นักร้องเกาหลี เกิร์ลกรุ๊ปวัยใส แต่งกายยั่วยุ เป็น สื่อลามก
Sexual | หน้า 2 | หน้า 3 | หน้า 4 | หน้า 5 |
เอ็มม่า-วัตสัน ชื่อนี้อันตรายที่สุด http://www.komchadluek.net/detail/20120910/139709/เอ็มม่าวัตสันชื่อนี้อันตรายที่สุด!.html
10 ก.ย. 55 บริษัทด้านความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต แม็คอาฟี่ เปิดเผยในวันนี้ว่า ชื่อของ เอ็มม่า วัตสัน หนึ่งในนักแสดงนำจากภาพยนตร์เรื่อง แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ ได้กลายเป็นชื่อที่อันตรายที่สุด สำหรับผู้ที่ค้นหาทางออนไลน์ เนื่องจากมีเว็บไซต์จำนวนมาก ใช้ชื่อของเธอในการล่อลวงผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ให้เข้าไปดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ที่ตั้งขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ที่มุ่งร้าย หรือไม่ก็หลอกขโมยข้อมูลส่วนตัว
เมื่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ค้นหาชื่อของ วัตสัน พบว่า มีโอกาสหนึ่งในแปดที่จะตกเป็นเหยื่อของเว็บไซต์หลอกลวง และนับเป็นครั้งที่ 6 แล้ว ที่แม็คอาฟี่ ได้ทำการศึกษาในเรื่องนี้ โดยเมื่อปีที่แล้ว ชื่อที่ถูกนำไปใช้หลอกลวงมากที่สุด คือ เฮดี้ คลุม นางแบบชื่อดังชาวเยอรมัน ขณะที่นักแสดงหญิงชื่อดังคนอื่นๆ ก็มีแนวโน้มที่จะถูกเอาชื่อไปใช้ล่อลวงโดยเหล่าอาชญากรไซเบอร์เช่นกัน ขณะที่จิมมี่ คิมเมล พิธีกรรายการโทรทัศน์และนักแสดงตลกชื่อดัง เป็นผู้ชายคนเดียวที่ติดใน 20 อันดับคนดัง ที่ถูกเอาชื่อไปใช้หลอกลวงในเว็บไซต์ทางอินเทอร์เน็ตมากที่สุด
เหล่าคนดังอื่นๆ ที่ถูกเอาชื่อไปใช้หลอกลวงทางไซเบอร์ ได้รวมถึง เจสสิก้า บีล , อีวา แมนเดส , เซเลน่า โกเมซ และฮัลลี่ แบร์รี่
สำหรับเอ็มม่า วัตสัน เธอเป็นนักแสดงลูกครึ่ง อังกฤษ-ฝรั่งเศส เธอเป็นหนึ่งในนักแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ โดยรับบท เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ร่วมกับแดเนียล แรดคลิฟฟ์ และรูเพิร์ท กรินท์ ซึ่งการร่วมแสดงในภาพยนตร์ภาคต่อของแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ ทำให้เธอเป็นหนึ่งในนักแสดงรุ่นใหม่ที่มีรายได้มหาศาล
สภาเกาหลีสั่งสอบ นักร้องเกาหลี เกิร์ลกรุ๊ปวัยใส แต่งกายยั่วยุ 30 ก.ย.2553 http://www.kikuza.com/archives/760
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรของเกาหลีใต้ ได้มีการหารือกันเกี่ยวกับศิลปินกลุ่มหญิงล้วน หรือเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี โดยให้คณะกรรมาธิการด้านวัฒนธรรม ดำเนินการตรวจสอบการแต่งกายของศิลปินกลุ่มหญิงเหล่านี้ หลังพบแต่งกายวาบหวิวยั่วยุส่อไปในทางเพศ
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการด้านวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการเรียกบริษัทต้นสังกัดศิลปินเกิร์ลกรุ๊ป 3 แห่ง เข้าชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยทั้งหมดจะถูกสอบในประเด็นว่า ศิลปินถูกบังคับให้แต่งกายเปิดเผยร่างกาย และร้องเพลงที่มีเนื้อหายั่วยุทางเพศหรือไม่ เนื่องจากพบว่า ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปบางวงนั้น สมาชิกมีอายุเพียง 13 -- 14 ปี และหากพบว่าพวกเธอทำตามนโยบายของบริษัทต้นสังกัด อาจเข้าข่ายถูกล่วงละเมิด อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการควบคุมกิจการคมนาคมสื่อสารของเกาหลีใต้ ได้มีการจัดระเบียบการแสดงของเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี โดยเตือนไปยังสถานีโทรทัศน์รายใหญ่ของประเทศ 3 แห่ง ให้จำกัดการแสดงของศิลปินที่มีอายุระหว่าง 12-15 ปี แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังพบเปิดตัวใหม่ของศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปอายุน้อย ที่สุด คือวง GP Basic มีอายุเฉลี่ยน้อยที่สุดในวงการ 15 ปี ประกอบไปด้วยสมาชิก ชั้น ป.6 จำนวน 1 คน และชั้น ม.2 จำนวน 5 คน รวมทั้งหมด 6 คนด้วยกัน
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรของเกาหลีใต้ ได้มีการหารือกันเกี่ยวกับศิลปินกลุ่มหญิงล้วน หรือเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี โดยให้คณะกรรมาธิการด้านวัฒนธรรม ดำเนินการตรวจสอบการแต่งกายของศิลปินกลุ่มหญิงเหล่านี้ หลังพบแต่งกายวาบหวิวยั่วยุส่อไปในทางเพศ
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการด้านวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการเรียกบริษัทต้นสังกัดศิลปินเกิร์ลกรุ๊ป 3 แห่ง เข้าชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยทั้งหมดจะถูกสอบในประเด็นว่า ศิลปินถูกบังคับให้แต่งกายเปิดเผยร่างกาย และร้องเพลงที่มีเนื้อหายั่วยุทางเพศหรือไม่ เนื่องจากพบว่า ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปบางวงนั้น สมาชิกมีอายุเพียง 13 -- 14 ปี และหากพบว่าพวกเธอทำตามนโยบายของบริษัทต้นสังกัด อาจเข้าข่ายถูกล่วงละเมิด
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการควบคุมกิจการคมนาคมสื่อสารของเกาหลีใต้ ได้มีการจัดระเบียบการแสดงของเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี โดยเตือนไปยังสถานีโทรทัศน์รายใหญ่ของประเทศ 3 แห่ง ให้จำกัดการแสดงของศิลปินที่มีอายุระหว่าง 12-15 ปี แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังพบเปิดตัวใหม่ของศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปอายุน้อย ที่สุด คือวง GP Basic มีอายุเฉลี่ยน้อยที่สุดในวงการ 15 ปี ประกอบไปด้วยสมาชิก ชั้น ป.6 จำนวน 1 คน และชั้น ม.2 จำนวน 5 คน รวมทั้งหมด 6 คนด้วยกัน
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรของเกาหลีใต้ ได้มีการหารือกันเกี่ยวกับศิลปินกลุ่มหญิงล้วน หรือเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี โดยให้คณะกรรมาธิการด้านวัฒนธรรม ดำเนินการตรวจสอบการแต่งกายของศิลปินกลุ่มหญิงเหล่านี้ หลังพบแต่งกายวาบหวิวยั่วยุส่อไปในทางเพศทั้งนี้ คณะกรรมาธิการด้านวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการเรียกบริษัทต้นสังกัดศิลปินเกิร์ลกรุ๊ป 3 แห่ง เข้าชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยทั้งหมดจะถูกสอบในประเด็นว่า ศิลปินถูกบังคับให้แต่งกายเปิดเผยร่างกาย และร้องเพลงที่มีเนื้อหายั่วยุทางเพศหรือไม่ เนื่องจากพบว่า ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปบางวงนั้น สมาชิกมีอายุเพียง 13 -- 14 ปี และหากพบว่าพวกเธอทำตามนโยบายของบริษัทต้นสังกัด อาจเข้าข่ายถูกล่วงละเมิดอย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการควบคุมกิจการคมนาคมสื่อสารของเกาหลีใต้ ได้มีการจัดระเบียบการแสดงของเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี โดยเตือนไปยังสถานีโทรทัศน์รายใหญ่ของประเทศ 3 แห่ง ให้จำกัดการแสดงของศิลปินที่มีอายุระหว่าง 12-15 ปี แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังพบเปิดตัวใหม่ของศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปอายุน้อย ที่สุด คือวง GP Basic มีอายุเฉลี่ยน้อยที่สุดในวงการ 15 ปี ประกอบไปด้วยสมาชิก ชั้น ป.6 จำนวน 1 คน และชั้น ม.2 จำนวน 5 คน รวมทั้งหมด 6 คนด้วยกัน
ตะลึง วัยรุ่นหญิงไทย ฮิตไม่สวมกางเกงใน ทำไฮไลท์ขน แฟชั่นใหม่ นักเรียนหญิงไม่ใส่ กกน. 24 ก.ย. 2550
http://tnews.teenee.com/etc/15088.html
http://www.yenta4.com/webboard/2/1149196.html
นอกจากปัญหาวัยรุ่นเสพยาเสพติดสูตรใหม่แล้ว กลุ่มนักเรียนนักศึกษาหญิงใน จ.นครศรีธรรมราช ส่วนหนึ่งนิยมแฟชั่นไม่สวมกางเกงชั้นใน และทำไฮไลท์ขนอวัยวะเพศด้วย
นายศักดิ์ (สงวนชื่อจริง) ปลัดอาวุโสอำเภอแห่งหนึ่งใน จ.กระบี่ ซึ่งมีภูมิลำเนาในนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ขณะที่กำลังเดินทางจาก จ.นครศรีธรรมราช เพื่อไปทำงานที่ จ.กระบี่ พร้อมกับข้าราชการระดับหัวหน้าส่วน 3 คน ระหว่างที่ขับรถนั้นพบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มอยู่กลางถนน มีนักเรียนหญิง 3 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนหมดสติอยู่จึงหยุดรถช่วยเหลือ
"เมื่อไปเห็นกลับไม่กล้าให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากนักเรียนหญิงทั้ง 3 คน บางคนนอนแน่นิ่ง สภาพกระโปรงขาดเกือบทั้งตัว และมีบาดแผลหลายแห่ง แต่สิ่งที่ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่านักเรียนหญิง 2 ใน 3 คน ไม่สวมกางเกงชั้นใน ผมเองจึงไม่กล้าให้ความช่วยเหลือ แต่ให้ข้าราชการอีกคนซึ่งเป็นผู้หญิงลงไปช่วย
และเมื่อตำรวจเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ผมได้ไปบอกตำรวจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจถึงกับหัวเราะแล้วบอกว่า เดี๋ยวนี้เป็นแฟชั่นของนักเรียนหญิงไปแล้ว โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เมื่อนักเรียนหญิงขี่รถจักรยานยนต์มาประสบอุบัติเหตุจะพบเห็นได้เสมอว่า ไม่สวมกางเกงชั้นใน บางครั้งเมื่อเจ้าหน้าที่มูลนิธิมาให้ความช่วยเหลือ ต้องใช้ผ้าห่อศพปิดบังให้แล้วนำไปส่งโรงพยาบาล” นายศักดิ์ กล่าว
ด้าน น.ส.จ.(นามสมมติ) อาจารย์โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ความนิยมของวัยรุ่นสาวที่ไม่นิยมใส่กางเกงชั้นในนั้น เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว และเป็นแฟชั่นที่ระบาดมาจากต่างประเทศ อย่างในโรงเรียนที่สอนอยู่เด็กกลุ่มนี้มักจะมีการแต่งตัวแนวที่เรียกว่า “คิกขุ” สไตล์วัยรุ่นญี่ปุ่นและนิยมสวมใส่เสื้อผ้าสั้นๆ ทั้งกระโปรงและกางเกง เน้นแบบรัดรูปเห็นเป็นสัดส่วน
“เคยถามพวกเขาว่า ทำไมต้องแต่งตัวแบบนี้ และไม่นิยมสวมชั้นใน ได้รับคำตอบว่า ถ้าแต่งให้เต็มรูปแบบนั้น ต้องแต่งแบบคิกขุสวมกระโปรง หรือกางเกงแบบสั้นๆ ส่วนเสื้อนั้นเป็นเสื้อกล้ามรัดรูป เวลาไปไหนมาไหนต้องมีรถจักรยานยนต์ แบบสกูตเตอร์ออโตเมติก ที่สำคัญนั้นจะต้องไม่ใส่กางเกงชั้นใน ส่วนหน้าอกนั้นสวมบราตามปกติ แต่ต้องเป็นบราที่มีลวดลายเด่นชัด สามารถมองผ่านทะลุเสื้อได้ และขนในที่ลับจะต้องทำไฮไลท์เป็นสีต่างๆ เมื่อสวมสั้นๆ แล้วขี่รถจักรยานยนต์ไปตามท้องถนน เมื่อคนมองนั้นเขาจะรู้สึกสะใจชอบใจ ยิ่งเห็นอาการคนที่มองตะลึง ในทำนองมองแล้ววับๆ แวมๆ ของสีขนในที่ลับที่ทำไฮไลท์ไว้ ที่ผ่านมาพยายามตักเตือนแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผล” อาจารย์ จ. กล่าว
ร้องสื่อบันเทิงลามก! ลงภาพโป๊ดารานอนเกยสุดสยิว เครือข่ายครอบครัวรุก 30 เม.ย. 2550 http://www.funwhan.com/news/show.php?news_id=425
ร้องสื่อบันเทิงลามก! ลงภาพโป๊ดารานอนเกยสุดสยิว เครือข่ายครอบครัวรุก ให้วธ.หามาตรการคุมนิตยสารรายปักษ์ยั่วยุ
เครือข่ายครอบครัวฯ แฉแหลก นิตยสารบันเทิงรายปักษ์ ลงรูปดาราเปลือยเปล่า กอดก่าย “เมคเลิฟ” ให้เห็นอย่างโจ่งครึ่ม วางขายเกลื่อนแผง กร้าว ผู้ผลิตอย่าชี้นำสังคมว่าภาพโป๊เป็นศิลปะ ทั้งที่เป็นแค่ภาพอุบาทว์ รุดร้องเรียนกระทรวงวัฒนธรรม หามาตรการคุมเข้มสื่อบันเทิงลามก หวั่นวัยรุ่นเลียนแบบ ฝากเตือนผู้ปกครอง ดูแลลูกหลานให้ดีว่าทุกวันนี้ซื้อหนังสืออะไรมาอ่าน
เมื่อวันที่ 29 เม.ย. นางอัญญากร พานิชพึ่งรัถ ตัวแทนเครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยกลุ่มเครือข่ายครอบครัวและกลุ่มเครือข่ายเฝ้าระวังฯ อีก 8 กลุ่ม กว่า 50 คน เดินทางมากระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เพื่อรวมตัวยื่นหนังสือร้องเรียนการนำเสนอภาพไม่เหมาะสมของนิตยสารบันเทิงหลายฉบับ ต่อนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม โดยกลุ่มเครือข่ายครอบครัวฯ ได้นำตัวอย่างนิตยสารบันเทิงรายปักษ์ฉบับหนึ่งที่มีลักษณะการนำเสนอภาพส่อไปทางลามกอนาจารมาแสดงให้นายวีระ ได้เห็นเป็นตัวอย่าง และสะท้อนสถานการณ์วิกฤติของการแพร่กระจาย สื่อลามก เพื่อให้ วธ.ช่วยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการหามาตรการปราบปรามสื่อบันเทิงลามกเหล่านี้ด้วย
นางอัญญากร กล่าวต่อว่า เนื่องจากปัจจุบันมีสื่อบันเทิงหลายฉบับนิยมเผยแพร่ภาพลามกอนาจาร อาทิ ภาพนางแบบและนายแบบเปลือยกาย นอนก่ายเกยกัน ภาพการแต่งกายวาบหวิวนุ่งน้อยห่มน้อยที่ไม่เหมาะสม และการ์ตูนลามกที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ อีกทั้งนิตยสารฉบับดังกล่าวที่นำมาเป็นตัวอย่างให้เห็นนั้น จากการที่กลุ่มเครือข่ายฯ ร่วมกันตรวจสอบเนื้อหาแล้ว พบว่ามีภาพดาราประกอบเนื้อหาเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งขณะนี้เด็กวัยรุ่นนิยมซื้อมา บริโภคและซึมซับพฤติกรรมการแสดงของดารานำไปสู่การเลียนแบบดาราที่ชื่นชอบ พร้อมทั้งมีค่านิยมชื่นชอบการกระทำไม่เหมาะสมของดาราเหล่านี้ เพราะคิดว่าพฤติกรรมดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากคนในสังคม
"โดยปกติดิฉันไม่ได้สนใจหาซื้อนิตย สารแบบนี้มาอ่านอยู่แล้ว แต่ลูกสาวของดิฉันซึ่งเป็นวัยรุ่นไปซื้อมาอ่าน พอเราเปิดอ่านบ้างก็ตกใจ เพราะข้างในมีแต่ภาพดาราชายหญิงนอนเปลือยเปล่า แสดงกิริยาเมคเลิฟ หรือท่าทางการร่วมเพศ กอดจูบกัน เมื่อเปิดหน้าต่อไปก็จะเป็นภาพกอดจูบ โชว์หน้าอกโชว์เต้านมโดยเอาอะไรมาแปะหัวนมหรือเอาฝ่ามือปิดเพื่อไม่ให้เห็น และท่อนล่างนุ่งกางเกงในตัวจิ๋วเท่านั้น ซึ่งนิตยสารดังกล่าวมีเนื้อหาเป็นอย่างนี้เกือบทั้งเล่ม นอกจากนี้ยังมีนิตยสารบันเทิงฉบับอื่นอีกที่ลูกสาวซื้อมาอ่านพบว่ามีการเสนอภาพไม่เหมาะสมในลักษณะคล้ายกัน เมื่อเครือข่ายพ่อแม่มีโอกาสพูดคุยกัน ก็สงสัยว่าตกลงแล้ว มันเป็นหนังสืออะไรกันแน่ เบื้องต้นทราบว่านิตยสารประเภทนี้มีการนำเสนอภาพลามก วางขายอย่างต่อเนื่อง ทั้งตามแผงร้านค้าทั่วไป และร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ" ตัวแทนเครือข่ายครอบครัวฯ กล่าว
นางอัญญากร กล่าวอีกว่า จากการหารือของเครือข่ายครอบครัวได้แสดงความคิดเห็นว่า นิตยสารประเภทนี้ไม่มีเนื้อหาสาระอะไรที่ให้ประโยชน์กับครอบครัว ตรงกันข้าม กลับพบว่าเนื้อหามอมเมาเด็กและเยาวชนจะเห็นได้จากการที่ดาราและช่างภาพมักจะบอกว่าผู้หญิงเปลื้องผ้าถ่ายแบบเป็นภาพศิลปะ ซึ่งผู้ปกครองไม่ต้องการให้นำความคิดแบบนี้มาพูดกล่าวอ้างเหตุผลกัน จึงอยากสื่อสารไปยังผู้ประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำนิตยสารเหล่านี้ว่า มีมาตรฐานอะไรที่ชี้วัดว่าภาพอุบาทว์พวกนั้นเป็นศิลปะ เรามีความเห็นว่าผู้ประกอบการสื่อบันเทิงต้องจำแนกให้ออก ระหว่างการสร้างสรรค์ ผลงานศิลปะ กับจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมบนพื้นฐานที่ไม่ขัดต่อศีลธรรม และวัฒนธรรมอันดีงามของไทย เพราะชาวบ้านทั่วไปไม่ได้มองแบบนั้นกลับมองว่าเป็น ภาพทุเรศอุจาดตามากกว่า
"บางทีผู้ปกครองไม่ได้สนใจว่าลูก อ่านหนังสืออะไร อีกทั้งผู้ปกครองบางคนก็รู้เท่าไม่ถึงการณ์ซื้อมาไว้ในบ้านโดยไม่ได้ดูเนื้อหาข้างในอย่างละเอียด ดังนั้นเครือข่ายครอบครัวอยากเรียกร้องให้กระทรวงวัฒนธรรม ช่วยดำเนินการกับสื่อบันเทิงลามกด้วย เพื่อให้นิตยสารเหล่านี้ควรนำเสนอภาพการแต่งกายที่ดูดี เหมาะสมต่อกลุ่มผู้อ่าน ไม่โป๊เปลือยขัดต่อวัฒนธรรม เพราะนิตยสารประเภทนี้เข้าถึงวัยรุ่นและบุคคลทั่วไปได้ง่าย ไม่เว้นแม้แต่เด็กหรือผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังขอฝากเตือนไปถึงผู้ปกครองท่านอื่น ๆ ที่มีลูกหลานกำลังเจริญเติบโตเข้าสู่วัยรุ่น ให้หันมาสนใจดูบ้างว่าลูกเรากำลังอ่านหนังสือประเภทใดอยู่" นางอัญญากร กล่าวตอนท้าย
ที่ จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ สวป.สภ.อ.เมืองนนทบุรี พร้อมกำลัง ร่วมกันจับกุมตัวนายจักรพัฒน์ บารมีเนตร อายุ 20 ปี และนายนพดล แอประเสริฐ อายุ 45 ปี พร้อมของกลางซีดีลามก อนาจาร 578 แผ่น เครื่องซีพียูคอมพิวเตอร์ 21 เครื่อง หลังวางแผนล่อซื้อและผู้ต้องหาหลงกล ขี่รถ จยย.เข้าไปที่บ้านเลขที่ 78/96 หมู่ 4 ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี นำสินค้าใส่ถุงปุ๋ยขี่รถ ไปส่งขนถ่ายใส่รถเก๋งบีเอ็มดับบลิวคันหนึ่งที่จอดอยู่หน้าเรือนจำจังหวัดนนทบุรี จึงแจ้งข้อหาประกอบกิจการจำหน่ายเทปวัสดุโทรทัศน์ ดีวีดี ,วีซีดี ลามกอนาจารโดยผิดกฎหมาย สอบสวนผู้ต้องให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป.
ราชมงคลทุ่มงบกรองเว็บลามกในเน็ต 16 ตุลาคม 2549 http://www.ee-part.com/news/4588
http://www.dailynews.co.th/dailynews/pages/front_th/popup_news/Default.aspx?Newsid=103978&NewsType=1&Template=1
งานวิจัยของ นศ.ราชมงคล พบวัยรุ่นชอบดูคลิปวิดีโอจากมือถือและใช้เวลาดูมากกว่า 5 ครั้ง/ สัปดาห์ ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาชาย ทุ่มงบกว่า 7 ล้านติดตั้งระบบกรองเว็บไซต์ลามกภายในมหาวิทยาลัย
นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.) ธัญบุรี ภาควิชาการจัดการสำนักงานคณะบริหารธุรกิจ ประกอบด้วยนางสาวสุรักษ์ พูนะกุล นายวุฒินันท์ ทาสีแก้ว นางสาวกวิดา เวียงคำ นางสาวสุกัญญา พวงจัตุรัส นางสาวแอนจีรา แก้ววิเศษ นางสาวนฤมล อรุณสันติโรจน์ และนางสาวฐิติยา สอนเอีย ได้ร่วมกันทำวิจัยในหัวข้อ “ทัศนคติของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลธัญบุรี (คลองหก) ที่มีต่อการดูคลิปวิดีโอ ลามก” โดยศึกษาถึงทัศนคติของนักศึกษา มทร.ธัญบุรี ที่มีต่อการดูคลิปวิดีโอลามก เพื่อหาวิธีแก้ไข ป้องกันและควบคุมการเผยแพร่คลิปวิดีโอลามก กลุ่มนักศึกษาได้ศึกษาข้อมูลจากประชากรตัวอย่างที่เป็นนักศึกษาวัยรุ่นในเฉพาะ มทร.ธัญบุรี จำนวน 500 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามและวิเคราะห์ด้วยโปรแกรม Excel
ผลการวิจัยพบว่า นักศึกษาชาย ร้อยละ 54.4 หญิง ร้อยละ 45.6 อายุระหว่าง 17-24 ปี ดูคลิปวิดีโอลามก ร้อยละ 95.6 ชายมีการดูคลิปวิดีโอลามกมากกว่าเพศหญิง และใช้เวลาดูไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง/อาทิตย์ เป็นอันดับสูงสุด ซึ่งส่วนมากจะดูครั้งแรกตอนอายุ 15-19 ปี เมื่อได้ลองดูครั้งแรกแล้วจะอยากดูครั้งต่อ ๆ ไป ส่วนมากดูคลิปวิดีโอลามกจากมือถือเป็นอันดับสูงสุด รองลงมาคือ Internet และอื่น ๆ เช่น CD VDO ตามลำดับ เมื่อดูคลิปวิดีโอแล้วจะทำการส่งต่อให้เพื่อน วัยรุ่นส่วนใหญ่ดูเพื่อความบันเทิงเป็นอันดับสูงสุด รองลงมาคือ เพื่อตามกระแส เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ เพื่อการศึกษา และอื่น ๆ
สำหรับวิธีป้องกันคลิปวิดีโอลามก นักศึกษาได้เสนอให้รณรงค์นักศึกษาและแนะแนวถึงผลกระทบและโทษที่เกิดจากการดูคลิปวิดีโอลามก ให้มหาวิทยาลัยออกกฎที่เด็ดขาดกับนักศึกษาที่ดูคลิปวิดีโอลามก
ด้าน ผศ.ดร.อรุณี อินทรไพโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ มทร.ธัญบุรี ที่ปรึกษาของงานวิจัยชิ้นนี้ ระบุว่า มหาวิทยาลัยพยายามที่จะดูแลป้องกันทุกวิถีทางเกี่ยวกับเรื่องปัญหาการดูคลิปวิดีโอ และเว็บ ไซต์ลามก ขณะนี้ทุ่มงบประมาณกว่า 7 ล้านบาท เพื่อติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยควบคุมการใช้งานเน็ตเวิร์ก เพื่อป้องกันเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม.
5 นักวิจัยมหาสารคามทำระบบแอนตี้เว็บโป๊ ดึงเด็กไทยห่างจากภาพเปลือย 5 กันยายน 2549 http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9490000111595
http://www.it.msu.ac.th/AntiX/publication.php
คณะนักวิจัย ม.มหาสารคาม พัฒนาระบบ “แอนตี้เว็บโป๊” ป้องกันเยาวชนไทยให้ห่างไกลจากสิ่งยั่วยุ ชี้คุณภาพดีเท่าหรือดีกว่าต่างประเทศ หลังผสมผสานการประเมินผลข้อมูลอัจฉริยะทั้งภาพ ข้อความ และลิงก์เว็บ คาดสำเร็จปลายปีนี้ ก่อนถึงมือเด็กแน่ในโครงการโรงเรียนในฝันของรัฐบาล!!!
ในโลกยุคไซเบอร์สเปซ หลายคนคงรู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างง่ายดายเหลือเกิน เพราะเราสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการสืบค้นข้อมูลต่างๆเพื่อมาทำงาน หรือแม้แต่การพักผ่อนดูหนัง ฟังเพลง หาข้อมูลท่องเที่ยว หรือเล่นเกมอยู่ที่บ้าน ก็ง่ายและครอบคลุมได้ในคลิ๊กเดียว !!!
ทว่า หากเราสามารถท่องเว็บไซต์ หรือไซเบอร์สเปซอันกว้างใหญ่ไพศาลได้อย่างมีวิจารญาณถ้วนทั่วกันดีแล้ว ก็ดูจะไม่น่าจะมีปัญหาอะไรตามมา โดยเฉพาะกับผู้ใหญ่ที่แยกแยะถูกผิดได้ดี กระนั้นเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติก็ไม่อาจเป็นเช่นนั้น แต่เปรียบได้กับผ้าขาวที่เราต้องคอยป้องกันไม่ให้แปดเปื้อนไปกับฝุ่นและคราบไคลจากการใช้อินเตอร์เน็ท ที่สำคัญคือเว็บไซต์อนาจารหรือที่รู้จักกันดีในนาม “เว็บโป๊”
จึงนับว่าเป็นโชคดีที่ในสังคมของเรายังมีผู้ใหญ่ที่ห่วงใยเยาวชนของชาติเหล่านี้ และเล็งเห็นถึงโทษของเว็บโป๊-เว็บอนาจารว่าเป็นต้นเหตุแห่งความชั่วร้ายนานานัปการที่จะเกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) จึงได้ให้ทุนการวิจัยพัฒนาแก่คณะวิจัยจากคณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ให้จัดทำระบบกลั่นกรองเว็บไซต์อนาจาร (Automated Obscenity Web Sites Filtering Systems) ขึ้น ในชื่อ “แอนตี้ เอ็กซ์” (Anti X) เพื่อกำราบเว็บโป๊ให้อยู่หมัด!
คณะวิจัยทั้ง 5 ประกอบด้วย อาจารย์รพีพร ช่ำชอง, อาจารย์จันทิมา พลพินิจ, อาจารย์ ดร.สมนึก พ่วงพรพิทักษ์, อาจารย์ชุมศักดิ์ สีบุญเรือง และอาจารย์อนิรุทธ์ โชติถนอม โดยได้รับทุนการวิจัยพัฒนาประมาณ 2.1 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาการวิจัยพัฒนาตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.2547 ถึงวันที่ 27 มิ.ย.2549 หรือร่วม 2 ปี ซึ่งระบบกลั่นกรองเว็บไซต์อนาจารนี้ก็เป็นหนึ่งในผลงานสิ่งประดิษฐ์คิดค้นที่ส่งเข้าประกวดในรางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2550 ของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ด้วย
คณะวิจัยเผยว่า จากการพัฒนาโปรแกรมและอัลกอรึทึมของระบบมาโดยลำดับ ทำให้พวกเขาได้ระบบกลั่นกรองเว็บไซต์อนาจารที่พิจารณาข้อมูลได้ทั้งจากข้อมูลที่เป็นภาพ (Image) ข้อมูลที่เป็นข้อความภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (Text) และลิงก์ของเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงกันอยู่ (Link) ซึ่งในส่วนของข้อมูลที่เป็นภาพนั้น ระบบจะกลั่นกรองด้วยการดูสัดส่วนของภาพที่มีลักษณะเป็นสีผิวของมนุษย์เป็นหลัก หากพบว่าภาพใดมีสัดส่วนของสีผิวมนุษย์มากผิดปกติก็ต้องสงสัยไว้ก่อนว่าเข้าข่ายเป็นภาพเปลือย
พร้อมกันนี้ระบบยังอาศัยข้อมูลทางสถิติมาประกอบการตัดสินใจอัจฉริยะเสมือนมนุษย์มาช่วยกลั่นกรองเว็บไซต์อีกชั้นหนึ่ง ผ่านการผสมผสานความรู้ด้านคอมพิวเตอร์แขนงต่างๆ อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) การประมวลผลข้อความ (Text Processing) การประมวลผลภาพ (Image Processing) และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) จึงทำให้ไม่ต้องกังวลว่าเว็บไซต์ที่มีประโยชน์อย่างเว็บไซต์ด้านสุขภาพ เช่นเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม หรือเว็บไซต์เรื่องเพศศึกษาจะพลอยติดร่างแหไปด้วย
ทั้งนี้ เมื่อผ่านการทดลองใช้งานจริงในระบบปิด ภายในบริเวณที่จำกัดอย่างมหาวิทยาลัย โรงเรียน หรือองค์กรธุรกิจทั่วไป ก็พบว่าระบบสามารถกลั่นกรองเว็บโป๊-อนาจารได้แม่นยำถึง 95.02% เลยทีเดียว ส่วนการทดสอบในระบบเปิดนั้นกำลังอยู่ในขั้นการทดสอบและเก็บข้อมูลเพื่อความมั่นใจอีกระยะหนึ่ง แต่จากการเก็บข้อมูลที่ผ่านมาก็พบว่าระบบสามารถกลั่นกรองเว็บไซต์ได้ถูกต้องกว่า 80% เมื่อเทียบกับเปอร์เซ็นต์ความถูกต้องแม่นยำของระบบกลั่นกรองเว็บไซต์อนาจารในประเทศญี่ปุ่นหรือประเทศยุโรปที่กลั่นกรองเว็บโป๊ในระบบเปิดได้เพียง 74-76% เท่านั้น
ส่วนจุดอ่อนของระบบที่หลงเหลืออยู่บ้าง ได้รับการเปิดเผยว่า หากระบบไปเจอเข้ากับเว็บไซต์อนาจารที่ไม่มีข้อความใดๆ เลย, เว็บไซต์อนาจารที่มีรูปขนาดเล็กมาก ภาพถูกดัดแปลง หรือเป็นรูปการ์ตูน และเว็บไซต์อนาจารที่มีเพียงลิงก์เชื่อมโยงกับเว็บไซต์อื่นๆ ระบบกลั่นกรองก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องนัก
ในส่วนนี้ คณะวิจัยเผยด้วยว่า แม้เราจะพัฒนาระบบกลั่นกรองเว็บไซต์อนาจารขึ้นมาให้มีประสิทธิภาเพียงใดก็ตาม ก็คงจะไม่สามารถควบคุมเว็บไซต์เหล่านี้ได้หมด ทว่าจุดประสงค์จริงๆ ของการพัฒนาระบบกลั่นกรองนี้ขึ้นมา กลับเป็นการป้องกันเยาวชนของชาติในโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาต่างๆ ไม่ให้หมกมุ่นหรือคลุกคลีกับเว็บไซต์ให้โทษเหล่านี้ได้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือแม้แต่กรณีที่อยากลอง ระบบนี้ก็จะกลั่นกรองเว็บโป๊ได้โดยอัตโนมัติ
ในภายในสิ้นปีนี้ เมื่อคณะวิจัยได้พัฒนาระบบจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว เนคเทคก็จะนำระบบดังกล่าวนี้ไปใช้กับโครงการโรงเรียนในฝันของรัฐบาล อำเภอละหนึ่งโรง เพื่อให้เกิดโรงเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (E-School) ขึ้นในที่สุด ซึ่งระบบถูกออกแบบมาให้ทำงานบนระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ของเครื่องเซริ์ฟเวอร์ (Server)
ด้านประโยชน์ของระบบกลั่นกรองดังกล่าว คณะวิจัยบอกว่า นอกจากจะเป็นการป้องกันเยาวชนไทยจากพิษร้ายของเว็บไซต์อนาจารแล้ว ยังอาจขยายผลไปสู่การป้องกันเยาวชนไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเว็บไซต์ความรุนแรง ยาเสพติด อาวุธสงคราม การค้ามนุษย์ หรือการก่อการร้ายต่างๆ ได้อีกด้วย อีกทั้งยังมีผลในทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีการผลิตซอฟต์แวร์ของชาติ โดยเป็นการพึ่งพาตัวเอง ลดการพึ่งพิงต่างชาติได้อย่างน่าชื่นใจ
สุดท้ายนี้ สำหรับผู้สนใจระบบกลั่นกรองเว็บไซต์อนาจาร สามารถติดต่อได้ที่คณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม 44150 โทรศัพท์ 043-754-359 โทรสาร 043-754-359 หรือเข้าไปดูรายละเอียดที่เว็บไซต์ www.it.msu.ac.th/AntiX
“ระบบกลั่นกรองเว็บไซต์อนาจาร” ของนักวิจัยทั้ง 5 ท่าน จึงถือได้ว่าเป็นระบบกลั่นกรองอันตรายในสังคมไม่ให้มาถึงลูกหลานไทยได้อย่างน่าชื่นชม เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว เชื่อว่าพ่อแม่ผู้ปกครองและครูอาจารย์ตามสถาบันการศึกษาต่างๆ คงสนใจขึ้นมาบ้าง ไม่มากก็น้อยแล้ว
เอมมี โชติรส สุริยะวงศ์ 10 มีนาคม 2550 สาหร่ายนำโชค เอมี่ พรีเซนเตอร์ นมเด้ง ดึ่ง ดั๊ง http://www.tttonline.net/stars/viewDetails.php?type_id=4039
MthA! Video::: คลิปวิดีโอ : อีกครั้งกับ เอมมี่ http://video.mthai.com/player.php?id=7M1171426501M0
ทุกมุมมอง กับ เอมมี่ ที่ไม่ได้ใส่ชั้นใน http://webboard.mthai.com/viewtopic.php?cate_id=32&post_id=301770
ระบบโพสต์รูป รูปที่ 003675 http://www.maama.com/picpost/view.php?id=003675
เอมมี โชติรส สุริยะวงศ์ http://www.siamdara.com/Gallery/00000011.html
เอมี่ โชติรส สุริยะวงศ์ ภาพหลุดสุดเสียว http://www.2poto.com/html2/viewtopic.php?topic=5687&forum=57
สัมภาษณ์งานสุพรรณหงส์ http://entertain.teenee.com/thaistar/6295.html
เอมี่ โชติรส ดัง หรือ ดับ ภายในข้ามคืน http://www.oknation.net/blog/warakorn/2007/02/13/entry-1
เอมี่ โชติรส สุริยะวงศ์ กับ ชุด สุด สยิว http://www.siamha.com/content/data/6/0295.html
"เสี่ยเจียง"สั่งแบน 3 นักแสดงสาว "เอมี่-ต้องรัก-นิว" ฐานแต่งกายไม่เหมาะสม
http://www.newswit.com/news/2007-02-14/1057-3---
เนื่องจากมีนักแสดงสาวของภาพยนตร์เรื่อง สวยซามูไร “เอมมี่ โชติรส สุริยะวงศ์” มีการแต่งกายไม่เหมาะสมในการไปร่วมงานสุพรรณหงส์ที่ผ่านมา ดังนั้น เสี่ยเจียง –นายสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ บอสใหญ่ของค่ายสหมงคลฟิล์ม จึงจัดงานแถลงข่าวด่วนขึ้น ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2550 ณ. ออฟฟิศ สหมงคลฟิล์ม อาคารเอส.พี ตึกไอบีเอ็ม ชั้น 9 เวลา 18.00 น. พร้อมให้สื่อมวลชนที่มาร่วมงานได้ซักถามในข้อสงสัยหรือประเด็นต่างๆกันอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้เสี่ยเจียงสั่งให้ระงับงานของนักแสดงดังกล่าวพร้อมกับเพื่อนนักแสดงอีก 2 ท่านที่ได้แต่งกายไม่เหมาะสมในการไปร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็น นิว – กีรติกร รัตต์กุญชร และ ต้อง-ต้องรัก อัศวรัตน์ ในครั้งนี้ด้วย
“สนธิ” อัดยับ!!..วงการบันเทิงทำเด็กเสียคน - เชื่อ “เอมี่ โชติรส สุริยะวงศ์” ตกเป็นเหยื่อรายล่าสุด
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9500000018023
http://www.thairssfeed.com/news/0000002046VOWAF/
“สนธิ”จวกวงการบันเทิงทำเด็กเสียคน เมินความเป็นไทย สร้างค่านิยมเลียนแบบดาราเมืองนอก ขณะที่ดาราสาวส่วนใหญ่คิดเพียง “อกหักเรื่องเล็ก อกเล็กเรื่องใหญ่” เผย “เอมี่ โชติรส สุริยะวงศ์” ลูกแม่โดมตกเป็นเหยื่อของวงการบันเทิง ใช้โอกาสทำการตลาดโดยไม่นึกถึงผลเสียหายที่จะเกิดขึ้น
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน คืนวันที่ 13 ก.พ. ช่วงที่ 2 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้สนทนากับนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ผู้ดำเนินรายการ ถึงภาพดาราแต่งกายหวือหวาและล่อแหลม ในงานประกาศผลรางวัลสุพรรณหงส์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า วงการบันเทิงบ้านเราทำให้เด็กเสียผู้เสียคนไปมาก เหตุผลเพราะในช่วงหลังวงการบันเทิงมักจะนิยมการขายนม ผู้หญิงคนใดที่หน้าอกโตก็จะมีโอกาสขายได้มาก มิหนำซ้ำช่วงหลังผู้หญิงมีความรู้สึกว่า “อกหักเรื่องเล็ก อกเล็กเรื่องใหญ่” ดังนั้นจึงต้องไปทำหน้าอก แสดงให้เห็นค่านิยมที่เรากำลังเลียนแบบต่างประเทศอย่างชัดเจน เมื่อเข้าวงการก็พยายามทำตัวโดดเด่น โดยเฉพาะงานใหญ่อย่างสุพรรณหงส์ พยายามเลียนแบบการประกาศผลรางวัลของต่างประเทศ จะมีการโชว์เสื้อผ้า ความเป็นไทยไม่มี ที่สำคัญดาราก็มีรสนิยมแบบดาราเมืองนอกอีก
นายสนธิ กล่าวอีกว่า คุณเอมี่ “โชติรส สุริยะวงศ์” ได้ตกเป็นเหยื่อของวงการบันเทิง เท่าที่รู้จากแหล่งข่าวในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์บอกว่า เธอเรียนเก่ง เป็นคนแต่งตัวเรียบร้อยมาก แต่เมื่อเข้าวงการบันเทิงและมีโอกาส เอมี่จึงใช้โอกาสทำการตลาดโดยไม่นึกถึงผลเสียหายที่จะเกิดขึ้น คิดว่าจะดังโดยเอาเงินเป็นตัวตั้ง อย่างไรก็ตาม ขอตั้งข้อสังเกตอยู่หลายประการ โดยเฉพาะทำไมผู้จัดงานถึงปล่อยให้ขึ้นไปเชิญรางวัลสุพรรณหงส์ เหมือนเป็นการสมรู้ร่วมคิด นอกจากนี้การที่เสี่ยเจียง “สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” แถลงข่าวตัด 3 นักแสดงสาวที่ประกอบไปด้วย เอมี่ โชติรส สุริยะวงศ์, ต้องรัก อัศวรักษ์ และนิว กีรติกร รัตน์กุลชร ออกจากภาพยนตร์เรื่อง “สวยซามูไร” ที่กำกับโดย “มานพ อุดมเดช” นั้นก็เป็นการพูดอย่างไม่เหมาะสม ทั้งๆ ที่ดารานำในค่ายหนังของเสี่ยเจียงก็ล้วนแต่วาบวิวหวานแววมาโดยตลอด ฟังแล้วมันทะแม่งๆ เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ นายสนธิ ยังกล่าวถึงกรณีที่ศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคม มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “ค่านิยมเด็กและวัยรุ่นไทยต่อวันวาเลนไทน์” สำรวจพบเด็กและเยาวชนให้ความสำคัญกับวันมาฆบูชามากกว่าวันวาเลนไทน์ว่า เราพูดเรื่องนี้ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์มาหลายครั้ง ตนไม่อยากให้เราไปคลั่งไคล้วันวันวาเลนไทน์ เพราะวันแห่งความรักที่แท้จริงก็คือวันมาฆบูชา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านได้สอนให้พวกเรารักมนุษย์ด้วยกัน ความรักที่บริสุทธิ์ที่ให้กับมนุษย์ รักเอื้ออาทร รักด้วยพรหมวิหารสี่นั้นคือความรักที่แท้จริง เป็นความรักที่บริสุทธิ์
“สุรพล” รับไม่ได้ ลูกโดมแต่งหวิว เรียก “เอมี่” เตือน
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9500000017435
อธิการบดี และรองอธิการบดีธรรมศาสตร์ ประสานเสียงเรียก “เอมี่ -โชติรส สุริยะวงศ์” เตือนฐานเป็นนักศึกษาแต่งตัวโป๊ ล่อแหลมเปิดเผยเนื้อตัวมากเกินไป แม้จะเป็นนักแสดง แต่ยังเป็นนักศึกษาที่ต้องรับผิดชอบต่อมหาวิทยาลัยและสังคม ยอมรับส่งผลต่อภาพลักษณ์สถาบัน
ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวถึงกรณีนักแสดงหญิง “เอมี่ โชติรส สุริยะวงศ์” แต่งกายหวือหวาร่วมงานประกาศผลรางวัลสุพรรณหงส์ ว่า น.ส.โชติรส เป็นนักศึกษา มธ.คณะศิลปศาสตร์ ปีที่ 4 ซึ่งโดยหลักการของ มธ.คือ นักศึกษาทุกคนเป็นผู้ใหญ่เพียงพอที่จะรับผิดชอบต่อตัวเอง และส่วนหนึ่งความเป็นนักศึกษาต้องรับผิดชอบต่อมหาวิทยาลัยและสังคมด้วย ถ้าสังคมรู้สึกว่าเรื่องนี้เสื่อมเสีย คิดว่า คงต้องเข้าไปดูเป็นกรณี ซึ่งตนได้มอบหมายให้ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการฯ ฝ่ายการศึกษา เชิญ น.ส.โชติรส มาพบเพื่อถามถึงเหตุผลของการแต่งตัวดังกล่าว โดยอาจจะต้องตักเตือน ขั้นนี้คงยังไม่ถึงลงโทษทัณฑ์บน หรือพักการเรียน คงต้องให้รองอธิการบดีเป็นผู้เจรจาและดูความเหมาะสมจากคำอธิบายของนักศึกษาด้วย อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า กรณีที่เกิดขึ้นส่งผลต่อภาพลักษณ์ของสถาบัน แม้ว่าเมื่ออยู่มหาวิทยาลัยนักศึกษาคนนี้ก็แต่งตัวเรียบร้อยและผลการเรียนดีก็ตาม
ด้าน นายปริญญา กล่าวว่า การแต่งกายนั้นเป็นเรื่องของวินัยนักศึกษา จากข้อเท็จจริงเบื้องต้นที่เห็นในรูปแล้วเห็นตรงกันกับอธิการบดี ว่า น่าจะได้มีการตักเตือน แต่จะดำเนินการทางวินัยหรือไม่ในเชิงข้อเท็จจริงคงไม่ถึงขั้นพักการเรียน หรือไม่ให้รับพระราชทานปริญญาบัตร
“การแต่งตัวแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่พึงกระทำ เพราะมันโป๊ มีการเปิดเผยเนื้อตัวมากเกินไป ไม่ว่าเขาจะเป็นนักศึกษาของธรรมศาสตร์ หรือมหาวิทยาลัยไหนก็ตาม ก็เป็นสิ่งไม่สมควร และยิ่งเป็นนักแสดงที่ต้องทำให้เป็นตัวอย่างในภาวะที่วัยรุ่นไทยถูกมองว่าแต่งตัวล่อแหลม เห็นว่า เรื่องนี้ต้องตักเตือน แต่จะมากกว่านี้หรือไม่ ขอหารือกับรองคณบดี คณะศิลปศาสตร์ ฝ่ายนักศึกษา ก่อนว่า มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่แค่ไหน ผมจะขอความเห็นจากทางคณะเขาก่อน” รองอธิการบดี มธ.กล่าว
เวทีมิสยูนิเวิร์สวุ่น มิสโคลอมเบีย ไม่สวมกางเกงในขึ้นเวที 24 มกราคม 2549 http://news.mthai.com/world-news/130460.html
http://www.bazics.net/2011/09/miss-universe-2011-colombia-catalina.html
กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก และเต็มไปด้วยเสียงตำหนิของคณะกรรมการ สำหรับการประกวด Miss Universe 2011 ที่กรุงเซา เปาโล ประเทศบราซิล
ล่าสุดสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า น.ส.คาตาลิน่า โรบาโย มิสโคลัมเบียได้ ถูกตำหนิว่า ไม่สวมกางเกงในขึ้นบนเวที จากการสวมใส่ชุดคอมมานโดซึ่งสวมกางเกงสเกิร์ตรัดสั้น และสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้คนจำนวนมาก แม้เธอจะออกมาแก้ตัวว่าสวมกางเกงขาสั้นไว้ข้างในแล้วก็ตาม
ส่วน น.ส.เชอร์ริ ลี บิ๊ก มิสออสเตรเลีย ก็ถูกติงว่าสวมชุดราตรีซีทรูที่ยั่วยวน นอกจากนี้ ยังสวมใส่บิกินี่ที่เซ็กซี่เกินไป โดยเธอถูกสั่งให้สวมบิกินีตัวใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมและไม่รัดท่อนล่าง ฟิตเกินไป
ขณะที่ผู้ออกแบบชุดให้แก่นางงามออสเตรเลีย ก็ได้มาโวยกองประกวดว่า ใช้หลักการเลือกปฎิบัติกับเหล่าบรรดาผู้ประกวด ซึ่งบางคนแต่งกายไม่เหมาะสม แต่ไม่ถูกตำหนิ และการตำหนิที่ออกมาก็มีอคติและเป็นเรื่่องการเมืองด้วย เช่น มิสกัวเตมาลา ที่สวมชุดบางจนสามารถเห็นบราและชุดชั้นใน แต่กลับไม่ถูกตำหนิ
สำหรับ การประกวดมิสยูนิเวิร์สปีนี้ คณะกรรมการได้เข้มงวดเป็นพิเศษกับการแต่งกายแฟชั่น โดยสปอนเซอร์ชุดว่ายน้ำได้รับคำแนะนำให้แจกจ่ายชุดว่ายน้ำที่มีขนาดบั้นท้าย ใหญ่ขึ้น หลังจากส่งชุดว่ายน้ำที่มีขนาดบั้นท้ายรัดรูปเกินไปจนได้รับคำสั่งให้นำมา แก้ไขดังกล่าว
อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้ น.ส.คาตาลิน่า โรบาโย มิสโคลอมเบีย ก็เคยถูกผู้จัดงานตำหนิไปแล้วครั้งหนึ่ง หลังมีคนโพสต์ภาพของเธอไม่สวมกางเกงในไปออกรอบสื่อ
แฟชั่นชุดนักศึกษา เสื้อนมปริ 25 ธันวาคม 2545 http://www.thai3dviz.com/mpn/viewtopic.php?topic=348&forum=10
http://www.kapook.com/hilight/main/13203.html
"เสื้อนมปริ" ยังคงฮิตต่อเนื่องอีกปี เพิ่มความฟิตมากเพื่อให้จุใจวัยสาว เจ้าของร้านชุดนักศึกษาระบุ “ต้องปริ" ถึงจะถูกใจ แนวโน้มจะเพิ่มขึ้นถึง 6 s แล้วจากเดิมที่มีเพิ่ง 5 s เท่านั้น เผย "ยอมทน" เพื่อความเซ็กซี่ อาจารย์ระบุเป็นแฟชั่นนักเที่ยวมากกว่าเรียน หมอระบุแค่ระคายเคืองหน้าอก ไม่ถึงกับอันตราย
ชุดนักศึกษาสาวๆ ในปัจจุบัน ที่ถูกสังเกตจากสังคม ว่าเป็นการแต่งกายที่ค่อนข้างวาบหวิว เพราะความนิยมของนักศึกษาสาวส่วนใหญ่ในปัจจุบัน เสื้อสีขาวที่พวกเธอชื่นชอบ คือเสื้อรัดรูป ที่สามารถโชว์สรีระของเธอได้ดี และแม้สายตาคนรอบข้างจะมองในแง่ลบหรืออาจจะถึงขั้นสร้างความไม่ปลอดภัยให้กับพวกเธอ แต่กระแสนี้ก็จะยังคงอยู่ต่อเนื่อง และดูเหมือนจะ "รัดรูป" มากขึ้น
“เวลาลองเสื้อ พวกนักศึกษาสาวเขาจะดูว่าปริตรงหน้าอกหรือยัง ถ้าปริแล้วถือว่าเสื้อตัวนั้นพอดี" ทิพย์ เจ้าของร้านขายเสื้อนักศึกษาย่านสยาม สถานที่ชอบยอดนิยมของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาแทบทุกสถาบันบอก "คม ชัด ลึก" เพื่อให้เห็นภาพว่าเสื้อที่พอดีของนักศึกษาในปัจจุบันตัดสินกันโดยดูจากตรงไหน
กระแสความนิยม "เสื้อรัดรูป" ที่อาจจะทำให้ผู้ใหญ่มองว่าไม่เหมาะสม เป็นข่าวขึ้นมาเมื่อไม่กี่วัน โดยน.ส.มณฑิชา ไมตรี หรือ "ครูเมย์" อาจารย์วิทยาลัยกาญจนาภิเษก จ.เชียงราย ได้สั่งลงโทษ น.ส.ไก่ (นามสมมติ) นักเรียนปวช.ปี 2 วัย 17 ปี ซึ่งครูมองว่าแต่งกายไม่เรียบร้อย เพราะสวมเสื้อรัดรุปและไม่ใส่เสื้อซับใน จนมีเรื่องฟ้องร้อง ขณะที่ครูเมย์ยอมรับว่า เรื่องยุ่งนี้ อาจจะทำให้เธอตัดสินใจลาออกจากราชการหลังปัญหายุติลง
เธออธิบายว่า เรื่องดังกล่าว ได้มีข้อตกลงในแผนกพาณิชย์เมื่อ 2 ปีที่แล้วว่า ให้นักเรียนหญิงทุกคน ต้องใส่เสื้อซับในซ้อนชุดชั้นใน เพื่อไม่ให้เกิดภาพที่ไม่งามตา ที่ผ่านมามีการละเมิดระเบียบกันมาก โดยได้แจ้งให้ทุกคนได้ทราบแล้วว่า หากใครไม่ใส่เสื้อซับใน จะต้องถูกถอดชุดชั้นในไปนั่งเรียน
"จริงๆ แล้วก็เป็นเพียงการขู่ เพื่อไม่ให้เด็กผิดระเบียบเท่านั้น ที่ผ่านมาก็พบว่า สามารถแก้ไขปัญหาได้ดีมาก และเคยมีคนละเมิดแค่ 2 ครั้งเท่านั้น คือเมื่อภาคเรียนที่ผ่านมา เด็กถูกลงโทษในลักษณะเดียวกัน คือให้ถอดชุดชั้นในออก ซึ่งหลังจากครั้งนั้น เด็กคนนั้นก็กลายเป็นคนดีขึ้นมาก ปัจจุบันไปอยู่ ปวช.3 และออกไปฝึกงานกับหน่วยงานภายนอกแล้ว แต่กรณีนี้ก็ไม่คาดคิดว่า เด็กจะถอดชุดชั้นในออกมาจริงๆ" ครูสาว ระบุ
ขณะที่นายเกตุ บุญล้อม ผู้อำนวยการวิทยาลัยกาญจนาภิเษก ซึ่งได้เรียกอาจารย์ฝ่ายปกครอง และน.ส.มณฑิชาไปสอบสวนข้อเท็จจริงและหารือเรื่องนี้ ให้ความเห็นว่า เขามั่นใจว่าน.ส.มณฑิชาไม่มีเจตนาร้ายต่อนักเรียน เพราะนอกจากสอนหนังสือแล้ว ยังเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครอง และสารวัตรนักเรียนอีกด้วย
"คับมาก" แต่ยังไม่พอใจ
ขณะที่การแต่งกายของนักศึกษา อาจจะ "ขัด" สายตาครูบาอาจารย์ แต่นักศึกษาเองก็ยังมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ ซึ่งทิพย์ เจ้าของร้านขายเสื้อนักศึกษาย่านสยาม บอกว่า ในปกติที่นักศึกษาสาวๆ มาลองเสื้อ ทั้งที่ยึดหลักง่ายๆ ในเบื้องต้นว่า "ต้องฟิต" และเธอดูแล้วว่าคับเกินไป แต่ปฏิกิริยาของนักศึกษาสาวเหล่านั้นก็คือ "ยังฟิตไม่พอ"
"ทุกครั้งที่มีเสื้อเบอร์ใหม่ที่เล็กกว่าเดิมออกมา นักศึกษาก็จะมาตามซื้อกัน อย่างเสื้อ 5 S ที่ออกมาเมื่อกลางปีและกำลังฮิตอยู่ ปรากฏว่าวางตลาดได้ไม่ถึงสัปดาห์ ก็มาถามหากัน เสื้อนั้นขายดีมาก ประมาณว่า 8 ใน 10 คนต้องซื้อเสื้อ 5 S ส่วน 2 คนที่เหลือก็จะใส่ประมาณ 4 S หรือ 3 S" ทิพย์ ขยายความ
สำหรับปี 2002 ที่กำลังจะผ่านไปนั้น เจ้าของร้านเสื้อยอดนิยมบอกว่า เสื้อเบอร์ “S" หรือเสื้อที่ใส่แล้วจะเกิดลักษณะที่คนมองว่า “เสื้อโชว์นม" เป็นเสื้อนักศึกษาสาวนิยมมากที่สุด และจาก S ที่ถือว่าเล็ก ก็ถูกนำมาพัฒนาให้ "คับมากขึ้น" เพื่อสนองความฟิตให้สมใจของสาวๆ ทำให้ผู้ผลิตทยอยออกเสื้อเบอร์เล็กลงมาเรื่อยๆ จากเล็กสุดที่เบอร์ 4 S ในปี 2001 กลายเป็น 5 S ในปี 2002 และล่าสุด มีรายงานว่า ผู้ผลิตบางรายเตรียมคอลเล็คชั่นใหม่ของปี 2003 คือเสื้อ 6 S ที่เริ่มผลิตออกมาชิมตลาดแล้ว
แขนสั้น-ไม่สวมเครื่องประดับ
ทิพย์ บอกด้วยว่า นอกจากจะต้องฟิตแล้ว สเปคเสื้อนักศึกษาที่ถูกต้องตามสมัยนิยมนั้น แขนเสื้อต้องสั้น ชายเสื้อต้องเป็นปลายตัดตรง เพื่อให้ในยามที่เอาเสื้อออกนอกกระโปรง จะเผยอให้เห็นเอวมากกว่าชายเสื้อที่โค้ง และบางคนก็จะชอบเสื้อที่ตีเกร็ด เพราะช่วยเน้นมากกว่าเสื้อปกติ
"ปีนี้จะไม่นิยมเสื้อมีลวดลาย ต้องการแบบเรียบๆ เพื่อเน้นรูปทรงให้เด่นมากขึ้น" เจ้าของร้านเสื้อบอก สำหรับลักษณะการแต่งกายชุดนักศึกษายอดนิยมนี้ มีรายงานว่า สาวๆ ที่สวมเสื้อรุ่นใหม่ จะไม่นิยมใส่สร้อยคอ เพราะต้องการให้โล่งเพื่อโชว์อย่างอื่นให้เด่นมากกว่าสร้อย และชอบเสื้อที่กระดุมอยู่ต่ำ เพราะดูแล้วค่อนข้างโป๊มากกว่ากระดุมสูง
"ลูกค้าเสื้อประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชน เช่น เอแบค หอการค้า ม.กรุงเทพ ส่วนมหาวิทยาลัยของรัฐก็มีบ้างในกลุ่มนักศึกษาที่เปรี้ยวจริงๆ พวกนี้จะเริ่มใส่ตั้งแต่ปี 1 เปิดเทอมมาก็จะใส่เสื้อถูกระเบียบประมาณ 2 สัปดาห์ จากนั้นก็จะมาซื้อเสื้อฟิตๆ ไปสวมกัน"
แนวโน้มเสื้อตัวเล็กลงทุกปี
ในฐานะที่คร่ำหวอดกับการขายชุดนักศึกษามากว่า 5 ปี ทิพย์เปิดเผยถึงความเปลี่ยนแปลงของแฟชั่นเสื้อนักศึกษาสาวๆ ให้ฟังว่า เสื้อนักศึกษามีแนวโน้มตัวเล็กลงทุกปี และถ้าเปรียบเทียบกับเมื่อ 5 ปีที่แล้ว นักศึกษาที่กล้าใส่เสื้อนักศึกษาที่เข้ารูปหรือโป๊จะมีมากขึ้น จากที่มีไม่เกิน 30% ที่กล้าใส่เสื้อนักศึกษารัดรูป แต่ปัจจุบัน นักศึกษาสาวมากกว่า 80% ใส่เสื้อไซส์ S
"เสื้อตัวใหญ่ตามปรกติแบบสมัยก่อนขายแทบไม่ค่อยได้" ทิพย์ บอกตรงๆ
"แป๊ก" นักศึกษาชั้นปี 1 ของสถาบันราชภัฏแห่งหนึ่งที่ใส่เสื้อเบอร์ S เช่นเดียวกับเพื่อนในกลุ่มของเธอ บอก "คม ชัด ลึก" ว่าเธอชอบและใส่เสื้อเบอร์ S มาตั้งแต่เริ่มเรียนปี 1 เพราะดูแล้วเก๋ดี และรู้สึกว่าตัวเองใส่เสื้อแบบนี้ดูดีกว่าเสื้อนักศึกษาธรรมดา
“ยอมรับว่าใส่เสื้อแบบนี้แล้วลำบาก ความที่เสื้อตัวเล็ก แขนเสื้อก็สั้นและฟิต ทำให้ยกแขนได้น้อยมาก เวลาขึ้นรถเมล์ก็จับราวข้างบนไม่ได้ ต้องจับราวข้างล่างแทน แต่ถ้าใจรักจะใส่เสื้อแบบนี้แล้ว ก็ต้องยอมทน" แป๊กกล่าว และบอกว่า ทุกคนยอมรับตรงกันว่า เพื่อนผู้ชายไม่ชอบให้สวมเสื้อพวกนี้ และทุกครั้งที่สวมเสื้อไซส์ S ก็จะมีแฟชั่นใส่ชุดชั้นในสีต่างๆ ด้วย เพราะในยามที่สวมเสื้อประเภทนี้ พวกเธอหรือสาวๆ ก็จะไม่นิยมสวมเสื้อทับเพื่อให้เห็นเสื้อชั้นใน "ใส่เสื้อชั้นในสีต่างๆ จะรู้สึกว่าเซ็กซี่ดี" แป๊กบอก
อย่างไรก็ตาม แม้จะชอบเสื้อเล็กกว่าตัว แต่แป๊กยืนยันว่า เธอไม่ซื้อเสื้อ 5 S เพราะถือว่าเป็นเสื้อผิดระเบียบ เธอจึงต้องสวมเฉพาะเสื้อที่ถูกระเบียบ คือไม่มีลวดลาย และใช้เฉพาะเสื้อ 3 S แต่ก็ได้นำไปให้ช่างแก้ให้เล็กลงและเข้ารูปมากขึ้น
"แม้ไม่ใส่ฟิตถึงปริตรงหน้าอก เพราะรู้สึกว่าแค่นี้ก็พอแล้ว แต่ก็มีเพื่อนหลายคนที่ใส่ฟิตขนาดอกปริ บางคนอาจจะไม่ตั้งใจหรือไม่รู้ตัวจริง แต่บางคนก็ตั้งใจ เพราะถ้าไม่ต้องการให้เสื้อปริ ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการติดกระดุมกันเสื้อเผยอได้" นักศึกษาสาวคนนี้บอก
อาจารย์ชี้พวกบ้าเที่ยวนิยม
นายสมพงษ์ จิตรระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงการใส่เสื้อ S จนกลายเป็นวัฒนธรรมของนักศึกษาในปัจจุบัน ว่าเป็นความนิยมของนักศึกษาบางกลุ่มเท่านั้น คือเป็นนักศึกษาพวกที่ชอบเที่ยวกลางคืน การใช้เงินฟุ้งเฟ้อ คิดแต่เรื่องของเพศตรงข้าม โดยไม่สนใจเรื่องการเรียน
“เสื้อแบบนี้ มันแสดงให้เห็นว่าเด็กแยกชีวิตนักศึกษากับชีวิตส่วนตัวไม่ได้ ไปแต่งชุดนักศึกษาเหมือนแต่งตัวไปเที่ยว ทำลายชื่อเสียงของสถาบันตัวเอง" นายสมพงษ์กล่าวสรุป
หมอเตือนแค่ระคายเคือง
ด้านน.พ.ประดิษฐ์ชัย ชัยเสรี ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กล่าวว่า การใส่เสื้อรัดหน้าอกของวัยรุ่นหญิงในปัจจุบันไม่ก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด แต่อาจทำให้หน้าอกหรือเต้านมของผู้สวมใส่ เกิดความระคายเคืองบ้างเท่านั้น
เช่นเดียวกับ รศ.น.พ.จรัญ มหาทุมะรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญสาขาศัลยศาสตร์ตกแต่ง คณะแพทยศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า แม้การนิยมใส่เสื้อรัดหน้าอกเกินไปของวัยรุ่นหญิงจะไม่ก่อให้เกิดโรคร้ายแรง แต่อาจทำให้หายใจลำบากและเกิดความระคายเคืองที่ผิวหนัง เนื่องจากอาการแพ้ผ้าที่สวมใส่ หรือยางที่รัดแน่นจนเกินไปได้ ซึ่งรักษาได้โดยใช้ยาแก้แพ้ทั่วไป
แจ้งจับครูลามก ชอบคุยเรื่อง"อึ๋ม" 27 มีนาคม 2549 http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03p0104270349&day=2006/03/27
4 นร.หญิงสุดทน "รองผอ.โรงเรียน"
4 นักเรียนสาวโรงเรียนดังลานสัก บุกแจ้งความจับรองผอ.พูดจาแทะโลมในเชิงลามกอนาจาร แฉชอบชวนเด็กคุยเรื่องอุบาทว์ แต่ละเรื่องไม่พ้นเรื่องใต้สะดือ ตลอดจนสรีระของหญิงสาว บางวันเรียกเข้าไปในห้องพักครู ให้เด็กกินยานอนหลับอ้างเป็นวิตามิน โชคดีเพื่อนเด็กเข้าไปเห็นพาออกจากห้องเสียก่อน ไม่ทันเกิดเรื่องบัดสีบัดเถลิง แฉสุดลามกถึงขนาดสั่งให้ลูกศิษย์สาวนั่งยองๆ ฉีกขาให้ดู แต่เด็กไม่กล้า ตร.เตรียมออกหมายจับ หลังออกหมายเรียกแล้ว 2 ครั้งไม่มา
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 มี.ค. พ.ต.ต.สันติ ทองเชื้อ พนักงานสอบสวน สภ.อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เชิญผู้ปกครอง พร้อมด้วย น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี, น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 15 ปี, น.ส.ซี (นามสมมติ) อายุ 15 ปี, และน.ส.ดี (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ทั้งหมดเป็นนักเรียนชั้นม.3 โรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่งใน อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เข้าให้ปากคำเพิ่มเติม กรณีแจ้งความจับรองผอ.โรงเรียน ฝ่ายบริหารงานบุคคล ใช้วาจาพูดดูหมิ่นลวนลาม และใช้วาจาล่วงเกินไปในทางลามกอนาจาร
จากการสอบสวนนักเรียนทั้ง 4 คนให้การว่า ว่า ขณะเกิดเหตุเรียนหนังสืออยู่ชั้น ม.2 ครูคนดังกล่าวเรียกเข้าไปพูดคุยที่ห้องส่วนตัวแล้วพูดจาลวนลามเชิงลามกอนาจาร อาทิ ครูจะขออะไรสักอย่างจะได้ไหม ขออย่างที่ผัวเมียเขาทำ มีประจำเดือนหรือยัง มีขนที่อวัยวะเพศขึ้นแล้วหรือยัง เคยมีเพศสัมพันธ์แล้วหรือยัง มีเพศสัมพันธ์แล้วรู้สึกอย่างไร แล้วไปมีเพศสัมพันธ์กันที่ไหน มีอาการเป็นอย่างไร เจ็บหรือไม่ หน้าอกใหญ่ขึ้นหรือไม่ เคยถึงจุดสุดยอดแล้วหรือยัง มีเลือดออกหรือไม่ เวลามีเพศสัมพันธ์ แล้วเคยช่วยเหลือตัวเองหรือเปล่า เคยดูหนังเอ็กซ์กี่เรื่องกี่ครั้ง และแฟนเป็นคนที่ไหน อายุเท่าไหร่
นักเรียนสาวทั้ง 4 ให้การอีกว่า นอกจากนี้ ครูยังเคยนำยาเม็ดสีขาวมาให้กิน โดยอ้างว่าเป็นวิตามิน พอกินยาเข้าไปมีอาการง่วงนอน แต่โชคดี มีเพื่อนเข้าไปในห้องจึงพาออกจากห้อง อีกทั้งมีวันหนึ่งครูคนเดียวกันเรียกเข้าไปที่ห้อง แล้วให้นั่งยองๆ ถ่างขา และยังบอกอีกว่าถ้าไม่กล้าก็เอากล้องถ่ายรูปไปถ่ายมาให้ดูวันหลัง แต่ทั้ง 4 คนไม่ยอมทำตาม หลังจากนั้นจึงนำเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดไปปรึกษากับอาจารย์ที่ปรึกษา พร้อมทั้งทำหนังสือร้องเรียนไปยังผอ.โรงเรียน เพื่อให้สอบสวนพฤติกรรมครูคนดังกล่าว รวมทั้งเข้าแจ้งความดำเนินคดีไปเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา
ด้าน พ.ต.ต.สันติ เปิดเผยว่า ภายหลังรับแจ้งความ พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกให้ผู้ต้องหา มาพบให้ปากคำแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ยังไม่เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ดังนั้นจะรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับต่อไป ในข้อหาดูหมิ่นผู้อื่น
ต่าย - อ้น เชื่อ กฎหมาย“เอวต่ำ - หลุดตูด ไม่คลอดแน่ 18 กุมภาพันธ์ 2549 http://manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9480000022153
http://202.57.155.216/asp-bin/PrintNews.aspx?NewsID=9480000022153
นิสิตมศวระบุเรื่องแฟชั่น “เอวต่ำ” ไม่ควรออกกฎหมายมาบังคับเหมือนกับที่รัฐเวอร์จิเนีย เพราะ เมืองไทยยังมีวัฒนธรรมของเราเองอยู่ อีกทั้งยังเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลไม่ใช่เรื่องที่ส่งผลกระทบกับคนอื่นเหมือนกรณีทิ้งขยะหรือสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ…
สืบเนื่องจากกรณีที่สภามลรัฐเวอจิเนียในประเทศเสรีภาพอย่างสหรัฐอเมริกาพยายามออกกฎหมายมาปรามบรรดาผู้นิยมโชว์ขอบกางเกงด้วยการออกกฎหมายให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐจับกุมและปรับผู้ที่นุ่งกางเกงเอวต่ำจนเห็นกางเกงในคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2,000 บาท เรื่องดังกล่าวไม่ห่างไกลจากตัวนิสิตนักศึกษา เพราะ แฟชั่น “เอวต่ำ” นั้นในเมืองไทยของเราเองก็ฮิตไม่แพ้ชาติอื่นและฮิตจนลามไปถึงชุดนิสิตนักศึกษา
เราได้ตัวสองสาวนิสิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ “ต่าย ธัญลักษณ์ วิเชสวิพัฒนา” กับ “อ้น เสาวภาคย์ อัศวินอานันท์” มาให้ความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว
เริ่มที่ต่ายเธอมองว่าถ้ากฎหมายที่รัฐเวอจิเนียผ่านออกมาได้จริงก็ไม่สามารถที่จะนำมาใช้ในเมืองไทยได้ อีกทั้งเธอเองก็มองว่าแฟชั่นเอวต่ำนั้นมีจริงแต่ไม่ต่ำมากเหมือนกับในต่างประเทศ
“เมืองไทยของเราเองยังมีวัฒนธรรมของเราอยู่ แน่นอนเอวต่ำก็คือแฟชั่นอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมแต่ต่ายคิดว่าคนไทยเราเองก็ไม่ได้ใส่แบบต่ำมากถึงขนาดที่น่าเกลียดนะคะ อย่างหนูเองก็ไม่ใส่นะคะแบบที่เป็นเอวต่ำถ้าใส่แล้วดูน่าเกลียดก็คงออกจากบ้านไม่ได้แน่ๆ ค่ะ คุณพ่อคุณแม่ก็คงไม่ให้ออกมาจากบ้านแน่ๆค่ะ”
“ถ้าเป็นเอวต่ำแบบที่เห็นร่องก้นมันก็น่าเกลียดนะแล้วก็เป็นเหตุที่จะนำไปสู่เรื่องของการข่มขืนได้ แต่ถ้าจะเอากฎหมายที่รัฐเวอจิเนียมาใช้ในบ้านเราหนูว่าทำไม่ได้หรอกก็ขนาดเรื่องโซนนิ่งก็เงียบไปแล้ว แล้วเรื่องการแต่งตัวก็เป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลด้วยไม่เหมือนกรณีเรื่องกฎหมายเขตปลอดบุหรี่ที่ส่งผลกระทบกับคนรอบข้าง”
ส่วนอ้นเพื่อนซี้ของต่ายนั้นเธอเห็นด้วยกับเรื่องที่ต่ายพูด และการเลือกซื้อกางเกงของอ้น เธอบอกว่าก็ต้องลองดูก่อนว่าซื้อแล้วจะนั่งได้หรือไม่
“ถ้าซื้อแล้วเวลานั่งกางเกงเลื่อนลงไปมากแบบนี้ก็ไม่ซื้อมาใส่แน่ๆ อยู่แล้วค่ะ ถ้าเป็นแบบเอวต่ำก็ต้องสวมเสื้อตัวยาวมากขึ้นกว่าปกติ แต่เรื่องถ้าจะเอามาใช้กับเมืองไทยนะหนูว่าทำไม่ได้เหมือนต่ายนั่นล่ะค่ะ อีกอย่างก็คือการแต่งตัวของเราก็ต้องระวังตัวกันเองอยู่แล้ว เราไม่เหมือนกับเขาที่อายุ 15 – 16 ก็ไปทำงานหาเงินใช้เองแล้ว
แต่ประเทศเรายังอยู่กับครอบครัวดังนั้นถ้ามันน่าเกลียดเกินไปก็โดนปรามก่อนออกจากบ้านแล้วล่ะ”
ส่วนฝ่ายชายอย่าง “ชา ภูเบศร์ สุรกิจเจริญ” บอกในความเป็นจริงแล้วกางเกงเอวต่ำนิยมมานานแล้วในกลุ่มผู้ชายดูได้จากบรรดาเด็กแรพทั้งหลายจะสวมกางเกงเอวใหญ่หลวมๆ และโชว์ขอบกางเกงในแบบบ๊อกเซอร์มานานแล้ว
“ทุกอย่างอยู่ที่จิตสำนึกของคนใส่จะไปห้ามก็คงทำไม่ได้ ถ้าหากเราจะออกกฎหมายมาใช้ตามที่รัฐเวอจิเนียเขาประกาศออกมาผมว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะ เมืองไทยเราเองก็ไม่ได้แต่งตัวรุนแรงเหมือนกับประเทศของเขาแล้วเรื่องเอวต่ำนี่ที่จริงแล้วก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลและไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน นอกจากตัวผู้สวมเองอาจจะตกเป็นเหยื่อในคดีข่มขืนที่อาจจะเกิดขึ้น”
“ถ้าเป็นการไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นอย่างทิ้งขยะในที่สาธารณะแล้วปรับ 2000 แบบนี้ผมว่าโอเคนะ แต่เรื่องเอวต่ำนี่ผมว่ายังไงๆ ก็ทำไม่ได้หรอกครับ”
สอดคล้องกับ ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ที่มองว่าแฟชั่นกระโปรงหรือกางเกงเอวต่ำนั้นเกิดขึ้นจากบริบทสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ไม่ว่าสถานบันเทิงกลางคืน ผู้ใหญ่เป็นตัวอย่างและลุกลามเข้ามาในสถาบันการศึกษาอย่างมาก จนขณะนี้ชุดนิสิตนักศึกษาเพี้ยนไปหมด เช่น ชุดนิสิตนักศึกษาต้องนุ่งทับในก็ไม่นุ่งทับ กระโปรงเอวต่ำ เสื้อรัดรูป แต่ยังไม่สำคัญถึงขั้นต้องออกมาเป็นกฎหมายจับ - ปรับ
“ผมคิดว่าสังคมไทยยังน่าจะพอพูดคุยกันได้ ผู้ใหญ่ส่วนหนึ่งยังเชื่อมั่นในระบบจริยธรรม วัฒนธรรม ศีลธรรมอยู่ ยังปฏิเสธเรื่องเซ็กซ์เสรีอยู่ จริงอยู่ประเด็นที่เกิดขึ้นทำให้เราต้องคิดและหันมาตั้งหลักและคิดให้มากขึ้นว่า ประเทศเสรีอย่างสหรัฐทำไมเขาลุกขึ้นมาทำ อย่างเราเองเรามีจิตสำนึกสาธารณะสูง คงไม่ต้องออกกฎหมาย แต่เราจะทำอย่างไร ร่วมมือกันอย่างไรระหว่างบ้าน โรงเรียน สื่อมวลชน ถ้าสื่อมวลชนช่วยขยับเรื่องนี้ให้กระเพื่อมมากขึ้น เราคงไม่ต้องออกกฎหมาย แต่ถ้าวันหนึ่งรุนแรงมากก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
พิษณุโลกเร่งจัดระเบียบหอชีดเส้น 1 เม.ย.49 24 มกราคม 2549 http://talk.sanook.com/hot/hot_04697.php
พิษณุโลก-ผู้ว่าฯ เมืองสองแควเร่งโครงการหอพักสีขาว แยกที่พักชาย-หญิง หวั่นนักเรียน นักศึกษาอยู่กินฉันสามีภรรยา ซึ่งอาจสร้างปัญหาท้องก่อนวัยอันสมควร ขีดเส้นหอพักเร่งจดทะเบียนก่อน 1 เมษายน หากพ้นกำหนด ขู่ดำเนินคดีเฉียบขาด
นายสมศักดิ์ บุญเผือน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า เนื่องจากการมั่วสุมของวัยรุ่นในสมัยนี้มีให้เห็นค่อนข้างเป็นประจำ และมีข่าวเรื่องท้องก่อนวัยอันควร ทำให้เกิดปัญหาการนำบุตรมาทิ้งเพราะสาเหตุต่างๆ นานา รวมไปถึงการเสพของมึนเมา เล่นการพนันในหอพักอีกจำนวนมาก รัฐบาลจึงต้องออกมาเร่งกวาดล้างและรณรงค์การเฝ้าระวังปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง
ดังนั้น นายพิพัฒน์ วงศาโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก จึงดำเนินการป้องกันแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างเอาจริงเอาจัง โดยมีคำสั่งให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ออกกวาดล้างหอพักที่มีความเสี่ยงต่อการมั่วสุม ภายใต้โครงการที่ชื่อว่า "โครงการหอพักสีขาว"
ซึ่งจากการดำเนินการรณรงค์และออกกวาดล้างในพื้นที่ จ.พิษณุโลก ปรากฏว่าได้รับความร่วมมือจากเจ้าของหอพักเป็นอย่างดี ปัจจุบันมีเจ้าของหอพักมาจดทะเบียนถูกต้องตามพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ.2507 แล้วจำนวน 478 แห่ง
อย่างไรก็ตาม ระหว่างวันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2549 จ.พิษณุโลก จะเริ่มจัดระเบียบหอพัก โดยให้แยกเป็นหอพักชายและหอพักหญิงโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร รวมทั้งการตั้งครรภ์ การติดเชื้อ และปัญหายาเสพติดตามมา ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2549 เป็นต้นไป จะดำเนินการกวาดล้างหอพักเถื่อน และหอพักที่ไม่แยกหอพักชาย-หญิง ทั้งนี้จะออกตรวจในทุกพื้นที่ โดยเน้นพื้นที่หอพัก หรืออพาร์ตเมนต์ที่อยู่บริเวณรอบสถานการศึกษา หากหอพักใดมีนักเรียน นักศึกษาอยู่เกิน 5 คน แต่ไม่ยอมจดทะเบียนขออนุญาตให้ถูกต้อง เมื่อหน่วยงานรัฐพบจะดำเนินคดีทันที โดยมีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
จับหนุ่มอนาจารต่อหน้าน.ศ.สาวชอบโชว์ 16 พฤศจิกายน 2548 http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03p0115161148&day=2005/11/16
2 น.ศ.สาวมหาวิทยาลัยราชมงคล วิทยาเขตจักรพงษ์ภูวนาถ ชี้ตัวนายบุญถาวร ห่วงสอน อายุ 47 ปี หนุ่มขับรถรับจ้างตกงาน ผู้ต้องหาก่อเหตุอนาจารช่วยตัวเองโชว์ข้างรั้วมหาวิทยาลัย และพลเมืองดีช่วยจับไว้ได้ เมื่อวันที่ 15 พ.ย.
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 พ.ย. พ.ต.ท.มนตรี เจริญภัทราวุฒิ สวป.สน.ดินแดง รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า ได้จับกุมตัวผู้ต้องหากระทำอนาจารนักศึกษาได้ที่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตจักรพงษ์ภูวนาถ ถ.วิภาวดี-รังสิต แขวงและเขตดินแดง จึงไปตรวจสอบ พบพลเมืองดีควบคุมตัวผู้ต้องหา ทราบชื่อนายบุญถาวร ห่วงสอน อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 302 ม.6 ต.บุ่ง อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ โดยมีผู้เสียหายเป็นนักศึกษาสาว 2 คนชี้ตัวยืนยัน
น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี น.ศ.ชั้นปีที่ 2 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชมงคลวิทยาเขตจักรพงษ์ภูวนาถ ผู้เสียหายให้การว่า ก่อนเกิดเหตุนั่งเล่นอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนข้างรั้วมหาวิทยาลัยกับเพื่อน เมื่อหันหน้าออกไปทางรั้วด้านนอกห่างไม่ถึง 2 เมตร พบผู้ต้องหากำลังสำเร็จความใคร่ ด้วยความตกใจจึงสะกิดเรียกเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยกันให้ช่วยเหลือ เมื่อเพื่อนหันไปเห็นจึงร้องตะโกนต่อว่าพร้อมกับใช้น้ำขวดสาด ระหว่างนั้นมีพลเมืองดีผ่านมาเห็นจึงเข้ามาสอบถาม ก่อนจะวิ่งไล่จับกุมตัวไว้ได้
นายบุญถาวรให้การว่า เดิมมีอาชีพขับรถรับจ้าง แต่ช่วงนี้ตกงานจึงขี่รถจักรยานยนต์มาจากจ.อำนาจเจริญ เพื่อมาหางานทำในกรุงเทพฯ ก่อนเกิดเหตุขี่รถจักรยานยนต์ออกจากปั๊มน้ำมันที่แวะนอนย่านห้วยขวางเพื่อไปที่สนามหลวง เมื่อขับรถผ่านมาถึงที่เกิดเหตุ พบว่ามีตำรวจกำลังตั้งด่านตรวจอยู่ด้านหน้า จึงจอดรถหลบมาที่หน้ามหาวิทยาลัยเนื่องจากเกรงว่าจะถูกจับ เพราะไม่ได้สวมหมวกกันน็อก เมื่อเดินผ่านมาถึงบริเวณรั้วมหาวิทยาลัยพบนักศึกษาทั้ง 2 คนนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหิน ใส่ชุดนักศึกษารัดรูป ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ จึงทำการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง แต่ยังไม่ทันเสร็จก็ถูกผู้เสียหายเอาน้ำสาด กระทั่งถูกจับกุม ส่วนสาเหตุที่เกิดอารมณ์เนื่องจากตนเป็นคนที่มีความต้องการทางเพศสูง ก่อนหน้านี้เคยมีเมียมาแล้ว 1 คน มีลูกด้วยกัน 3 คน แต่สุดท้ายเมียบอกขอเลิก
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหากระทำอนาจารอันควรขายหน้าต่อธารกำนัล ซึ่งเป็นข้อหาลหุโทษ มีโทษปรับ ทางเจ้าหน้าที่จึงเปรียบเทียบปรับจำนวน 100 บาท พร้อมกับว่ากล่าวตักเตือนก่อนปล่อยตัวไป
เตือน 'พิธีกร' หญิง แต่งยั่วยวน! พูดสองง่าม 1 พฤศจิกายน 2548 http://www.thairath.co.th/thairath1/2548/page1/nov/01/p1_7.php
สืบเนื่องในเดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ตลอดเดือน พ.ย.นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ว่า สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้จัดประชุมคณะทำงานเครือข่ายสื่อมวลชนด้านสตรีและครอบครัว เพื่อยกร่างหลักเกณฑ์ในการนำเสนอของสื่อมวลชนด้านสตรีและครอบครัว โดยนางกิ่งแก้ว อินหว่าง รอง ผอ.สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กล่าวว่า คณะทำงานได้หาแนวทางลดภาพการเสนอของสื่อ และโฆษณาที่ไม่เหมาะสมรุนแรงและยั่วยุทางเพศ เช่น โฆษณาก๊อกน้ำซันว่า พิธีกรรายการโทรทัศน์บางรายการแต่งตัวโป๊ ใส่สายเดี่ยว การโฆษณาภาพโป๊ล่อแหลมทางเพศทางเว็บไซต์ให้ดาวน์โหลดในโทรศัพท์มือถือ การใช้ภาษาหรือถ้อยคำสองแง่สองงามทางเพศเป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อขอความร่วมมือและรณรงค์ไปยังสื่อทุกประเภทในการระมัดระวังเรื่องดังกล่าว
น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี มูลนิธิเพื่อนหญิงหนึ่ง ในคณะทำงานฯกล่าวว่า ละครโทรทัศน์ และพิธีกร มีผลมากต่อการแต่งกายของวัยรุ่น แต่พบว่าพิธีกรโทรทัศน์ผู้หญิงรายการยอดฮิต เช่น รายการเกมโชว์หลายรายการที่พิธีกรหลายคนแต่งกายไม่เหมาะสม แต่งตัวเปิดไหล่ โชว์ส่วนหน้าอกมากเกินไป หรือรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงมีการพูดจาสองแง่สองง่าม และบางมุมกล้องมักซูมโคลสไปที่หน้าอกพิธีกร เป็นการทำลายภาพลักษณ์ความสง่างามของผู้หญิง โดยเฉพาะ “กาละแมร์” น.ส.พัชรศรี เบญจมาศ บางครั้งมีการหลุดคำพูดสองแง่สองง่าม อยากให้คิดแบบผู้หญิง ไม่ให้เสียหาย ซึ่งที่ประชุม กมธ.สตรีฯ สภาฯ มีการหารือและจะมีการทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังรายการนี้ นอกจากนั้น พบว่าพิธีกรทุกช่องแม้อายุปาไป 40-50 ปี แต่ยังแต่งตัวยั่วโชว์หน้าอก ซึ่งมีผลนำไปสู่ปัญหาข่มขืน
“ที่ผ่านมาองค์กรสตรีเคยไปพบสื่อหนังสือพิมพ์ เพื่อขอความร่วมมือเรื่องแบบนี้ และกำลังจะไปพบค่ายเพลงใหญ่ 2 ค่าย ทั้งแกรมมี่และอาร์เอส ที่มีดารานักร้องเป็นผู้นำวัยรุ่นให้ทำตัวเป็นต้นแบบที่ดี อย่าแต่งตัวโป๊เปลือย ทั้งนี้ ในเดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนที่มีการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ในปี 2548 นี้ ก็ขอรณรงค์ ให้เลิกเสนอละครที่พระเอกไล่ปล้ำนางเอก การใช้ความรุนแรงหรือการแต่งตัวโป๊ยั่วยวนทางเพศทุกรูปแบบ หากรายการที่ทำไปแล้วก็ขอความร่วมมือว่าตลอดเดือน พ.ย.นี้ ช่วยใส่ตัววิ่งระหว่างการนำเสนอว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายด้วย เพราะจากการประเมินข่าวความรุนแรงทางเพศ ข่าวข่มขืนมักเกิดมากช่วงเทศกาล และจากการถูกกระตุ้น โดยคณะทำงานจะทำข้อเสนอต่อสื่อ ให้ตระหนักถึงความเหมาะสมในการเสนอต่อสังคม” น.ส.สุเพ็ญศรีกล่าว
สำหรับรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงที่โด่งดังของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ออกอากาศทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 08.30-10.30 น. ดำเนินรายการโดยพิธีกรหญิง ชื่อดัง 4 คน ได้แก่ “กาละแมร์” หรือพัชรศรี เบญจมาศ ไก่-มีสุข แจ้งมีสุข นีน่า-กุลนัดดา ปัจฉิมสวัสดิ์ และปุ้ย-พิมลวรรณ ศุภยางค์
Thaiall.com