การแปลงภาพเป็น e-book

สาธิตการแปลงแฟ้มภาพเป็น e-book
โดยต้นเหตุเกิดจากการ scan หนังสือทั้งเล่มเป็นแฟ้มภาพ (.jpg) จำนวน 200 หน้า ด้วยเครื่อง scan แบบฝาปิดเปิด แล้วต้องการทำเป็น e-book ด้วยการรวมภาพทั้งหมดเป็นแฟัม .pdf แล้วผมก็เลือกโปรแกรม pdf creator ทำหน้าที่จำลอง printer ขึ้นมา เมื่อ print ภาพทั้งหมดผ่านโปรแกรม photo printing wizard ก็จะส่งผลลัพธ์ทั้งหมดไปให้กับเครื่องพิมพ์เสมือนจริงชื่อ pdf creator ทำหน้าที่แปลงเป็น e-book หรือแฟ้ม .pdf ตามต้องการ ซึ่งขนาดแฟ้ม pdf ก็พอ ๆ กับขนาดจากการรวมภาพทั้งหมดครับ

acrobat reader to read e-book
acrobat reader to read e-book

สาธิตการสแกนหนังสือ เป็น pdf ผ่าน multi-function printer

เหตุเกิดเพราะ กำลังจะเปิดภาคเรียนใหม่ หนังสือหลายเล่มที่ต้องใช้ประกอบการเรียนการสอนเป็นหนังสือหายาก สำหรับผมแล้วรู้สึกว่ามีเล่มเดียวในโลก (พิมพ์เมื่อ 15 ปีก่อน) จะให้นักศึกษาในห้องยืมอ่านพร้อมกันก็ไม่ได้ จึง scan หนังสือเล่มหนึ่งเก็บไว้อ่านคนเดียวที่บ้าน ที่บ้านมี printer แบบฝาเปิดปิด แล้ว scan หนังสือจำนวน 200 หน้า ผมใช้เวลาครึ่งวันในวันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม 2555 คิดว่าถ้ารับจ้างสแกนหน้าละ 10 บาทด้วยวิธีนี้คงไม่รุ่งแน่ ก็นึกขึ้นได้ว่าที่มหาวิทยาลัยมีเครื่อง printer แบบ multi-function และมีระบบ auto-feed หากเราเอาหนังสือไปจ้างร้านถ่ายเอกสารทำเป็นแผ่น แล้วนำทั้งหมดเข้า auto-feed ก็จะได้แฟ้ม pdf มาใช้งานด้านการศึกษาได้โดยง่าย
26 ต.ค.55 สาธิตการสแกนหนังสือ เป็น pdf ผ่านระบบ auto feed ของ canon multi-function printer โดยแสดง 2 รูปแบบ คือ 1) ส่งผลงานไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์ 2) ส่งผลงานเข้าเครื่อง printer แต่การสแกนหนังสือผมแนะนำว่าให้จ้างร้านถ่ายเอกสารสแกนเป็นแผ่นก่อน แล้วค่อยนำมาเข้าเครื่องนี้ แล้วอาจนับได้ว่านี่คือการทำ e-book อีกวิธีหนึ่ง ที่ง่ายเพียงคลิ๊ป หากมี scanner ที่มี auto feed
multi-function printer
multi-function printer
หากชมคลิ๊ปนี้แล้ว และรับ scan หนังสือหน้าละ 10 บาท ทำ e-book ผมว่าสบายเลย  มีขั้นตอนคือไปจ้างร้านถ่ายเอกสารทำเป็นเอกสารหน้าละ 40 สตางค์ แล้วหา scanner แบบ auto-feed กดปุ่มเดียวบนเครื่อง scan ก็จะได้เล่มทันที แล้วนำไปทำ e-book ด้วยโปรแกรมอื่นได้อีกมากมาย อาทิ Flash Page Flip, Flip Album หรือ Kvisoft FlipBook Maker
เล่าสู่อาจารย์ .. เหตุเกิดที่ห้องทำงานของอาจารย์คณะบริหารธุรกิจ ม.เนชั่น

สร้างอีบุ๊คด้วย Flipalbum (362)

ebook by flipalbum for mcu students
ebook by flipalbum for mcu students

29 ก.ย. 2555 มีการอบรมการจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) แก่พระนิสิต คณะครุศาสตร์สาขาวิชาการสอนพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตแพร่ ห้องเรียนวัดบุญวาทย์ ซึ่งเนื้อหาหลักสูตรเสริมบทบาทของพระสงฆ์ในการเป็นผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนาผ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไปสู่นักเรียน เพื่อนพุทธศาสนิกชน และผู้สนใจทั่วไปได้อย่างน่าสนใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในยุคสมัยใดมาก่อน

กลุ่มอาชีพครูพระ คือ กลุ่มอริยบุคคลที่มีโอกาสสร้างอีบุ๊คได้มากกว่าหลายอาชีพ เพราะมีเนื้อหามากมาย ลักษณะของเนื้อหาเป็นได้ทั้งภาพ เสียง หรือคลิ๊ปวีดีโอ ผู้เรียนที่เข้าถึงสื่อมีได้ทุกกลุ่มอายุทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ไปถึงคนชรา เนื้อหาที่นำเสนอจะไม่หมดอายุเหมือนศาสตร์ด้านอื่น อาทิ คอมพิวเตอร์ก็จะเปลี่ยนไปตามพัฒนา การแพทย์ที่เคยใช้ยาต้มก็เปลี่ยนเป็นยาเม็ดหรือยาฉีด แต่คำสอนทางศาสนาเป็นเรื่องที่เป็นอมตะ และเป็นจริงเช่นนั้นมาแต่พุทธกาล โดยมีการสนับสนุนจากหน่วยงานทุกสาย ทุกระดับไม่ว่าจะเป็นตำบล อำเภอ จังหวัดหรือประเทศ รวมถึงภาครัฐ และเอกชนก็เข้าไปมีส่วนร่วมชัดเจน เดิมนั้นบทบาทของการศึกษามีอยู่แต่ในโรงเรียนแต่ปัจจุบันมีการบูรณาการที่เรียกว่า “บวร” ซึ่งประกอบด้วย บ้าน วัด และโรงเรียน ต้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาเยาวชนของชาติ ตามเงื่อนไขของหลักสูตรที่พัฒนาตลอดเวลาโดยกระทรวงศึกษาธิการ

การจัดทำอีบุ๊คมีหลายเทคนิค ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และอุปกรณ์ที่จะใช้เปิดอ่าน ซึ่งผู้จัดทำสามารถสร้างต้นฉบับในสื่อหนึ่ง แล้วเผยแพร่ในสื่ออื่นได้อีกหลายประเภท อาทิ PDF, Flash View, Video หรือแบบที่ต้องใช้โปรแกรมเฉพาะของบริษัท อาทิ Flip Album, Desktop Author, Plakat e-book, Diji Album ซึ่งแสดงผลแบบภาพสามมิติ ทำให้น่าอ่านกว่าสื่อดั้งเดิม ทำสำเนาได้ง่าย สามารถแสดงผลผ่านสื่อมัลติมีเดีย และเชื่อมโยงไปยังสื่ออื่นผ่านการคลิ๊กได้อย่างยืดหยุ่น ดังนั้นเนื้อหาก็จะไม่หยุดอยู่บนหนังสือเพียงเล่มเดียวเหมือนในอดีตอีกต่อไป


http://www.youtube.com/watch?v=eB85vHyRi_U

http://www.thaiall.com/flip/indexo.html

http://www.facebook.com/groups/thaiebook/

tweet หนึ่งจากทวิตเตอร์ของ อ.อุดม ไพรเกษตร

5 มีนาคม 2555 อ่านทวิตเตอร์ของ อ.อุดม ไพรเกษตร พบเรื่อง “แจกแท็บเล็ตเด็ก ป.1 ไม่ใช้สมองก็ต้องใช้สติ” มีลิงค์ที่ http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/242249 มีความตอนหนึ่งที่ คุณลม เปลี่ยนทิศ เขียนว่า

การแจกคอมพิวเตอร์ “แท็บเล็ต” ก็เป็นอีกตัวอย่างที่รัฐบาลพยายาม “ซื้อเร็วแจกเร็ว” ทั้งๆที่ยังไม่มีความพร้อมสักอย่าง ไม่ว่าระบบเครือข่ายไร้สาย ระบบไฟฟ้าในโรงเรียน “ครูผู้สอน” ที่ยังขาดทักษะความรู้ ซึ่งกระทรวงศึกษาฯ จะต้องมีการอบรมให้เรียนรู้เสียก่อน รู้ว่าจะใช้แท็บเล็ตเป็นเครื่องมือในการเรียนการสอนอย่างไร เพื่อให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า
แม้แต่ “ตัวนักเรียน ป.1” เองก็ไม่มีความพร้อม “ขี้เยี่ยว” เด็กยังต้องให้ครูและพี่เลี้ยงดูแล เพราะเด็กยังช่วยตัวเองไม่ได้ แต่รัฐบาลกลับซื้อแท็บเล็ตแจกให้เด็ก 4–5 ขวบรับผิดชอบคนละ 1 เครื่อง และให้ใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนเด็กต้องหอบหิ้วไปมาระหว่างบ้านกับ โรงเรียน ต้องคอยเสียบปลั๊กไฟชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งเด็กทำเองไม่ได้ต้องมีคนช่วย การแจกแท็บเล็ตเพื่อใช้เรียนใช้สอนเด็ก ป.1 จึงไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ถูกเวลาในเวลานี้แน่นอน
ถ้าเป็น โรงเรียนที่ห่างไกล ไฟฟ้าไปไม่ถึง แท็บแล็ตก็เป็นเครื่องขยะใช้งานไม่ได้ เหมือนโครงการ ห้องเรียนคอมพิวเตอร์ ของ กระทรวงศึกษาธิการ ในอดีต ที่ไปลงทุนสร้างห้องเรียนคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนชนบท อ้างว่านักเรียนในชนบทจะได้เข้าถึงอินเตอร์เน็ต เพื่อท่องไปสู่โลกกว้าง สามารถเรียนรู้ทางไกลผ่านทางอินเตอร์เน็ตแต่คอมพิวเตอร์ทั้งห้องเปิดใช้งาน ไม่ได้ เพราะโรงเรียน ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีอินเตอร์เน็ต


ในวันที่ 5 มีนาคม 2555
เมื่ออ่านข้อความข้างต้นแล้ว .. ก็รู้สึกว่าโลกเรามีคนอยู่หลายแบบนะครับ
http://twitter.com/suthichai
http://twitter.com/udompk

http://www.youtube.com/watch?v=Mhyac_GNpFw