ครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ล้นตลาด ต้องการวิทยาศาสตร์/วิศวกรรมศาสตร์/คอมพิวเตอร์

asean jobs
asean jobs

http://news.voicetv.co.th/thailand/60043.html
กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศ
รัฐบาลจะส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์
เนื่องจากตลาดแรงงานทั้งในและต่างประเทศต้องการ
ขณะที่บุคลากร ด้านครุศาสตร์ และศึกษาศาสตร์ ล้นตลาดแล้ว

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ระบุถึง ผลกระทบของการเปิดประชาคมอาเซียนต่อระบบการศึกษาไทย
ว่าหลังจากนี้ การผลิตบัณฑิตของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ต้องคำนึงถึงความต้องการของตลาดแรงงานด้วย

ซึ่งขณะนี้กำลังต้องการ ด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และคอมพิวเตอร์
ส่วนด้านครุศาสตร์ และศึกษาศาสตร์  มีจำนวนมากกว่าความต้องการของตลาดแรงงานแล้ว
จึงทำให้บัณฑิตที่จบในสาขาดังกล่าว สูญเสียโอกาสในการทำงาน

เนื่องจากแต่ละปี มีบัณฑิตด้านครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์จบการศึกษา  4 – 5 หมื่นคน
โดยปีการศึกษา 2555  มีการรับนักศึกษาใหม่ใน 2 สาขาดังกล่าวเกือบ 1 แสนคน
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับยอดการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ทำให้เห็นว่า จำนวนดังกล่าวล้นความต้องการของตลาดแล้ว
เช่น ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปีล่าสุด ทั่วประเทศมีการเปิดบรรจุ 1,500 อัตรา
มีผู้สมัครสอบเกือบ 2 แสนคน จึงทำให้มีบัณฑิตตกงานจำนวนมาก

นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการ ยังมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ศึกษาการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่มี 7 สาขาวิชาชีพ

1. วิศวกรรม (Engineering Services)
2. พยาบาล (Nursing Services)
3. สถาปัตยกรรม (Architectural Services)
4. การสำรวจ (Surveying Qualifications)
5. แพทย์ (Medical Practitioners)
6. ทันตแพทย์ (Dental Practitioners)
7. บัญชี (Accountancy Services)

สามารถเคลื่อนย้ายไปทำงานในกลุ่มประเทศอาเซียนได้
โดยให้ศึกษารายละเอียด เช่น ใบอนุญาตการทำงาน ภาษาถิ่น และกฎหมายแรงงานของประเทศนั้น

ทั้งนี้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ยังระบุอีกว่า
นอกจากความต้องการให้บัณฑิตมีงานทำตรงกับสาขาที่เรียนแล้ว
รัฐบาลยังเปิดกองทุนตั้งตัวได้ เพื่อส่งเสริมให้บัณฑิตใหม่ ที่จบการศึกษาไม่เกิน 5 ปี
สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้ ซึ่งขณะนี้เปิดรับสมัคร  ผ่านศูนย์บ่มเพาะใน 56 แห่งทั่วประเทศ
โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ และไม่มีกำหนดการปิดรับสมัคร
+ http://education.kapook.com/view54072.html

+ http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=29610&Key=hotnews

+ http://www.thaiall.com/asean/

ไทยจะมี 3G ส่วนเพื่อนบ้านเรา ลาวมี 4G แล้ว

4g ลาว
4g ลาว

ต้องกล่าวคำว่า ขอแสดงความยินดี กับเพื่อน ASEAN ชาวลาวที่ได้ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 4G สนับสนุนการพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง และไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้เร็วขึ้น ทั้งเศรษฐกิจ การศึกษา การปกครอง สังคม และวัฒนธรรม
สืบเนื่องจากข่าวว่าวันที่ 26 ต.ค.55 มีพิธีแถลงข่าวเปิดให้บริการอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือระบบ 4G LTE การให้บริการเริ่มขึ้นในวันที่ 27 ต.ค.55 สำหรับนครเวียงจันทน์ ทำให้เชื่อมต่อกับเวิลด์ไวด์เว็บเร็วขึ้น 5 เท่าตัว เทียบกับระบบ 3G ในปัจจุบัน รัฐวิสาหกิจแห่งนี้กล่าวว่าบริการ 4G ในเมืองและแขวงทั่วประเทศอาจจะมีขึ้นได้ในสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า
รัฐวิสาหกิจลาวเทเลคอม (ลาวโทรคม : The Lao Telecommunications Company (LTC)) ได้เปิดให้บริการโทรศัพท์ไร้สาย และอินเทอร์เน็ตไวไฟเทคโนโลยี LTE ซึ่งทำให้ประเทศคอมมิวนิสต์เล็กๆ แห่งนี้เป็นเพียงประเทศที่ 2 ในอาเซียน ถัดจากสิงคโปร์ที่เปิดใช้ระบบสื่อสารไร้สายยุคที่ 4 ด้วยเทคโนโลยีบนพื้นฐาน GSM ทำให้เชื่อมต่อเข้ากับเวิลด์ไวด์เว็บเร็วขึ้นประมาณ 5 เท่าตัว เป็นการเปิดให้บริการระบบ 4G ครั้งแรกภายใต้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Long Term Evolution แต่เป็น 4G ระบบที่ 2 หลังจากบริษัทให้บริการอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่งทดลอง เปิดให้บริการระบบ WiMAX เป็นข่ายแรกในเดือน ก.ย.ปีที่แล้วในนครเวียงจันทน์
พิธีเปิดให้บริการ 4G LTE จัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยนายทองใส ซานไซยะ ผู้อำนวยการใหญ่รัฐวิสาหกิจลาวเทเลคอม มี พ.อ.ทันสะไหม กมมะสิด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงไปรษณีย์ โทรคมนาคม และการสื่อสารเข้าร่วมเป็นเกียรติ สำนักข่าวสารปะเทดลาวรายงาน
การเปิดใช้ระบบ 4G LTE มีขึ้นเพื่อรองรับการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป หรือ ASEM ที่จะจัดขึ้นในเมืองหลวงของลาวสัปดาห์หน้านี้ โดยให้บริการเฉพาะการเชื่อมต่อข้อมูล (Data) เป็นพื้นฐาน นายทองใสกล่าวระหว่างแถลงข่าว 1 วันก่อนการเปิดให้บริการ ทั้งนี้ เป็นรายงานในเว็บไซต์ลาวเทเลคอมซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือและการเชื่อมต่อแบบไร้สายรายใหญ่ที่สุดในลาวปัจจุบัน
ลาวเทเลคอม เปิดให้บริการโทรศัพท์ระบบ 3G มาเป็นเวลาหลายปี และได้เซ็นความตกลงกับกลุ่มบริษัทหัวเว่ย (Huawei) จากประเทศจีนเพื่อพัฒนา 4G LTE ที่ใช้ระบบ GSM ต่อจากบริการ 2G และ G ในปัจจุบัน โดยติดตั้งสถานีเครือข่าย 20 จุดในเมืองหลวงสำหรับบริการเริ่มแรก ก่อนจะขยายไปยังเมือง และแขวงทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า นายทองใสกล่าว
ระบบ 4G เป็นเทคโนโลยีใหม่ ทำให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้เร็วขึ้นอีก 5 เท่า เป็น 100 เมกะบิตต่อวินาที เทียบกับเพียง 21 เมกะบิตในระบบ 3G ปัจจุบัน” ผอ.ใหญ่ลาวเทเลคอมกล่าว
ในอนาคตอันใกล้นี้ ลาวเทเลคอมจะให้บริการ 4G แก่ธุรกิจต่าง ๆ รวมทั้งธนาคารและตลาดหลักทรัีพย์ ซึ่งจะไม่จำำกัดแค่การเขื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟนกับแท็บเล็ตเท่านั้น หากยังรวมถึงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะในสำนักงาน และตามครัวเรือนต่างๆ ด้วย ขปล.กล่าว.
http://www.bangkokpost.com/breakingnews/318681/laos-to-launch-4g
http://www.manager.co.th/indochina/viewnews.aspx?NewsID=9550000133036

31 นโยบายหลักด้านการศึกษา

ศ.ดร.สุชาติ  ธาดาธำรงเวช  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงศึกษาธิการสู่การปฏิบัติ ระหว่างวันที่ 9 – 10 สิงหาคม 2555 ณ โรงแรมรามา การ์เด้นส์  กรุงเทพมหานคร

ศ.ดร.สุชาติ  ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  กล่าวให้นโยบายถึงการทำงานในช่วงระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งได้ประสบผลสำเร็จและมีความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ  โดยได้ขับเคลื่อนการทำงานตาม  “31 นโยบายหลักด้านการศึกษา” ๑) ยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง  ๒) ปฏิรูปการศึกษารอบใหม่  ๓) ปรับเลื่อนวิทยฐานะโยกย้ายครูด้วยความเป็นธรรม  ๔) สอบ O-Net ป.๖ ม.๓ ม.๖ ทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา  ๕) กระทรวงศึกษาธิการไทยใสสะอาด   ๖) ปฏิบัติธรรม นำการศึกษา   ๗) แท็บเล็ตพีซี เพื่อการศึกษา  ๘) เรียน ม.๖ จบได้ใน ๘ เดือน   ๙) กองทุนตั้งตัวได้   ๑๐) ๑ อำเภอ ๑ ทุน   ๑๑) สื่อสารภาษาอังกฤษได้ พร้อมเข้าสู่ประชาคม ASEAN  ๑๒) เรียนดีอย่างมีคุณภาพ ตั้งแต่อนุบาลจนจบ ม.๖  ๑๓) สร้างผู้นำอาเซียน ASEAN Leaders Scholarship  ๑๔) ทุนการศึกษาเพื่ออนาคต (กรอ.) Income Contingency Loan  ๑๕) ครูมืออาชีพ  ๑๖) ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน Fix-it Center   ๑๗) การศึกษาดับไฟใต้   ๑๘) ศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน OTOP Mini MBA   ๑๙) กระทรวงศึกษาไทย ปลอดภัย ไร้บุหรี่   ๒๐) ศูนย์กลางการศึกษานานาชาติ   ๒๑) อัจฉริยะสร้างได้   ๒๒) อินเทอร์เน็ตตำบลและหมู่บ้าน  ๒๓) คูปองสร้างเสริมอัจฉริยะ   ๒๔) โรงเรียนในโรงงาน   ๒๕) อาชีวะไทย ก้าวไกล ใช้เทคโนโลยี   ๒๖) สร้างพลังครู  ๒๗) หลักสูตรคิดเป็น ทำเป็น   ๒๘) โรงเรียนร่วมพัฒนา   ๒๙) ศูนย์อบรมอาชีวศึกษา  ๓๐) ตั้งสถาบันอาชีวศึกษาเพื่อความเป็นเลิศในการเรียนสายอาชีพ   ๓๑) เทียบโอนประสบการณ์สายอาชีพ จบ ปวช.ได้ใน ๘ เดือน

http://www.vec.go.th/portals/0/tabid/103/ArticleId/477/477.aspx

นอกจากนั้นยังได้เน้นนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการอาชีวศึกษา อาทิ ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน Fix-it Center ,  ศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน , โรงเรียนในโรงงาน , การตั้งสถาบันอาชีวศึกษาเพื่อความเป็นเลิศในการเรียนสายอาชีพ รวมทั้งนโยบายเทียบโอนประสบการณ์สายอาชีพ จบ ปวช.ได้ใน ๘ เดือนแล้ว ได้กล่าวถึงเป้าหมายของกระทรวงศึกษาธิการที่จะดูแลลูกหลานของพี่น้องประชาชนเหมือนลูกหลานของเราเอง ซึ่งก็คือการ “ยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง” โดยอธิบายว่าหากเป็นลูกของคุณ คุณจะทำอย่างไร คือให้มองเด็กๆ ให้เป็นลูกหลานของเรา ขณะเดียวกันครูอาจารย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของผู้บริหารก็ควรมองให้เป็นเหมือนน้องชายน้องสาว  เพราะว่าผู้บริหารก็เหมือนครูรุ่นพี่ ซึ่งต้องมาช่วยเราสอนลูกของเราให้มีอนาคตมีการศึกษา

นายศักดา  คงเพชร  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า  ตนต้องการให้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา  สร้างบุคลากรคุณภาพ  ครูและนักศึกษาต้องมีความรู้ความสามารถ  แต่มีความเป็นห่วงว่าเงินงบประมาณ ปี2556  ซึ่งได้น้อยลงจะทำให้การพัฒนาอาชีวศึกษาที่เข้มแข็งทั้งคุณภาพ และประมาณได้มากน้อยเพียงใด ฝากให้ส่วนกลางจัดทำฐานข้อมูลของสถานศึกษาให้ชัดเจนเพื่อช่วยให้การจัดสรรเงินงบประมาณมีความเป็นธรรม  และตรงกับความต้องการมากที่สุด

ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประสานงานขอรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเป็นของกลางที่ไม่สามารถใช้งานได้มาเป็นวัสดุฝึก  หรือนำมาพัฒนาต่อยอดเพื่อมาใช้ประโยชน์ การสนับสนุนให้ครูและนักเรียนมีรายได้โดยแปลงทักษะวิชาชีพให้เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ รวมทั้งต้องเตรียมพร้อมการแข่งขันในประชาคมอาเซียน  โดยเน้นให้เด็กสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษ  และภาษาอาเซียน

โดย กลุ่มประชาสัมพันธ์ 10 สิงหาคม 2555

วิสัยทัศน์รุก 3 ทิศทาง ของ สุทธิชัย หยุ่น

nation group team
nation group team
“สุทธิชัย หยุ่น” เขย่าเครือเนชั่น ดันผู้บริหารรุ่นใหม่ยกแผง ชูวิสัยทัศน์รุก 3 ทิศทาง
คอนเทนท์ แพลตฟอร์ม และก้าวสู่ระดับภูมิภาค
สัญญาณการเปลี่ยนผ่านเครือเนชั่นเข้าสู่ยุคใหม่ ภายใต้การนำของนายสุทธิชัย หยุ่น ประธานกรรมการบริษัท เริ่มขึ้นเกือบจะในทันทีที่เข้ารับบทบาทแม่ทัพ เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับการปรับโครงสร้างการบริหารงาน ในแต่ละหน่วยธุรกิจ (Business Unit) ให้สอดรับกับนโยบาย และวิสัยทัศน์ใหม่ของเครือ โดยล่าสุด คณะกรรมการบริษัท มีมติแต่งตั้งนางสาวดวงกมล โชตะนา ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด  (มหาชน)
นายสุทธิชัย หยุ่น ประธานกรรมการบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การบริหารงานของเครือเนชั่นจากนี้ไป จะถูกขับเคลื่อนผ่านคณะกรรมการบริหาร โดยมีตนนั่งเป็นประธาน และมีนายเสริมสิน สมะลาภา ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการ ซึ่งจะมีบทบาทวางกลยุทธ์ขยายการลงทุนเพื่อการเติบโตของเครือเนชั่น  พร้อมด้วยกรรมการบริหาร อีก 3 คน คือ นางสาวดวงกมล โชตะนา กรรมการผู้อำนวยการเนชั่นกรุ๊ป นายพนา จันทวิโรจน์ กรรมการผู้อำนวยการธุรกิจต่างประเทศ เนชั่นกรุ๊ป  และ นายอดิศักดิ์  ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NBC
สำหรับกลุ่มผู้บริหารรุ่นใหม่ ที่จะเป็นกำลังสำคัญ ขับเคลื่อน NMG สู่อนาคต บนวิสัยทัศน์ใหม่ นอกจากนายอดิศักดิ์  นางสาวดวงกมล และนายพนา ซึ่งนั่งอยู่ในคณะกรรมการบริหาร  ยังมีผู้บริหารรุ่นใหม่เข้าร่วมสมทบอีก 3 คน คือ นายศิวะพร ชมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการ  บริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NINE  ผศ.ดร.พงษ์อินทร์ รักอริยะธรรม อธิการบดี มหาวิทยาลัยเนชั่น และสุดท้าย นายต่อบุญ พ่วงมหา อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัทสนุกดอทคอม ในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการ ธุรกิจดิจิทัล
“เหล่านี้คือคลื่นลูกใหม่ของเครือเนชั่น เป็นเกลียวคลื่นที่จะพาเนชั่นก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง จากนี้ไป เราพร้อมจะเปิดเกมรุกทุกๆ ด้าน พร้อมขยายการลงทุนเพื่อการเติบโตของธุรกิจ” นายสุทธิชัยกล่าว

สำหรับวิสัยทัศน์เครือเนชั่น ยุคแม่ทัพชื่อ “สุทธิชัย” กำหนดไว้ว่า บริษัทจะต้องเติบโตพร้อมกันบน 3 ทิศทาง ซึ่งจะเป็น 3 เสาหลักของเครือเนชั่น วิสัยทัศน์ ประการแรก เครือเนชั่นพร้อมขยายคอนเทนท์ หรือเนื้อหาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มผู้รับสื่อ ประการที่สอง เครือเนชั่นจะมุ่งแผ่ขยายด้านแพลตฟอร์ม โดยเปิดเกมรุกในธุรกิจดิจิทัล และบรอดแคสต์ เป้าหมาย คือ ส่งผ่านคอนเทนท์ที่ดีที่สุดออกไปในทุกรูปแบบ  และวิสัยทัศน์ประการที่  3 ยกระดับเครือเนชั่นสู่สถาบันสื่อระดับอาเซียน
“แม้ว่าเราจะมีคอนเทนท์ที่ครอบคลุมเกือบทุกเซ็กเมนท์อยู่แล้ว  แต่เรายังไม่หยุดยั้ง จากนี้ไป จะเห็นเครือเนชั่นก้าวสู่ธุรกิจการศึกษา และสื่อประเภทบันเทิงมากขึ้น ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ ทางด้านคอนเทนท์ของเครือเนชั่น”
ส่วนการแตกแขนงธุรกิจด้านแพลตฟอร์ม เครือเนชั่น เตรียมขยายธุรกิจด้านดิจิทัล และบรอดแคสต์ อย่างจริงจัง โดยมีนายต่อบุญ พ่วงมหา อดีตซีอีโอสนุกดอทคอม เป็นกำลังสำคัญ ด้วยประสบการณ์ที่บ่มเพาะในธุรกิจดิจิทัลเกินทศวรรษ เชื่อมั่นได้ว่านายต่อบุญ จะนำเครือเนชั่น ก้าวสู่ยุคดิจิทัล และสร้างรายได้จากสื่อใหม่ได้ต่อเนื่อง
อีกหนึ่งวิสัยทัศน์ ภายใต้การคุมทิศทางของนายสุทธิชัย คือ การนำพาเครือเนชั่น ซึ่งยืนหยัดในอุตสาหกรรมสื่อเมืองไทยมากว่า 42 ปีขยายธุรกิจสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผ่านเครือข่ายที่แข็งแกร่งของหนังสือพิมพ์ The Nation
“เรามั่นใจในเนื้อหาที่แข็งแกร่ง มีศักยภาพเท่าเทียมสื่อชั้นนำต่างประเทศ  ทั้งยังมีความสามารถในการขยายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นสื่อใหม่ หรือสื่อดั้งเดิม ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มผู้รับสื่อ นอกจากนี้ ยังมีเครือข่ายที่แข็งแรง วันนี้เราพร้อมแล้วที่จะก้าวไปปักธงในอาเซียน” นายสุทธิชัยกล่าว
เขากล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ทีมผู้บริหารรุ่นใหม่ซึ่งต่างช่ำชองในสายธุรกิจสื่อไม่ต่ำกว่า 20 ปี จะร่วมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับเครือเนชั่น ซึ่งมั่นใจได้ว่า จะสามารถตอบโจทย์ให้กับ Stake Holder ของบริษัท ทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่ ผู้ถือหุ้นรายย่อย พนักงาน รวมถึงคู่ค้าทางธุรกิจ ได้อย่างแน่นอน