ไฟฟ้ากับเทคโนโลยีขาดกันไม่ได้
 
# 305 ไฟฟ้ากับเทคโนโลยีขาดกันไม่ได้

    ในอดีตเราไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องใช้ตะเกียง หรือเทียนไข เพื่อให้แสงสว่าง เป้าหมายแรกของการใช้ไฟฟ้าคือการให้แสงสว่างในเวลาค่ำคืน แต่การพัฒนามีขึ้นไม่หยุดยั้ง จึงมีอุปกรณ์ไฟฟ้าถูกพัฒนาขึ้นในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิต พัฒนาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่คับห้อง แล้วเล็กลงพอที่จะวางไว้บนโต๊ะ วางไว้บนตัก ถือไว้กับมือ และกำลังจะกลายเป็นอุปกรณ์ที่สวมเข้ากับร่างกาย แต่อุปกรณ์ทุกชิ้นก็ยังต้องใช้พลังงานที่มาจากไฟฟ้าอาจน้อยบ้างมากบ้างแตกต่างกันไป

    มีการพัฒนาอุปกรณ์เทคโนโลยีให้ใช้พลังงานไฟฟ้าลดลง ทำให้แหล่งจ่ายไฟฟ้าขนาดเท่าเดิม แต่สามารถใช้อุปกรณ์ได้นานกว่าเดิม มีภาพยนตร์หลายเรื่องนำเสนอเหตุการณ์หลังไฟฟ้าหมดไป เพราะเราทราบว่าการผลิตไฟฟ้าในปัจจุบันใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิลเป็นหลัก อาทิ น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซ หากใช้เชื้อเพลิงในอัตราเดียวกับปัจจุบัน และไม่ค้นพบเพิ่มเติม เราจะมีถ่านหินใช้อีก 220 ปี มีก๊าซธรรมชาติใช้อีก 64 ปี และมีน้ำมันใช้อีก 42 ปี เราเห็นรถยนตร์เริ่มใช้ก๊าซ แต่อีกไม่นานอาจได้เห็นรถยนต์ใช้ถ่านหิน แต่อีก 200 ปีข้างหน้าจะใช้ชีวิตอย่างไรในโลกที่ไม่มีอุปกรณ์ไฟฟ้ามาอำนวยความสะดวก

    ปัจจุบันเราไม่ได้ใส่ใจว่า ถ้าไม่มีโทรศัทพ์ ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่มีรถยนต์ แล้วเราจะดำรงชีวิตอย่างไร แต่มุ่งพัฒนาเพื่อสนองความต้องการอย่างไม่หยุดยั้ง เช่น พัฒนาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop) ไปสู่ยุคแท็บเลตพีซี (Tablet PC) ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา มีความพยายามพัฒนาพลังงานทางเลือกทั้งแรงลม แรงน้ำ และแสงอาทิตย์ รวมถึงการนำทรัพยากรที่เคยใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ ยังมีกลุ่มคนที่คิดต่างออกมารณรงค์ลดการใช้ทรัพยากร เช่น ปิดไฟทั่วโลกวันที่ 27 มีนาคมตามโครงการ Earth Hour แต่การพัฒนาเพื่อสนองความต้องการที่ไม่มีวันพอก็ยังพัฒนากันต่อไป เป็นความขัดแย้งที่ยังหาจุดลงตัวไม่ได้ระหว่างการประหยัด และการโหมพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มุ่งตอบความพึงพอใจของผู้ใช้ ซึ่งเป็นความจริงแน่แท้ว่าเราจะพบวิกฤตพลังงานไฟฟ้าในอนาคตอันใกล้
บทความเมื่อเร็ว ๆ นี้
306. ลงชื่อเข้างานที่เปลี่ยนไป
305. ไฟฟ้ากับเทคโนโลยีขาดกันไม่ได้
304. สัมมนา Admin 2011
303. เกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี
ค้นในบทความ
กลับหน้าแรก
Thaiall.com