อาหารที่ไม่ควร “อุ่นซ้ำ” เสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพ

ปัจจุบันนี้เพื่อความสะดวกและรวดเร็วทุกคนมักนำอาหารที่รับประทานไม่หมดไปแช่ตู้เย็น แล้วนำมาอุ่นร้อนก่อนรับประทานอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่าอาหารบางชนิดอาจทำให้คุณเจ็บป่วยได้

ข้อมูลจากสำนักงานมาตรฐานอาหาร เผยว่า การจะรับประทานให้ปลอดภัยจะต้องทำให้สุก สะอาด ปรุงแต่งน้อย และหลีกเลี่ยงการปนเปื้อน ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือ การปรุงอาหารให้สุกก่อนรับประทานเสมอ เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อาจเป็นอันตราย แต่การให้ความร้อนแก่อาหารมากกว่า 1 ครั้ง หรืออุ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาจทำให้อาหารเป็นพิษได้ โดยเฉพาะอาหารดังต่อไปนี้

1.คื่นช่ายหรือคื่นฉ่าย หากนำมาทำเป็นซุปเซเลอรีแล้วนำไปอุ่นซ้ำ จะทำให้สารไนเตรทที่อยู่ในคื่นช่ายกลายเป็นพิษเมื่อได้รับความร้อน

2.ไข่ต้มและไข่กวน อาหารที่มีไข่เป็นส่วนประกอบสามารถนำมาอุ่นซ้ำได้ไม่มีปัญหา แต่สำหรับไข่ต้มและไข่กวนที่ได้รับความร้อนซ้ำๆ จะทำให้โปรตีนในไข่เปลี่ยนสภาพ อาจส่งผลให้ผู้รับประทานไม่สบายได้

3.ผักโขม เช่นเดียวกับคื่นช่าย หากได้รับความร้อนซ้ำจะทำให้สารไนเตรทกลายเป็นพิษ ทั้งยังมีคุณสมบัติเป็นสารก่อมะเร็งได้อีกด้วย

4.เห็ด เห็ดไม่มีพิษทุกชนิดสามารถนำมาประกอบอาหารได้ แต่ไม่ควรนำมาอุ่นซ้ำๆ เพราะจะทำให้สารอาหารประเภทโปรตีนในเห็ดเสื่อมสภาพ ก่อให้เกิดอันตรายต่อกระเพาะอาหาร

5.มันฝรั่ง หลังจากทำให้สุก แล้วตั้งทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องหรือเก็บในตู้เย็น สภาวะเช่นนี้เป็นผลบวกต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโบทูลินัม หากได้รับความร้อนซ้ำก็จะทำให้เกิดเป็นพิษได้

6.เนื้อไก่ การนำเนื้อไก่สุกแช่เย็นไปให้ความร้อนซ้ำ จะทำให้โปรตีนที่ซับซ้อนในเนื้อไก่แปรสภาพ อาจทำให้บางคนที่รับประทานเข้าไปเกิดปัญหาในระบบทางเดินอาหาร

7.บีทรูท ผักสีม่วงสวยนี้ประกอบไปด้วยสารประเภทไนเตรท หากได้รับความร้อนจะทำให้เกิดเป็นพิษกับผู้ที่รับประทาน จึงควรที่จะทำให้สุกแล้วรับประทานแบบเย็นๆ เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงต่ออาการปวดท้อง

8.ข้าว สำหรับข้าวนั้น อันที่จริงแล้วการอุ่นข้าวไม่ได้ทำให้เกิดอาหารเป็นพิษโดยตรง แต่มันขึ้นอยู่กับการเก็บข้าวสารว่าสะอาดปลอดภัยหรือไม่ หากข้าวสารมีสปอร์ของเชื้อแบคทีเรีย เมื่อหุงสุกแล้วเชื้อก็ยังไม่ตาย และจะสามารถเจริญเติบโตได้ถ้าถูกทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง เมื่อนำไปอุ่นซ้ำก็จะก่อเกิดสารพิษที่ทำให้อาเจียนหรือท้องเสียได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจึงไม่ควรวางข้าวสุกที่ทานไม่หมดทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง

———-ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.khaoza.net/2015/09/8.html

Leave a Reply