บันทึกล่องแพเหนือเขื่อนภูมิพล ค้างที่เกาะวาเลนไทน์

รวมหลานเหลน ของแม่หลวงเหรียญ ดวงไชย
รวมหลานเหลน ของแม่หลวงเหรียญ ดวงไชย


https://www.facebook.com/gthaiall/media_set?set=a.744434575591166.1073741863.100000738912455

13 เม.ย.57 ครอบครัวดวงไชยมักรวมตัวกันในหมู่เครือญาติ
มีพี่น้อง 9 คนเป็นลูกแม่หลวงเหรียญ พร้อมหลาน เหลน เขย และสะใภ้
ปี 2557 นัดหมายไปล่องแพเนื่องในเทศกาลวันหยุดสงกรานต์
เหนือเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก
นัดแพไว้ 10.00น. วันที่ 13 เม.ย.57 และกลับเวลาเดียวกันของวันรุ่งขึ้น
ได้ติดต่อแพ ธ.กาญจนา
Tel.055-549238 081-9729673 081-8885166
ติดต่อผ่าน อาทิวา เป็นญาติที่ลำปางที่มีประสบการณ์มาค้างแรมบนแพ
เราเช่าแพขนาดใหญ่ ตกลงไว้ว่า 30 คน คิดค่าแพ 15,000 บาท
หรือหัวละ 500 บาทนั่นเอง แต่ในวันเดินทางรวมญาติได้ 38 คน
ทำให้ตอนกลับต้องจ่ายเพิ่มเป็น 19,000 บาท
บริการของแพมีที่นอน หมอน ผ้าห่ม ห้องน้ำ 4 ห้อง ชุดคาราโอเกะ น้ำเปล่า
เลี้ยงมื้อเที่ยงเป็นส้มตำกับทอดมันปลา และสมาชิกเตรียมห่อข่าวไปทานมื้อเที่ยง
มื้อเย็นเลี้ยงแบบโต๊ะจีน มีปลาทอด ผัดฉ่าปลาคัง ต้มยำปลาคัง ผัดผักใส่หมู น้ำพริกอ่อง
มื้อเช้าเป็นข้าวต้มกุ้ย มีหัวไชโป้ผัดไข่ ปลาเค็มหนึ่งแว่น  ไข่เค็ม ยำผักกาดดอง

เกาะวาเลนไทน์
เกาะวาเลนไทน์
เกาะวาเลนไทน์ (Valentine island)
เกาะวาเลนไทน์ (Valentine island)

การเดินทาง แพเคลื่อนจากท่าแพ 10 โมงกว่า ปลายทางที่เจ้าของแพกำหนด
คือ เกาะวาเลนไทน์ (Valentine Island) ไปถึงราวเที่ยงตรง
คงเพราะเรือเล็กลากแพมีกำลัง จึงลากแพใหญ่ถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว
ผมเดินสำรวจเกาะเกือบ 2 ชั่วโมง
เพราะเกาะค่อนข้างกว้างและชัน ไปถึงส่วนยอดของเกาะ เห็นรังอีกาบนยอดไม้
ยิ่งฤดูร้อนน้ำลด เกาะก็จะกว้างกว่าเดิม น้ำหลายจุดตื้นเขิน
มีสัตว์ชนิดหนึ่งที่ชาวแพบอกว่าเป็นแพะ ที่นำมาปล่อย เพราะรอบเกาะมีขี้แพะ
กระจายอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะยอดเกาะ หรือริมหาดก็พบเห็นได้
ตกเย็นเด็กในแพสวมชูชีพ โดดเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน
แม้น้ำจะลึกแต่มีเสื้อชูชีพสวมกันทุกคน
ตกเย็นมีพายุฝนเข้ามาอย่างรุนแรง ผมต้องย้ายที่นอนจากหน้าแพออกมา
เพราะฝนสาด เราไม่รู้สึกกลัวแม้ลมจะแรง แอบหลบแรงลมอยู่ในซอกหลังเกาะ
กลางคืนฟ้ากระจ่างเห็นพระจันทร์เต็มดวง
ตอนรุ่งสางพระจันทร์สีแดงสดค่อย ๆ ลับยอดเขาหายไป

ถ่ายรูป ถ่ายร่าง ในหมู่เครือญาติ
ถ่ายรูป ถ่ายร่าง ในหมู่เครือญาติ

กิจกรรมบนแพก็มีหลากหลาย
ทั้งดื่มกิน ร้องเพลง เต้นรำ ถ่ายรูปกันเอง ถ่ายรูปทิวทัศน์
ทำอาหารที่เตรียมมา เล่นเกม พูดคุยทักทายกันประสาญาติมิตร
เล่นน้ำเมื่อแพหยุด สำรวจเกาะ นั่งนอนตามอัธยาศัย
เจ้าของแพบอกว่าปกติมีหมอนวดประจำแพ
แต่ครั้งนี้เป็นหยุดเทศกาล จึงลากลับบ้าน

ถ้าเพื่อน ๆ สนใจไปเที่ยว เสนอว่าเตรียมฟืน ไฟฉาย เต้น มีด หรือของเล่นชายหาด
ไปพจญภัยบนเกาะ มีมีดไว้ตัดต้นไมยราบ ทำทางให้นักท่องเที่ยวรุ่นต่อไป
เพราะเห็นหลายจุดที่น่าจะมีนักท่องเที่ยว ก่อไฟทิ้งไว้
แต่ดีที่ไม่มีขยะใด เจ้าของแพคงช่วยกันดูแลอย่างดี
เพราะคืนนั้นเห็นมีแพมาจอดค้างคืนประมาณ 5 แพ
รวมคนก็อาจถึง 150 คน
แต่นักท่องเที่ยวคงเป็นผู้สูงอายุกันเยอะ ไม่ค่อยเดินเพ่นพ่านบนเกาะเท่าใด

เกาะวัดพระพุทธบาทเขาหนาม
เกาะวัดพระพุทธบาทเขาหนาม
เก็บภาพบนยอดเกาะวัดพระพุทธบาทเขาหนาม
เก็บภาพบนยอดเกาะวัดพระพุทธบาทเขาหนาม

ขากลับ ตอนเช้าเราออกค่อนข้าวเร็ว
ผม และนักไต่เขาถูกเรียกจากยอดเขา นึกว่าเรียกไปทานข้าว
แต่เรียกให้ขึ้นแพ เพราะรีบเดินทางไปที่เกาะวัดพระพุทธบาทเขาหนาม
บนเขาลูกนี้มีต้นคล้ายว่านหางจระเข้จำนวนมากแทบทั้งเกาะ
น่าจะเป็นที่มาของคำว่าเขาหนาม
การขึ้นเกาะนี้ค่อนข้างสูง ชัน และแคบ ทำให้นึกถึงดอยฮางที่เกาะคา
ปัจจุบันทางขึ้นพัฒนาดีขึ้นมาก เหยียบได้เต็มเท้าเกือบทุกขั้น
เป็นคำบอกเล่าของญาติที่เคยมาแล้วสองครั้ง
ด้านบนก็พัฒนาไปมาก มีสิ่งก่อสร้างเพิ่มขึ้น นับได้ประมาณ 7 แหล่ง
นอกจากต้องใช้พลังภายในขับตัวเองให้ขึ้นไปถึงจุดสุดยอดแล้ว
ยังต้องใช้อีกไม่น้อย กว่าจะทัวร์ให้ครบแหล่งธรรมให้ครบ 7 แหล่ง
ขาลงก็เหนื่อยไม่น้อย ลงมารับประทานข้าวต้ม รู้สึกอร่อยมาก
เพราะทั้งเหนื่อยและหิว ทานเยอะไม่ได้มีปริมาณจำกัดแบบโต๊ะจีน

หลาน ๆ เหลน ๆ เล่นน้ำกันสนุกสนาน
หลาน ๆ เหลน ๆ เล่นน้ำกันสนุกสนาน

วิธีแก้ปัญหาสารพัดเบื่อ/โดย ดร.แพง ชินพงศ์

“เบื่อ” เป็นสภาวะของอารมณ์ที่รู้สึกไม่พึงพอใจกับชีวิตความเป็นอยู่ของตนเองในขณะนั้น โดยอาจแสดงออกด้วยการซึมเศร้า นิ่งเฉย ขาดความสดชื่น ไม่มีความตื่นเต้น ไม่สนใจสิ่งรอบตัว ขาดแรงจูงใจและเป้าหมายในการกระทำสิ่งต่างๆ

เบื่อ
เบื่อ

ผู้เขียนเชื่อว่าผู้อ่านทุกคนต้องเคยตกอยู่ในสภาวะแห่งความเบื่อหน่ายกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเบื่องาน เบื่อแฟน เบื่อคนใกล้ตัวหรือแม้กระทั่งเบื่อตัวเอง

ผู้เขียนมีวิธีการแก้เบื่ออย่างง่ายๆ ที่มั่นใจว่าช่วยลดความเบื่อได้อย่างแน่นอน 100% ดังนี้

1.เบื่องาน เช่น รู้สึกไม่อยากทำงาน ขาดแรงจูงใจในการทำงาน รวมไปถึงเบื่อเพื่อนร่วมงาน เบื่อหัวหน้า เบื่อลูกนัอง เบื่อระบบงานต่างๆ ซึ่งทำให้ไม่อยากจะหยิบจะจับงานอะไรหรือพาลอยากจะลาออกจากงานไปเลยด้วยซ้ำ

วิธีแก้เบื่องาน
– คิดด้านบวกเกี่ยวกับการทำงาน คือ คิดเสียว่างานเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อชีวิตของเรา มีงานทำดีกว่าไม่มี เพราะถ้าไม่มีงานเราก็จะขาดรายได้ซึ่งทำให้เราไม่มีเงินสำหรับการใช้จ่ายในสิ่งจำเป็นหรือซื้อหาความสะดวกสบายให้ชีวิต

– คิดว่างานเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถของเรา เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่เราจะต้องเอาชนะและทำให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยความสามารถของเรา

– จัดแต่งโต๊ะทำงานใหม่ เช่น เอารูปภาพวิวสวย ๆ มาติด เอาแจกันใส่ดอกไม้สวย ๆ มาวางบนโต๊ะทำงาน ทำความสะอาดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อยสะอาดสะอ้าน ซึ่งจะช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายหายเบื่อได้
– แก้ปัญหาเบื่อเพื่อนร่วมงาน อาจจะเกิดจากการที่เรามีเพื่อนร่วมงานที่มีทัศนคติไม่ตรงกัน หรือเจอเพื่อนร่วมงานที่ชอบเอาเปรียบ อิจฉาริษยา ชอบนินทาว่าร้าย ซึ่งทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่ายจนพาลอยากจะลาออกจากงาน วิธีแก้เบื่อเพื่อนร่วมงานอย่างง่ายที่สุดก็คือ พยายามหลีกเลี่ยงการอยู่กับคนที่ทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่าย ซึ่งถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็พยายามพูดหรือเกี่ยวข้องกับคนที่เราเบื่อให้น้อยที่สุด

2.เบื่อคนใกล้ตัว
เช่น เบื่อแฟน เบื่อสามี เบื่อภรรยา ซึ่งก็มักเกิดจากความไม่เข้าใจกัน มีปากเสียงทะเลาะกันบ่อยๆ รู้สึกว่าถูกคนใกล้ตัวเอาเปรียบอย่างใดอย่างหนึ่งเบื่อหน่ายนิสัยบางอย่างของเขา ถูกเขาทำให้เสียใจ ผิดหวังซ้ำซาก หรืออาจเกิดจากการที่ความพิศวาส หรือความพึงพอใจในตัวเขาลดลง ทำให้ขาดความตื่นเต้นในชีวิตคู่ สัญญาณในการบอกว่าเรารู้สึกเบื่อแฟนหรือเบื่อสามีภรรยา สังเกตได้ง่ายๆ คือ รู้สึกคิดถึงและห่วงใยน้อยลง เวลาอยู่ด้วยกันก็แทบไม่คุยกันหรือมีกิจกรรมร่วมกันน้อยมาก

วิธีแก้เบื่อคนใกล้ตัว
– หันหน้าเข้าหากันเพื่อปรับความเข้าใจ รวมทั้งพูดตรงๆ ถึงความรู้สึกของกันและกันว่าเรารู้สึกไม่พอใจกันตรงไหนบ้าง เพื่อหาวิธีแก้ไขและปรับเปลี่ยน เพื่อที่จะมีความเข้าใจกันมากขึ้นและเมื่อได้ร่วมกันปรับเปลี่ยนแล้ว ความรู้สึกจะดีขึ้นและทำให้หายเบื่อหน่ายซึ่งกันและกันได้

– ท่องเที่ยวร่วมกัน การที่แฟนหรือสามีภรรยา ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน ในการไปดูหนัง ฟังเพลง ช้อปปิ้ง เที่ยวต่างจังหวัด ไปเที่ยวต่างประเทศ เหมือนเป็นการไปฮันนีมูน ไปดูสิ่งที่สวยงามแปลกใหม่ เป็นโอกาสให้ได้ใช้เวลาที่ดีร่วมกัน ซึ่งนอกจากช่วยสานสัมพันธ์ที่ดีแล้ว ยังช่วยทำให้ความเบื่อหน่ายระหว่างกันลดลงด้วยเพราะความตื่นเต้นสนุกสนานจะทำให้อารมณ์ดีและมีความสุขขึ้นได้

3.เบื่อตัวเอง เกิดจากความรู้สึกเหงา คับข้องใจ ไม่ได้ตามที่ใจต้องการ หันไปทางไหนก็มีแต่สิ่งที่ซ้ำซากจำเจ หดหู่ ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้ถ้าเกิดกับใครขึ้นมา คนนั้นก็จะรู้สึกเบื่อหน่ายตัวเองจนขาดแรงบันดาลใจและความสุขในการดำเนินชีวิต

วิธีแก้เบื่อตัวเอง
– เปลี่ยนทรงผมและเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวของตัวเอง แค่นี้ก็ทำให้รู้สึกได้ว่าเราเป็นคนใหม่ได้

– ออกกำลังกาย ทำให้จิตใจแจ่มใสและอารมณ์ผ่อนคลาย ยิ่งถ้าคุณมีปัญหาในเรื่องน้ำหนักด้วยแล้วยิ่งดีใหญ่ ลองท้าทายตัวเองโดยการออกกำลังกายเพื่อให้เรามีรูปร่างที่ดีขึ้น แล้วชีวิตใหม่ๆ จะเกิดขึ้นแน่นอน

– เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น แต่งบ้านใหม่ ปรับเปลี่ยนมุมในบ้านให้แปลกตาไปกว่าเดิม จัดสวนใหม่ หาสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยง เช่น สุนัข แมว ปลา จะทำให้ชีวิตเราสดชื่นขึ้นและผ่อนคลายขึ้น

– ลองเปลี่ยนเส้นทางในการไปทำงานหรือกลับบ้านบ้าง จากเส้นทางเดิมๆที่รถติดน่าเบื่อหน่ายอาจสลับเปลี่ยนไปเดินทางที่ลัดบ้างอ้อมบ้างแต่รถไม่ติดมากและยังได้เห็นทิวทัศน์ที่แปลกตาไปจากเดิม

– ไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ที่ไม่เคยไป เพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ในชีวิต

– กินอะไรที่ไม่เคยกิน ไปร้านอาหารใหม่ๆ ที่ไม่เคยไปมาก่อน หรือลองคิดค้นหาเมนูอาหารใหม่ๆ ลองทำกินดู
– โซเชียลเน็ตเวิร์กช่วยได้ การคุยกับเพื่อน ๆ ออนไลน์ผ่านทาง facebook whatsapp line ช่วยทำให้เราหายเบื่อได้ แต่อย่าถึงเสพติดจนติดแหง่กไม่สนใจชีวิตด้านอื่นเลย

– สมัครเรียนคอร์สสั้นๆ ที่เราสนใจ เช่น เรียนทำขนม เรียนภาษา เรียนร้องเพลง เรียนโยคะ

– ไปเดินตลาดต้นไม้ หาต้นไม้มาปลูกที่บ้าน เพื่อสร้างความสดชื่น

– เขียนบันทึก หรือเขียนบล็อกของตัวเอง ระบายความในใจ

– ไปเยี่ยมคนชราหรือเด็กกำพร้าที่สถานสงเคราะห์ สมัครเป็นอาสาสมัครในการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม เช่น ไปอ่านหนังสือให้คนตาบอดฟัง ไปเก็บขยะที่ชายหาด เราจะได้รู้สึกว่าชีวิตเรามีค่าขึ้น

ความรู้สึก “เบื่อ” เป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วเราสามารถจัดการกับมันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ปรับสภาพแวดล้อม เปลี่ยนมุมมองความคิดของตัวเราเอง ด้วยการก้าวไปข้างหน้าเพื่อแสวงหาประสบการณ์แปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้เราสดชื่นและหายเบื่อได้ อย่าบ่อยให้ความเบื่อครอบงำเรานานเกินไป เพราะมันไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับชีวิตเรา มีแต่จะสร้างความเสียหายทั้งนั้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9560000048990


วิธีดูแลผิว..เพื่อลดการเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร

ผิวเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร โดยส่วนใหญ่เกิดจากการเสื่อมสภาพของอีลาสตินใต้ผิวหนัง อันเนื่องมาจากความเครียด ขาดการบำรุงผิวเป็นเวลานาน แสงแดด กรรมพันธุ์ และพฤติกรรมส่วนตัวอย่าง การกินอาหาร ล้างถูหน้าแรง ๆ ขมวดคิ้ว จนทำให้เซลล์ผิวหนังเสียความชุ่มชื่นและความยืดหยุ่นน้อยลง เกิดเป็นริ้วรอยตื้น ๆ ในบริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว หางตา ขมับ และร่องแก้มในที่สุด ดังนั้นสาว ๆ จึงควรหันมาดูแลผิวหน้าโดยเร็วที่สุด ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้….

ผิวสวย
ผิวสวย

1. เติมความชุ่มชื่นให้ผิวมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นการสร้างการทำงานและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวหนัง สาว ๆ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงให้เหมาะกับสภาพผิว รวมถึงควรเติมความชุ่มชื่นให้ผิวให้อยู่เสมอ แม้ว่าคุณจะมีผิวมันก็ตาม อาจเลือกใช้เป็นเดย์ครีมและไนท์ครีมที่สกัดมาจากสมุนไพรอย่าง ว่านหางจระเข้ กรดผลไม้ น้ำมันสกัด เพื่อช่วยเติมวิตามินให้ผิวสวยใสดูดีอยู่เสมอ

2. เสริมการบำรุงด้วยวิตามินแบบจัดเต็ม ด้วยการเลือกใช้สารแอนตี้ออกซิแดนซ์ที่มีส่วนช่วยลดและต้านอนุมูลอิสระในผิวอย่าง วิตามินอี วิตามินซี วิตามินเอ คอลลาเจน และโคเอนไซน์คิว อาจเป็นมอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวหน้าหรือมาส์กหน้า เพื่อช่วยปรับสภาพผิวหน้าให้ดูสดชื่นเปล่งปลั่ง

3. ครีมกันแดด ห้ามขาด ! เพราะอากาศและแสงแดดในบ้านเรานับว่า ร้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้นเพื่อไม่ให้ผิวหน้าโดนรังสียูวีทำร้ายผิวให้เหี่ยวย่นเกิดริ้วรอยและความหมองคล้ำ สาว ๆ ควรปกป้องก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง (แม้ว่าจะไม่มีแดดก็ตาม) โดยการเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไปทาบาง ๆ ให้ทั่วหน้าและลำคอ จากนั้นจึงแต่งหน้าหรือทาแป้งตามปกติ

4. เลือกใช้เครื่องสำอางที่ผสมสารบำรุงสำหรับผิวที่มีริ้วรอย จำเป็นอย่างยิ่งกับสาว ๆ ที่ต้องแต่งหน้าเจอเครื่องสำอางหลากสีหลากชนิดทุกวัน ทางที่ดีสาว ๆ จึงควรแต่งหน้าควบคู่ไปกับการบำรุงผิวที่มีริ้วรอย โดยการเลือกซื้อเครื่องสำอางประเภทรองพื้น ไพรเมอร์ เบส และแป้งที่มีสารบำรุงซึ่งช่วยต่อต้านการเกิดริ้วรอย และเติมเต็มร่องลึกร่องรอยต่าง ๆ บนผิวให้ดูตื้นและเนียนสนิทมั่นใจ

5. รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินแก่ผิวพรรณ และออกกำลังกาย หลังจากดูแลผิวภายนอกกันไปเยอะแล้ว คราวนี้เรามาดูแลผิวสวยตึงกระชับจากภายในกันบ้าง ด้วยการเลือกรับประทานผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี รวมถึงอาหารจำพวกนมและธัญพืชเพิ่มมากขึ้นในแต่ละวันอีกด้วย นอกจากนี้ยังควรออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดในร่างกาย รวมถึงนอนพักผ่อนให้เพียงพออีกด้วยค่ะ

6. Face yoga มาทำโยคะบริหารผิวหน้ากันเถอะ ! นับเป็นเคล็ดลับหน้าเด็กง่าย ๆ ที่สาว ๆ สามารถทำเองได้ทุกวันและทุกเวลา เพียงแค่ออกเสียงหรืออ้าปากในท่า อะ อิ อุ เอะ โอะ ค้างไว้ท่าละ 5 วินาที ทำทุกวันจะช่วยยกกระชับแก้มย้อย หน้าเหี่ยวให้ดูเด้งเต่งตึงแน่นอนจ้า

7. ทำทรีทเม้นท์หรือเลเซอร์ยกกระชับผิวหน้า ได้แก่ ทำ AHA, IPL, Thermage, Nd:YAG, Fine Scan และ RF ซึ่งมีคุณสมบัติในการกระตุ้นให้ผิวหน้าเกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ปรับสภาพผิวให้ผิวดูเต่งตึงกระชับขึ้นได้อย่างชัดเจน

8.  เลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผิวเกิดริ้วรอย สำหรับสาว ๆ คนไหนที่รู้ตัวชอบสะสมความเครียด นอนน้อย ดื่มกาแฟและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าน้ำเปล่า ควรเปลี่ยนหรือเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านั้นโดยเด็ดขาด เพราะนี่แหละคือตัวการที่ทำให้ผิวเหี่ยวย่นทำให้คุณดูแก่กว่าอายุจริง นอกจากนี้สาว ๆ ยังไม่ควรขยี้ตา ล้างเครื่องสำอาง หรือเช็ดถูหน้าแรง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดรอยย่นหย่อนยานเพิ่มมากขึ้น

ทราบวิธีดูแล รวมถึงทางแก้ผิวเหี่ยวย่นและริ้วรอยกันไปแล้ว คงต้องบอกว่าสาว ๆ จะละเลยผิวหน้าไม่ได้อีกต่อไป เพราะเมื่อริ้วรอยมาเยือนแล้วกว่าจะปรับเปลี่ยนหรือฟื้นฟูให้ดีขึ้น นับว่าต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก ยังไงกันไว้ก่อนเสียแต่ตอนนี้ อาจดีกว่าต้องมานั่งแก้กันทีหลังนะคะ ^^

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://women.kapook.com/view85253.html

วิธีถนอมสายตา ‘จ้องคอม-แท็บเล็ต-สมาร์ทโฟน’

ทุกวันนี้เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายสามารถแทรกซึมเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตประจำวันอย่างกลมกลืนและมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนสังคมในปัจจุบัน ด้วยความสามารถที่รวมการใช้งานหลายประเภทเข้ามารวมไว้ในอุปกรณ์เพียงชิ้นเดียว จึงไม่ยากที่สมาร์ทโฟนและเเท็บเล็ตจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของใครหลายคนไปแล้ว ภาพที่ใครต่อใครง่วนกับหน้าจอโทรศัพท์มือถือหรือหน้าจอแท็บเล็ตดูจะเป็นภาพที่คุ้นชินในสังคมยุคใหม่ ซึ่งอาจเรียกได้ว่ายุค ‘Gen S’ หรือ ‘Generation of Screen’

56330

ด้วยความต้องการขนาดพกพาที่เหมาะสม หน้าจอแสดงผลจึงมีขนาดไม่ใหญ่นัก   ซึ่งทำให้ฟังก์ชั่นการใช้งานบางอย่าง เช่น อ่านหนังสือออนไลน์ การพิมพ์เอกสาร หรือพิมพ์ตอบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไม่ค่อยสะดวกนัก นอกเหนือจากหน้าจอที่มีขนาดเล็กแล้ว ระยะเวลาการใช้งานอย่างต่อเนื่องก็ดูจะสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้งานไม่น้อย การก้มคอนานๆ  การใช้ข้อนิ้วมือจิ้มแป้นพิมพ์ รวมไปถึงการจ้องมองหน้าจอขนาดเล็กนานเป็นชั่วโมง ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ได้ เช่น อาการตาแห้ง แสบตา ปวดเมื่อยสายตา ตาพร่า ตาล้า หรือใช้สายตาได้ไม่ทน รวมไปถึงมีอาการปวดรอบกระบอกตา ปวดขมับ ปวดคอ และปวดศีรษะได้ จึงขอแนะนำวิธีการใช้สายตาอย่างเหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องดูหน้าจอเป็นเวลานานๆ ดังนี้

1. ควรจะอยู่ในท่าทางที่เหมาะสมในการอ่าน และแนะนำให้เปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ เพื่อไม่ให้ก้มคออยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไป

2. พักสายตาเป็นระยะทุกครึ่งชั่วโมง ด้วยการทอดสายตาไปไกลๆ มองสิ่งของที่ห่างไปไม่น้อยกว่า 20 ฟุตหรือหลับตานิ่งๆ ประมาณห้านาที ก่อนกลับมาใช้งานหน้าจอต่อ

3. ไม่ฝืนอ่านตัวอักษรที่มีขนาดเล็กเกินไป ซึ่งทำให้ต้องเพ่ง ควรปรับขนาดตัวอักษรให้อ่านง่าย สบายตา

4. หลีกเลี่ยงการใช้งานหน้าจอในขณะอยู่บนยานพาหนะที่มีการสั่นสะเทือนซึ่งจะทำให้ภาพหรือตัวอักษรสั่นไปด้วย

5. ปรับความสว่างของหน้าจอให้สบายตา ไม่สว่างจ้าเกินไป

6. ผู้ที่มีปัญหาสายตาผิดปกติ ควรมีแว่นสำหรับอ่านหนังสือที่เข้ากับค่าสายตาและเหมาะสมกับระยะ ในการมองหน้าจอ

7. ควรหาตำแหน่งในห้องหรือสถานที่ที่เรากำลังใช้งานหน้าจอ ให้แสงตกกระทบเฉียงๆ กับหน้าจอ เพื่อลดแสงสะท้อนรบกวน

8. อย่าใช้งานหน้าจอติดต่อกันนานเกินไปในแต่ละวัน ควรสังเกตว่าการใช้งานหน้าจอนานเท่าใด ที่ทำให้รู้สึกตาล้า และมีตาพร่า

9. กะพริบตาบ่อยๆ เพื่อลดอาการตาแห้ง และหลีกเลี่ยงการใช้สายตานานๆ ในที่ที่มีอากาศแห้ง หรือลมพัดเข้าสู่ดวงตา

10. ผู้ที่ทราบอยู่แล้วว่าตาแห้งหรือผู้ที่ใส่คอนแท็กเลนส์ควรใช้น้ำตาเทียมหยอดตา เมื่อต้องใช้งานหน้าจอ สมาร์ทโฟนหรือเเท็บเล็ตเป็นเวลานานๆ จะช่วยลดปัญหาตาแห้งได้

แม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าการใช้งานหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือเเท็บเล็ตทำให้เกิดโรคตาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นต้อกระจก ต้อหิน หรือจอประสาทตาเสื่อม แต่ในอนาคตหากเราติดตามและเฝ้าระวังการเกิดโรคเป็นระยะเวลานานหลายๆ ปี อาจพบข้อมูลว่าการใช้งานหน้าจออุปกรณ์ดิจิตอลเหล่านี้ทำให้เกิดโรคตาก็เป็นได้ ดังนั้นการใช้งานหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือเเท็บเล็ตอย่างเหมาะสมดูจะเป็นแนว ทางที่ช่วยให้เราใช้เทคโนโลยีอย่างรู้เท่าทัน ไม่เพียงแต่เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคทางตาที่ยังไม่ทราบข้อมูลแน่ชัดในขณะนี้ แต่ยังช่วยถนอมรักษาสายตาของเราไว้ใช้ได้นานๆ อีกด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.thairath.co.th/content/384355

คนสุขภาพจิตดีเป็นอย่างไร อย่างไรคือคนปกติ ?

หลายๆ ครั้งเวลาที่เราพูดถึงสุขภาพจิตเรามักรู้สึกเหมือนกับว่าเรารู้ว่าสุขภาพจิตดีเป็นอย่างไรหรือสุขภาพจิตไม่ดีเป็นอย่างไร แต่บางครั้งเมื่อเราต้องตอบคำถามว่าสุขภาพจิตที่ดีหรือคนปกติที่มีสุขภาพจิตดีเป็นอย่างไรเรามักจะตอบไม่ถูก จริงๆแล้วคำถามนี้ก็เป็นสิ่งที่ตอบไม่ง่ายนักและก็มีคนช่วยเราคิดกันมาก่อนหน้านี้มากมายโดยพอสรุปแนวความคิดได้ดังนี้

อารมณ์ดี

1. คนปกติก็คือคนที่มีอะไรๆอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย มีความรู้สึกนึกคิดและทำอะไรๆได้เหมือนคนทั่วๆไปในสังคมนั้น แนวคิดแบบนี้ก็ง่ายดี แต่ในบางสังคมที่มีคนสุขภาพจิตไม่ดีหรือมีคนที่มีพฤติกรรมที่เป็นปัญหาอยู่มากๆ เช่น สังคมที่ชอบใช้ความรุนแรง สังคมที่ใช้การฆ่าตัวตายเป็นทางแก้ปัญหา หรือสังคมที่มีการดื่มเหล้ามากๆ เราก็จะถือว่านั่นเป็นสิ่งปกติเพราะคนส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้น

2. คนที่มีสุขภาพจิตดีคือคนที่ไม่ป่วย ไม่มีโรคทางจิตเวช แนวคิดแบบนี้ถือว่าถ้าคนๆนั้นไม่มีอาการหรือพฤติกรรมที่แสดงถึงโรคทางจิตเวชก็ให้นับว่าเป็นคนปกติที่มีสุขภาพจิตดี แต่ในความจริงสุขภาพจิตดีควรเป็นอะไรที่มากกว่าการไม่ป่วย คนสุขภาพจิตดีนั้นนอกจากจะต้องไม่ป่วยแล้วต้องสามารถมีความรู้สึกเป็นสุข สามารถทำอะไรๆได้เต็มที่ตามศักยภาพของตนทั้งทางร่างกาย สติปัญญา และอารมณ์ความรู้สึก คนที่หัวดี เรียนเก่ง ไม่ป่วย แต่อยู่กับใครหรือทำงานกับใครก็มีปัญหาไปหมดไม่ถือว่าเป็นคนที่มีสุขภาพจิตดี

3. สุขภาพจิตที่ดีและที่ไม่ดีเป็นสิ่งเดียวกันแต่ต่างกันในเชิงปริมาณหรือความรุนแรงเท่านั้น ในคนปกติบางครั้งก็มีอาการของโรคทางจิตเวชได้ เช่น บางครั้งเราล็อคประตูก่อนออกจากบ้านตามปกติแล้วแต่ในใจก็ยังเกิดความไม่แน่ใจจนอดไม่ได้ที่จะกลับมาตรวจดูใหม่ว่าล็อคประตูแล้วแน่นะ ซึ่งเป็นอาการย้ำคิดย้ำทำ แต่ถ้าอาการนั้นเป็นไม่รุนแรงและเกิดไม่บ่อยจนเกิดปัญหาเราก็ยังถือว่าเป็นพฤติกรรมปกติอยู่

4. คนปกติที่มีสุขภาพจิตดีคือคนที่ปรับตัวได้ คนที่ปรับตัวได้ดีไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนที่สร้างสรรค์ มีประโยชน์ต่อสังคม หรือเป็นคนดี คนที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมและสิ่งแวดล้อมได้ สามารถอยู่ได้ สามารถหาความสุขใส่ตัวและหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆได้ถือว่าเป็นคนที่มีสุขภาพ จิตดีตามแนวคิดนี้ สังคมที่ดีต้องการมากกว่าการมีคนที่ปรับตัวได้มาอยู่รวมๆกัน

5. คนที่มีสุขภาพจิตดีต้องมีความสามารถที่จะจัดการกับสิ่งแวดล้อมได้ แนวคิดนี้คิดว่าคนที่มีสุขภาพจิตดีควรจะมีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงสังคม และสิ่งแวดล้อมได้ด้วย ไม่ใช่เพียงแค่สามารถปรับตัวอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ได้ เช่น ถ้าเพื่อนที่โรงเรียนชอบแกล้ง คนที่มีสุขภาพจิตดีตามแนวคิดที่ 4 ก็จะทนเอา คอยระวังตัวอย่าให้เขาแกล้งได้ แต่คนที่มีสุขภาพจิตดีตามแนวคิด (ที่ 5) นี้ควรจะสามารถหาวิธีจัดการให้เขาเลิกแกล้งหรือไม่มาแกล้งได้

6. คนที่มีสุขภาพจิตดีคือคนที่มีจิตใจที่เข้มแข็ง (good ego strength) คนที่มีจิตใจที่เข้มแข็งจะสามารถทนความเครียดได้มากและจะสามารถจัดการกับสิ่งแวดล้อมได้ดีกว่าคนที่มีจิตใจที่ไม่เข้มแข็ง คนที่มีจิตใจที่ไม่เข้มแข็งนั้นถึงแม้ว่าจะยังไม่ป่วย ถึงแม้ว่าจะยังปรับตัวได้ดีอยู่ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาทางสุขภาพจิตมากกว่าคนที่มีจิตใจที่เข้มแข็ง

คนปกติที่มีสุขภาพจิตดีคือคนที่ไม่มีโรคทางจิตเวช มักมีความรู้สึกเป็นสุข สามารถทำอะไรๆได้อย่างเต็มศักยภาพของตนเอง มีความสามารถที่จะจัดการกับสิ่งแวดล้อม และมีจิตใจที่เข้มแข็ง

ชีวิตของคนที่มีสุขภาพจิตดีไม่จำเป็นจะต้องประสบแต่ความสุขสมหวังไปเสียหมดเพราะชีวิตของคนเราคงจะยากที่จะราบรื่นไปเสียทุกอย่าง ในขณะที่ชีวิตมีปัญหาคนที่มีสุขภาพจิตดีก็เกิดความเครียดได้และอาจมีอาการบางอย่างของโรคทางจิตเวชได้ เช่น อาการย้ำคิดย้ำทำ อาการวิตกกังวลหรือซึมเศร้า ในขณะที่ชีวิตมีปัญหาคนที่มีสุขภาพจิตดีจะหาทางจัดการกับปัญหาโดยใช้ทั้งเหตุผลและความรู้สึก บางครั้งก็แก้ปัญหาได้บางครั้งก็แก้ไม่ได้ แต่ไม่ว่าผลที่ได้จะเป็นอย่างไรโดยรวมแล้วคนที่มีสุขภาพจิตดีจะมีความรู้สึกที่ดีและรู้สึกเป็นสุขมากกว่าเป็นทุกข์

ที่มา…แพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

http://variety.teenee.com/foodforbrain/60727.html

โปรแกรมต่อต้านไวรัสคอมพิวเตอร์

worm diagram
worm diagram

http://www.microsoft.com/thailand/security/Safety.aspx?GroupID=2&No=2

โปรแกรมต่อต้านไวรัส ฆ่าไวรัส หรือป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ คือโปรแกรมสามัญประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อป้องกันมัลแวร์ (Malware) หรือโปรแกรมที่ไม่พึงประสงค์ (Malicious Software) ที่ถูกนักคอมพิวเตอร์บางกลุ่มสร้างขึ้น เพื่อเปลี่ยนแปลง ทำลายข้อมูล หรือก่อกวนการทำงาน ซึ่งมีหลายประเภท อาทิ ไวรัส เวิร์ม ม้าโทรจัน สปายแวร์ แอดแวร์ หรือสแปม แต่มีนักคอมพิวเตอร์อีกกลุ่มพัฒนาโปรแกรมขึ้นมา เพื่อตรวจจับ ป้องกันการทำงานของโปรแกรมไม่พึงประสงค์ คอยทำหน้าที่เฝ้าระวัง ตรวจสอบว่ามีโปรแกรมเหล่านี้เข้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์หรือไม่ และดำเนินการอย่างเหมาะสมกับโปรแกรมแต่ละประเภท ในโปรแกรมต่อต้านไวรัสบางตัว เมื่อพบโปรแกรมต้องสงสัยจะนำไปเก็บไว้ในส่วนกักกัน (Quarantine) ไว้ก่อน ให้เจ้าของเครื่องได้พิจารณาก่อนดำเนินการลบออกไปจากเครื่องเป็นลำดับต่อไป

โปรแกรมต่อต้านไวรัสที่น่าเชื่อถือมักพัฒนาโดยบริษัทเอกชน และจัดทำเป็นชุดซอฟท์แวร์ที่มีความสามารถที่สมบูรณ์สำหรับจำหน่าย แยกประเภทตามลักษณะการใช้งานของผู้ใช้ทั้งประเภทบุคคล องค์กร หรือเครื่องบริการ แต่ถ้ายังไม่มีกำลังทรัพย์สามารถดาวน์โหลดรุ่นทดลองใช้ (Trail) ซึ่งคล้ายกับรุ่นสมบูรณ์แต่จำกัดเวลา หรือรุ่นฟรีที่ถูกจำกัดความสามารถ มาทดสอบใช้งานจนมั่นใจในสินค้า แล้วกลับไปซื้อรุ่นสมบูรณ์ในภายหลังได้ การเลือกโปรแกรมต่อต้านไวรัสขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ สามารถหาข้อมูลจากผลการจัดอันดับโปรแกรมฆ่าไวรัสฟรี หรือสอบถามเพื่อนร่วมงานที่มีประสบการณ์ก็อาจได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
การจัดอันดับโปรแกรมต่อต้านไวรัสมีเกณฑ์พิจารณาตามที่ผู้จัดอันดับกำหนดขึ้น อาทิ ความสามารถในการป้องกัน การค้นหา การซ่อมแซม การใช้งานง่าย ประสิทธิภาพ ครอบคลุมการตรวจจับโปรแกรมไม่พึงประสงค์อื่น อาทิ keylogger, bot, phishing, rootkits, email scan, quarantine, auto USB detect และมีจำนวนรายชื่อโปรแกรมไม่พึงประสงค์ที่ครอบคลุม สำหรับโปรแกรมที่ผู้เขียนแนะนำว่าใช้ได้ฟรี คือ Bitdefender, AVG, Avast และ Avira ที่มักติดอยู่ในผลการจัดอันดับอยู่เสมอ

“สายน้ำผึ้ง”เผยทริคผิวสวยรับซัมเมอร์ จน “กะรัต” ต้องอิจฉา

นาทีนี้หากจะพูดถึงนางร้ายแห่งปี คงไม่มีใครไม่รู้จัก จุ๋ย วรัทยา นิลคูหา หรือ “สายน้ำผึ้ง” แห่ง “สามีตีตรา” ที่เล่นเอาคนดูอินตามจนหมั่นไส้ทั่วบ้านทั่วเมือง วันนี้เดี๊ยนเลยขออาสามาสอบถามถึงเรื่องความสวย ความงามในซัมเมอร์นี้ซะเลยว่าสายน้ำผึ้งจะเตรียมจัวจี๊ดจ๊าดในซีซั่นนี้ขนาด ไหน

Cinda: กิจกรรมที่ชอบทำในวันหยุด

จุ๋ย: ส่วนตัวชอบไปสปาเพื่อนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และดูแลผิวไปในตัว

Cinda: สถานที่สายน้ำผึ้งขอแนะนำให้ไปดับร้อนในซัมเมอร์นี้

จุ๋ย: ต้องภาคตะวันออกเลยค่ะ เพราะมีทะเลเยอะ โดยเฉพาะเกาะกรูด ซึ่งธรรมชาติยังสมบูรณ์อยู่มาก ไปทีไรประทับใจทุกครั้ง

อุต๊ะ…แบบนี้จะแอบชวนคุณพิศุทธิ์ไปสวีสกันสองต่อสองหรือเปล่านร้า…

Cinda: แต่งตัวรับซัมเมอร์สไตล์สายน้ำผึ้ง

จุ๋ย: อากาศร้อนขนาดนี้ ต้องใส่เสื้อผ้าที่บางเบา เนื้อผ้านุ่ม ให้ความรู้สึกสบายเลยค่ะ

Cinda: Must Have ที่สายน้ำผึ้งขอบอกว่าต้องมีติดกระเป๋าเพื่อนความจี๊ดในซัมเมอร์นี้

จุ๋ย: สิ่งที่กันแดดได้ทั้งหมดเลยค่ะ ไม่ว่าครีมกันแดด หมวก แว่นตากันแดด ลิปมันกันแดด และสุดท้ายเลย คือ น้ำเปล่า ยิ่งหน้าร้อนยิ่งต้องติดเป็นประจำเลยนะคะ เพราะร่างกายของเราสูญเสียน้ำไปกับเหงื่อ แถมความร้อนจากแสงแดดก็พาความชุ่มชื่นไปจากผิวอีก ดังนั้นน้องดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ร่างกายของเรามีน้ำหล่อเลี้ยงความชุ่มชื่นให้ผิว แถมช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งสดใสด้วยค่ะ

ได้รู้ความลับความสวยของสายน้ำผึ้งแล้ว สาวๆ คนไหนที่สนใจก็ลองเอาไปใช้ดูนะจ้ะ ส่วนตัวเดี๊ยนขอบอกว่าทำตามแล้วได้ผลมากๆ คอนเฟิร์มได้จากหนุ่มๆ รอบตัวที่ชมว่าสวยขึ้นคร่า…

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://lifestyle.th.msn.com/beauty/%E2%80%9C%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E2%80%9D%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%8B%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%88%E0%B8%99-%E2%80%9C%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E2%80%9D-%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%89%E0%B8%B2

เป็นกำลังใจให้คุณกนกครับ

สัมภาษณ์ คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล
พิธีกรเล่าข่าว-ผู้บริหารเนชั่น โพสต์ยืนยันโดนตัดต่อภาพคลิปลามก

งานเข้าอีกแล้ว สำหรับพิธีกรข่าวชื่อดัง “กนก รัตน์วงศ์สกุล
หลังมีบุคคลปริศนาสร้างไอจีขึ้นมา โดยใช้ชื่อ LIEKANOK

โดยในไอจีดังกล่าวระบุข้อความว่า
ไอจีนี้ทำขึ้นมาเพื่อแฉพฤติกรรมเลว ๆ ของผู้ชายชั่ว ๆ ที่ชอบหลอกฟันผู้หญิง
ไม่เกี่ยวกับการเมืองสีไหน ไม่ชอบปู เกลียดเหลี่ยม
และจะกระชากหน้ากากผู้ชายชื่อกนก

ซึ่งบรรดาภาพทั้งหลายก็เป็นรูปโป้ซะส่วนใหญ่
ทั้งนี้ก็เกิดข้อสังสัยว่าในภาพทั้งหมด คล้ายกนก รัตน์วงศ์สกุล

http://www.youtube.com/watch?v=F-4RWqULl38
Cr.NewsPlus