มหาวิทยาลัยเนชั่นร่วมกับ 36 บริษัท ส่งนศ.ฝึกงาน ตั้งแต่ชั้นปีที่หนึ่ง

MOU for practicum at Nation University
MOU for practicum at Nation University
มหาวิทยาลัยเนชั่น ลงนาม 36 บริษัทเอกชน จัดสหกิจศึกษา ส่งนศ.ไปฝึกงานตั้งแต่ปี 1 – 4 พร้อมดึงผู้เชี่ยวชาญร่วมสอน ส่งวิทยากรมืออาชีพ ม.เนชั่น จัดอบรมถึงที่ หวังแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกัน ผลิตบุคลากรคุณภาพสู่ตลาดงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 55  ที่ห้องประชุมใหญ่ชั้น 27 อาคารเนชั่นทาวเวอร์ บางนา กม.4.5 มหาวิทยาลัยเนชั่น จับมือ บริษัทเอกชนไทย 36 แห่ง ลงนามความร่วมมือสหกิจศึกษา ในโครงการ “ความร่วมมือการบูรณาการการเรียนรู้ ฝึกปฏิบัติงานและสหกิจระหว่างมหาวิทยาลัยกับสถานประกอบการ” โดยมีนายสุทธิชัย  หยุ่น  ประธานกรรมการ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป นางสาวดวงกมล  โชตะนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป  นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น ผศ.ดร.พงษ์อินทร์   รักอริยะธรรม อธิการบดีมหาวิทยาลัยเนชั่น ดำเนินรายการโดย นายอุดม ไพรเกษตร รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเนชั่น ร่วมแถลงข่าวกับตัวแทนสถานประกอบการกว่า 30 แห่งในโครงการ
นายสุทธิชัย เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษากับภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญสาขาเฉพาะด้าน ตรงวัตุประสงค์ในการผลิตนักศึกษาที่มีคุณภาพส่งออกสู่ตลาดงาน โดยภาพที่จะเกิดขึ้นจะเปลี่ยนแปลงเป็นมติใหม่ของการฝึกปฏิบัติงาน จากเดิมมหาวิทยาลัยจะส่งนักศึกษาไปฝึกปฏิบัติงานประมาณ 3-4 เดือนในช่วงที่ศึกษาอยู่ชั้นปี 3 หรือปี 4 แต่มหาวิทยาลัยจะทำรูปแบบใหม่ โดยการส่งนักศึกษาไปฝึกปฏิบัติงานตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นปี 1 ในช่วงปิดภาคเรียนจนกระทั้งถึงชั้นปี 4 เพราะเชื่อว่าการได้ลงมือปฏิบัติจริงในระยะเวลาที่นานพอสมควรจะช่วยเพิ่มคุณภาพตัวนักศึกษาเอง นอกจากนี้ ยังถือเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างบริษัทสหกิจ และมีความใกล้ชิดอีกด้วย
“ผมมองว่าการที่ส่งเด็กไปฝึกงาน 3-4 เดือนช่วงก่อนจบไม่สามารถทำให้เด็กเก่งหรือได้คุณภาพตามที่บริษัทต้องการ ดังนั้นเชื่อว่าการทำโครงการนี้ขึ้นจะช่วยให้พัฒนาศักยภาพเด็กอย่างเต็มที่ แทนที่จะไปฝึกแค่ 3-4 เดือน ม.เนชั่นให้ไปตั้งแต่ปี 1 เลย อย่างน้อยเด็กต้องได้เรียนรู้ประสบการณ์จากที่ฝึกงานมากมาย ถามว่าฝึกเสร็จแล้วบริษัทจะรับเข้าทำงานหรือไม่ เป็นอีกเรื่องนึง แต่การจะให้นักศึกษามีคุณภาพตรงตามความต้องการของบริษัทที่รับเข้าทำงาน บริษัทจะต้องมีบทบาทในการกำหนดการเรียนการสอนช่วยกันกับทางมหาวิทยาลัย ท่านต้องฉีดยาให้กับมหาวิทยาลัยด้วย” ประธานกรรมการ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป กล่าว
นางสาวดวงกมล กล่าวว่า มหาวิทยาลัยเนชั่นตระหนักว่า ต้องเรียนรู้กับผู้ที่มีฝีมือ มีความสามารถ มีประสบการณ์ตรงจากสาขานั้นๆจริง เพื่อคุณภาพของนักศึกษา โดยระหว่างช่วงที่ศึกษาอยู่มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยอาจต้องรบกวนเชิญวิทยากรที่มีประสบการณ์เข้ามาสอน ก่อนออกสนามจริง ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องออกนอกสถานที่ก็ต่อเมื่อถึงเวลาฝึกปฏิบัติงานเท่านั้น และเชื่อว่าการได้เรียนรู้และเรียนกับผู้มีฝีมือจริงๆ จะเป็นการเพิ่มคุณภาพการศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งในการผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพสู่ตลาดงานต่อไป
ผศ.ดร.พงษ์อินทร์ กล่าวว่า บทบาทการป้อนบุคลากรเข้าสู่ตลาดงาน ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบันจะพบปัญหาที่ว่าจบแล้วทำงานไม่เป็น ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนเมื่อรับเข้าทำงานแล้ว ต้องฝึกงานให้ใหม่เกือบทั้งหมด ยิ่งกระแสเทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น กระบวนการจัดการเรียนการสอนในขั้นตอนการฝึกงานจำเป็นต้องมีฝึกปฏิบัติงานตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และเพื่แเป็นกาสนองต่อนโยบายการศึกษา มหาวิทยาลัยเนชั่นจึงให้ความสำคัญต่อการฝึกปฏิบัติงาน และให้เห็นผลสัมฤทธิ์มากที่สุด เช่น ประเทศฝั่งยุโรปมี เคเอฟซียูนิเวอร์ซิตี้ ประเทศไทยก็มีวิทยาลัยดุสิตธานีของโรงแรมดุสิตธานี ซึ่งอยากให้เกิดภาพแบบนี้เกิดขึ้นต่อจากนี้ไป
ผศ.ดร.พงษ์อินทร์ กล่าวต่อว่า อยากให้เกิดการแลกเปลี่ยนมากขึ้น โดยมีการแลกเปลี่ยนกับบริษัทสหกิจที่ร่วมลงนามคือ มหาวิทยาลัยเนชั่นยินดีจะจัดบริการวิชาการให้กับบริษัท โดยดำเนินการจัดการส่งคณาจารย์ เพื่อเป็นวิทยากรฝึกอบรม ให้แก่สถานประกอบการ 6 ชั่วโมง สนับสนุนให้คณาจารย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านต่างๆ ที่เป็นประโยชน์แก่สถานประกอบการ อาทิ การวิจัย การให้คำปรึกษาทางวิชาการ ลดค่าธรรมเนียมร้อยละ 20 ในหลักสูตรปริญญาตรีและโท รวมถึงหลักสูตรประกาศนียบัตรหรือหลักสูตรระยะสั้นที่ทางมหาวิทยาลักำหนดจัดขึ้น และนอกจากนี้ ในอนาคตข้างหน้ามหาวิทยาลัยจะพยายามให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศ
นายธาดา เศวตศิลา ผู้อำนวยการกลุ่มด้านลูกค้าสถาบันการศึกษา บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ เพราะการได้เรียนรู้กับมืออาชีพบริษัทที่มีฝีมือ ย่อมได้ทักษะที่มีคุณภาพอยู่แล้ว ซึ่งใครก็สามารถทำได้ แต่ตนฝากถึงนายสุทธิชัย ในเรื่องของคุณธรรมจริยธรรม ความถูกต้อง ความชอบทำ ซึ่งมีส่วนสำคัญในชีวิตการทำงาน ส่วนการรับนักศึกษาเข้าฝึกปฏิบัติงาน ทางบมจ.ทรู ได้ทำเป็นนโยบายอยู่แล้ว แต่จะพิเศษตรงที่ว่านักศึกษาจะมาฝึกปฏิบัติตั้งแต่อยู่ชั้นปี 1 และมีความเป็นสหกิจ
36 บริษัทสหกิจ ประกอบด้วย บริษัท เอ็นโซโก้ จำกัด, บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท อเด็คโก้ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ทีม กรุ๊ป ออฟ คัมปานีส์ จำกัด, บริษัท เทคโทนิศส์ ดีซายน์ คอนซัลแตนท์ จำกัด, บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ทรูมูฟ จำกัด, บริษัท เวสเทริ์นดิจิตอล (ประเทศไทย) จำกัด ,บริษัท ไอโทรามา คอนซัลติ้ง จำกัด, บริษัท ไอบีเอ็ม (ประทศไทย) จำกัด, บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด, บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต, บริษัท ป.ต.ท. จำกัด (มหาชน), บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน), บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท พรีเมียร์โพรดักส์ จำกัด, บริษัท พรีเมียร์โพรดักส์ จำกัด, บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จํากัด, บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน),  บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัท มุ่งพัฒนาอินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน), บริษัท ศารายา เอ็มเอฟจี (ไทยแลนด์) จำกัด พรีเมียร์ กรุ๊ป, บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท จีเอฟ เอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท ซินโนวา ฟู้ดส์ จำกัด, บริษัท มาลี สามพราน จำกัด (มหาชน), บริษัท แม่ประยูร อาหาร จำกัด, บริษัท สรุพล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท โอลีน จำกัด,  บริษัท สีฟ้าลุมพินี จำกัด, บริษัท แสงชัย กรุ๊ป จำกัด, บริษัท ดาน่า สไปเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ยูนิค อุตสาหกรรมพลาสติก จำกัด, บริษัท ฮูทามากิ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ทีชเทค จำกัด, บริษัท GlaxoSmithkline (Thailand) Limited
———-

สร้างแบรนด์ผ่านการแชร์ภาพ

kfc egg tart
kfc egg tart

คุณฮัน share บทความเรื่อง “เคล็บลับการสร้างแบรนด์ผ่านการแชร์ภาพถ่ายสินค้า

ที่คุณ charathBank สรุปไว้ 5 ประเด็น
1. เริ่มเปิดการสนทนาด้วยการแชร์รูป
(Open up to a dialogue of sharing)
– ภาพสินค้าที่ถูกแชร์ขึ้นไปนั้นโดยเจ้าของแบรนด์หรือผู้ดูแลจะถูกจินตนาการและตีความหมายโดยผู้ที่ได้เห็นเพียงฝ่ายเดียว ดังนั้นแล้วการเลือกรูปเพื่อที่จะสื่อสารกับลูกค้าที่ติดตามและสนใจเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งจะต้องทำให้ครอบคลุมกับสิ่งที่เราต้องการสื่อให้ลูกค้าได้เหมือนกับที่เราต้องการ รวมทั้งสร้างความอยากให้ลูกค้าซื้อสินค้าจากรูปที่เราแชร์
2. สร้างบทสนทนาขึ้นมาจากภาพที่ลูกค้าเป็นคนมาโพสต์ภาพไว้
(Let that dialogue spark conversations)
– นอกจากการโพสต์รูปจากทางเจ้าของแบรนด์แล้ว ลูกค้าก็สามารถมาโพสต์รูปส่งมาหาเราได้เช่นกัน เช่นทาง Facebok Page หรือ Twitter ดังนั้นแล้วผู้ดูแลแบรนด์จะต้องพยายามสร้างการสนทนากับลูกค้ที่โพสต์รูปขึ้นมา เพราะนอกจากลูกค้าเองที่จะแฮปปี้แล้ว ยังมีลูกค้าคนอื่นๆ ที่ติดตามหน้าเว็บที่จะคอยดูและติดตามการสนทนาอีกด้วย ซึ่งจะมีผลกระทบโดยอ้อมกับคนที่อ่าน
3. อย่าจงใจขายสินค้าโดยตรง
(Stop trying to sell something)
– เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าทุกวันนี้กลุ่มลูกค้าผู้บริโภคฉลาดที่จะเลือกซื้อสินค้ามากขึ้นและรู้ทางเจ้าของแบรนด์มากขึ้นว่าจะทำอะไร 1 ในสิ่งที่รับรู้ได้โดยง่ายในปัจจุบันนั่นคือการยัดเยียดขายสินค้าโดยตรง ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าอึดอัดโดยตรงและจะทำให้เราเสียลูกค้าไปแบบไม่รู้ตัว ดังนั้นแล้วการทำ 2 ขั้นตอนแรกเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และสินค้าได้โดยอ้อมซึ่งจะมีผลในระยะยาวในการมัดใจลูกค้านั่นเอง
4. เปิดใจให้ลูกค้าแชร์ข้อมูล
(Validate consumers to boost their ego)
– ทุกวันนี้เรามักจะเห็นการแชร์ข้อมูลผ่านออนไลน์เพื่อบรรยายการใช้งานให้คนอื่น ๆ ได้รับรู้ รวมไปถึงสอบถามว่าใช่หรือไม่ในสิ่งที่เขาสงสัย ดังนั้น สิ่งที่เราจะทำได้นั่นคือการแชร์รูปนั้นซ้ำ เพื่อเป็นการกระตุ้นและให้ได้รับรู้ว่าเราไม่ได้นิ่งเฉยต่อการส่งข้อมูลมา และอย่าลืมที่จะตอบข้อสงสัยของลูกค้านั้นด้วยนะครับ
5. ช่วย 1 คนเหมือนได้ช่วยหลายคน
(Help people help each other)
– อีก 1 ในเหตุผลในการแชร์รูปบนโซเชียลเน็ตเวิร์คนั่นคือ การขอความช่วยเหลือ ดังนั้น เพื่อเพิ่มมูลค่าของข้อมูลที่เอามาแชร์ จงกระตุ้นให้ลูกค้าของคุณทำการแชร์รูปกับผลิตภัณฑ์ของเรา ตัวอย่างเช่น หากขายเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับ เจ้าของแบรนด์อาจมีการขอให้ลูกค้าที่ได้ซื้อสินค้าไปแล้วทำการแชร์รูปสินค้าที่ถูกสวมใส่หรือใช้งานจริง เพื่อให้คนอื่นได้เห็นและเป็นเครื่องช่วยตัดสินใจว่าเป็นอย่างไรบ้าง นอกจากนั้นเรายังสามารถที่จะแนะนำแนวทางการเพิ่มเติมได้ ในกรณีที่ลูกค้าไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์จากทางเราทั้งหมด (แต่อย่าลืมข้อ 3 ด้วยนะครับ)
จะเห็นได้ว่า ภาพถ่ายมีส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าและแบรนด์ สามารถสร้างสังคม (Community) ของคนที่ชอบสินค้าเดียวกัน และสร้างให้ผู้ใช้ผลิตภัณฆ์มีความจงรักภักดี (Loyalty) กับแบรนด์ที่เราดูแลได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการที่จะทำให้แบรนด์อยู่ในใจกับลูกค้าไปได้ตลอดนั้น ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลโซเชียลเน็ตเวิร์คนั้นๆ ว่าจะมีความสม่ำเสมอในการเข้าไปดูแลจัดการ รวมทั้งสร้างความแปลกใหม่ให้ลูกค้าได้เห็น เพื่อที่จะให้ลูกค้ายังคงใช้งานกับเราไปอีกนานๆ แถมเพิ่มลูกค้าหน้าใหม่ๆ ได้อีกด้วย
บทความจาก

ลิงในห้องแคบ ลิงต่อโต๊ะ หรือ วัฒนธรรมของกลุ่มลิง

ลิงในห้องแคบ ลิงต่อโต๊ะ หรือ วัฒนธรรมของกลุ่มลิง
ลิงในห้องแคบ ลิงต่อโต๊ะ หรือ วัฒนธรรมของกลุ่มลิง

ในการทดลองครั้งหนึ่ง .. ผู้ทดลองเลิง 5 ตัวไว้ในห้องสี่เหลี่ยมที่มีกล้วยหอม 1 ใบ แขวนไว้ที่เพดานกลางห้อง วิธีเดียวที่จะไปถึงกล้วยหอม อันยั่วยวนใจนั้นได้ก็โดยการปีนบันไดที่ตั้งไว้กลางห้อง แต่เมื่อใดก็ตามที่ลิงตัวใดตัวหนึ่งเหยียบบันไดขั้นแรกก็จะมีท่อฉีดน้ำเย็นฉีดไปทั่วห้อง จนลิงทุกตัวหนาวสั่นแทบขาดใจ ซึ่งไม่มีลิงตัวใดอยากปีนบันไดอีก หรือแม้แต่จะคิดก็ยังไม่กล้า

หลังจากนั้น ผู้ทดลองก็ปิดท่อฉีดน้ำและเอาลิงตัวที่ 6 เข้าไปในห้องแทนลิงตัวหนึ่งที่หนาวสั่นจนทนไม่ไหว  วินาทีแรกที่มันเห็นกล้วยหอมมันก็รีบถลาเข้าหาบันได แต่ก็ถูกสกัดกั้นอย่างโหดร้ายบ้าเลือดจากลิงรุ่นพี่ทั้ง 4 ตัว จนลิงน้องใหม่ไม่กล้าเข้าไปใกล้บันไดอีกด้วยความงุนงงและประหลาดในยิ่งนัก .. จากนั้นผู้ทดลองก็ได้ทำเช่นเดิมคือเอาลิงตัวที่ 7 เข้าไปแทนลิงเก่าอีกตัวหนึ่ง และเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นอีก เมื่อลิงน้องใหม่ล่าสุดถลาเข้าหาบันได ก็จะถูกรุมกัดอย่างเอาเป็นเอาตายจากรุ่นพี่ทุกตัวรวมทั้งลิงตัวที่ 6 ที่เพิ่งเข้าไปอยู่ใหม่ด้วย  แถมยังเกรี้ยวกราดมากกว่าตัวอื่น  ทั้งที่ตัวมันเองยังไม่รู้เหตุผล ว่าทำไมการปีนบันไดเป็นสิ่งต้องห้าม  และทำไมลิงชุดเก่าจึงต้องกลัวการขึ้นบันไดในขณะนั้น แต่มันก็ยินดีผสมโรงไปกับเขาด้วย
เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นต่อไปอีกนานแสนนาน  จนแม้ลิงเก่าชุดแรกจะครบเกษียณอายุ และถูกทดแทนด้วยลิงชุดใหม่ทั้งหมดแล้ว แต่ลิงรุ่นหลังก็พร้อมใจกันปกป้องบันไดกายสิทธิ์กันอย่างเหนียวแน่น

นี่ คือ ที่มาของนโยบายหรือวัฒนธรรม (Corporate  Culture) ที่พนักงานยึดถือปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดและพร้อมที่จะปกป้องอย่างรุนแรง แม้จะไม่สามารถอธิบายเหตุผลหรือที่มาที่ไปของการประพฤติ (Norms) และการปฏิบัติ (Standard) ก็ตาม วัฒนธรรมเกิดจากคนและหน่วยงานภายในกิจการตั้งข้อสมมติ (Assumption) ทัศนคติ (Attitude) ค่านิยม  (Value)  และความคาดหวัง  (Expectation)  ที่แตกต่างกัน เมือคนเข้าไปทำงานในหน่วยงานใด ก็จะได้รับการปลูกฝังให้ยึดถือแนวปฏิบัติของหน่อยงาน เช่น นิสัย (Habit)  หลักปฏิบัติ  (Practices)  และวิธีการทำงาน (Style)  ที่เป็นลักษณะเฉพาะของหน่วยงาน เช่น  ฝ่ายบัญชีการเงิน  ฝ่ายขาย  ฝ่ายโรงงาน  เป็นต้น  ในที่สุดแล้วก็จะผสมผสานกันเป็นวัฒนธรรม  ที่มีรากฐานมาจากการปฏิบัติ ในอดีต  (Past Practices)  ประเพณี  (Tradition)  กฏระเบียบทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษรและไม่เป็นลายลักษณ์อักษร  (Rule)  และจารีตประเพณี  (Ritual) ซึ่งรากฐานบางเรื่องนั้นก็ยาวนานจนคนรุ่นหลังไม่สามารถ อธิบายที่มาได้

จึงขอฝากให้ทุกคน คิดถึงวัฒนธรรมที่สั่งสมกันมายาวนานนั้น บางสิ่งบางอย่างยังใช้ได้หรือไม่  อันไหนบ้างที่กีดขวางความมีประสิทธิภาพของกิจการและสมควรได้รับการแก้ไขปรับปรุงอย่างเร่งด่วนในยุคคิดใหม่ทำใหม่  มิฉะนั้นเราก็ไม่ต่างอะรกับ  “ลิงในห้องแคบ

นำเสนอบทความดีๆ โดย คุณดารณี มธุรพจน์วจนะ

http://www.mena2003.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538695212

Google To Offer Free 5GB Of Cloud Space

Google To Offer Free 5GB Of Cloud Space
Google To Offer Free 5GB Of Cloud Space

Google To Offer Free 5GB Of Cloud Space (25th April, 2012)

Google has entered the market for offering online storage space. Their new service, called Google Drive, will be in direct competition with rival (คู่แข่ง) cloud storage services like Dropbox, Apple’s iCloud and Microsoft’s SkyDrive. The search giant will offer 5GB (gigabytes) of storage for free for those wishing to keep their photos, documents and other files online. Keeping things in the cloud means users can access their files from any computer anywhere in the world, as long as it has Internet access. At the top end, Google will offer 16TB (terabytes) of space – at a price of $799.99 a month. Sixteen terabytes is sufficient to store 16,000 movies. For most people, the free 5GB option will be more than enough space.

Google senior vice-president of apps Sundar Pichai said the launch of Drive was an important step for the company. He wrote on a blog post: “Drive is a central place where you can create, share, collaborate and keep all of your stuff. You can take all your data, regardless (ไม่คำนึงถึง) of which device you’re on, and make it seamlessly available to you.” Some industry insiders believe Google’s entry into the cloud storage market could shake it up. Richard Edwards, an analyst at the research firm Ovum, said Google’s move could stir Facebook into action. “Facebook doesn’t have a cloud service but this may prompt it into an acquisition (การเข้าครอบครอง) ,” he said. He added: “If Facebook was to buy Dropbox, that would be a game-changer.”

http://drive.google.com

http://www.breakingnewsenglish.com/1204/120425-cloud_storage.mp3

http://www.breakingnewsenglish.com/1204/120425-cloud_storage.html

http://soundcloud.com/thaiall/google-to-offer-free-5gb-of

บ่นเรื่องความไม่ชินกับ tablet

เล่าสู่กันฟัง จากความไม่ชินใน tablet pc
เล่าสู่กันฟัง จากความไม่ชินใน tablet pc

ผมใช้ tablet แบบ two-way ไม่ใช่ readonly หรือ listen only หรือ watch only
จึงมองหาการส่งข้อมูล และแลกเปลี่ยนกับผู้คนใน social network พบปัญหากับอุปกรณ์ ดังนี้
1. กดอักษรมากขึ้น : กว่าจะพิมพ์เสร็จ 30 ตัวอักษร จิ้มไปซะ 60 ที จะซ้ายขวาบนล่างก็ต้องใจเย็นกันหน่อย
2. เบิ้นต้องรอ : ถ้าพิมพ์อักษรเบิ้นต้องรอสักครู่ เช่น “สรร” หรือ “มากกว่า” เพราะต่อเนื่องไม่ได้ หลายปุ่มมี 3 ตัวอักษร จะจิ้มอักษรบนต้องกด 3 ครั้ง ถ้ากด 2 ครั้งคือเปลี่ยนตัวไม่ได้ออกเบิ้น
3. แป้นใหม่ : ต้องเรียนรู้แป้นพิมพ์ใหม่ ปกติผมพิมพ์สัมผัส ตอนนี้ต้องจ้อง เพราะใช้สัมผัสไม่ได้ ต้องจำ
4. ของแถม : ปัญหาใหม่ พอพิมพ์เสร็จแล้วส่ง บางทีมีตัวอักษรแถมต่อท้ายเข้าไปใน fb เกิดหลายครั้ง เริ่มสงสัยว่าอุปกรณ์รับสัมผัสเร็วไปรึเปล่า
5. ท่านั่ง : ถ้าต้องค้นงาน แล้วพิมพ์งานติดต่อกัน 3 ชั่วโมง ยังไม่มีท่านั่งที่เหมาะสม
6. สายตายาว : เวลาใช้ tablet ต้องถอดแว่น เพราะจอเล็ก ตัวเล็ก แม้ซูมได้ ถ้าเปลี่ยนโปรแกรมขนาดก็กลับสุ่มาตรฐาน

มีความเชื่ออยู่ว่า ความเคยชิน ทำให้มนุษย์ลดการต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
1. ถ้าชินกับ การเปิดพัดลมนอน ก็จะไม่ถามถึงแอร์
2. ถ้าชินกับ การดื่มน้ำบ่อ ก็จะไม่ถามถึงน้ำสิงห์
3. ถ้าชินกับ การดื่มเหล้าเป็นประจำ ก็จะไม่ถามถึงการรักษาศีล
สักวันหนึ่ง ผมอาจเคยชิน คิดว่า tablet ใช้ง่ายกว่า desktop .. ใครจะไปรู้
ที่รู้แน่ ๆ คือวันนี้ผมยังไม่ชินกับ tablet

ภาพโป๊ในสภากับวายฟาย (itinlife 340)

LG LX9500 3D TV
LG LX9500 3D TV

กลายเป็นข่าวดัง กับภาพฉาวกลางสภา 2 เหตุการณ์ ทั้ง ส.ส.เปิดภาพโป๊ด้วยไอโฟนในระหว่างการประชุม และจอทีวียี่ห้อแอลจีเครื่องหนึ่ง แพร่ภาพโป๊โดยไม่ทราบแหล่งที่มาชัดเจน จนเกิดความพยายามในการหาต้นตอ ซึ่งเป็นที่มาของภาพ เหตุที่เรื่องนี้เป็นข่าวเพราะเกิดขึ้นในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นที่รวมพลผู้นำของประเทศไทย ที่คนไทยเลือกตั้งเข้าไปเป็นตัวแทนของชุมชนร่วมกำหนดทิศทางของประเทศ อาจสรุปได้ว่าผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่านเป็นผู้ที่ล้วนมีเกียรติ

ในที่ชุมนุมอันทรงเกียรติ มักมีการควบคุมเรื่องอุปกรณ์สื่อสาร เพื่อให้เกียรติประธานและผู้ร่วมประชุมว่าจะไม่ส่งเสียงรบกวนให้เสียสมาธิ จนทำให้พลาดประเด็นใดที่เกิดจากการประชุม คนไทยเรามีวัฒนธรรมให้เกียรติผู้ใหญ่ ดังนั้นการให้เกียรติประธานในที่ประชุมจึงควรถือปฏิบัติยกเว้นว่าประธานในที่ประชุมเป็นผู้ไม่สมควรให้เกียรติ เพราะถ้าในขณะประชุมแล้วนั่งเปิดรูปโป๊ อ่านข่าวหุ้น ดูคลิ๊ปหรือเล่นเกม ก็แสดงว่าสมาธิหรือความสนใจไม่อยู่ในเนื้อหาของการประชุม และคิดว่าประเด็นที่เกิดในการประชุมนั้นไม่สำคัญ และอาจตีความได้ว่าการประชุมครั้งนั้นไม่สำคัญ แต่การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นเวทีที่สำคัญที่สุดของประเทศที่ใช้เป็นเวทีอนุมัติกฎหมาย และนโยบายของประเทศที่มีผลต่อประชาชนทุกคน

ที่น่าแปลก คือ ประเด็นที่สื่อสารออกมา กลับเป็นประเด็นว่าใครส่งภาพโป๊ไปออกทีวี ซึ่งแน่นอนว่าการกระทำนั้นย่อมไม่เหมาะสม แต่เป็นที่ยอมรับกันมานานแล้วว่าในคนหมู่มาก เราไม่อาจคาดหวังว่าทุกคนจะเป็นคนดี จึงคาดหวังไม่ได้ว่า ส.ส.ทุกคนจะต้องให้เกียรติตนเอง การประชุม หรือประธานในที่ประชุม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่กลับเป็นเรื่องราวใหญ่โต เป็นที่สนใจของสังคม เป็นที่สนใจของสื่อ เป็นประเด็นที่ขัดกับศิลปวัฒนธรรม และจารีตประเพณี มีเหตุการณ์ที่ขัดแย้งกับจารีตเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและสามารถนำกลับมาทบทวน เป็นบทเรียนได้มากมาย อาธิ การสัมภาษณ์คุณโซระ อาโออิ การจัดแสดงคอนเสิร์ตดาราวัยรุ่นสาวแต่งชุดวาบหวิวในงานประเพณีที่ดีงามของไทย การประกวดนางสงกราณต์ การนำเสนอการแต่งกายของดาราที่เรียกว่าผู้นำแฟชั่น เป็นต้น ซึ่งล้วนเกิดจากอิทธิพลการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุควัตถุนิยม ที่เราท่านก็คงต้องรับผลที่กำลังเปลี่ยนแปลงตามกระแสที่ยอมรับว่าทัดทานไว้ไม่ได้

บริหารจัดการโดยไม่ใช้ข้อมูลจริง

โศกนาฏกรรมองค์กรหลงทิศ
โศกนาฏกรรมองค์กรหลงทิศ

จากละครฉากที่หนึ่ง บริหารจัดการโดยไม่ใช้ข้อมูลจริง p.21 – 26 ในหนังสือ โศกนาฏกรรมองค์กรหลงทิศ (Tragedy of Lost) เขียนหนังสือโดย สุธี ปิงสุทธิวงศ์ สุรีพันธุ์ เสนานุช และยิ่งศักดิ์ นันทิวรรณกุล (หนังสือเล่มนี้แฟนให้ผมอ่าน เพราะอาจารย์แนะนำมา)

ถอดบทเรียน ในฐานะผู้อ่านคนหนึ่ง

ปัญหา
มนุษย์ในเรื่อง .. พยายามนำเสนอผลงานของตนให้ [คุณณัฐวุฒิ อภิศัยกิติศักดิ์] ในฐานะประธานของที่ประชุมผู้บริหารได้ทราบ โดยเลือกเฉพาะผลสำเร็จที่ตนรับผิดชอบมานำเสนอ อาจมองข้าม หรือตั้งใจมองไม่เห็นข้อผิดพลาดที่เกิดจากหน่วยของตน ก็เพื่อให้ผู้บริหารได้ชื่นชมผลงาน และหวังจะได้รับความดีความชอบ แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ว่า “เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น” แล้ว .. [กิมหงส์] นำเสนอความจริง ว่ายอดไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้  แม้ข้อมูลสรุปผลจะกองอยู่บนโต๊ะของท่านประธาน แต่ .. [คุณณัฐวุฒิ อภิศัยกิติศักดิ์] ขาดศักยภาพข้อที่ 3 ที่คนไทยวัยทำงานส่วนใหญ่ขาดคือ Numerical เขาไม่เข้าใจตัวเลข ไม่รู้จักการอ่านตัวเลข แล้วนำมาใช้ตัดสินใจ จึงไม่รู้ว่าลูกน้องบอกความจริงไม่ครบ และที่สำคัญ เขาไม่เข้าใจปัญหา และเสนอทางแก้ปัญหาที่หลงทิศทาง

ข้อเสนอแนะ
ผมว่าที่สำคัญที่สุด .. ประธานมีปัญหานะครับ
ในหนังสือได้เสนอ ระบบการวัดผลขององค์กร
พบคำสำคัญคือ วิสัยทัศน์ และแผนกลยุทธ์ เป็นต้น

ปล. หากผมถอดบทเรียน 2 เรื่องคือ ปัญหา และข้อเสนอแนะได้ไม่ดีก็ขออภัยด้วย เพราะใช้เวลาอ่านไม่ถึง 2 ชั่วโมงสำหรับละคร 9 ฉาก และก็ถอดบทเรียนในฐานะปุถุชนทั่วไป ไม่ใช่นักวิชาการสายใด จึงไม่ได้นำ theory มาจับประเด็นครับ

http://www.thaiall.com/blog/burin/4063/
http://thaitrainingnetwork.com/speakers.html

Content is King : The New NMG

คลิ๊ปเรื่อง Content is King : The New NMG
ความยาว 3.32 บรรยายโดยคุณสุทธิชัย หยุ่น

สุทธิชัย หยุ่น ประธานเครือเนชั่น ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2555
ประธานกรรมการบริษัท เนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ยืนยันต่อผู้ถือหุ้นว่า
จะยกระดับเครือเนชั่นสู่สถาบันสื่อไปทุกภูมิภาค ทั้งอาเซียน เอเชีย และทั่วโลก

C = ME 3

การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำ ปี 2555
เครือเนชั่นจะขยายคอนเทนท์หรือเนื้อหาเป็นมัลติคอนเทนส์ (Multi-content)
ให้หลากหลายครอบคลุมผู้รับสื่อทุกกลุ่มทุกวัย
และจะมุ่งขยายด้านแพลทฟอร์มส่งผ่านเนื้อหาที่ดีที่สุดออกไปในทุกรูปแบบ
เป็นมัลติแพลทฟอร์ม (Multi-platform) ทั้งทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิวมีเดีย
นอกจากนี้จะยกระดับเครือเนชั่นสู่สถาบันสื่อในทุกภูมิภาค อาเซี่ยน เอเชียและทั่วโลก
หรือมัลติรีเจียน (Multi-Region)
โดยเชื่อว่าจากปัจจุบันที่มีผู้รับสื่อของเนชั่นทุกรูปแบบอยู่ 35 ล้านคน
แต่ในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือในปี 2015 จะมีผู้เข้าถึงสื่อเครือเนชั่น 70 ล้านคน

Term
– Education
– Entertainment
– E-Business
– Generation X : ผู้ใหญ่
– Generation Y : วัยรุ่นปัจจุบัน
– Generation C : วัย Click อย่างเดียว

http://www.oknation.net/blog/nationtv/2012/04/26/entry-1

ข้อกำหนดพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม

ข้อกำหนดพฤติกรรม
ข้อกำหนดพฤติกรรม

ประกาศเรื่อง ข้อกำหนดพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม สำหรับ นักศึกษามหาวิทยาลัยเนชั่น
1. มีความซื่อสัตย์ สุจริต
2. มีความกตัญญู
3. มีความเพียร ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน มุ่งมั่นพัฒนาตนเองอย่างเต็มศักยภาพ
4. มีระเบียบวินัย
5. คิดเป็น ทำเป็น มีจิตอาสา และเสียสละ
6. มีความศรัทธาการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
7. เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ประกาศ 10 ตุลาคม 2554

โศกนาฏกรรมองค์กรหลงทิศ (Tragedy of Lost)

tragedy of lost
tragedy of lost

รศ.เศกสิน ศรีวัฒนานุกูลกิจ จาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาสอนหนังสือเพื่อนคนหนึ่ง ที่มหาวิทยาลัยเนชั่น แล้วเขาก็มาเล่าให้ฟังว่าอาจารย์ให้อ่านหนังสือชื่อ โศกนาฏกรรมองค์กรหลงทิศ (Tragedy of Lost) เขียนหนังสือโดย สุธี ปิงสุทธิวงศ์ สุรีพันธุ์ เสนานุช และยิ่งศักดิ์ นันทิวรรณกุล หนังสือเล่มนี้เขียนในลักษณะเรื่องเล่า เร้าพลัง หรือ Story Telling เหมาะกับนักศึกษาทางบริหารธุรกิจอย่างยิ่ง ผู้ประกอบการ หรือผู้บริหารทุกระดับ ผมว่าเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวก็อ่านดีครับ ที่สำคัญอ่านแล้ว อาจช่วยให้ขายดิบขายดีได้

ในหนังสือมีกรณีศึกษาที่ใช้แนวการเขียนแบบเล่าเรื่อง (Story Telling) แบ่งเป็น 9 บท ได้แก่  1) บริหารจัดการโดยไม่ใช้ข้อมูลจริง 21-26 2) ใช้ Management Tools โดยไม่เข้าใจ 37-42 3) กำหนดกลยุทธ์โดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยง  51-57 4) ไม่รู้ว่าลูกค้าคือใคร 65-70 5) ตอบสนองลูกค้าไม่ได้ 77-82 6) การปฏิบัติการล้มเหลว (Bad Operation) 93-98 7) พัฒนาบุคลากรโดยไร้ทิศทาง 109-113 8) รักษาบุคลากรที่ดีไว้ไม่ได้ 121-125 9) ภาวะผู้นำล้มเหลว 133-138

ทีแรกก็ไม่สนใจ เพราะผมเป็นคนอ่านหนังสือยาก .. แต่พออ่านไม่กี่หน้า ผมว่าหนังสือเล่มนี้สุดยอดจริง ๆ เหมือนเป็นตัวละครในหนังสือเลย .. อ่านแค่ชื่อบททั้ง 9 บท ผมก็ว่ายอดเยี่ยมแล้ว .. ชอบคำหนึ่งคือคำว่า “พูดเอง เออเอง” หน้า 71 ที่เล่าว่าเครื่องมือทางบริหารที่เรียกว่า inside-out กับ outside-in จะเลือกอย่างไร  หรือการอธิบายความต่างของ SWOT กับ Balanced Scorecard (BSC) หน้า 44 ว่า Swot นั้นเกิดจากสำนักคิดทางกลยุทธ์ที่เน้นสร้างกลยุทธ์จากความลงตัว แต่ BSC เน้นสร้างกลยุทธ์ให้เกิดความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันด้วยการวางตำแหน่ง (Positioning)

สำหรับเรื่องที่น่าสนใจที่สุดอีกเรื่อง อยู่หน้า 149 เป็นกราฟ “ความสัมพันธ์ของสาเหตุแห่งความล้มเหลวขององค์กร” ว่าอะไรที่วินิจฉัยง่าย กับอะไรที่กระทบต่อความอยู่รอดขององค์กร .. อ่านแล้วนึกถึง Steve Jobs ครับ

http://www.ryt9.com/s/prg/1139329
http://www.hrcenter.co.th/book_detail.php?book_id=1028
http://www.thairath.co.th/content/eco/182486
http://www.lib.ku.ac.th/index.php/2009-03-26-04-10-35/3878-tragedy-of-lost