ประเทศไทยมีคนตายจากอุบัติเหตุทางถนน อันดับ 3 ของโลก

สืบเนื่องจาก อ.ทรงเกียรติ แชร์ข่าวมาให้อ่าน ว่าไทยเราติดที่ 3 เรื่องภัยทางถนน พอติดตามก็ทำให้รู้สึกกังวล เพราะมีผู้คนที่รู้จักจำนวนไม่น้อยจากไป หรือประสบภัยทางถนนในหลายรูปแบบ .. ต่อไปจะต้องคาดเข็มขัดนิรภัย อย่างเอาจริงเอาจังซะแล้ว ก็เพราะไทยที่ 3 ของโลกนี่หละ

ประเทศไทยมีคนตายจากอุบัติเหตุทางถนน อันดับ 3 ของโลก
ประเทศไทยมีคนตายจากอุบัติเหตุทางถนน อันดับ 3 ของโลก

http://www.thairath.co.th/content/edu/359132

อึ้ง .. ไทยติดที่ 3 ของโลก ‘ประเทศที่มีคนตายจากอุบัติเหตุทางถนน’

องค์การอนามัยโลกเผยรายงานสถานะประเทศ 2013 ไทยมีอัตราส่วนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงเป็นที่ 3 ของโลก มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน และเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เฉลี่ยทุกๆ 1 ชั่วโมงมีคนเจ็บ-ตาย 2 คน
เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2556 นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือแห่งองค์การอนามัยโลกด้านการป้องกันอุบัติเหตุ เปิดเผยรายงานความปลอดภัยทางถนนของโลก พ.ศ.2556 (Global Status Report on Road Safety 2013) จัดทำโดยองค์การอนามัยโลก พบอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของไทยพุ่งสูงขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลก เสียชีวิตถึง 38.1 คนต่อประชากร 1 แสนคน รองจากประเทศเกาะนีอูเอ และสาธารณรัฐโดมินิกัน

นพ.วิทยา กล่าวว่า ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน รวมจากทุกพาหนะและคนเดินเท้าแล้วถึง 13,766 คน จากข้อมูลของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2554  (ปี ค.ศ.2010) เป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “แต่จากการประมาณการการเสียชีวิตจากอุบัติภัยบนท้องถนนของประเทศไทย โดยองค์การอนามัยโลก ในปี ค.ศ. 2010 สูงถึง 26,312 คน คิดเป็นอัตรา 38.1 ต่อประชากร 100,000 คน”
นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบอัตราการเสียชีวิตของแต่ละประเทศ ด้วยบรรทัดฐานเดียวกันคือ จำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนต่อประชากร 1 แสนคน แล้วกลายเป็นว่า ไทยมีอัตราผู้เสียชีวิต 38.1 คนต่อจำนวนประชากร 1 แสนคน นับเป็นอันดับ 3 รองจากอันดับ 1 คือ นีอูเอ (Niue) มีอัตราผู้เสียชีวิต 68.3 คน ต่อจำนวนประชากร 1 แสนคน อันดับ 2  คือ สาธารณรัฐโดมินิกัน มีอัตราผู้เสียชีวิต 41.7 คนต่อจำนวนประชากร 1 แสนคน
โดยเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2556 องค์การอนามัยโลกได้เปิดเผยในรายงานความปลอดภัยทางถนนของโลก พ.ศ. 2556 (Global Status Report on Road Safety 2013) ภาพรวมของการสำรวจจาก 182 ประเทศ มี 6 ประเทศที่ลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้อย่างน่าชื่นชม ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สวีเดน และอังกฤษ ส่วนที่เหลืออีก 176 ประเทศ มี 88 ประเทศที่ลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุได้จริง ขณะที่ 87 ประเทศ อีก 1 ประเทศไม่ระบุ มีสถิติผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น ในรายงานยังบอกว่า 3 ใน 4 ของผู้เสียชีวิตเป็นคนหนุ่มสาวอายุระหว่าง 15-29 ปี  ถ้าแต่ละประเทศไม่ป้องกัน การเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุจะขึ้นมาเป็นอันดับ 5 ของการเสียชีวิตของคนทั้งโลกภายในปี พ.ศ. 2573
ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา องค์กรอนามัยโลก ร่วมกับศูนย์ความร่วมมือระหว่างองค์การอนามัยโลกกับโรงพยาบาลขอนแก่น แถลงผลการรายงานสถานะความปลอดภัยทางถนนโลก ปี 2556 และจัดประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในหัวข้อ ทำไมประเทศไทยถึงมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุอยู่อันดับต้นของโลกเพื่อหา แนวทางแก้ไขและแลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะในการบรรเทาผู้เสียจากอุบัติเหตุทางถนน ซึ่ง ดร.นิมา อัสการี รักษาการผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า
รายงานความปลอดภัยทางถนนของโลกปี 2556 (Global Stabal Report on Road 2013) พบอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของไทยพุ่งสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมีผู้เสียชีวิต 38.1 รายต่อประชากร 1 แสนราย รองจากอันดับ 1 แสนราย อันดับ 2 คือ สาธารณรัฐโดมินิกัน มีอัตราผู้เสียชีวิต 41.7 รายต่อประชากร 1 แสนราย และองค์การอนามัยโลกกำลังเป็นห่วงในเรื่องนี้ เพราะจากตัวเลขยานพาหนะที่จดทะเบียนทั่วโลกมีมากขึ้นร้อยละ 15 และในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากอับุติเหตุเป็น 1.24 ล้านราย
ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเทศที่มีรายได้ระดับต่ำถึง ระดับปานกลาง มียอดผู้เสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 33 บางประเทศสูงถึงร้อยละ 75 และจากการสำรวจระหว่างปี 2550-2553 ใน 182 ประเทศ มีประเทศออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สวีเดน และอังกฤษ ที่สามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุได้อย่างน่าชื่นชม
อย่างไรก็ตาม นพ.วิทยา กล่าวย้ำว่า เป็นที่น่าตกใจที่ข้อมูลของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2554 มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน รวมจากทุกพาหนะและคนเดินเท้าแล้ว แค่ 13,766 คน ต่างจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ที่ทำการประเมินในปีเดียวกัน มีจำนวนสูงถึง 26,312 ราย คิดเป็นอัตรา 38.1 ต่อประชากร 1 แสนราย เป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งตัวเลขที่ต่างกันอาจเกิดจากวิธีการเก็บข้อมูลที่ต่างกัน แต่ก็มีความหมายเดียวกันว่า ปัญหาเรื่องอุบัติเหตุทางท้องถนนของประเทศไทย ถือว่าค่อนข้างวิกฤติมีคนเจ็บ คนตาย เฉลี่ยชั่วโมงละ 2คน และทุกคนมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเหมือนกัน.

โดย ทีมข่าวไทยรัฐทีวี 25 กรกฎาคม 2556, 05:15 น.

http://www.autoyim.com/252081/%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94-jpg2

หมอกลงจัด (fog)

ปรากฎการณ์อย่างหนึ่งของโลก คือ การมีหมอกลง (fog) หลังจากมนุษย์สร้างยานพาหนะที่เคลื่อนด้วยความเร็วสูง ก็พบว่าสาเหตุการเสียชีวิตในอันดับ 2 คืออุบัติเหตุทางรถยนต์ สถิติที่น่าตกใจคือช่วง 7 วันอันตราย ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งคือการเจ็บป่วย ผู้ขับขี่ที่ไม่ชำนาญทางเจอทัศนวิสัยแบบนี้ไม่ดีเลย ก็ต้องระวัง และระวังให้มาก สาเหตุการเสียชีวิตอันดับสามคือการทำร้ายตัวเองครับ

เวลดอน เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแข่งรถ

dan racing
dan racing

อุบัติเหตุในวงการมอเตอร์สปอร์ต เศร้า หลัง แดน เวลดอน นักซิ่งชาวอังกฤษเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรุนแรงระหว่างการแข่งขันรถอินดีคาร์ ที่สนามลาสเวกัส มอเตอร์ สปีดเวย์ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ต.ค.2554

http://www.youtube.com/watch?v=IK7gICqz3aA

เวลดอน เป็นหนึ่งในรถ 15 คันที่ประสบอุบัติเหตุในรอบที่ 13 ของการแข่งขันสนามสุดท้ายของศึกอินดีคาร์ 300 ประจำฤดูกาล 2011 โดยนักซิ่งวัย 33 ปีซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เพื่อส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลในลาส เวกัส แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา
“อินดีคาร์เสียใจมากที่จะประกาศให้ทราบว่า แดน เวลดอน ได้เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บสาหัส” แรนดี เบอร์นาร์ด ประธานบริหารอินดีคาร์เปิดเผย “เราทุกคนต่างสวดมนต์ภาวนาให้แก่ครอบครัวของเขาในวันนี้”

การแข่งขันสนามนี้ก็ถูกยกเลิกหลังเกิดอุบัติเหตุส่งผลให้แชมป์อินดี คาร์ 300 ประจำฤดูกาล 2011 ตกเป็นของ ดาริโอ ฟรานชิตตี ขณะเดียวกันนักแข่งที่เหลืออยู่ก็แสดงความไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของ เวลดอน ด้วยการขับรถวนรอบสนามจำนวน 5 รอบ

สำหรับ เวลดอน เป็นแชมป์รถแข่งอินเดียนาโปลิส 500 สองสมัยเมื่อปี 2005 และปีนี้ ซึ่งจบฤดูกาลเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ได้มาเข้าร่วมแข่งขันรถอินดีคาร์ เพื่อหวังเงินโบนัสพิเศษ 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 150 ล้านบาท) สำหรับนักขับที่ไม่ได้เป็นสมาชิก และคว้าแชมป์สนามสุดท้ายของซีรีส์ได้
http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9540000132068