# 172 เงินกับการแลกเปลี่ยน
19 มกราคม - 25 มกราคม 2552
ธนบัตร เงินกระดาษหรือที่เรียกว่า "หมาย" ปรากฎมีใช้ครั้งแรกในรัชกาลที่ 4 สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประมาณปีพ.ศ.2396 มีหมายใช้อยู่ 3 ราคา คือ หมายราคาต่ำ หมายราคาตำลึง และหมายราคาสูง แต่ละหมายแจ้งมูลค่าของหมายไว้ 12 ภาษา เพื่อให้ชาวไทยและชาวต่างประเทศได้ใช้ซื้อขายสินค้า และชำระหนี้ ในเวลาต่อมาธนาคารพานิชย์ต่างประเทศได้จัดทำบัตรธนาคาร (Bank Note) คือ ตั๋วสัญญาใช้เงินชนิดหนึ่งที่ธนาคารจัดทำ เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระหนี้ระหว่างธนาคารและลูกค้า ต่อมาปีพ.ศ.2445 รัฐบาลได้เริ่มนำธนบัตรของรัฐบาลออกใช้เป็นครั้งแรก และบัตรธนาคารก็เริ่มหายไปจากระบบ
สำหรับอัฐกระดาษหรือเงินกระดาษราคาต่ำถูกใช้ปีพ.ศ.2417 แต่ใช้อัฐกระดาษได้เพียง 8 เดือนก็ถูกแทนที่ด้วยเหรียญกษาปณ์ทองแดง ความนิยมใช้เหรียญกษาปณ์สูงขึ้นจึงมีการผลิตเหรียญที่ใช้แร่ดีบุกเป็นส่วนประกอบสำคัญในเวลาต่อมา ในภาพยนต์จีนโบราณจะพบแท่งเงินที่ทำมาจากแร่ทองคำหรือแร่เงิน การแลกเปลี่ยนเงินกับสิ่งของมีพัฒนาการและเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยอยู่เสมอ ปัจจุบันสามารถใช้บัตรเครดิตจ่ายเป็นค่าสินค้าก่อนแล้วผ่อนชำระในภายหลัง บัตรเหล่านี้โฆษณาว่ารูดปื๊ดรูดปื๊ดซื้อสินค้าได้แสนง่าย แล้วผู้ใช้ก็ต้องตามไปใช้หนี้กันหัวบานในภายหลังดอกเบี้ยก็โตวันโตคืน ส่วนบัตรเดบิตสามารถใช้ชำระค่าสินค้าทันทีด้วยการหักเงินจากบัญชีในธนาคาร ถ้ายอดเงินในธนาคารมีไม่พอกับราคาสินค้าก็ไม่สามารถใช้บัตรเดบิตชำระค่าสินค้าได้
เงินสำหรับซื้อขายแลกเปลี่ยนในเกมออนไลน์มีมูลค่าตามที่ผู้สร้างกฎการแลกเปลี่ยนในเกมออนไลน์กำหนดขึ้น เช่น เกมปังย่ามีเงินเป็นหน่วยปัง (Pang) เป็นต้น เกมออนไลน์จะมีเว็บไซต์ให้ผู้ใช้แต่ละคนมีรหัสผู้ใช้สำหรับเข้าไปแสดงตัวเพื่อใช้แสดงสิทธิ์และแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการ เงินอาจได้มาจากการทำกิจกรรม หรือเป็นรางวัลจากชัยชนะ ส่วนเงินในบ่อนการพนันจะเป็นเหรียญหลากสีแต่มูลค่าที่แลกคืนก็จะเท่ากับเงินจริง หรือคูปองอาหารตามศูนย์อาหารก็ใช้เพื่อการแลกเปลี่ยนในพื้นที่จำกัด ถ้าไม่พอใจจะแลกเปลี่ยนก็ไม่ต้องใช้เงินที่ผู้ตั้งกฎสร้างขึ้น ดังนั้นเงินสกุลใดก็ตามจึงมีขึ้นเพื่อใช้ซื้อขาย แลกเปลี่ยน เป็นสิ่งมีค่าสำหรับคนที่คิดจะใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นในสังคมด้วยการแลกเปลี่ยน แต่ถ้าไม่คิดจะใช้เงินเพื่อแลกเปลี่ยนแล้ว เงินที่มีอยู่ก็ไม่ต่างกับเศษกระดาษหรือเศษโลหะเท่านั้น
