หลอกตนเองว่าปลอดภัยขึ้น
 
#506 หลอกตนเองว่าปลอดภัยขึ้น

    ใครต่อใครต่างเป็นสมาชิกในเครือข่ายสังคม และมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่เข้ามาแล้วมักถอนตัวเลิกไม่ได้ ถ้าเลิกได้ก็มีส่วนน้อย เสมือนสิ่งเสพติดรูปแบบใหม่ อะไรที่เสพติดแล้วผู้เสพมักมองข้ามปัญหา เช่น ผู้ติดเหล้าบุหรี่ก็จะบอกว่านิดหน่อยคงไม่ถึงตาย ผู้ที่ติดหวยก็บอกว่าชีวิตต้องมีความเสี่ยงและเป็นความหวัง ผู้ที่ติดเพศตรงข้ามก็จะมองข้ามจุดบกพร่องแล้วเห็นแต่เรื่องที่ดี

    เครือข่ายสังคม คือ ที่ซึ่งใครต่างเห็นเป็นที่ปล่อยของ ปล่อยใจไปกับการสื่อสารในสังคมที่ทุกคนมีพันธะต่อกันแบบหลวม ทุกคนกล้าแสดงออกในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ต้องรับผิดชอบต่อกันมากนัก ไม่มีพันธะยั่งยืน แต่กลับได้รับการชื่นชมอย่างท่วมท้นเกินคาดเมื่อโชว์หน้าโชว์ไหล่โชว์พุงโชว์เท่ห์ ในยุคแรกที่เครือข่ายสังคมยังไม่เป็นที่นิยม ผู้คนไม่กล้าเปิดเผยข้อมูล ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ไม่กล้าวิจารณ์ เก็บรักษาความลับ แยกแยะว่าอะไรควร รู้กาลเทศะ แต่ปัจจุบันใครก็เข้าใช้เครือข่ายสังคม ลูกน้องก็ใช้ หัวหน้าก็ใช้ เพื่อนร่วมงานก็ใช้ ในครอบครัวก็ใช้ คนที่พึ่งรู้จักก็ยังชวนไปใช้ เสพติดโดยไม่รู้ตัวเพราะถูกกระชากเข้าไปในเครือข่ายสังคม ถ้าไม่ใช้ก็คุยกับลูกค้า และเจ้านายไม่รู้เรื่องกลายเป็นปัญหาอีก เมื่อเห็นว่าเครือข่ายสังคมดี เห็นใครโพสต์อะไรก็คิดว่าดี เพราะทำซ้ำกันมาก เสียงข้างมากถูกยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องในบางประเทศ แล้วก็รับวัฒนธรรมนั้นเข้าไป

    เมื่อเปิดดูข่าวตอนเช้าที่มีการนำเรื่องที่ถูกแชร์หรือเมนท์กันมากมาคุยข่าว ก็ทำให้รู้สึกว่าหากเราเข้าไปวิพากษ์เรื่องใดแล้วถูกกล่าวถึงก็จะเป็นความคิดเห็นที่ถูกยอมรับในสังคม เช่น ไปวิจารณ์การกระทำของผู้คนที่ตกเป็นข่าว ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกกลั่นกรองอย่างเป็นระบบ บางครั้งไม่จริงดังที่เข้าใจ แต่ความเห็นในเครือข่ายสังคมกลับไปทำร้ายผู้เสียหายก็เกิดขึ้นหลายครั้ง ความลับแต่กลับไปเปิดเผย เช่น เรื่องในครอบครัว วันเกิด งานขององค์กรที่มีลักษณะเฉพาะ ความลับของคนอื่น ล้วนมีโอกาสย้อนกลับมาทำร้ายเราได้ เช่น แฟนเพจมีด่านบอกด้วยกลับกลายเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ เมื่อข้อมูลในเครือข่ายมีมากขึ้น ก็เริ่มมีกฎหมายที่เข้ามาควบคุมดูแล ทำให้หลายครั้งการกระทำผิดที่ไม่มีใครรู้ แต่กลับถูกบันทึกไว้ในระบบจนกลายเป็นหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นเครือข่ายสังคมจึงไม่ใช่ที่ที่จะปล่อยตัวปล่อยใจให้คิดและทำอย่างเสรีได้ จึงต้องระวังระแวงให้มากกว่าการใช้ชีวิตประจำวันในโลกแห่งความเป็นจริงซะอีก

    เมื่อเปิดดูข่าวตอนเช้าที่มีการนำเรื่องที่ถูกแชร์หรือเมนท์กันมากมาคุยข่าว ก็ทำให้รู้สึกว่าหากเราเข้าไปวิพากษ์เรื่องใดแล้วถูกกล่าวถึงก็จะเป็นความคิดเห็นที่ถูกยอมรับในสังคม เช่น ไปวิจารณ์การกระทำของผู้คนที่ตกเป็นข่าว ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกกลั่นกรองอย่างเป็นระบบ บางครั้งไม่จริงดังที่เข้าใจ แต่ความเห็นในเครือข่ายสังคมกลับไปทำร้ายผู้เสียหายก็เกิดขึ้นหลายครั้ง ความลับแต่กลับไปเปิดเผย เช่น เรื่องในครอบครัว วันเกิด งานขององค์กรที่มีลักษณะเฉพาะ ความลับของคนอื่น ล้วนมีโอกาสย้อนกลับมาทำร้ายเราได้ เช่น แฟนเพจมีด่านบอกด้วยกลับกลายเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ เมื่อข้อมูลในเครือข่ายมีมากขึ้น ก็เริ่มมีกฎหมายที่เข้ามาควบคุมดูแล ทำให้หลายครั้งการกระทำผิดที่ไม่มีใครรู้ แต่กลับถูกบันทึกไว้ในระบบจนกลายเป็นหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นเครือข่ายสังคมจึงไม่ใช่ที่ที่จะปล่อยตัวปล่อยใจให้คิดและทำอย่างเสรีได้ จึงต้องระวังระแวงให้มากกว่าการใช้ชีวิตประจำวันในโลกแห่งความเป็นจริงซะอีก

    เมื่อเปิดดูข่าวตอนเช้าที่มีการนำเรื่องที่ถูกแชร์หรือเมนท์กันมากมาคุยข่าว ก็ทำให้รู้สึกว่าหากเราเข้าไปวิพากษ์เรื่องใดแล้วถูกกล่าวถึงก็จะเป็นความคิดเห็นที่ถูกยอมรับในสังคม เช่น ไปวิจารณ์การกระทำของผู้คนที่ตกเป็นข่าว ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกกลั่นกรองอย่างเป็นระบบ บางครั้งไม่จริงดังที่เข้าใจ แต่ความเห็นในเครือข่ายสังคมกลับไปทำร้ายผู้เสียหายก็เกิดขึ้นหลายครั้ง ความลับแต่กลับไปเปิดเผย เช่น เรื่องในครอบครัว วันเกิด งานขององค์กรที่มีลักษณะเฉพาะ ความลับของคนอื่น ล้วนมีโอกาสย้อนกลับมาทำร้ายเราได้ เช่น แฟนเพจมีด่านบอกด้วยกลับกลายเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ เมื่อข้อมูลในเครือข่ายมีมากขึ้น ก็เริ่มมีกฎหมายที่เข้ามาควบคุมดูแล ทำให้หลายครั้งการกระทำผิดที่ไม่มีใครรู้ แต่กลับถูกบันทึกไว้ในระบบจนกลายเป็นหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นเครือข่ายสังคมจึงไม่ใช่ที่ที่จะปล่อยตัวปล่อยใจให้คิดและทำอย่างเสรีได้ จึงต้องระวังระแวงให้มากกว่าการใช้ชีวิตประจำวันในโลกแห่งความเป็นจริงซะอีก

    เมื่อเปิดดูข่าวตอนเช้าที่มีการนำเรื่องที่ถูกแชร์หรือเมนท์กันมากมาคุยข่าว ก็ทำให้รู้สึกว่าหากเราเข้าไปวิพากษ์เรื่องใดแล้วถูกกล่าวถึงก็จะเป็นความคิดเห็นที่ถูกยอมรับในสังคม เช่น ไปวิจารณ์การกระทำของผู้คนที่ตกเป็นข่าว ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกกลั่นกรองอย่างเป็นระบบ บางครั้งไม่จริงดังที่เข้าใจ แต่ความเห็นในเครือข่ายสังคมกลับไปทำร้ายผู้เสียหายก็เกิดขึ้นหลายครั้ง ความลับแต่กลับไปเปิดเผย เช่น เรื่องในครอบครัว วันเกิด งานขององค์กรที่มีลักษณะเฉพาะ ความลับของคนอื่น ล้วนมีโอกาสย้อนกลับมาทำร้ายเราได้ เช่น แฟนเพจมีด่านบอกด้วยกลับกลายเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ เมื่อข้อมูลในเครือข่ายมีมากขึ้น ก็เริ่มมีกฎหมายที่เข้ามาควบคุมดูแล ทำให้หลายครั้งการกระทำผิดที่ไม่มีใครรู้ แต่กลับถูกบันทึกไว้ในระบบจนกลายเป็นหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นเครือข่ายสังคมจึงไม่ใช่ที่ที่จะปล่อยตัวปล่อยใจให้คิดและทำอย่างเสรีได้ จึงต้องระวังระแวงให้มากกว่าการใช้ชีวิตประจำวันในโลกแห่งความเป็นจริงซะอีก

    เมื่อเปิดดูข่าวตอนเช้าที่มีการนำเรื่องที่ถูกแชร์หรือเมนท์กันมากมาคุยข่าว ก็ทำให้รู้สึกว่าหากเราเข้าไปวิพากษ์เรื่องใดแล้วถูกกล่าวถึงก็จะเป็นความคิดเห็นที่ถูกยอมรับในสังคม เช่น ไปวิจารณ์การกระทำของผู้คนที่ตกเป็นข่าว ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกกลั่นกรองอย่างเป็นระบบ บางครั้งไม่จริงดังที่เข้าใจ แต่ความเห็นในเครือข่ายสังคมกลับไปทำร้ายผู้เสียหายก็เกิดขึ้นหลายครั้ง ความลับแต่กลับไปเปิดเผย เช่น เรื่องในครอบครัว วันเกิด งานขององค์กรที่มีลักษณะเฉพาะ ความลับของคนอื่น ล้วนมีโอกาสย้อนกลับมาทำร้ายเราได้ เช่น แฟนเพจมีด่านบอกด้วยกลับกลายเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ เมื่อข้อมูลในเครือข่ายมีมากขึ้น ก็เริ่มมีกฎหมายที่เข้ามาควบคุมดูแล ทำให้หลายครั้งการกระทำผิดที่ไม่มีใครรู้ แต่กลับถูกบันทึกไว้ในระบบจนกลายเป็นหลักฐานที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นเครือข่ายสังคมจึงไม่ใช่ที่ที่จะปล่อยตัวปล่อยใจให้คิดและทำอย่างเสรีได้ จึงต้องระวังระแวงให้มากกว่าการใช้ชีวิตประจำวันในโลกแห่งความเป็นจริงซะอีก
บทความเมื่อเร็ว ๆ นี้
507. การประชุมวิชาการด้านไอที 2558
506. หลอกตนเองว่าปลอดภัยขึ้น
505. แท่งคอมพิวเตอร์ของอินเทล
504. มองหลังคาบ้านจากดาวเทียม
ค้นในบทความ
กลับหน้าแรก
Thaiall.com