้งาน Line Sticker ได้รับการสนับสนุนประชาสัมพันธ์จากภาครัฐ มีแบบสติ๊กเกอร์ 16 แบบให้ดาวน์โหลดฟรี เพื่อส่งเสริม “ค่านิยมสิบสองประการ” และแบบที่ 13 มีคำว่า “สวัสดีปีใหม่” ซึ่งผมก็ได้รับจากเพื่อนหลายท่าน แต่ในทางตรงกันข้ามปีนี้กลับไม่ได้รับข้อความส่งความสุขทาง SMS เลย ต่อจากนี้แนวโน้มการส่งข้อความของผู้ใช้เทคโนโลยีก็จะใช้บริการผ่าน Line และ Facebook เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าท่านกำลังพิจารณาว่าจะส่งความสุขถึงใครสักคนก็คงต้องพิจารณาว่าผู้รับจะสะดวกรับทางใด ซึ่งคาดเดาได้ไม่ยากนักในยุคสังคมก้มหน้า

http://www.jobmarket.co.th/news/detail.php?dd=5978

http://www.manager.co.th/cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000000110

http://www.mxphone.net/010115-3-operetor-new-year-data-usage-up/

ชะตากรรมต้นไม้ใต้สายไฟฟ้า กับการหยุดปลูกต้นไม้ใต้สายไฟฟ้า (itinlife 477)

ชะตากรรมต้นไม้ใต้สายไฟฟ้า
ชะตากรรมต้นไม้ใต้สายไฟฟ้า

เป็นเรื่องปกติที่เราจะเห็นต้นไม้กับสายไฟฟ้าอยู่ร่วมกันใกล้ชิด เคยมีข่าวว่าเถาฟักไปออกลูกบนเสาไฟ ต้นไม้ตามถนนหนทางเกาะเกี่ยวสายไฟจนมองไม่ออก เพราะสายไฟผ่านเข้าด้านหนึ่ง และออกมาอีกด้านหนึ่งของต้นไม้ เป็นที่รู้กันว่าสายไฟฟ้ามีสัญญาณไฟฟ้าไหลอยู่ หากรั่วขึ้นมาแล้วมนุษย์ไปสัมผัสก็จะเป็นอันตรายถึงชีวิต การที่ต้นไม้เติบโตขึ้นเองใกล้กับเสาไฟฟ้าถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ การตั้งใจปลูกต้นไม้ใต้สายไฟฟ้า ซึ่งพบเห็นได้เป็นปกติในประเทศไทย
เมื่อฝนตกแล้วไฟฟ้าดับ เชื่อว่าคนไทยนอกเมืองหลวงเคยพบกันมาแล้วทุกคน สาเหตุหนึ่งมาจากต้นไม้ทั้งประเภทที่ขึ้นใต้สายไฟฟ้า หรือขึ้นขนานกับสายไฟฟ้า ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะมีมาตรการป้องกันและแก้ไขโดยการลิดรอนตัดไม้และกิ่งไม้อยู่เสมอ แต่ถ้าป้องกันปัญหาแต่แรกด้วยการหยุดปลูกต้นไม้ใต้สายไฟฟ้าตามถนนหนทาง ก็เชื่อได้ว่าปัญหาจะลดลง ไม่ต้องเสียงบประมาณหาต้นไม้มาปลูก และต้องหาคนมาตัดกิ่งไม้ และต้องหาคนมาคอยแก้ปัญหาสายไฟฟ้าพันกับกิ่งไม้ สายโทรศัพท์พันกับกิ่งไม้ การที่อินเทอร์เน็ตในบางบ้านมีปัญหา ก็เชื่อได้ว่าสายโทรศัพท์อาจผูกพันธ์กับกิ่งไม้มากไปจนสัญญาณอาจสูญหายไปบ้าง

กิ่งไม้ไม่อยากจากสายโทรศัพท์
กิ่งไม้ไม่อยากจากสายโทรศัพท์

เคยอ่านผลการวิจัยเรื่อง วิเคราะห์สาเหตุกระแสไฟฟ้าขัดข้องของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี โดยคุณวสันต์ เรืองศรี ศึกษาข้อมูลระหว่างปี 2548 – 2552 พบว่าสาเหตุที่ทำให้ไฟฟ้าขัดข้องเกิดจากต้นไม้เป็นอันดับ 4 เกิดขึ้นมากถึง 186 ครั้ง ในพื้นที่อื่นที่ปลูกต้นไม้ใต้สายไฟฟ้ากันมากก็อาจมีสถิติของปัญหามากกว่าที่ปทุมธานีก็ได้ สรุปสาเหตุเกี่ยวกับต้นไม้ที่ส่งผลให้ไฟฟ้าดับ คือ การตัดต้นไม้ใกล้แนวสายไฟฟ้า การเผาวัชพืชใกล้สายไฟฟ้า ต้นไม้ล้มทับสายไฟฟ้า กิ่งไม้พาดสายไฟทำให้ไฟฟ้ารั่วลงดิน นอกจากสายไฟฟ้าจะได้รับผลกระทบแล้ว ก็ยังมีสายโทรศัพท์ สายเคเบิ้ลทีวี ส่วนต้นไม้ก็ได้รับผลกระทบเพราะเคยเห็นต้นไม้กำลังโต แต่ก็ต้องมาถูกตัด เพื่อไม่ให้ไปพันสายไฟ ถ้าใช้งบประมาณส่วนนี้ไปปลูกต้นไม้ที่อื่นแล้วปล่อยให้เติบใหญ่งอกงามเป็นเครื่องฟอกอากาศตามธรรมชาติอย่างยั่งยืนก็จะดีไม่น้อย สรุปว่าเสียดายต้นไม้ที่ต้องถูกตัดไม่ให้สูงไปกว่าสายไฟฟ้า