หวังว่าคุณธรรมจะหยุดความคิดชั่ววูบได้ (itinlife405)

http://www.youtube.com/watch?v=FM5QxQNDsDQ

ดูข่าวเรื่องบริษัทสหฟาร์มที่ลพบุรีประกอบธุรกิจแล้วขาดสภาพคล่อง ไม่สามารถจ่ายค่าตอบแทนตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา จนคนงานออกมาประท้วง แล้วขู่ว่าจะเผาโรงงาน หากไม่ได้รับค่าตอบแทนที่ค้างไว้ ทำให้นึกถึงเพลง 2 เพลงคือ เพลงใส่ร้ายป้ายสี ของไฮเปอร์ และเพลงแฟนนอกใจจะอภัยหรือแก้แค้น ของ วิว ชัชวาล ที่มีเนื้อหาเล่าถึงความรู้สึกของคนถูกทิ้ง คนที่เป็นฝ่ายเสียหายก็จะเสียใจ แล้วสามารถทำให้อีกฝ่ายเสียใจกว่าเพื่อแก้แค้น แม้การกระทำจะไม่ได้อะไรนอกจากความเจ็บปวดของทั้งคู่ที่จะตราตรึงตลอดไป เหตุการณ์แบบนี้เห็นได้ในละครไทยอยู่เป็นนิจ

กรณีของสหฟาร์มที่บริษัทประกอบธุรกิจผิดพลาด คาดว่าไม่สามารถรั้งให้บริษัทดำเนินธุรกิจต่อไปได้ จนขาดสภาพคล่องและไม่มีเงินจ่ายค่าตอบแทนทั้งกับพนักงาน และผู้เลี้ยงไก่ ส่งผลให้มีการเผาโรงงานซึ่งข้อเท็จจริงอยู่ระหว่างการสอบสวน ในทางคอมพิวเตอร์ก็มีประเด็นที่คล้ายกัน และมีหลายองค์กรเคยประสบปัญหาแล้ว เพราะเราไว้ใจมนุษย์ด้วยกันไม่ได้ มีผลสำรวจการก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ว่าการกระทำความเสียหายให้กับระบบมักเกิดจากคนในองค์กรเป็นส่วนใหญ่ อาทิ พนักงานเขียนโปรแกรมที่ทำงานกับองค์กรมานับสิบปี หากถูกเชิญออกกระทันหัน ก็อาจเสียใจแล้วเดินไปตามหน่วยงาน เข้าลบโปรแกรมที่ตนเคยทำไว้ออกจากทุกเครื่อง ทำให้วันต่อมาหน่วยงานไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ

access denied
access denied

ดังนั้นบริษัทขนาดใหญ่ จึงต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์หลายคน หากมีใครถูกให้ออกก็ต้องดำเนินการอย่างเฉียบพลันไม่ให้พนักงานคนนั้นมีโอกาสสร้างประตูหลัง (Backdoor) หรือตารางงานไม่พึงประสงค์ (Intruder tasks) เพราะปรกติจะเปิดให้มีการเข้าถึงระบบฐานข้อมูลจากนอกบริษัท หรือมีโปรแกรมประมวลผลในระบบจำนวนมาก หากมีผู้ดูแลระบบเปลี่ยนเป็นผู้ไม่ประสงค์ดี แล้วแอบวางโปรแกรมไม่พึงประสงค์ให้ทำงานหลังจากเขาพ้นสภาพการเป็นพนักงาน เพื่อลบข้อมูลจากระบบทั้งหมด ก็จะเป็นความเสียหายที่บริษัทอาจยอมรับไม่ได้ อาทิ ธนาคาร หรือตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นการให้ความรู้เรื่องคุณธรรม จริยธรรม จึงเป็นกิจกรรมขององค์กรที่ต้องมีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันผู้ที่อาจมีความคิดชั่ววูบมาทำร้ายองค์กรในอนาคต

tweet มาก อาจทำสมาธิสั้น .. จริงหรือ

การทวิต หรือการรับส่งข้อความอันจำกัดปริมาณมาก โดยไม่มีการประมวลผล จะส่งผลทำให้สมาธิสั้น โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก เช่นที่ปรากฏในงานวิจัยของผู้เชี่ยวชาญจากสกอตแลนด์

ในยุคที่การไหลบ่าของเทคโนโลยีถาถั่งเข้าใส่ ผู้คน ตั้งแต่อินเทอร์เน็ต เอสเอ็มเอส ไฮไฟว์ มาถึงยุคทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก และแบล็กเบอร์รี่ จนก้าวตามแทบไม่ทัน มีงานวิจัยหนึ่งที่ชี้ว่าการเล่นสื่อไอทีเหล่านี้ หากไม่มีการประมวลผลแล้ว จะมีผลต่อการพัฒนาความจำ อันส่งผลต่อเนื่องทำให้สมาธิสั้นได้

งานวิจัยชิ้นนี้เป็นของ ดร.เทรซีย์ อัลโลเวย์ (Dr.Tracy Alloway) นักจิตวิทยาที่เชี่ยวชาญด้านความจำระดับใช้งาน (Working Memory) เป็นความจำระยะสั้นชนิดหนึ่ง จากมหาวิทยาลัยสเตอร์ลิง (University of Stirling) ประเทศสกอตแลนด์ ที่ฝึกเด็กที่เรียนช้าให้มีความจำระดับใช้งานที่ดีขึ้นและได้ผลเป็นที่น่าพอ ใจ มีพัฒนาการความจำระดับใช้งานที่ดีขึ้น โดยงานชิ้นนี้เผยให้เห็นว่ากระบวนการจำต้องมีทั้ง การจำ และ การประมวลผล

นอกจากนี้ งานวิจัยยังครอบคลุมไปถึงสังคมออนไลน์ในยุค 2009 ด้วย กรณีนี้การเล่นเกมซู โดกุ และการอัพเดทเฟซบุ๊ก จะใช้การประมวลผลต่างกับการเล่นทวิตเตอร์ และ ยูทู้บ ตลอดจนการส่งข้อความทั่วไปเป็นการได้ข้อมูลอย่างรวบรัดและเข้ามาเป็นปริมาณมาก ไม่ก่อให้เกิดการประมวลผล จึงไม่เกิดการพัฒนาความจำ ตรงกันข้ามข้อมูลปริมาณมากยังส่งผลให้สมาธิสั้นลง และทำให้สมองไม่สร้างการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาท

ทวิตเตอร์ เกิดขึ้นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมีนาคม 2549 เป็นบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์จำพวกไมโครบล็อก ผู้ใช้สามารถส่งข้อความยาวไม่เกิน 140 ตัวอักษร เพื่อระบุว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ หรือทวีต (tweet) โดยข้อความอัพเดทที่ส่งเข้าไปยังทวิตเตอร์ จะแสดงอยู่บนเว็บเพจของผู้ใช้คนนั้นบนเว็บไซต์ และผู้ใช้คนอื่นสามารถเลือกรับข้อความเหล่านี้ได้หลายช่องทาง ปัจจุบันทวิตเตอร์มีหมายเลขโทรศัพท์สำหรับส่งเอสเอ็มเอสในสามประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และสหราชอาณาจักร ปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมจากสังคมออนไลน์ในประเทศไทย โดยเฉพาะในหมู่เด็กวัยรุ่นและคนทำงาน

สุกรี พัฒนภิรมย์ นักวิชาการศูนย์เทคโนโลยีไทยกริดแห่งชาติ และผู้เชี่ยวชาญทวิตเตอร์ ไม่เชื่อว่าการเล่นทวิตเตอร์จะมีส่วนทำให้สมาธิสั้น สาเหตุของสมาธิสั้นอาจเกิดจากนิสัยดั้งเดิมตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ ที่ถูกยัดเยียดให้เรียนเยอะ หรือทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน ตลอดจนการดูโทรทัศน์ที่ถูดยัดเยียดด้วยข้อมูลที่เปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว

“เวลาที่ผมต้องการสมาธิ ผมก็มีสมาธิอยู่กับมันได้นะ ส่วนงานวิจัยที่บอกว่าเล่นทวิตเตอร์แล้วสมาธิสั้น ผมว่ามันไม่เกี่ยวกัน หากจะสมาธิสั้นก็คงเริ่มตั้งแต่เรามีเพจเจอร์แล้ว ในมุมกลับกันผมว่าข้อความสั้นๆ ทำให้เราต้องใช้สมาธิในการอ่านให้ทัน แถมข้อความสั้นๆ ไม่เยิ่นเย้อสื่อสารกันเร็วดี ขึ้นอยู่กับว่าเราจะตอบสนองทันทีหรือไม่”

ตรงกันข้าม สุกรีกลับแสดงความเป็นห่วงการใช้ บีบี หรือแบล็กเบอรี่ (Black Berry : โทรศัพท์มือถือรุ่นที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้) มากกว่าการเล่นทวิตเตอร์ เพราะสร้างความคาดหวังให้มีการตอบสนองทันที หากไม่มีการตอบสนองก็อาจนำไปสู่การทะเลาะได้ เมื่อเราส่งข้อความไปทางบีบี จะสามารถรู้ได้ทันทีว่าได้รับหรือยัง อ่านหรือยัง แล้วเหตุใดถึงไม่ตอบกลับมา จะสร้างความหงุดหงิดจนนำไปสู่การทะเลาะกันหลายรายแล้ว

ด้าน นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต และรองประธานมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว มองว่า ปัจจุบันผลกระทบจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้เด็กไทยสมาธิสั้นมากขึ้น ไม่จำกัดเพียงแค่ทวิตเตอร์เท่านั้น ยังรวมถึงการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ การแชทเอ็มเอสเอ็นด้วย เนื่องจากธรรมชาติของเทคโนโลยีมันจะเปลี่ยนแปลงความสนใจไปอย่างรวดเร็ว ทำให้คนเรามีความสามารถ หรือสมาธิในการแยกแยะข้อมูลได้ลดน้อยลง

การใช้ไอทีในรูปแบบนี้จะทำให้สมองเชื่อมโยง คิดวิเคราะห์ กระบวนการตอบโต้ไม่เป็นระบบ ดังนั้นจึงมีแนวคิดใหม่ที่จะไม่เอาระบบไอทีเข้าไปติดตั้งอยู่ในห้องเรียน ระดับอนุบาล เนื่องจากเด็กวัยนี้ต้องเสริมสร้างสมาธิ รู้จักรอคอย รู้จักแยกแยะ ควรเน้นการอ่านและการเขียนมากกว่า” นพ.ยงยุทธ กล่าว

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีมักเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีสิ่งใหม่ๆ มาทดแทนเสมอ นพ.ยงยุทธ จึงแนะนำว่า ควรสร้างภูมิต้านทานในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น ด้วยการลดการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการบันเทิง แต่เน้นเพื่อการเรียนรู้ให้มากขึ้น หากเด็กใช้ไอทีเพื่อความบันเทิง ผู้ปกครองต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด กำหนดเวลาเล่นให้ชัดเจน หากเป็นชั้นประถมก็วันละครึ่งชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมง ที่สำคัญไม่ควรให้เยาวชนใช้คอมพิวเตอร์ในพื้นที่ส่วนตัว เพราะอาจเข้าถึงเรื่องทางเพศ หรือความรุนแรงได้

“การดูแลวัยรุ่นเรื่องการใช้ไอที ผู้ปกครองต้องกำหนดกติกา และส่งเสริมให้ทำกิจกรรมทดแทน เช่น เข้าร่วมกิจกรรมวงโยธวาทิต จะทำให้เด็กสนใจไอทีน้อยลง เมื่อได้ทำกิจกรรมอาจทำให้เด็กมีพัฒนาการและมีสมาธิมากขึ้น” นพ.ยงยุทธ กล่าว

เช่นเดียวกับ ดร.สุภาพร ธนะชานันท์ อาจารย์จากสถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ (มศว) ยอมรับว่า ผลการวิจัยในต่างประเทศชี้ให้เห็นว่า สื่อรูปแบบต่างๆ มีอันตรายต่อเด็ก แต่สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เด็กไม่ถูกสื่อครอบงำทำอันตรายได้ หากเด็กคนนั้นมีจิตใจ ความคิดแยกแยะสิ่งผิดถูกได้ และมีสิ่งแวดล้อมที่คอยปกป้องพวกเขา มีพ่อแม่ผู้ปกครองคอยดูแลและกำหนดเวลาการใช้อินเทอร์เน็ต หากไม่มีใครควบคุมเด็กสามารถเล่นอินเทอร์เน็ตได้ตลอดทั้งวัน อาจส่งผลเสียต่อเด็กได้

“ไม่โทษสื่อนะที่ทำให้เด็กได้รับผลกระทบต่างๆ แต่จะโทษผู้ดูแลสื่อมากกว่า อย่างที่อเมริกาเด็กๆ ของเขาจะไม่มีโอกาสได้เข้าไปในเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม เขาจะห้ามจริงๆ มีการบล็อกไว้เลย ส่วนเด็กก็จะมีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ที่จะไม่เข้าไปดูเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม แตกต่างกับเมืองไทยมาก” ดร.สุภาพร กล่าว

อย่างไรก็ดีผลการวิจัยที่อ้างถึงการเล่น ทวิตเตอร์ทำให้สมาธิสั้นนั้น ดร.สุภาพร บอกว่า การจะทำให้เชื่อได้ว่าคนมีสมาธิสั้นจากการเล่นทวิตเตอร์จริง หรือไม่ ต้องมีการทดลองก่อน คล้ายๆ กับการใช้โทรศัพท์ที่ถูกคาดเดาว่าทำให้สมาธิสั้น ซึ่งอาจไม่เป็นเรื่องจริง และเชื่อว่าเด็กที่เล่นอินเทอร์เน็ตเป็นล้านๆ คนในประเทศไทยไม่ได้สมาธิสั้นทุกคน แต่อาจเป็นคนส่วนน้อยเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

สมาธิสั้น เป็นความผิดปกติด้านพฤติกรรม เกิดจากการทำงานที่ไม่เหมาะสมของสมอง โดยเฉพาะสมองส่วนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสมาธิ ทำให้เกิดการทำงานที่ไม่สัมพันธ์กันกับระบบสั่งงานอื่นๆ อาการสมาธิสั้นในเด็กเล็กวัย 3-5 ขวบ จะแสดงอาการไม่อยู่นิ่ง เคลื่อนไหวตลอดเวลา มักพูดแทรกและขัดจังหวะคนอื่น เป็นคนอดทนรอไม่ได้

สำหรับอาการที่พบในเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไปมี 3 กลุ่มอาการ คือ 1.ไม่มีสมาธิ ทำผิดพลาดสิ่งเดิมๆ ซ้ำๆ ทำงานช้า หากเป็นสิ่งที่สนใจมากๆ เช่น วิดีโอเกมหรือรายการโทรทัศน์ ก็อาจตั้งใจดูเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อเนื่องได้ 2.อาการอยู่ไม่สุข ชอบเดินไปมาในห้อง ถ้าไม่เดินก็จะนั่งไม่อยู่นิ่ง ไม่มีระเบียบในการทำสิ่งต่างๆ 3.ขาดความยับยั้งชั่งใจ อดทนรออะไรไม่ได้ มักพูดมาก พูดแทรก รอคอยไม่เป็น

http://www.tlcthai.com/facebook/twitter-%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%86-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88-%E0%B8%97/

ปล้นบ้านปลัดคมนาคม

ปล้นบ้านปลัดคมนาคม
ปล้นบ้านปลัดคมนาคม
“ภาณุพงศ์” นำทีมแถลงจับแก๊งปล้นบ้าน “ปลัดคมนาคม” พร้อมของกลางเงินสด 2.8 ล้าน สร้อยทอง อุปกรณ์งัดแงะ และเครื่องมือตัดสัญญาณโทรศัพท์ หลัง จนท.ออกตามสืบล่าตัวมาได้ 2 ราย ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ระหว่างหลบหนี สารภาพวางแผนและดูลาดเลามานาน 1 ปี ก่อนสบโอกาส โดยได้เงินไปกว่า 200 ล้านบาท อ้างลงมือเข้าปล้นบ้านปลัด เพราะโกงมาจากทางราชการ
วันนี้ (17 พ.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น.ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร. พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผกก.สส.4 พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าว พร้อมชุดสืบสวน บช.น.ร่วมแถลงผลการจับกุมแก๊งคนร้ายที่ร่วมปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย นายสิงห์ทอง หรือ ไก่ ใจชมชื่น อายุ 44 ปี ที่อยู่ 135/46 ตรอกอาคาร 7 แขวงและเขตคลองเตย กทม.และ นายเสาร์แก้ว หรือ แก้ว นามวงศ์ อายุ 59 ปี ที่อยู่ 238 ม.7 ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ.เชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ พร้อมของกลางเงินสด 2,822,000 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท จำนวน 2 เส้น อุปกรณ์ตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เครื่องช็อตไฟฟ้า 3 อัน โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยจับกุม นายสิงห์ทอง ได้ที่ห้องพักย่านคลองตัน และจับกุม นายเสาร์แก้ว ได้ที่บ้านพัก จ.เชียงราย
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีกลุ่มคนร้ายได้บุกเข้าไปปล้นบ้านของ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ที่บ้านเลขที่ 77 ซ.ลาดพร้าว 64 แยก 2 โดยกลุ่มคนร้ายอาศัยช่วงจังหวะที่เจ้าของไม่อยู่บ้าน บุกเข้าไปใช้เทปพันสายไฟมัดมือของแม่บ้าน 2 คน และเข้าไปในห้องน้ำชั้น 2 ได้เงินสดไป 5 ล้านบาท ก่อนขับรถกระบะหลบหนีไป ซึ่งคนร้ายได้ทิ้งชะแลงเหล็ก 3 อัน คัตเตอร์ 1 อัน และผ้าปิดปากไว้ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาเจ้าหน้าที่ กก.สส.บช.น.ได้รวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ประกอบกับการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า รถกระบะวีโก้ 4 ประตู ขับออกจากที่เกิดเหตุมุ่งหน้าไปยังถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา และต่อมาได้มีประชาชนได้แจ้งเบาะแส ว่า พบบุคคลต้องสงสัยซึ่งมีพฤติกรรมการใช้เงินเปลี่ยนไป โดยร่ำรวยผิดปกติ เจ้าหน้าที่สืบสวนพบว่าเป็น นายสิงห์ทอง จึงได้เชิญตัวมาสอบสวน ซึ่งพบพิรุธหลายอย่าง และไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินได้ จนกระทั่งยอมรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับพรรคพวกรวม 6 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ดังกล่าวจริง
โดยมี นายวีระศักดิ์ หรือ โก้ เชื่อลี อายุ 36 ปี อยู่ที่ 260 หมู่ 2 ต.แชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เป็นหัวหน้าแก๊ง นายเสาร์แก้ว นามวงศ์ อายุ 59 ปี นายพงษ์ศักดิ์ หรือ เจี๊ยบ นามวงศ์ อายุ 35 ปี ที่อยู่ 238 ม.7 ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ.เชียงราย นายสมบูรณ์ หรือ บูรณ์ ริยะเทน อายุ 40 ปี ที่อยู่ 40 ม.5 ต.ท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน จ.เชียงราย และ นายคำนวณ หรือ นวน เมฆน้อย อายุ 38 ปี อยู่ที่ 449 ม.9 ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกระทำผิดด้วย
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวอีกว่า แก๊งปล้นดังกล่าวได้ร่วมวางแผนมาหลายเดือนแล้ว มีการวนมาดูบ้านที่เกิดเหตุหลายรอบ แต่ยังไม่กล้าลงมือ จนกระทั่ง นายวีระศักดิ์ ได้ติดต่อมาว่าเตรียมอุปกรณ์ในการลงมือครบถ้วนแล้ว พร้อมที่จะลงมือได้โดยมีการใช้เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เครื่องสัญญาณกล้องวงจรปิด เครื่องตัดสัญญาณประตูเลื่อนหน้าบ้าน หมวกไอ้โม่งไหมพรมสีดำ ถุงมือสีดำ เครื่องช็อตไฟฟ้า วิทยุสื่อสาร ชะแลงเหล็ก ในการลงมือ โดยในวันเกิดเหตุ นายวีระศักดิ์ ได้ขับรถกระบะวีโก้ 4 ประตู สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กฉ 1166 กาญจนบุรี มารับ นายสิงห์ทอง กับพวกที่เหลืออยู่ ในห้องพักของนายสิงห์ทอง จากนั้น นายวีระศักดิ์ ได้ขับรถมายังหน้าบ้านที่เกิดเหตุ จากนั้นได้เปิดเครื่องตัดสัญญาณทั้งหมด และให้นายสิงห์ทอง ลงไปเปิดประตูรั้ว จากนั้นเข้าไปจับแม่บ้าน 2 คน มาอยู่ในห้องครัวมัดมือแล้วพานำขึ้นไปในห้องนอน แล้วเปิดตู้เสื้อผ้ากรีดกระเป๋าเอาเงินใส่กระสอบที่เตรียมมา จากนั้นก็ขึ้นรถกระบะหลบหนีไป
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวอีกว่า วันที่ 16 พ.ย.เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานส่งพนักงานสอบสวนขอออกหมายจับคนร้ายทั้ง 6 ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ ก่อนจับกุมนายสิงห์ทอง ได้ที่ห้องพักย่านคลองตัน พร้อมของกลางเงินสด 500,000 บาท สร้อยทองหนัก 5 บาท 2 เส้น รวมมูลค่า 760,000 บาท และขยายผลจับกุมนายเสาร์แก้ว ได้ที่บ้านพัก จ. เชียงราย พร้อมของกลางเงินสด 1,050,000 บาท โดย นายเสาร์แก้ว ให้การรับสารภาพว่าได้ส่วนแบ่งจากการปล้นครั้งนี้กว่า 1 ล้านบาท จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนพร้อมของกลางส่งดำเนินคดี ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ 4 คน จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามจับกุมต่อไป นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติ นายเสาร์แก้ว นามวงศ์ อายุ 59 ปี เคยมีประวัติคดีปล้นทรัพย์ที่จังหวัดเชียงราย เมื่อปี 2525 และถูกศาลตัดสินจำคุก 5 ปี
จากการสอบสวน นายสิงห์ทอง ให้การรับสารภาพว่า ได้วางแผนพร้อมกับดูลาดเลามานานประมาณ 1 ปี แล้ว โดยมี นายวีระศักดิ์ เป็นหัวหน้าแก๊ง ซึ่งทราบข่าวว่าที่บ้านหลังดังกล่าวมีเงินสดเก็บอยู่เป็นจำนวนมาก โดยในวันเกิดเหตุได้เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่าง พร้อมทั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ เข้าไปในบ้านทั้ง 5 คน ส่วน นายคำนวณ คอยดูต้นทางอยู่ข้างนอก เมื่อเข้าไปในบ้านแล้วก็ได้บุกเข้าไปขโมยเงินสดที่ใส่อยู่ในถุง และเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องของปลัด ซึ่งพบว่ามีเงินสดจำนวนหลายถุง ส่วนเงินภายในตู้เซฟและเงินสินสอดพวกตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด
“ก่อนลงมือได้ให้นายคำนวณ เช่าอพาร์ตเมนต์รายวันชั้นสูงสุดที่ใกล้เคียงบ้านที่เกิดเหตุคอยดูความเคลื่อนไหวของคนในบ้าน ก่อนจะตัดสินใจลงมือปล้น เบื้องต้นเงินที่พวกตนได้มาทั้งหมดกว่า 200 ล้านบาท โดยเบื้องต้น นายวีระศักดิ์ ได้ให้เงินจำนวน 15 ล้านบาท มาแบ่งกันใช้ไปก่อน ส่วนเงินสดที่เหลือ นายวีระศักดิ์ เป็นคนเก็บไว้ แล้วจะนำมาแบ่งกันภายหลัง โดยตกลงกันว่าเงินที่ได้มาทั้งหมด 50 เปอร์เซ็นต์ แบ่งให้ลูกพี่ของนายวีระศักดิ์ ซึ่งเป็นข้าราชการ ส่วน 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นของ นายวีระศักดิ์ อีก 20 เปอร์เซ็นต์แบ่งพวกตนที่เหลือ ส่วนภายในบ้านที่เกิดเหตุพบเงินสดซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าต่างๆ รวมประมาณ 700-1,000 ล้านบาท ส่วนเหตุที่ตนได้เข้าปล้นครั้งนี้ ทราบมาว่า เป็นเงินที่โกงมาจากทางราชการ” นายสิงห์ทอง กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ส่วนผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 4 ราย นั้น นายวีระศักดิ์ หลบหนีอยู่ที่จังหวัดนครพนม นายคำนวณ หลบหนีอยู่ที่ชายแดนประเทศลาว ส่วน นายสมบูรณ์ และ นายพงษ์ศักดิ์ หลบหนีอยู่ที่ จ.เชียงราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกำลังอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี