วิธีแก้ปัญหาสารพัดเบื่อ/โดย ดร.แพง ชินพงศ์

“เบื่อ” เป็นสภาวะของอารมณ์ที่รู้สึกไม่พึงพอใจกับชีวิตความเป็นอยู่ของตนเองในขณะนั้น โดยอาจแสดงออกด้วยการซึมเศร้า นิ่งเฉย ขาดความสดชื่น ไม่มีความตื่นเต้น ไม่สนใจสิ่งรอบตัว ขาดแรงจูงใจและเป้าหมายในการกระทำสิ่งต่างๆ

เบื่อ
เบื่อ

ผู้เขียนเชื่อว่าผู้อ่านทุกคนต้องเคยตกอยู่ในสภาวะแห่งความเบื่อหน่ายกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเบื่องาน เบื่อแฟน เบื่อคนใกล้ตัวหรือแม้กระทั่งเบื่อตัวเอง

ผู้เขียนมีวิธีการแก้เบื่ออย่างง่ายๆ ที่มั่นใจว่าช่วยลดความเบื่อได้อย่างแน่นอน 100% ดังนี้

1.เบื่องาน เช่น รู้สึกไม่อยากทำงาน ขาดแรงจูงใจในการทำงาน รวมไปถึงเบื่อเพื่อนร่วมงาน เบื่อหัวหน้า เบื่อลูกนัอง เบื่อระบบงานต่างๆ ซึ่งทำให้ไม่อยากจะหยิบจะจับงานอะไรหรือพาลอยากจะลาออกจากงานไปเลยด้วยซ้ำ

วิธีแก้เบื่องาน
– คิดด้านบวกเกี่ยวกับการทำงาน คือ คิดเสียว่างานเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อชีวิตของเรา มีงานทำดีกว่าไม่มี เพราะถ้าไม่มีงานเราก็จะขาดรายได้ซึ่งทำให้เราไม่มีเงินสำหรับการใช้จ่ายในสิ่งจำเป็นหรือซื้อหาความสะดวกสบายให้ชีวิต

– คิดว่างานเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถของเรา เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่เราจะต้องเอาชนะและทำให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยความสามารถของเรา

– จัดแต่งโต๊ะทำงานใหม่ เช่น เอารูปภาพวิวสวย ๆ มาติด เอาแจกันใส่ดอกไม้สวย ๆ มาวางบนโต๊ะทำงาน ทำความสะอาดโต๊ะทำงานให้เรียบร้อยสะอาดสะอ้าน ซึ่งจะช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายหายเบื่อได้
– แก้ปัญหาเบื่อเพื่อนร่วมงาน อาจจะเกิดจากการที่เรามีเพื่อนร่วมงานที่มีทัศนคติไม่ตรงกัน หรือเจอเพื่อนร่วมงานที่ชอบเอาเปรียบ อิจฉาริษยา ชอบนินทาว่าร้าย ซึ่งทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่ายจนพาลอยากจะลาออกจากงาน วิธีแก้เบื่อเพื่อนร่วมงานอย่างง่ายที่สุดก็คือ พยายามหลีกเลี่ยงการอยู่กับคนที่ทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่าย ซึ่งถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็พยายามพูดหรือเกี่ยวข้องกับคนที่เราเบื่อให้น้อยที่สุด

2.เบื่อคนใกล้ตัว
เช่น เบื่อแฟน เบื่อสามี เบื่อภรรยา ซึ่งก็มักเกิดจากความไม่เข้าใจกัน มีปากเสียงทะเลาะกันบ่อยๆ รู้สึกว่าถูกคนใกล้ตัวเอาเปรียบอย่างใดอย่างหนึ่งเบื่อหน่ายนิสัยบางอย่างของเขา ถูกเขาทำให้เสียใจ ผิดหวังซ้ำซาก หรืออาจเกิดจากการที่ความพิศวาส หรือความพึงพอใจในตัวเขาลดลง ทำให้ขาดความตื่นเต้นในชีวิตคู่ สัญญาณในการบอกว่าเรารู้สึกเบื่อแฟนหรือเบื่อสามีภรรยา สังเกตได้ง่ายๆ คือ รู้สึกคิดถึงและห่วงใยน้อยลง เวลาอยู่ด้วยกันก็แทบไม่คุยกันหรือมีกิจกรรมร่วมกันน้อยมาก

วิธีแก้เบื่อคนใกล้ตัว
– หันหน้าเข้าหากันเพื่อปรับความเข้าใจ รวมทั้งพูดตรงๆ ถึงความรู้สึกของกันและกันว่าเรารู้สึกไม่พอใจกันตรงไหนบ้าง เพื่อหาวิธีแก้ไขและปรับเปลี่ยน เพื่อที่จะมีความเข้าใจกันมากขึ้นและเมื่อได้ร่วมกันปรับเปลี่ยนแล้ว ความรู้สึกจะดีขึ้นและทำให้หายเบื่อหน่ายซึ่งกันและกันได้

– ท่องเที่ยวร่วมกัน การที่แฟนหรือสามีภรรยา ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน ในการไปดูหนัง ฟังเพลง ช้อปปิ้ง เที่ยวต่างจังหวัด ไปเที่ยวต่างประเทศ เหมือนเป็นการไปฮันนีมูน ไปดูสิ่งที่สวยงามแปลกใหม่ เป็นโอกาสให้ได้ใช้เวลาที่ดีร่วมกัน ซึ่งนอกจากช่วยสานสัมพันธ์ที่ดีแล้ว ยังช่วยทำให้ความเบื่อหน่ายระหว่างกันลดลงด้วยเพราะความตื่นเต้นสนุกสนานจะทำให้อารมณ์ดีและมีความสุขขึ้นได้

3.เบื่อตัวเอง เกิดจากความรู้สึกเหงา คับข้องใจ ไม่ได้ตามที่ใจต้องการ หันไปทางไหนก็มีแต่สิ่งที่ซ้ำซากจำเจ หดหู่ ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้ถ้าเกิดกับใครขึ้นมา คนนั้นก็จะรู้สึกเบื่อหน่ายตัวเองจนขาดแรงบันดาลใจและความสุขในการดำเนินชีวิต

วิธีแก้เบื่อตัวเอง
– เปลี่ยนทรงผมและเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวของตัวเอง แค่นี้ก็ทำให้รู้สึกได้ว่าเราเป็นคนใหม่ได้

– ออกกำลังกาย ทำให้จิตใจแจ่มใสและอารมณ์ผ่อนคลาย ยิ่งถ้าคุณมีปัญหาในเรื่องน้ำหนักด้วยแล้วยิ่งดีใหญ่ ลองท้าทายตัวเองโดยการออกกำลังกายเพื่อให้เรามีรูปร่างที่ดีขึ้น แล้วชีวิตใหม่ๆ จะเกิดขึ้นแน่นอน

– เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น แต่งบ้านใหม่ ปรับเปลี่ยนมุมในบ้านให้แปลกตาไปกว่าเดิม จัดสวนใหม่ หาสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยง เช่น สุนัข แมว ปลา จะทำให้ชีวิตเราสดชื่นขึ้นและผ่อนคลายขึ้น

– ลองเปลี่ยนเส้นทางในการไปทำงานหรือกลับบ้านบ้าง จากเส้นทางเดิมๆที่รถติดน่าเบื่อหน่ายอาจสลับเปลี่ยนไปเดินทางที่ลัดบ้างอ้อมบ้างแต่รถไม่ติดมากและยังได้เห็นทิวทัศน์ที่แปลกตาไปจากเดิม

– ไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ที่ไม่เคยไป เพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ในชีวิต

– กินอะไรที่ไม่เคยกิน ไปร้านอาหารใหม่ๆ ที่ไม่เคยไปมาก่อน หรือลองคิดค้นหาเมนูอาหารใหม่ๆ ลองทำกินดู
– โซเชียลเน็ตเวิร์กช่วยได้ การคุยกับเพื่อน ๆ ออนไลน์ผ่านทาง facebook whatsapp line ช่วยทำให้เราหายเบื่อได้ แต่อย่าถึงเสพติดจนติดแหง่กไม่สนใจชีวิตด้านอื่นเลย

– สมัครเรียนคอร์สสั้นๆ ที่เราสนใจ เช่น เรียนทำขนม เรียนภาษา เรียนร้องเพลง เรียนโยคะ

– ไปเดินตลาดต้นไม้ หาต้นไม้มาปลูกที่บ้าน เพื่อสร้างความสดชื่น

– เขียนบันทึก หรือเขียนบล็อกของตัวเอง ระบายความในใจ

– ไปเยี่ยมคนชราหรือเด็กกำพร้าที่สถานสงเคราะห์ สมัครเป็นอาสาสมัครในการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม เช่น ไปอ่านหนังสือให้คนตาบอดฟัง ไปเก็บขยะที่ชายหาด เราจะได้รู้สึกว่าชีวิตเรามีค่าขึ้น

ความรู้สึก “เบื่อ” เป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วเราสามารถจัดการกับมันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ปรับสภาพแวดล้อม เปลี่ยนมุมมองความคิดของตัวเราเอง ด้วยการก้าวไปข้างหน้าเพื่อแสวงหาประสบการณ์แปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้เราสดชื่นและหายเบื่อได้ อย่าบ่อยให้ความเบื่อครอบงำเรานานเกินไป เพราะมันไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับชีวิตเรา มีแต่จะสร้างความเสียหายทั้งนั้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9560000048990


วิธีดูแลผิว..เพื่อลดการเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร

ผิวเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร โดยส่วนใหญ่เกิดจากการเสื่อมสภาพของอีลาสตินใต้ผิวหนัง อันเนื่องมาจากความเครียด ขาดการบำรุงผิวเป็นเวลานาน แสงแดด กรรมพันธุ์ และพฤติกรรมส่วนตัวอย่าง การกินอาหาร ล้างถูหน้าแรง ๆ ขมวดคิ้ว จนทำให้เซลล์ผิวหนังเสียความชุ่มชื่นและความยืดหยุ่นน้อยลง เกิดเป็นริ้วรอยตื้น ๆ ในบริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว หางตา ขมับ และร่องแก้มในที่สุด ดังนั้นสาว ๆ จึงควรหันมาดูแลผิวหน้าโดยเร็วที่สุด ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้….

ผิวสวย
ผิวสวย

1. เติมความชุ่มชื่นให้ผิวมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นการสร้างการทำงานและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวหนัง สาว ๆ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงให้เหมาะกับสภาพผิว รวมถึงควรเติมความชุ่มชื่นให้ผิวให้อยู่เสมอ แม้ว่าคุณจะมีผิวมันก็ตาม อาจเลือกใช้เป็นเดย์ครีมและไนท์ครีมที่สกัดมาจากสมุนไพรอย่าง ว่านหางจระเข้ กรดผลไม้ น้ำมันสกัด เพื่อช่วยเติมวิตามินให้ผิวสวยใสดูดีอยู่เสมอ

2. เสริมการบำรุงด้วยวิตามินแบบจัดเต็ม ด้วยการเลือกใช้สารแอนตี้ออกซิแดนซ์ที่มีส่วนช่วยลดและต้านอนุมูลอิสระในผิวอย่าง วิตามินอี วิตามินซี วิตามินเอ คอลลาเจน และโคเอนไซน์คิว อาจเป็นมอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวหน้าหรือมาส์กหน้า เพื่อช่วยปรับสภาพผิวหน้าให้ดูสดชื่นเปล่งปลั่ง

3. ครีมกันแดด ห้ามขาด ! เพราะอากาศและแสงแดดในบ้านเรานับว่า ร้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้นเพื่อไม่ให้ผิวหน้าโดนรังสียูวีทำร้ายผิวให้เหี่ยวย่นเกิดริ้วรอยและความหมองคล้ำ สาว ๆ ควรปกป้องก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง (แม้ว่าจะไม่มีแดดก็ตาม) โดยการเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไปทาบาง ๆ ให้ทั่วหน้าและลำคอ จากนั้นจึงแต่งหน้าหรือทาแป้งตามปกติ

4. เลือกใช้เครื่องสำอางที่ผสมสารบำรุงสำหรับผิวที่มีริ้วรอย จำเป็นอย่างยิ่งกับสาว ๆ ที่ต้องแต่งหน้าเจอเครื่องสำอางหลากสีหลากชนิดทุกวัน ทางที่ดีสาว ๆ จึงควรแต่งหน้าควบคู่ไปกับการบำรุงผิวที่มีริ้วรอย โดยการเลือกซื้อเครื่องสำอางประเภทรองพื้น ไพรเมอร์ เบส และแป้งที่มีสารบำรุงซึ่งช่วยต่อต้านการเกิดริ้วรอย และเติมเต็มร่องลึกร่องรอยต่าง ๆ บนผิวให้ดูตื้นและเนียนสนิทมั่นใจ

5. รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินแก่ผิวพรรณ และออกกำลังกาย หลังจากดูแลผิวภายนอกกันไปเยอะแล้ว คราวนี้เรามาดูแลผิวสวยตึงกระชับจากภายในกันบ้าง ด้วยการเลือกรับประทานผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี รวมถึงอาหารจำพวกนมและธัญพืชเพิ่มมากขึ้นในแต่ละวันอีกด้วย นอกจากนี้ยังควรออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดในร่างกาย รวมถึงนอนพักผ่อนให้เพียงพออีกด้วยค่ะ

6. Face yoga มาทำโยคะบริหารผิวหน้ากันเถอะ ! นับเป็นเคล็ดลับหน้าเด็กง่าย ๆ ที่สาว ๆ สามารถทำเองได้ทุกวันและทุกเวลา เพียงแค่ออกเสียงหรืออ้าปากในท่า อะ อิ อุ เอะ โอะ ค้างไว้ท่าละ 5 วินาที ทำทุกวันจะช่วยยกกระชับแก้มย้อย หน้าเหี่ยวให้ดูเด้งเต่งตึงแน่นอนจ้า

7. ทำทรีทเม้นท์หรือเลเซอร์ยกกระชับผิวหน้า ได้แก่ ทำ AHA, IPL, Thermage, Nd:YAG, Fine Scan และ RF ซึ่งมีคุณสมบัติในการกระตุ้นให้ผิวหน้าเกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ปรับสภาพผิวให้ผิวดูเต่งตึงกระชับขึ้นได้อย่างชัดเจน

8.  เลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผิวเกิดริ้วรอย สำหรับสาว ๆ คนไหนที่รู้ตัวชอบสะสมความเครียด นอนน้อย ดื่มกาแฟและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าน้ำเปล่า ควรเปลี่ยนหรือเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านั้นโดยเด็ดขาด เพราะนี่แหละคือตัวการที่ทำให้ผิวเหี่ยวย่นทำให้คุณดูแก่กว่าอายุจริง นอกจากนี้สาว ๆ ยังไม่ควรขยี้ตา ล้างเครื่องสำอาง หรือเช็ดถูหน้าแรง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดรอยย่นหย่อนยานเพิ่มมากขึ้น

ทราบวิธีดูแล รวมถึงทางแก้ผิวเหี่ยวย่นและริ้วรอยกันไปแล้ว คงต้องบอกว่าสาว ๆ จะละเลยผิวหน้าไม่ได้อีกต่อไป เพราะเมื่อริ้วรอยมาเยือนแล้วกว่าจะปรับเปลี่ยนหรือฟื้นฟูให้ดีขึ้น นับว่าต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก ยังไงกันไว้ก่อนเสียแต่ตอนนี้ อาจดีกว่าต้องมานั่งแก้กันทีหลังนะคะ ^^

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://women.kapook.com/view85253.html

วิธีถนอมสายตา ‘จ้องคอม-แท็บเล็ต-สมาร์ทโฟน’

ทุกวันนี้เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายสามารถแทรกซึมเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตประจำวันอย่างกลมกลืนและมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนสังคมในปัจจุบัน ด้วยความสามารถที่รวมการใช้งานหลายประเภทเข้ามารวมไว้ในอุปกรณ์เพียงชิ้นเดียว จึงไม่ยากที่สมาร์ทโฟนและเเท็บเล็ตจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของใครหลายคนไปแล้ว ภาพที่ใครต่อใครง่วนกับหน้าจอโทรศัพท์มือถือหรือหน้าจอแท็บเล็ตดูจะเป็นภาพที่คุ้นชินในสังคมยุคใหม่ ซึ่งอาจเรียกได้ว่ายุค ‘Gen S’ หรือ ‘Generation of Screen’

56330

ด้วยความต้องการขนาดพกพาที่เหมาะสม หน้าจอแสดงผลจึงมีขนาดไม่ใหญ่นัก   ซึ่งทำให้ฟังก์ชั่นการใช้งานบางอย่าง เช่น อ่านหนังสือออนไลน์ การพิมพ์เอกสาร หรือพิมพ์ตอบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไม่ค่อยสะดวกนัก นอกเหนือจากหน้าจอที่มีขนาดเล็กแล้ว ระยะเวลาการใช้งานอย่างต่อเนื่องก็ดูจะสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้งานไม่น้อย การก้มคอนานๆ  การใช้ข้อนิ้วมือจิ้มแป้นพิมพ์ รวมไปถึงการจ้องมองหน้าจอขนาดเล็กนานเป็นชั่วโมง ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ได้ เช่น อาการตาแห้ง แสบตา ปวดเมื่อยสายตา ตาพร่า ตาล้า หรือใช้สายตาได้ไม่ทน รวมไปถึงมีอาการปวดรอบกระบอกตา ปวดขมับ ปวดคอ และปวดศีรษะได้ จึงขอแนะนำวิธีการใช้สายตาอย่างเหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องดูหน้าจอเป็นเวลานานๆ ดังนี้

1. ควรจะอยู่ในท่าทางที่เหมาะสมในการอ่าน และแนะนำให้เปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ เพื่อไม่ให้ก้มคออยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไป

2. พักสายตาเป็นระยะทุกครึ่งชั่วโมง ด้วยการทอดสายตาไปไกลๆ มองสิ่งของที่ห่างไปไม่น้อยกว่า 20 ฟุตหรือหลับตานิ่งๆ ประมาณห้านาที ก่อนกลับมาใช้งานหน้าจอต่อ

3. ไม่ฝืนอ่านตัวอักษรที่มีขนาดเล็กเกินไป ซึ่งทำให้ต้องเพ่ง ควรปรับขนาดตัวอักษรให้อ่านง่าย สบายตา

4. หลีกเลี่ยงการใช้งานหน้าจอในขณะอยู่บนยานพาหนะที่มีการสั่นสะเทือนซึ่งจะทำให้ภาพหรือตัวอักษรสั่นไปด้วย

5. ปรับความสว่างของหน้าจอให้สบายตา ไม่สว่างจ้าเกินไป

6. ผู้ที่มีปัญหาสายตาผิดปกติ ควรมีแว่นสำหรับอ่านหนังสือที่เข้ากับค่าสายตาและเหมาะสมกับระยะ ในการมองหน้าจอ

7. ควรหาตำแหน่งในห้องหรือสถานที่ที่เรากำลังใช้งานหน้าจอ ให้แสงตกกระทบเฉียงๆ กับหน้าจอ เพื่อลดแสงสะท้อนรบกวน

8. อย่าใช้งานหน้าจอติดต่อกันนานเกินไปในแต่ละวัน ควรสังเกตว่าการใช้งานหน้าจอนานเท่าใด ที่ทำให้รู้สึกตาล้า และมีตาพร่า

9. กะพริบตาบ่อยๆ เพื่อลดอาการตาแห้ง และหลีกเลี่ยงการใช้สายตานานๆ ในที่ที่มีอากาศแห้ง หรือลมพัดเข้าสู่ดวงตา

10. ผู้ที่ทราบอยู่แล้วว่าตาแห้งหรือผู้ที่ใส่คอนแท็กเลนส์ควรใช้น้ำตาเทียมหยอดตา เมื่อต้องใช้งานหน้าจอ สมาร์ทโฟนหรือเเท็บเล็ตเป็นเวลานานๆ จะช่วยลดปัญหาตาแห้งได้

แม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าการใช้งานหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือเเท็บเล็ตทำให้เกิดโรคตาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นต้อกระจก ต้อหิน หรือจอประสาทตาเสื่อม แต่ในอนาคตหากเราติดตามและเฝ้าระวังการเกิดโรคเป็นระยะเวลานานหลายๆ ปี อาจพบข้อมูลว่าการใช้งานหน้าจออุปกรณ์ดิจิตอลเหล่านี้ทำให้เกิดโรคตาก็เป็นได้ ดังนั้นการใช้งานหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือเเท็บเล็ตอย่างเหมาะสมดูจะเป็นแนว ทางที่ช่วยให้เราใช้เทคโนโลยีอย่างรู้เท่าทัน ไม่เพียงแต่เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคทางตาที่ยังไม่ทราบข้อมูลแน่ชัดในขณะนี้ แต่ยังช่วยถนอมรักษาสายตาของเราไว้ใช้ได้นานๆ อีกด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.thairath.co.th/content/384355