15 สิ่งประดิษฐ์สำคัญในโลกในรอบ 50 ปี
Size:6373 Byte Create: 22/2/2548 Time: 22:17:22

15 สิ่งประดิษฐ์สำคัญในโลกในรอบ 50 ปี
1. เอทีเอ็ม
ธนาคารบาเคลยส์ พ.ศ.2510
ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าใครเป็นคนประดิษฐ์เครื่องทำธุรกรรมการเงินอัตโนมัติ หรือ เอทีเอ็ม เครื่องแรก แต่มีการขอจดสิทธิบัตรสร้างตู้เอทีเอ็มราวๆ 70 ปีก่อนโดยนักประดิษฐ์อเมริกัน
ตู้เอทีเอ็มเครื่องแรกของโลกเปิดให้บริการโดยธนาคารบาเคลย์ส (Barclays) กรุงลอนดอน อังกฤษ ในปี 2510 ถือเป็นก้าวแรกของการทำธุรกรรมการเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่นำไปสู่การคิดค้นเทคโนโลยีรหัสรักษาความปลอดภัย (PIN) รวมทั้งการทำธุรกรรมผ่านโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต

2. บาร์โค้ด
นอร์แมน โจเฟซ วู้ดแลนด์ พ.ศ.2515
ทุกวันนี้พลิกดูบรรจุภัณฑ์ หรือสินค้าแต่ละชนิดจะต้องพบรหัสบาร์โค้ด
นอร์แมน โจเฟซ วู้ดแลนด์ เริ่มคิดค้นบาร์โค้ดมาตั้งแต่สมัยศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา เมื่อมาทำงานที่บริษัท ไอบีเอ็ม จึงเริ่มคิดค้นอย่างจริงจัง วัตถุประสงค์เพื่อสร้างระบบ จำแนกสินค้าอัตโนมัติ และในปี 2515 ก็สามารถนำเอาความก้าวหน้าด้านคอมพิวเตอร์กับแสงเลเซอร์มาพัฒนาบาร์โค้ดจนสำเร็จ

3. แผ่นซีดี
คลาสส์ คอมพานน์ พ.ศ.2512
ปี 2512 คลาสส์ คอมพานน์ นักวิทยาศาสตร์ชาวดัตช์ ลูกจ้างบริษัทฟิลิปส์เสนอแนวคิดสร้างแผ่นออพติคัลดิสก์ หรือแผ่นซีดี เพื่อนำมาใช้เก็บข้อมูลเสียงเพลงอย่างคงทนถาวรในรูปแบบไฟล์ดิจิตอลแทนที่การบันทึกลงแผ่นไวนิลอย่างไรก็ตาม แผ่นซีดีผลิตออกสู่ท้องตลาดจริงๆ ในปี 2525 หลังจากฟิลิปส์กับโซนี่จับมือกันพัฒนาซีดีขึ้
นมา จนปัจจุบันได้กลายเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่มีคนนิยมใช้มากที่สุดในโลก

4. แกะโคลนนิ่งดอลลี่
เอียน วิลมุต พ.ศ.2540
ปี 2540 เอียน วิลมุต นักวิจัยสถาบันโรสลิน เอดินบะระ สกอตแลนด์ สร้างแกะโคลนนิ่ง ตัวแรกของโลกพร้อมกับตั้งชื่อให้มันว่า ดอลลี่
ดอลลี่ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวแรกของโลกที่สร้างโดยกระบวนการคัดลอกแบบทางพันธุกรรม (โคลนนิ่ง) ด้วยการสกัดเอานิวเคลียส ในไข่ของแกะเพศเมียออก และสอดเอาเซลล์ร่างกาย ของแกะที่ต้องการสร้างเข้าไปแทนที่ จุดประกายความหวังในการสร้าง มนุษย์โคลนนิ่งŽ ท่ามกลางเสียงทักท้วงในโลกตะวันตกว่าหน้าที่สร้างสิ่งมีชีวิ
ตเป็นของพระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์

5. โครงการถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์
โครงการถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์ เป็นความร่วมมือระหว่างนักวิทยาศาสตร์หลายร้อยคนในสหรัฐ อังกฤษ จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี และญี่ปุ่น ซึ่งตั้งใจถอดรหัสการจัดเรียงตัวของ ดีเอ็นเอŽ หรือ หน่วยพันธุกรรม 3 พันล้านตัวอักษร กระทั่งประสบความสำเร็จในเดือนเม.ย. 2546 ช่วยให้แพทย์และนักวิทยาศาสตร์เข้าใจการทำงานของร่างกาย
คนเราอย่างลึกซึ้งที่สุดในประวัติศาสตร์

6. โทรศัพท์มือถือ
มาร์ติน คูเปอร์ พ.ศ.2516
พื้นฐานการสร้างเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ไร้สาย หรือ มือถือ มีมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษ 1940 (พ.ศ.2483) แต่ต้องใช้เวลาต่อมาอีกหลายสิบปี มาร์ติน คูเปอร์ ถึงจะสามารถประดิษฐ์มือถือเครื่องแรกของโลกให้กับบริษัทโมโตโรลาการใช้งานมือถือขยายตัวไปทั่วโลกเพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจีเอสเอ็มที่ใช้กันแพร่หลายมากก
ว่า 80 ประเทศ ประกอบกับราคามือถือถูกลงเรื่อยๆ ขณะที่การใช้งานหลากหลายขึ้น ทั้งบริการเอสเอ็มเอส วิดีโอโฟน อี-เมล ถ่ายภาพดิจิตอล ฯลฯ

7. คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี)
พลันที่ ซิลิคอนชิป ถือกำเนิดขึ้น เทคโนโลยีสมองกล ที่เรียกว่าคอมพิวเตอร์ก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดด
เมื่อ 40 ปีก่อน คอมพิวเตอร์มีขนาดพอๆ กับสำนักงาน 1 แห่ง และแล้วปี 2520 พีซีขนาดตั้งโต๊ะเครื่องแรก แอปเปิล II ก็เผยโฉมขึ้น ตามด้วยพีซีสมรรถภาพสูง IBM 5150Ž ของไอบีเอ็มที่ออกวางตลาดปี 2524 จากนั้นอีก 2 ปีระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ของไมโครซอฟท์จะช่วยให้พีซีระบาดไปทั่วโลกเพราะใช้งานง่าย

8. ดาวเทียม
สหภาพโซเวียต พ.ศ.2500
ทันทีที่ดาวเทียม สปุตนิกŽ ของโซเวียตถูกส่งออกไปนอกโลกเมื่อปี 2500 การแข่งขันด้านอวกาศระหว่าง 2 ชาติยักษ์ใหญ่ยุคสงครามเย็น สหรัฐอเมริกากับ โซเวียต ก็เปิดฉากเป็นทางการและบีบบังคับให้สหรัฐต้องส่ง นีล อาร์มสตรองŽ ไปเหยียบดวงจันทร์ในอีกประมาณ 10 กว่าปีต่อมา
ถ้าไม่มีดาวเทียม ทุกวันนี้เราก็จะไม่มีคำว่า การสื่อสารไร้พรมแดน และ หมู่บ้านโลก

9. เด็กหลอดแก้ว
แพทริก สเต็ปโท-โรเบิร์ต เอ็ดเวิร์ดส์ พ.ศ.2521
แพทริก สเต็ปโท นักสรีรวิทยา โรเบิร์ต เอ็ดเวิร์ดส์ นรีแพทย์ ร่วมมือกันคิดค้นวิธีการผสมเทียมนำอสุจิกับไข่ของมนุษย์มาผสมเทียมในหลอดแก้วเพื่อให้ปฏิสนธิมนุษย์นอกครรภ์มารดา
การทดลองล้มเหลว 80 ครั้ง ในที่สุดปี 2521 วิธีผสมเทียมของทั้ง 2 คนก็ให้กำเนิดเด็กหลอดแก้วคนแรกของโลก หลังจากหนูน้อย หลุยส์ บราวน์Ž ร้องอุแว้ในห้องคลอดเมืองโอลด์แฮม อังกฤษ

10. ยานวอยเอเจอร์
นาซ่า พ.ศ. 2520
เป็นเวลากว่า 30 ปี ยานอวกาศ วอยเอเจอร์ 1-2Ž ขององค์การอวกาศสหรัฐอเมริกา (นาซ่า) ทำหน้าที่เก็บข้อมูลจากปลายสุดของระบบสุริยะจักรวาลส่งตรงกลับมายังฐานนาซ่าบนโลกเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลของดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ยูเรนัส และเนปจูน

11. WWW
ทิม เบอร์เนอร์ส ลี พ.ศ.2534
โครงข่ายสารสนเทศอินเตอร์เน็ต ซึ่งเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างตั้งแต่ 30 ปีก่อน
แต่บุคคลที่ทำให้อินเตอร์เน็ตกลายเป็นยาสามัญประจำบ้านสำหรับประชากรโลก คือ ทิม เบอร์เนอร์ส ลี โปรแกรมเมอร์อังกฤษ ผู้คิดโปรแกรมสืบค้นทางอินเตอร์เน็ตแบบไฮเปอร์เท็กซ์ (World Wide Web : WWW) ขึ้นมาจนสามารถนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์เชื่อมคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าด้วยกันปี 2534

12. นาโนเทคโนโลยี
เอริก เดร็กซ์เลอร์ พ.ศ.2529
เอริก เดร็กซ์เลอร์ นักวิทยาศาสตร์อเมริกันบัญญัติคำว่า นาโนเทคโนโลยี ครั้งแรกปี 2529 เพื่ออธิบายวิสัยทัศน์ของ ศ.ริชาร์ด ฟายน์แมนŽ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ซึ่งวาดภาพการใช้วิธีจัดเรียง อะตอมŽ ของสิ่งต่างๆ เพื่อนำมาสร้างสิ่งประดิษฐ์ขนาดจิ๋ว ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ คอมพิวเตอร์ เครื่องยนต์ ฯลฯปัจจุบั
นนาโนเทคฯ ค่อยๆ เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมนุษย์แล้วในรูปแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ

13. พลังงานนิวเคลียร์
อังกฤษ พ.ศ.2499
นับแต่มีการค้นพบปฏิกิริยา นิวเคลียร์ฟิชชั่น ในยุคคริสต์ศตวรรษ 1930 นักวิทยาศาสตร์ตระหนักถึงความเป็นไปได้ในการผลิต พลังงานนิวเคลียร์ในปีค.ศ.1956 หรือ พ.ศ.2499 โรงงานพลังงานนิวเคลียร์แห่งแรกของโลกก็เดินเครื่องที่เมืองคาลเดอร์ ฮอลล์ ประเทศอังกฤษ แต่เหตุการณ์โรงงานนิวเคลียร์ เชอร์โนบิลŽ ของโซเวียตระเบิ
ด ทำให้โลกถกเถียงกันอย่างหนักถึงผลดี-ผลเสียของการใช้พลังงานชนิดนี้

14. เลเซอร์
ธีโอดอร์ ไมแมน พ.ศ.2503
เลเซอร์ ถือกำเนิดมาจากทฤษฎีทางฟิสิกส์ของ อัลเบิร์ต ไอนสไตน์Ž อธิบายหลักการปล่อยโฟตอนโดยการกระตุ้นอะตอม เพราะในการเกิดการปล่อยโฟตอนดังกล่าวจะทำให้เกิดความเข้มแสงเพิ่ม ซึ่งเป็นหลักการของเลเซอร์โดยทั่วไปเทคโนโลยีเลเซอร์หลุดจากโลกนิยายกลายเป็นความจริง เมื่อ ธีโอดอร์ ไมแมนŽ นักวิทยาศาสตร์ประจำห้องปฏิบั
ติการวิจัยของบริษัทฮิวส์ สหรัฐ ลงมือสร้างเลเซอร์เครื่องแรกของโลกสำเร็จ มีความยาวคลื่น 694.3 nm ทุกวันนี้เลเซอร์นำไปใช้กับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การทหาร การแพทย์ หรือแม้แต่ความบันเทิง เช่น อ่านแผ่นซีดีเพลง

15. หัวใจเทียม
โรเบิร์ต ยาร์วิก พ.ศ.2525
มนุษย์เกิดมาต้องตายและต้องตายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงถ้า หัวใจŽ หยุดเต้น
แต่นักประดิษฐ์เครื่องมือผ่าตัด โรเบิร์ต ยาร์วิกŽ ไม่ยอมรับกฎธรรมชาติข้อนี้ และสร้าง หัวใจเทียมŽ ให้คณะแพทย์มหาวิทยาลัยยูทาธ์ สหรัฐอเมริกา นำไปผ่าตัดให้กับนายบาร์นีย์ คลาร์ก ซึ่งมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก 112 หลังผ่านการผ่าตัดทุกวันนี้หัวใจเทียมช่วยยืดชีวิตคนไข้ที่รอการเปลี่ยนหัวใจจำนวนนับไม่ถ้วน