5 วิธีดูแลตัวเองของคนนอนดึก

การนอนดึกไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน เพราะการนอนของคนเราก็ไม่ต่างอะไรกับการชาร์จแบตฯ ให้ร่างกาย (ก็แหม…โทรศัพท์ยังต้องชาร์จไฟและคนเราจะไม่ชาร์จไฟให้ร่างกายบ้างเลยเหรอ) เราเลยมีวิธีการดูแลตัวเองสั้น ๆ ง่าย ๆ สำหรับคนที่ต้องนอนดึกเป็นประจำมาฝากกัน

1. ง่วงก็นอนเลย

ทันทีที่ร่างกายรู้สึกง่วง แต่อยากจะเล่นเฟซต่อ ขอร้องว่าอย่าฝืน แนะนำว่าให้นอนเลย ที่สำคัญควรจะนอนให้ได้อย่างน้อย 4 ชั่วโมงขึ้นไปต่อวัน เพราะเป็นจำนวนเวลาที่ร่างกายได้รับการพักผ่อน อย่างพอเหมาะ

2. ออกกำลังกายเล็ก ๆ เมื่อตื่น

บางคนตื่นปุ๊บหยิบมือถือมาเช็กเฟซบุ๊กก่อนเลย ใจเย็น ๆ ออกกำลังกายเบา ๆ กันก่อนไหม เหมือนวอร์มอัพร่างกายให้ตื่นตัว แต่อย่าถึงขั้นวิ่ง 100 เมตร หรือฟิตเนสจริงจัง แค่ลุกนั่งหรือวิดพื้นนิดหน่อยเป็นพอ แล้ววันนั้นทั้งวันคุณจะสดชื่นกว่าที่เคย

3. กินอาหารที่มีประโยชน์

ยิ่งนอนดึกยิ่งทำให้สมองล้า เรายิ่งต้องกินอาหารที่บำรุงสมอง อย่างอาหารที่มีโคลีน (Choline) ช่วยป้องกันความจำเสื่อม พบได้ง่ายในถั่วเหลือง ไข่แดง และเนื้อสีขาว เช่น เต้าหู้ เนื้อปลา อกไก่ และไข่ขาว ซึ่งช่วยสร้าง “เคมีสมอง” ที่จำเป็นสำหรับคนที่นอนดึก ส่วนไข่แดงมีไบโอติน (Biotin) ที่ช่วยบำรุงสมอง และกาบ้า (GABA) ที่ช่วยให้สมองทำงานได้ดี มีอยู่ในข้าวกล้องงอกและธัญพืช รวมถึงวิตามินบีที่ช่วยกระตุ้นระบบประสาทและสมองให้ตื่นตัว ที่สำคัญคือดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ เพราะการนอนดึกทำให้สมองขาดน้ำ ซึ่งสมองเป็นส่วนที่้ต้องการน้ำไปหล่อเลี้ยงมากที่สุด

4. งดกาแฟ

สมมติว่างานไม่เสร็จ อย่าแก้ปัญหาด้วยการดื่มกาแฟ แต่ให้ดื่มดาร์กช็อกโกแลตหรือโกโก้แทน  เพราะในโกโก้มี “ฟลาโวนอยด์” (Flavoniod)   สารช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลไปเลี้ยง สมองได้ดี และไม่มีคาเฟอีน

5. กินวิตามินแก้เครียด

ยามเราอดนอนระดับฮอร์โมนจากต่อมไพเนียล (Pineal Gland) จะทำงานไม่ปกติ ทำให้เกิดความเครียดแบบลึก ๆ ต่อให้เป็นคนตลกแค่ไหน แต่ร่างกายมันก็เครียด จึงควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินบีและวิตามินซี ถ้าตื่นเช้ามากินข้าวกล้อง กินผัก ผลไม้ ดื่มน้ำผลไม้คั้นสด ๆ ได้ทุกวันยิ่งดี

ทั้ง 5 วิธีนี้คือการดูแลตัวเองง่าย ๆ ถ้าจำเป็นต้องนอนดึกจริง ๆ ทางที่ดีคือเราควรนอนอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ปลอดโรคภัย และลดความเสื่อมของร่างกายจะได้แข็งแรงไปนานๆ ค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก http://women.thaiza.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B6%E0%B8%81/283907/

ห่างไกลโรคร้าย ต้องใส่ใจฉลากบรรจุภัณฑ์

ความปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์อาหาร ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเลือกซื้อสินค้าของ ผู้บริโภคอยู่เสมอ เพราะนอกจากจะต้องคำนึงถึงรสชาติ สีสัน และความสดสะอาดของอาหารแล้วยังจะต้องใส่ใจในเรื่องของบรรจุภัณฑ์ที่ให้ความแข็งแรง ทนทาน และไม่มีจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคอีกด้วย

เรามาทำความรู้จักบรรจุภัณฑ์อาหารกันก่อน พลาสติกโดยทั่วไปที่ใช้บรรจุอาหาร แบ่งได้เป็น 7  ประเภทใหญ่ๆ  ซึ่งแต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป เช่น ทนความร้อนสูง ทนความเย็นจัด   ทนกรดด่างได้ดี   เป็นต้น   สำหรับอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งที่มักจะเลือกทานกันเป็นประจำในร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน ส่วนใหญ่จะใช้วัสดุที่ทำมาจากพลาสติกชนิด Polypropylene  หรือที่เรียกกันว่า PP ซึ่งเป็นพลาสติกในกลุ่มที่มีคุณสมบัติทนความร้อนสามารถเข้าไมโครเวฟได้ ป้องกันการผ่านของความชื้นได้ดี และสามารถใช้บรรจุหรือสัมผัสอาหารได้โดยตรง   โดยไม่มีสารเคมีออกมาปนเปื้อนกับอาหารเหมาะใช้เป็นภาชนะบรรจุอาหารได้อย่างปลอดภัย แต่อย่างไรควรระมัดระวังบรรจุภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปบางประเภทที่อาจผลิตจากพลาสติกประเภทอื่นๆ   ที่มีจุดหลอมเหลวต่ำไม่สามารถทน ความร้อนได้สูงมากนัก  เพื่อความปลอดภัยทุกครั้ง  ก่อนที่เราจะนำอาหารเข้าไปอุ่นในเตาไมโครเวฟ  ควรตรวจสอบว่าภาชนะที่ใช้บรรจุนั้น สามารถทนความร้อนได้หรือไม่

โดยปกติแล้วสามารถสังเกตได้จากภาชนะที่บรรจุภัณฑ์นั้นๆ  จะมีคำว่า  “Microwave Safe” หรือ   “Microwaveable”  เป็นต้น  นอกจากนี้  ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการอุ่นบนฉลาก เช่น การเจาะรูบนแผ่นพลาสติกด้านบนถาดบรรจุอาหาร หรือการเปิดฝาขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ไอน้ำระเหยได้ง่าย และเป็นการป้องกันการพองตัว  และการระเบิดของอาหาร   รวมถึงปรับระยะเวลาการอุ่นอาหารให้เหมาะสมด้วย

จากความสะดวก  รวดเร็ว  และหาทานง่ายของอาหารสำเร็จรูปเหล่านี้ อย่ามัวแต่เลือกซื้อเพลินจนลืมใส่ใจบรรจุภัณฑ์ ให้ฉลาดเลือก   ฉลาดใช้สักนิด  จะได้ทานอาหารอย่างสบายใจ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://bit.ly/1G9IcVc