thaiall logomy background บุคลากร และองค์การ
my town
บุคลากร และองค์การ

บุคลากร และองค์การ

ทรัพยากรบุคคล คือ ต้นทุนที่สำคัญ เป็นกลไกคอยขับเคลื่อนระบบในองค์กรให้ดำเนินไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย
2. บุคลากรและองค์การ
วัตถุประสงค์
- เพื่อให้เข้าใจความต้องการของบุคคล
- เพื่อให้เข้าใจแบบขององค์การ
ประเด็นที่น่าสนใจ
ความเชื่อกับความจริง
playlist 49 clips : MIS 2555
playlist เฉลย office 150 ข้อ
term.csv
บทความ : บริหารธุรกิจ
Human Resource
ทรัพยากรบุคคล คือ ต้นทุนที่สำคัญ เป็นกลไกคอยขับเคลื่อนระบบในองค์กรให้ดำเนินไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
ทุกองค์การต้องมีทรัพยากรบุคคล และการจัดผังองค์การอย่างเป็นระบบ เพื่อที่จะได้ปฏิบัติการตามภารกิจทั้งที่ดำเนินอยู่ พัฒนาผลิตภัณฑ์ สร้างนวัตกรรมขึ้นใหม่ ตามบทบาททั้งระดับผู้บริหาร ผู้จัดการ ผู้ควบคุม หรือผู้ปฏิบัติที่ได้รับมอบหมาย การวางแผนกำลังคน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้องค์การได้รับการขับเคลื่อนผ่านกลไกที่ทรงพลังนี้
โครงสร้างทางสังคม
าพขององค์กรจะดูเล็กไปเลย เมื่อเทียบขนาดกับสังคม นักวิชาการนิยาม โครงสร้างทางสังคม ประกอบด้วย 3 ส่วน
1. กลุ่มคน (Group)
2. สถาบันทางสังคม (Social Institution)
3. การจัดระเบียบทางสังคม (Social Organization)
หากสังคมไม่มีสถาบัน ไม่มีกฎระเบียบก็จะวุ่นวาย
ที่ประเทศจีน จิ๋นซีฮ่องเต้ เป็นผู้ผนวกดินแดนจีนสำเร็จในปีที่ 221 ก่อนคริสตกาล ทำให้สงครามระหว่างเมืองยุติ ทำให้เกิดสังคมเดียว สถาบันเดียว และกฎระเบียบเดียว แต่บ้านเมืองจะวุ่นวาย และเข่นฆ่ากันเอง หากมีกฎระเบียบที่ตกลงกันไม่ได้ มีสถาบันที่ขัดแย้งกัน มีกลุ่มคนที่จ้องแต่จะแยกกลุ่ม มีคนต้องการเป็นผู้นำหลายคน มีตัวอย่างในภาพยนตร์เรื่อง Hero 2004 ที่พระเอกเข้าใจเรื่องนี้
ความต้องการของมนุษย์ตามแนวความคิดของมาสโลว์ # - ความต้องการพื้นฐาน (Basic Needs : Survival)
- ความต้องการความปลอดภัย (Safety Needs : Comfort)
- ความต้องการความรัก และการยอมรับ (Psychological Needs)
- ความต้องการถูกยกย่อง (Self-Actualization)
- ความต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต (Peak Experiences)
ปัจจัยด้านจิตวิทยาที่ส่งผลต่อระบบสารสนเทศ - ความเชื่อ (Believe) และความจริง (Truth)
- การเรียนรู้ (Learning)
- ทัศนคติ (Attitude)
- วัฒนธรรมองค์การ (Culture)
- การจูงใจ (Motivation)
- ทฤษฎี X และ ทฤษฎี Y
- ความเสี่ยง (Risk)
- การเปลี่ยนแปลง (Change)
ประเด็นเกี่ยวกับองค์การ - โครงสร้างขององค์การ
- ขนาดขององค์การ
- การรวมอำนาจ และการกระจายอำนาจ
- การหวังผลกำไร และการไม่หวังผลกำไร
- ภาครัฐ และภาคเอกชน
- งานในองค์การ
- สายงาน สายสนับสนุน หรือสายที่ปรึกษา
- ส่วนประสมผลิตภัณฑ์ และสายผลิตภัณฑ์
- กลยุทธ์ในการขยายตัว และการรวมตัวของระบบ
โครงสร้างองค์การด้าน MIS - ศูนย์สารสนเทศ (Information Center)
- ระบบฐานข้อมูล (Database System)
- ระบบเครือข่าย (Network System)
- สำนักงานอัตโนมัติ (Office Automation)
- การพัฒนาระบบ (System Development)
- การโปรแกรม (Programming)
- การปฎิบัติการ (Operation)
แบบขององค์การ 1. แนวตั้ง (Vertical Function Stovepipes)
2. แนวนอน (Horizontal Process Tunnels)
3. เมทริกซ์ (Matrix)
4. สหรัฐ (Federated)
5. เฉพาะกิจ (Adhocracy)
แนวทางรักษาบุคลากรไว้กับองค์การ
1. ค่าชดเชย (Compensation) เช่น ทำงานนอกเวลา (OT ไม่ใช่ Oh Free)
2. ผลประโยชน์ (Benefit) เช่น รักษาพยาบาลฟรี
3. ฝึกอบรม (Training) เช่น ให้ไปอบรมการทำหลักสูตรตามเกณฑ์ใหม่
4. สภาพการทำงาน (Work Environment) เช่น สร้างที่จอดรถในร่มฟรี
5. เติมไฟ (Eliminate Burnout Through Staffing/Time Off) เช่น ให้ไปพักร้อน
6. ประเมินผล (Poll Employees) เช่น ทำดีได้ดี
7. ตำแหน่งเหมาะกับคุณสมบัติ (Hire Appropriate Profile) เช่น ให้ทำงานที่ชอบ
8. ช่องทางอาชีพ (Open Career Paths) เช่น เส้นทางเลื่อนขั้น
ประเทศไทยมี กฎหมายคุ้มแรงงาน นายจ้างหักเงิน เพราะมาสายไม่ได้ มีปัญหาก็ไปฟ้องศาลได้เลย ถ้าหักเงินจะผิดกฎหมายแรงงาน ถ้าอยากให้บุคลากรอยู่ด้วยนาน ๆ มาสายก็ต้องไม่หักเงินเดือน ให้เอาน้ำเย็นเข้าลูบ kapook.com/view/138501 แต่นายจ้างมีกฎ No Work = No Pay ดังนั้น แชทในเวลา ไล่ออก ไม่จ่ายจดเชย มีมาแล้ว thairath.co.th/content/479592
สภาพองค์กรในปัจจุบัน 1. เพิ่มการเป็นโลกาภิวัฒน์
2. เพิ่มความกดดันในการแข่งขัน
3. ควบรวมธุรกิจมีอยู่เสมอ
4. การเปลี่ยนเทคโนโลยีเกิดอย่างรวดเร็ว
5. มีวิวัฒนาการในรูปแบบของผู้บริโภค
หน้าที่
หน้าที่พลเรือน
#ไม่ทำตามหน้าที่
#คิดตามเรื่อง
สพฐ. ขานรับนโยบาย คสช. ขยายผลการสร้างค่านิยมของคนไทย 12 ประการ บรรจุในหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาหน้าที่พลเมือง (Civic duty) และวิชาประวัติศาสตร์ (History)
+ Twelve Core Values for Thais
+ 2558 สะเทือนตา'ขยะนับแสนชิ้น' เกลื่อนงาน'บั้งไฟพญานาค' | เดลินิวส์
+ 2558 พ้นหยุดยาว ทิ้งขยะกองโตไว้กับภูทับเบิก 3 วันแล้วรีสอร์ตยังเคลียร์ไม่หมด!
+ 2558 หนัง “อาบัติ” จรรโลงหรือจัญ (อะ) ไร
ตัวอย่างแบบ
ต.ย.แบบของ มหาวิทยาลัยโยนก 2552
ต.ย.แบบของ มหาวิทยาลัยโยนก 2553
ต.ย.แบบของ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2554
ต.ย.แบบของ มหาวิทยาลัยเนชั่น 2562
ต.ย.แบบกระจายหน้าที่
อ่านเพิ่มเติม
บริษัทขาดคุณได้ แต่ครอบครัวขาดคุณไม่ได้
"หากบริษัทขาดคุณไป เขาก็หาคนอื่นมาแทนคุณได้ แต่ถ้าครอบครัวขาดคุณไป จะหาใครมาแทนคุณไม่ได้เลย" ผมว่านะ .. เป็นจริงตามประโยคข้างต้นทุกคำ
แล้ว .. หัวหน้าก็เคยเตือนว่าอย่า pessimist มากนัก แต่ข่าวออกมาถี่ยิบเลย ระแวงไว้บ้างน่าจะดี
31 ต.ค.57 เห็นหัวข้อข่าวว่า "ยิงกรอกปากเพื่อนร่วมงาน สาหัส 2 แค้นชอบพูดดูถูกว่าทำงานไม่เก่ง" เหตุเกิดที่เชียงใหม่ ผู้ลั่นไกพูดประโยคหนึ่งว่า "มึงเก่งใช่มั้ย" ทำให้นึกขึ้นได้ว่า เวลาทำงานให้ระมัดระวังไว้บ้าง เพราะโบราณท่านว่า "จงทำดี แต่อย่าเด่น จะเป็นภัย ไม่มีใครเขาอยากเห็นเราเก่งเกิน" ความหวังดีของเราอาจกลายเป็นภัยร้ายก็ได้
ดังนั้นหากเห็นใครที่ อวดเก่ง อวดเบ่ง โชว์พาว เจ้าอารมณ์ เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น มือไม่พายเอาเท้าลาน้ำ เก่งแต่ปาก เก่งแต่จับผิด มโนอย่างเดียว ทำงานนอกเป็นนิจ เลียเจ้านาย อู้งาน หนีงาน เลี่ยงงาน ด่างาน เกลียดงาน เบื่องาน เบื่อเพื่อนร่วมงาน เบื่อหัวหน้า เบื่อลูกน้อง ลางานเป็นนิจ กั๊กความรู้ตนเอง แกล้งทำให้งานล้มเหลว ให้ร้ายองค์กร นินทาหัวหน้า นินทาลูกน้อง นินทาเพื่อนร่วมงาน นินทาคนที่บ้านในเวลางาน แพร่พรายความลับองค์กร ด่าองค์กรออกสื่อ ใช้เวลางานเล่นเกม เล่นเฟส ดูคลิ๊ป คุยกับกิ๊ก นักเลงคีย์บอร์ดในเวลางาน เลี้ยงหมู ทำฟาร์ม นอนหลับ ไม่ทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน เอาแพ้เอาชนะ ชอบมีอารมณ์มีความรู้สึกเหมือนละครหลังข่าว .. ถ้าเราไม่ใช่เจ้าของบริษัทก็ปล่อยวางซะบ้าง ทำในส่วนของเราให้ดีที่สุดเป็นเป้าหมาย เพราะคนเหล่านั้นอาจระงับโทษะต่อความหวังดีต่อองค์กรของคุณไม่ไหว ก็เป็นได้ เหมือนเหตุการณ์วันที่ 23 ม.ค.49 ปธ.สภายิงนายกเทศบาล กลางห้องประชุมเทศบาล เป็นเหตุการณ์เรื่องงานในเวลางานของเพื่อนร่วมงานเลยครับ
ลูกค้า กับลูกน้อง .. ก็มีอะไรเหมือน ๆ กัน กฎของลูกค้า
กฎข้อที่ 1 ลูกค้าถูกเสมอ
กฎข้อที่ 2 ถ้าลูกค้าผิด กรุณากลับไปดูกฎข้อที่ 1
http://www.bkkonline.com/gen-business/15-sep-43.shtml
กฎของลูกน้อง (ลูกศิษย์)
กฎข้อที่ 1 ลูกน้องถูกเสมอ
กฎข้อที่ 2 ถ้าลูกน้องผิด กรุณากลับไปดูกฎข้อที่ 1
อ้างอิงตามข่าว 1. ลูกน้องโรงงานเทียนไข ยิ่งหัวหน้างานหมดโม่ แค้นที่ดุด่า
อ้างอิงตามข่าว 2. ภารโรงยิง ผอ.โรงเรียน แค้นที่ดุด่า

เรื่องเล่าที่สนับสนุนว่า ทุกสรรพสิ่ง หรือทุกคนในโลกนี้มีค่าเสมอ เป็นเรื่องที่หัวหน้าเล่าให้ฟัง เรื่อง ถังน้ำ 2 ใบ .. ชายจีนคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่า เพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธาร ถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิ และสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกลจากลำธารกลับสู่บ้าน จึงทำให้น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลาสองปีเต็มที่คนตักน้ำสามารถตักน้ำ กลับมาบ้านได้หนึ่งถังครึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าถังน้ำใบที่ไม่มีตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจ ในผลงานเป็นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึกอับอายต่อความบกพร่องของตัวเอง มันรู้สึกโศกเศร้ากับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียวของจุดประสงค์ที่มันถูกสร้างขึ้นมา หลังจากเวลาสองปีที่ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่าเป็นความล้มเหลวอันขมขื่น วันหนึ่งที่ข้างลำธาร มันได้พูดกับคนตักน้ำว่า "ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเป็นเพราะรอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้าที่ทำให้น้ำที่อยู่ข้างใน ไหลออกมาตลอดเส้นทางที่กลับไปยังบ้านของท่าน" คนตักน้ำตอบว่า "เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบานอยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้า แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีกด้านหนึ่ง เพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่ ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้างทางเดินด้านของเจ้า และทุกวันที่เราเดินกลับ เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น เป็นเวลาสองปีที่ข้าสามารถที่จะเก็บดอกไม้สวย ๆ เหล่านั้น กลับมาแต่งโต๊ะกินข้าว ถ้าปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบนี้แล้ว เราก็คงไม่อาจได้รับความสวยงามแบบนี้ได้ คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่รอยตำหนิและข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้น อาจช่วยทำให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจ และกลายเป็นบำเหน็จ รางวัลของชีวิตได้ สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขาเป็น และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของพวกเขาเหล่านั้นเท่านั้นเอง" .. มองแง่บวกเข้าไว้
http://www.nabon.ac.th/story_tung.html
บุคคลด้านไอที : Q ใน James bond: Spectre นักคอมพิวเตอร์ที่ดีในอังกฤษก็มี เขาชื่อ Q เป็นนักประดิษฐ์ แต่ในภาพยนตร์เรื่องนี้เขาช่วยหยุดการทำงานของระบบ ก่อนที่จะออนไลน์ และเผยแพร่ข้อมูลลับออกไปให้ผู้ไม่ประสงค์ดี ดูแล้วก็เชื่อได้ว่า ต้องมีการศึกษาที่สูง ถึงจะมาทำงานกับรัฐบาลได้ ต่างกับพระเอกเรื่อง Whoami ของเยอรมัน ที่น่าจะมีความรู้จากการสนใจเอง
บุคคลด้านไอที : ปรเมศวร์ มินศิริ เขาเริ่มทำเว็บไซต์เป็นงานอดิเรก และพัฒนาเป็นเว็บท่า ประมาณกันว่าขาย sanook.com ให้บริษัทโทรคมนาคมจากประเทศแอฟริกาใต้ ประมาณ 10 ล้าน และ sanook.com ยังเป็นอันดับ 1 ใน truehits.net ถึงปัจจุบัน ปัจจุบันเขายังดูแล kapook.com และอีกหลายเว็บไซต์ เคยเป็น นายกและอุปนายกสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย
http://www.webmaster.or.th/
บุคคลด้านไอที : Larry Page และ Sergey Brin นักศึกษา Stanford University ทำโปรเจคจบ CS ขณะทำ PH.D. ได้ก่อตั้งบริษัท Google จากผลงานของพวกเขา เกี่ยวกับ Graph Theory ที่เชื่อมต่อ Host ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน และสนใจเรื่อง Back Link ที่จะมาใช้คำนวนค่า Page Rank ปัจจุบัน Google อยู่อันดับ 3 ของ Most Valuable Brands รองจาก Apple และ Microsoft และเป็นอันดับ 1 ของ America's Best Employers
http://www.forbes.com/powerful-brands/list/
บุคคลด้านไอที : Mark Zuckerberg นักศึกษา 4 คน ร่วมกันก่อตั้ง facebook.com น.ศ. CS ทำไปด้วยความสนุก เพื่อจะรวบรวมภาพของเพื่อน ๆ ปัจจุบัน วัยรุ่นมากกว่า 70% ใช้บริการ facebook
http://www.onlinemarketing-trends.com/2015/06/instagram-vs-snapchat-vs-facebook-us.html
และอยู่อันดับ 10 ของ The world's most valuable brands
http://www.forbes.com/powerful-brands/list/
บุคคลด้านไอที : Bill gates เขา dropped out จาก Harvard University ออกมาพัฒนา OS ให้กับบริษัท IBM แล้วก็พัฒนา DOS แล้วเป็น Windows ในปัจจุบัน ผลการจัดอันดับปี 2015 โดย Forbes : The World's Billionaires Bill Gates รวยเป็นอันดับ 1 มี $79.2 B
http://www.forbes.com/billionaires/
บุคคลด้านไอที : Steve Jobs เขาไม่ใช่นักพัฒนาโปรแกรม ไม่ใช่นักประดิษฐ์ แต่เขาทำให้ ipod, ipad, iphone เกิดขึ้น แล้วบริษัท Apple ก็ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 1 พบ รายงานผลการจัดอันดับแบรนด์อันทรงคุณค่า Best Global Brands ประจำปี 2015 โดย interbrand Apple อันดับ 1 มูลค่า 1.7 แสนล้านดอลลาร์ (เพิ่มขึ้น 43%) Google อันดับ 2 มูลค่า 1.2 แสนล้านดอลลาร์ (เพิ่มขึ้น 12%) Coca Cola อันดับ 3 มูลค่า 78,423 ล้านดอลลาร์ (ลดลง 4%) Microsoft อันดับ 4 มูลค่า 67,670 ล้านดอลลาร์ (เพิ่มขึ้น 11%)
blognone.com/node/73290
บุคคลด้านไอที : Alan Turing เขาพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ใช้ถอดรหัสเครื่อง Enigma ทำให้เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ ฝ่ายพันธมิตร ชนะสงครามต่อ ฝ่ายอักษะ แล้วปี 2558 ก็มีการทำหนังเรื่อง imitation game "ถอดรหัสลับ อัจฉริยะพลิกโลก" เป็นการทำ encryption และ decryption หลังเสร็จงานแล้ว ทุกอย่างเป็นความลับ ทุกคนก็แยกย้ายกันไป บิดาของวิทยาการคอมพิวเตอร์ (Father of Computer Science)
บุคคลด้านไอที : แจ็ค หม่า ปี 2014 เขารวยที่สุดในจีน มีความสนใจภาษาอังกฤษอย่างมาก สำเร็จการศึกษาด้านภาษาอังกฤษ เคยมีอาชีพเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ครั้งที่ไปอเมริกา แล้วสืบค้นข้อมูลด้วยภาษาจีน พบว่าไม่พบอะไรเลย จึงเห็นเป็นจุดอ่อนที่เขาสามารถเข้าไปในช่องนี้ได้ ปี 1995 ก่อตั้งบริษัท China Yellow Pages ปี 1999 ก่อตั้งบริษัท Alibaba เป็นเว็บไซต์ขายส่ง หรือ B2B ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
บุคคลด้านไอที : Kevin Systrom[1] และ Mike Krieger 5 มี.ค.2553 Instagram เริ่มลงทุน 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ มีพนักงานไม่ถึง 10 คน แล้วพัฒนาเรื่อยมา 12 เม.ย.2555 Facebook ซื้อ IG ราคา 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ "committed to building and growing Instagram independently" [1]Management science and engineering
wikipedia.org/wiki/Instagram คนไทยใช้ ig ประจำมีร้อยละ 43.9% เป็นอันดับ 4 รองจาก - Facebook 92.1% - Line 85.1% - Google+ 67.0%
blognone.com/node/71144
บุคคลด้านไอที : ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ หมู จากเด็กประกอบคอมฯ สู่ อัจฉริยะผู้นำด้าน Tech Startup หมู ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ เจ้าของแอพ Ookbee มูลค่าพันล้าน หลายคนอาจรู้จัก คุณหมู ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ (Natavudh Moo Pungcharoenpong) จากการเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Ookbee แล้วคุณรู้หรือไม่...เส้นทางกว่าจะมาเป็นผู้นำด้าน Tech Startup ของเมืองไทย คุณหมู ผ่านอะไรมาบ้าง??!!
ประวัติสั้นๆ
- หลงใหลในศาสตร์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เรียนรู้ด้วยตัวเอง ตั้งแต่ยังเด็กๆ
- ช่วงอายุ 10-12 ขวบ เริ่มฝึกเขียน โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ด้วยตัวเอง
- ช่วงอายุ 19-20 ปี เคยทำงานเสริมประกอบคอมพิวเตอร์ ได้เงินเครื่องละ 70 บาท ที่ พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า ประตูน้ำ (มหาลัยฯ ปี 1-2)
- เรียนไม่ตรงสาย.... #จบปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมการบิน และอวกาศ ที่ ม.เกษตร
- #จบปริญญาโท สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ และระบบ ที่ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย (AIT - Asian Institute of Technology)
- อายุ 22 ปี คุณหมู ก่อตั้งบริษัทรับจ้างเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ชื่อว่า IT WORKS
- ต่อมา คุณหมู เริ่มสร้าง Product ใหม่ๆในบริษัท IT WORKS อย่าง ระบบสแกนลายนิ้วมือ (เทคโนโลยี Biometric)
- ช่วงเข้าสู่ยุคสมาร์ทโฟน คุณหมู เริ่มเขียนแอพพลิเคชั่น ให้สำนักพิมพ์หลายๆแห่ง แบบฟรีๆ
- ตลอดเวลาที่ผ่านมากว่า 10 ปี สร้างแอพพลิเคชั่นไปแล้ว ไม่ต่ำกว่า 100 แอพ!!
- อายุ 32 ปี คุณหมู สร้างแอพพลิเคชั่นร้านหนังสือออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ชื่อว่า Ookbee
ปัจจุบัน Ookbee มีมูลค่าไม่ต่ำกว่าพันล้านบาท
#สถิติที่น่าสนใจของOokbee
- จำนวนผู้ใช้งาน (User) มากกว่า 10 ล้านคน
- จำนวนผู้เข้าชม มากกว่า 1 พันล้านครั้ง/เดือน
- จำนวนนักเขียน (Content Creators) มากกว่า 350,000 คน
- อายุ 37 ปี เป็นหนึ่งใน ผู้บริหารกองทุน 500 TukTuks ร่วมกับ คุณกระทิง พูนผล
- อายุ 41 ปี เป็นหนึ่งใน Shark Tank Thailand
หรือ หากใครสนใจเรื่องของ คุณหมู มากกว่านี้ อ่านแบบเต็มๆได้ที่นี่ http://bit.ly/MooOokbeeNOWASUCO
https://nowasu.co
https://web.facebook.com/nowasu/
การทานข้าวร่วมกันเป็น "วัฒนธรรมองค์การ" แบบหนึ่ง ที่ทำให้เกิดความสามัคคีในกลุ่มได้ การทานข้าวระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการมี วัฒนธรรมองค์การ (Culture)
ที่ญี่ปุ่น หัวหน้าจะพาลูกน้องไปเลี้ยงเหล้าสาเก พอเมาได้ที่ หัวหน้าก็ตะล่อมคุยเรื่องงาน ถามว่าทำงานเป็นอย่างไร มีปัญหาอะไร มีความสุขไหม จากนั่นก็จะเริ่มดราม่ากัน ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ในสาเก ทำให้รู้ข้อมูลที่อยู่ในใจ เป็นการจัดการความรู้ (KM) นอกสถานที่
ที่เมืองไทย หัวหน้าจะพาลูกน้องไปทานข้าว ร้านหรู นานทีปีหน ไม่ใช่ก๊วยเตี๋ยวปากซอย เหมือนที่ไปกันประจำ พอลูกน้องอิ่มหนำสำราญ ก็จะชวนคุยเรื่องงาน ถามนู่นถามนี่ พอเริ่มอิ่ม ก็เริ่มคุย หัวหน้าอยากฟังอะไรก็ปล่อยหมด ไม่มีกั๊ก ลูกน้องหลาย ๆ คน ตอนอยู่ที่ทำงานไม่คุย อ้ำอึ้ง อึมครึม แต่พอล้อมวงกินข้าวหม้อเดียวกัน ก็ถือเป็นโอกาสแลกเปลี่ยนรู้ เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นในโต๊ะกลม ๆ นี่หละ หมุนไปหมุนมา ไม่พอก็สั่งเพิ่ม .. หัวหน้าบอกเต็มที่ สั่งเลย ๆ ถึงคุยกันได้อรรถรส
กรณีศึกษา .. เรื่อง หัวอกลูกจ้าง ข่าวมติชน [ข่าวผู้จัดการ]
นี่ถ้าเจ้าของโรงงาน เห็นหัวอกลูกจ้าง ไม่ย้ายโรงงานไปอยู่กับบริษัทแม่ที่ปราจีนบุรี ลูกจ้าง 600 คน ก็จะไม่เดือดร้อน คนขับรถส่งพนักงานกว่า 60 รายก็มีงานต่อ อีกไม่กี่เดือนก็จะได้โบนัส ถ้าเจ้าของเห็นใจพนักงานที่เป็นเสียงส่วนใหญ่ ตกลงกันด้วยดีไม่ย้ายล่ะ ทุกคนก็มีความสุข happy ending ?.. ให้ไปอ่านข่าว คำถาม ท่านว่ามีอะไรแปลกหรือไม่ จงอภิปราย
[ข่าวสด]
นายจ้างชาวญี่ปุ่นจะย้ายโรงงานยาโน่ ขอให้พนักงานย้ายตาม แต่พนักงานไม่สะดวกย้ายตามนายจ้าง ก็ต้องเจรจากันหน่อย ในข่าวเขียนว่า "เหมือนบีบให้ลาออกโดยทางอ้อม" ถ้านายจ้างไม่ยอมตามข้อเรียกร้องก็ปิดโรงงานไว้ ไม่ให้นายจ้างออกจากโรงงาน จนกว่านายจ้างจะเห็นใจ khaosod.co.th/around-thailand/news_13869
เด็กชายปัญญากับแพะ หรือชาวนาผู้ซื่อสัตย์
เป็น forward mail
ดช.ปัญญา เป็นเด็กที่เกิดในเมืองแต่ย้ายไปอยู่ในชนบท วันหนึ่งไปซื้อแพะจากชาวนาในราคา 1000 บาท ซึ่งชาวนายินดีที่จะส่งมอบแพะในวันรุ่งขึ้น
พอวันรุ่งขึ้น ชาวนาก็ไปหา ดช.ปัญญา แล้วบอกว่า “ข่าวร้ายหนูเพราะแพะเพิ่งตายไปเมื่อคืนที่แล้วเอง” ดช.ปัญญา ก็บอกว่า “ไม่เป็นไรถ้าเช่นนั้นคืนเงินให้ผมก็แล้วกัน” “โอ เสียใจด้วยจริง ๆ แต่ฉันใช้เงินนั่นไปหมดแล้ว” ชาวนาพูดด้วยสีหน้าเศร้า ๆ “ไม่เป็นไร ถ้างั้นเอาแพะตัวนั้นมาให้ฉัน” “หนูจะเอาแพะตายไปทำอะไร (หมู่บ้านนี้จะฝังแพะที่ตายเอง ไม่นำมากิน)” ชาวนาถามด้วยความฉงน “ฉันจะเอาไปจับฉลากขาย” “จะไปจับฉลากแพะที่ตายได้อย่างไร ใครจะไปซื้อ” “ได้ซิ คอยดูละกัน” จากนั้นชาวนาก็มอบแพะที่ตายให้ดช.ปัญญาไป
หนึ่งเดือนผ่านไป ชาวนาพบกับดช.ปัญญาจึงถามว่าตกลงเอาแพะที่ตายไปทำอะไร “ฉันก็ทำฉลาก 500 ใบ ขายใบละ 10 บาท แล้วบอกว่าใครดวงดีจับฉลากได้ก็ได้แพะไปเลย 1 ตัว (โดยไม่บอกใครว่าแพะตายแล้ว)” “ฉันได้เงินมา 5000 บาท ได้กำไรหลังจากหักที่จ่ายให้ลุงชาวนาไปแล้ว 3990 บาท”
เงียบไปแป๊ปนึง “แล้วไม่มีคนโวยวายหรือ (เพราะแพะตายแล้ว)” ชาวนาถามด้วยความสงสัย “ก็มี .. มีคนเดียวคือคนที่จับฉลากได้ และฉันก็แค่คืนเงินค่าฉลากจำนวน 10 บาทให้คน ๆ นั้นไป”
ดช.ปัญญา เงียบไปอีกแป๊ปนึง แล้วเล่าต่อว่า “คนที่ได้ตังคืน 10 บาท กลับไปบอกเพื่อน ๆ ที่ซื้อฉลากไปอีก 499 ใบ ว่าแพะที่ ดช.ปัญญา เอามาประกาศตายก่อนหน้านั้นแล้ว พอพวกแม่ค้า พ่อค้า ชาวไร่ ชาวนา รู้ความจริงเข้า เค้าก็มาเข้าแถว .. ขอเงินค่าฉลากคืนกันหมด” “งั้นเอ็งก็ไม่มีเงินเหลือที่ได้จากฉลากเลยสิ ไม่เป็นไรหรอก .. ข้าเก็บเงินได้มากพอ เอามาคืนให้เอ็งแล้ว เอ้านี้ 1200 บาท ข้าคืนให้พร้อมดอกเบี้ย” ชาวนาพูดพร้อมยื่นเงินให้ ในเรื่องบอกว่า ชาวนาเป็นคนซื่อสัตย์ ต่อมาก็ค้าขายกลายเป็นเศรษฐีใจบุญผู้ซื่อสัตย์ มีความสุข และพอเพียง
ประสบการณ์ของมนุษย์แปรผันตามอายุ ถ้าอายุน้อยเกินไป ประสบการณ์ก็จะน้อยไปด้วย ทางกฎหมายมักนิยามว่า อายุน้อยแล้ว คิดอ่านไม่เป็น ทำอะไรผิดก็ไม่ควรรับโทษเท่าผู้ใหญ่
ถ้าอายุมากเกินไป ประสบการณ์มากก็จริง แต่ประสิทธิภาพในการพิจารณาลดลง เนื่องจากความสามารถทางสมอง ความจำลดลง บ่อยครั้งที่ผู้สูงอายุมีอาการของโรคความจำเสื่อม ดังนั้นองค์กรต่าง ๆ จึงกำหนดอายุสูงสุดไว้ที่ 60 ปี เพราะเชื่อว่าหลังจากนั้นจะทำงานได้ไม่เต็มที่
ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 เยาวชน หมายถึง บุคคลที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 14 ปีบริบูรณ์ แต่ยังไม่ถึง 18 ปีบริบูรณ์
กฎหมายไทยกำหนดว่า # - เด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี (ต่ำกว่า 7 ปี กฎหมายไม่เอาโทษ) - เยาวชนอายุ 14 - 20 ปี
ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กของสหประชาชาติ ได้จำกัดความว่า เด็ก คือ มนุษย์ทุกคนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
วัยสูงอายุ หรือ วัยชรา หมายถึง มนุษย์ที่มีอายุอยู่ในช่วงปลายของชีวิต ในทางสถิติมักถือว่าผู้ที่อยู่ในวัยสูงอายุ คือ บุคคลที่มีอายุ 60-65 ปีขึ้นไป ประเทศไทยกำหนดไว้ว่าผู้สูงอายุ คือ บุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป
การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย [wiki] - การสูญเสียฟัน - ผิวหนังเหี่ยวย่นเพิ่มขึ้น - สีผมเปลี่ยนเป็นสีเทา หรือสีขาว - ความสามารถในการมองเห็นลดลง - การรับรู้ทางเสียงลดลง - ร่างกายเคลื่อนไหวได้น้อยลง และใช้เวลามากขึ้น - การใช้ความจำน้อยลง - ความต้องการทางเพศลดลง หรือหมดไป
หน่วยงานด้านส่งเสริมเทคโนโลยีสารสนเทศของไทย [8]p.177
ระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เปลี่ยนชื่อเป็น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (Digital Economic - mdes.go.th มี วิสัยทัศน์ คือ “ผลักดันการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ประเทศไทย 4.0”
พันธกิจ
1. เสนอนโยบาย แผนระดับชาติ และกฎหมาย ว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมด้านสถิติ ด้านอุตุนิยมวิทยา รวมทั้งด้านความมั่นคง ปลอดภัยทางไซเบอร์
2. พัฒนาและบริหารจัดการโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
3. ส่งเสริม สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม การวิจัยและพัฒนา รวมทั้งการพัฒนากำลังคน ด้านดิจิทัลเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่ง ขันของประเทศและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
4. ส่งเสริม สนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการยกระดับการทำงานของหน่วยงานภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล
5. บริหารจัดการระบบสถิติของประเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนา การอุตุนิยมวิทยา ให้มีประสิทธิภาพ ทันต่อเหตุการณ์
6. กำกับดูแลและติดตาม ประเมินผลตามนโยบาย แผนระดับชาติ และกฎหมาย ว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ด้านสถิติ ด้านอุตุนิยมวิทยา รวมทั้งด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์
หน่วยงานในสังกัด
1. สำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
2. สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
3. กรมอุตุนิยมวิทยา
4. สํานักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
5. สำนักงานสถิติแห่งชาติ
6. บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)
7. บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)
8. บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
9. สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
10. สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)
11. สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ
e-government
เกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติราชการ ของ คณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการสื่อสาร มน.
เกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติราชการ ของ คณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการสื่อสาร มน.
เต็ม 100 คะแนน
1. 60 คะแนน เป็น คุณภาพของงาน ประกอบด้วย 1) 30 คะแนนจาก KPI รายบุคคล 2) 30 คะแนนจากผู้บริหารประเมิน
2. 10 คะแนน เป็น ผลการปฏิบัติงาน โดยผู้เกี่ยวข้อง
3. 30 คะแนน เป็น สมรรถนะ เช่น มาสาย ผลทดสอบ เข้าอบรมภาษาอังกฤษ และกิจกรรม
ต.ย.เกณฑ์ประเมิน สมรรถนะในการทำงาน มีเกณฑ์ที่น่าสนใจ ดังนี้
** กรณีมาสาย/ออกก่อน หักคะแนน
มีจำนวนวันมาสายหรือออกก่อน จำนวน 4 ครั้ง หัก 1 คะแนน
กรณีมาสายหรือออกก่อนมากกว่า 4 ครั้ง คิดตามสัดส่วน
กรณีมาสาย/ออกก่อนไม่เกิน 3 ครั้ง ไม่หักคะแนน
** ไม่เข้าร่วมฝึกอบรมภาษาอังกฤษที่คณะจัด
หักครั้งละ 0.5 คะแนน และไม่หักคะแนนกรณีบุคคลมีเหตุลาป่วยระยะยาวต่อเนื่องกันและมีใบรับรองแพทย์
** ไม่เข้าร่วมกิจกรรมของคณะ/มหาวิทยาลัย
หนึ่งรอบการประเมิน สามารถไม่เข้าร่วมกิจกรรมได้ 1 กิจกรรม
กรณีไม่เข้าร่วมเกิน 1 กิจกรรมหัก 1 คะแนน/กิจกรรม ยกเว้นกรณีได้รับมอบหมายให้ไปเข้าร่วมประชุมและ/หรือไปราชการมีวันเวลาตรงกับกิจกรรมนั้น
** การส่งใบลากิจ/ลาป่วย เกินกำหนด 1 วันหลังจากการลา
หักคะแนน 0.5 คะแนน/ครั้ง
** นำวันลาป่วย/ลากิจ มาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน
มีจำนวนวันลาป่วย/ลากิจ ตั้งแต่ 12 วันทำการขึ้นไป หักคะแนน ดังนี้
- วันลาป่วย/ลากิจ 12 - 14 วันทำการ หัก 2 คะแนน
- วันลาป่วย/ลากิจ 15 - 17 วันทำการ หัก 2.5 คะแนน
- วันลาป่วย/ลากิจ 18 - 20 วันทำการ หัก 3 คะแนน
- วันลาป่วย/ลากิจ 21 - 23 วันทำการ หัก 3.5 คะแนน
ข้อกำหนดของการไม่เลื่อนเงินเดือน
- ขาดราชการ : 3 ครั้งขึ้นไป
- มาปฏิบัติงานสาย : 13 วันขึ้นไป
- ลากิจ/ลาป่วย : เกิน 23 วันทำการขึ้นไป
- คะแนนสมรรถนะ : ต่ำกว่า 10 คะแนน
- ไม่ส่งภาระงาน : เกิน 7 วันทำการขึ้นไป
วิสัยทัศน์ผู้สมัครอธิการบดี #LPRU2566
น้องที่มหาวิทยาลัยแชร์ ใน #สังคมคนรักอ่าน เกี่ยวกับ ประวัติ ผลงาน และเทปบันทึกการนำเสนอ #วิสัยทัศน์ และแนวทางการบริหารมหาวิทยาลัยของผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นอธิการบดีฯ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.66 ประกอบด้วย หมายเลข 1 รองศาสตราจารย์ ดร.กิตติศักดิ์ สมุทธารักษ์ หมายเลข 2 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิยดา เหล่มตระกูล หมายเลข 3 รองศาสตราจารย์ ดร.วิลาศ พุ่มพิมล แต่ละท่านนำเสนอวิสัยทัศน์คนละไม่เกิน 30 นาที ฟังจบในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
มื่อได้อ่าน และฟังแล้ว ผมพอที่จะจับใจความแบบด่วน ตามประสาคนนอกเรือแบบสั้น ๆ เพราะถ้าเป็นคนในเรือ น่าจะ note ย่อได้ละเอียดกว่านี้มาก 1) ท่านแรกเน้นพูดถึงประสบการณ์และผลงานตามบทบาทอธิการบดีที่เสนอบริหารต่อเนื่อง 2) ท่านที่สองเน้นวิเคราะห์และเสนอแผนปฏิบัติการเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ สอดรับกับประเด็นยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัย 3) ท่านที่สามเน้นการวิเคราะห์สถานการณ์และแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยกิจกรรมโครงการต่าง ๆ
คำถาม : ท่านล่ะ ถ้าต้องบริหารมหาวิทยาลัยสักแห่งหนึ่ง จะมีวิสัยทัศน์อย่างไร เพื่อพามหาวิทยาลัยก้าวผ่านไป
ปล. หลายท่านพูดถึงคณะพยาบาลศาสตร์
สำเร็จการศึกษา ด้านบริหารธุรกิจ ร้อยละ 16.13
ข้อมูลผู้สำเร็จการศึกษา ปีการศึกษา 2564 สป.อว. เปิดเผยข้อมูลเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2566 พบว่า สำเร็จการศึกษาสูงที่สุด คือ ด้านบริหารธุรกิจบัณฑิต จำนวน 47276 จากผู้สำเร็จการศึกษาทั้งหมด 292935 คน คิดเป็นร้อยละ 16.13 ส่วนอันดับสุดท้าย คือ พยาบาลศาสตรบัณฑิต จำนวน 5562 คน คิดเป็นร้อยละ 1.89
ดังนั้นองค์กรใดที่กำลังมีปัญหาขาดแคลนผู้บริหาร ปัญหานี้ก็จะคลี่คลายลงได้ เมื่อมีผู้บริหารหน้าใหม่ป้ายแดงมาให้เลือกเพิ่มขึ้น ส่วนพยาบาลป้ายแดงยังผลิตออกมาได้ไม่มาก องค์กรใดที่ขาดพยาบาลไปดูแลผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วย ก็ยังต้องดูแลตนเองกันต่อไป เพราะมหาวิทยาลัยในประเทศไทยยังผลิตพยาบาลได้ในสัดส่วนที่น้อยกว่าด้านอื่น
หนึ่งภาพอาจสื่อความหมายได้ดีกว่าคำนับพัน
อัลบั้ม - 01-06 : 07-12 : 13-19 : 49 คลิ๊ป
เอกสารอ้างอิง เอกสารอ้างอิง
[1] เจษฎาพร ยุทธนวิบูลย์ชัย และศรีไพร ศักดิ์รุ่งพงศากุล, "ระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีการจัดการความรู้", บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด, กรุงเทพฯ, 2549.
[2] ประสงค์ ปราณีตพลกรัง และคณะ, "ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ และกรณีศึกษา", บริษัท ธนรัชการพิมพ์ จำกัด, กรุงเทพฯ, 2543.
[3] พนิดา พานิชกุล, "จริยธรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ", บริษัท เคทีพี คอมพ์ แอนด์ คอนซัลท์ จำกัด, กรุงเทพฯ, 2553.
[4] ศ.ดร.เรวัตร์ ชาตรีวิศิษฎ์ และคณะ, "การจัดการเชิงกลยุทธ์", บริษัท อักษรเงินดี จำกัด, กรุงเทพฯ, 2553.
[5] ผศ.ดร.พรรณี สวนเพลง, "ระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์", บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด, กรุงเทพฯ, 2555.
[6] ผศ.ดร.ณัฏฐพันธ์ เขจรนันทน์ และ ผศ.ดร.ไพบูลย์ เกียรติโกมล, "ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ", บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด, กรุงเทพฯ, 2545.
[7] ภาควิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, "3901-2119 การวิเคราะห์และออกแบบระบบ", วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่, สงขลา.
[8] วิโรจน์ ชัยมูล, และสุพรรษา ยวงทอง. (2557). ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: โปรวิชั่น.
Thaiall.com