25 เครื่องมือทางการบริหาร

management tools
management tools

เครื่องมือทางการบริหาร จากหนังสือ Strategic Management เรียบเรียงโดย ศ.ดร.เรวัตร์ ชาตรีวิศิษฏ์ และคณะ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 3 หน้า 177 และในเล่มนี้มีกรณีศึกษา 17 เรื่องอยู่ใน CD ที่มากับหนังสือ แต่ถ้าพิมพ์ครั้งที่ 2 จะพิมพ์กรณีศึกษาอยู่ในเล่มเลย ทำให้พิมพ์ครั้งที่ 2 หนากว่าพิมพ์ครั้งที่ 3

ISBN
สำนักพิมพ์ อักษรเงินดี
ชื่อผู้แต่ง

มีเครื่องมือทั้งสิ้น 25 เครื่องมือ (เรียงตามตัวอักษร)
1. Balanced Scorecard
2. Benchmarking
3. Business Process Reengineering
4. Collaborative Innovation
5. Consumer Ethnography*
6. Core Competencies
7. Corporate Blogs*
8. Customer Relationship Mgmt.
9. Customer Segmentation
10. Growth Strategy Tools
11. Knowledge Management
12. Lean Operations*
13. Loyalty Management Tools
14. Mergers and Acquisitions*
15. Mission and Vision Statements
16. Offshoring
17. Outsourcing
18. RFID
19. Scenario and Contingency
20. Planning
21. Shared Service Centers*
22. Six Sigma
23. Strategic Alliances
24. Strategic Planning
25. Supply Chain Management
* Tool included in the survey for the first time in 2007

strategic management (3rd Edition)
strategic management (3rd Edition)

+ http://www.ubook.msu.ac.th/ecommerce/search_product.php?prod_id=7747000003312

+ http://www.bain.com/management_tools/management_tools_and_trends_2007.pdf

+ http://www.thaiall.com/mis/bcom500/management_tools_and_trends_2007.pdf

มีพบก็ต้องมีพลัดพราก จะจากเป็น หรือจากตายเท่านั้น

http://www.youtube.com/watch?v=qqlpvZxUPas

14 ก.ค.55 มีเพื่อนที่เขาแก่เดือนกว่าแถวบ้าน เสียชีวิตด้วยมะเร็งปอด วันนี้จะไปร่วมพิธีที่วัดประตูต้นผึ้ง รู้สึกเศร้า แล้วหวนนึกถึงการจากไปด้วยโรคภัยของเพื่อนครั้งนี้เป็นโรคกลุ่มเดียวกับที่พรากญาติสนิทของผม คือ คุณพ่อ คุณยาย และแม่ณี ซึ่งเป็นเรื่องของธรรมชาติว่า เกิด แก่ เจ็บ และ ตาย สรุปได้ว่า ชีวิตนั้นแสนสั้น แต่เรายังมีคืนวันที่สดใส มีล้มก็ลุกได้ดังเช่นตะวัน เพียงแต่เราก็บิดเบือนธรรมชาติไม่ได้ ต้องทำใจยอมรับ และอยู่กับความจริงต่อไป

สอดคล้องกับเนื้อเพลง เก็บตะวัน ของ อิทธิพลางกูร

ยาฮูโดนแฮ็กสี่แสนห้าหมื่นบัญชี (itinlife 351)

บางมุมก็น่ากลัว gijoe scarlett
บางมุมก็น่ากลัว gijoe scarlett

เว็บท่า (Portal Website) ที่อยู่ในอันดับต้นของโลก ที่รวมข้อมูล ข่าวสาร และบริการไว้ด้วยกัน สรุปว่าเข้าเว็บท่าแล้วได้ทุกอย่าง ราวปี 2540 ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตทุกคนรู้จักเว็บไซต์ยาฮูดอทคอม (Yahoo.com) เพราะเป็นเบอร์หนึ่ง ต่อมาได้ซื้อเว็บไซต์จีโอซิตี้ (Geocities.com) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการฟรีโฮมเพจเบอร์หนึ่งในขณะนั้น แต่เหตุการณ์พลิกผันไม่แน่นอน เมื่อ google.com เริ่มเข้าแย่งลูกค้า ประกอบกับความนิยมในการใช้ฟรีเว็บโฮสติ้งลดลง ผู้ใช้เปลี่ยนไปเช่ากันเองเพราะราคาลดลงมาก ใช้บริการของเว็บบล็อกมากขึ้น เริ่มเข้าสู่ยุคของสคลิ๊ปประเภทซีเอ็มเอส (Content Management System) แล้วจีโอซิตี้ก็ถูกปิดไปเมื่อปลายปี 2552

ศุกร์ที่ 13 ก.ค.55 เป็นวันฝันร้ายของยาฮูดอทคอม มีข่าวออกมาว่าแฮ็กเกอร์ (Hacker) ได้เผยแพร่ข้อมูลรหัสผู้ใช้ และรหัสผ่านกว่า 450,000 บัญชี โดยแสดงความเห็นว่าเว็บไซต์ของยาฮูมีช่องโหว่มาก แล้วยาฮูก็ออกมายอมรับแต่โดยดีว่าความผิดพลาดเรื่องความปลอดภัยในเครื่องบริการของตนนั้นเกิดขึ้นจริง และได้ดำเนินการแก้ไขไปแล้ว ยาฮูรายงานว่าการโจมตีครั้งนี้ใช้เทคนิค SQL Injections เหมือนกับที่เคยโจมตีโซนี่พิกเจอร์ (Sonypictures.com) ได้ถึง  1 ล้านบัญชีเมื่อกลางปี 2554

ข่าวการโจมตีของแฮกเกอร์ต่อเว็บไซต์ขนาดใหญ่แบบนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อการทบทวนนโยบายด้านความปลอดภัยของเว็บไซต์ทั่วโลก และผู้ใช้ก็ต้องทบทวนรหัสผ่านของตนว่าปลอดภัยหรือไม่ วิธีที่ดีที่สุดของผู้ให้บริการ คือ การเก็บรหัสผ่านแบบเข้ารหัสครั้งเดียว และถอดกลับไม่ได้ หมายความว่าจะเข้ารหัสผ่านของผู้ใช้ก่อนจัดเก็บ แม้แต่ผู้ให้บริการก็ไม่อาจทราบว่ารหัสผ่านนั้นคืออะไร เพราะจะตรวจสอบได้ด้วยการเปรียบเทียบกับรหัสผ่านที่ถูกต้องเท่านั้น ส่วนรหัสผ่านก็ควรมีนโยบายกำหนดให้ซับซ้อน อาทิ เป็นตัวอักษรรวมกันไม่ต่ำกว่า 8 ตัวที่ประกอบด้วยพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์พิเศษ ถ้าผู้ให้บริการใส่ใจกับเรื่องความปลอดภัย ถึงแม้แฮกเกอร์ได้สิ่งที่เก็บอยู่ในเครื่องบริการไป แต่ก็ไม่สามารถถอดรหัสผ่านออกมาได้ เพราะที่เก็บไว้นั้นไม่สามารถถอดรหัสได้ ซึ่งเพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้ใช้ได้มาก

http://www.forbes.com/sites/adriankingsleyhughes/2012/07/12/yahoo-voices-website-hacked-450000-compromised/

หลักคิดของทหารที่ไม่แตกทัพ

คำพระ ว่าด้วยเรื่องอริยสัจ 4
คำพระ ว่าด้วยเรื่องอริยสัจ 4

เคารพกติกา
ปกติการอยู่ในสังคม ก็ต้องดำเนินการไปตามกติกาที่มีในสังคมนั้น การศรัทธาในลำดับชั้นตามสายการบังคับบัญชา ทำให้การเคลื่อนทัพสามารถไปในทิศทางที่กำหนดได้อย่างถูกต้อง ถ้ามีทหารแตกแถวจำนวนมาก ทัพนั้นก็มีแนวโน้มไปไม่ถึงวิสัยทัศน์ที่กำหนด ดังนั้นความผิดของทหารแตกแถว หรือบุคลากรในองค์กรที่ไม่เคารพกติกาของกลุ่ม จึงมีความผิดร้ายแรงเสมอ

ไม่เป็นทหารแตกทัพ
มีอยู่วันหนึ่ง คือ 4 กรกฎาคม 2555 ไปประชุมกับเพื่อนในเวทีต่างวัฒนธรรม มีท่านหนึ่งทักผมว่า ผมกล้าคิด negative ซึ่งการคิดแบบนั้น สำหรับผมแล้ว ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะในใจผมจะเริ่มต้นด้วยคำถามจากทุกมุม คงเพราะเคยมีพระสอนเรื่องอริยสัจ 4 ที่เริ่มต้นด้วยคำว่าทุกข์คืออะไร เมื่ออยู่ในกลุ่มเพื่อนก็ต้องมองหากาละเทศะก่อนเอ่ยคำใด แต่ถ้าพูดแล้วรู้สึกว่าตนเองเป็นทหารแตกทัพก็ต้องเปลี่ยนมุมใหม่ เพราะความคิดของเราอาจไม่ถูกเสมอไป แต่สิ่งที่ทำให้ทัพเป็นทัพอยู่ได้คือความสามัคคี ผมมีศรัทธาอยู่อย่างหนึ่งว่าความสามัคคีคือพลังและอาจนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังนั้นความคิดของเราจึงไม่จำเป็นต้องถูกเสมอไป เปลี่ยนตนเองไปตามกลุ่มซะ ทุกอย่างก็เรียบร้อย เพราะจุดยืนของตนคงไม่สำคัญเท่าของกลุ่ม

ปากไม่ตรงกับใจ
มีเพื่อนทักผมว่าปากไม่ตรงกับใจ เพราะท่านถามว่า “มีรถราคาดีคัน 10 ล้าน มาวางขายผมจะซื้อไหม ผมก็ตอบไปว่าซื้อแน่ เพราะคุ้ม” ที่ผมตอบว่าซื้อก็เพราะคนตั้งเขามีเหตุผลของเขา และเปลี่ยนไม่ได้ ผมว่ามนุษย์ที่มีการศึกษามาระดับหนึ่งแล้ว จะคิดก่อนพูด ตอนนั้นผมก็คิดว่าจะขัดไปทำไม ขัดไปก็คงไม่ลดราคาลง ทำให้หลายครั้งพูดแบบไม่ตรงกับความคิด ตัวอย่างเช่น มีผู้หญิงโปะแป้งมาซะขาว กระโปรงสั้นจู๋ สวมเสื้อเกาะอก เดินมา แล้วถามผมว่าสวยไหม ผมก็ต้องตอบไปว่า “สวย” อันที่จริงไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะการแต่งตัวแบบนั้น เลยเกณฑ์คำว่าสวยไปหลายขุมแล้ว แต่เพื่อให้เกียรติคนถาม ก็ต้องตอบไปตามที่ผู้ถามคาดหวัง

สำนวณ “ได้ครับพี่ – ดีครับนาย – สบายครับผม – เหมาะสมครับท่าน”
http://www.dhiravegin.com/detail.php?item_id=000091

มุมที่แตกต่างจากบทความเรื่อง
‘ประสาร’เขียนจ.ม.ถึง’อ.ป๋วย’เปิดเบื้องหลังโอนหนี้กองทุนฯ
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20120706/460351/news.html

สัญลักษณ์ในพิธีไหว้ครู (itinlife 350)

พิธีไหว้ครู (guru ceremony)
พิธีไหว้ครู (guru ceremony)
5 ก.ค.55 มีโอกาสร่วมพิธีไหว้ครู (Wai Khru Ceremony หรือ Guru Ceremony) ที่นักศึกษาแต่งพานดอก พานธูป ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่พบในพิธีไหว้ครู การไหว้ครูเป็นพิธีที่จะมีนักศึกษาพร้อมใจตระเตรียมพานมาแสดงความเคารพคุณครูในวันพฤหัสบดีหลังเปิดภาคเรียนแรกของทุกปีการศึกษา เป็นหนึ่งในประเพณีอันทรงเกียรติของสถาบันการศึกษาในประเทศไทยที่มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ
ในทุกปีการศึกษานักเรียนรวมกลุ่มกันแต่งพานธูป และพานดอกที่มีรูปลักษณ์แตกต่างกันไป มีพิธีเจิมหนังสือ ซึ่งนำอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอน อาทิ ตำราเรียน เครื่องเขียน วัสดุอุปกรณ์ หุ่นจำลอง สื่อการสอน มาให้ผู้บริหารสถาบันได้เจิม เพื่อความเป็นศิริมงคล เมื่อนักเรียนนำพานธูป และพานดอกที่มักประกอบด้วย หญ้าแพรก ดอกเข็ม ดอกมะเขือ และข้าวตอก ที่ล้วนแต่มีความหมาย มอบแด่คุณครูผู้ประสิทธิประสาทวิชา ก็พบว่าอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอนที่ตั้งอยู่บนเวทีเริ่มมีการเปลี่ยนไปตามกระแสโลก เช่นเดียวกับคุณครูที่ในอดีตพบเห็นในละครช่อง 7 ยามเช้าวันเสาร์ ว่าครูยุคแรกเป็นฤษีที่อาศัยในป่า ถ้าจะเรียนก็ดั้นด้นเข้าป่าไปร่ำเรียนกัน ต่อมาก็มีวัดเกิดขึ้นแล้วคุณครูก็คือพระสงฆ์สอนด้วยการบรรยาย ต่อมาทางราชการให้ความสำคัญ จึงปรับวัดให้เป็นโรงเรียนวัด แล้ววิวัฒต่อเนื่องจนปัจจุบันเรามีโรงเรียน และมหาวิทยาลัยจำนวนมาก จนมากเกินความต้องการ และมีการพิจารณาปิดโรงเรียนที่มีนักเรียนจำนวนน้อย พบเห็นในหมู่บ้านขนาดเล็กหลายแห่ง
สัญลักษณ์บนเวทีนอกจากคุณครู ก็จะมีอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอน ซึ่งปีนี้บนโต๊ะมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นคือแท็บเล็ตพีซี (Tablet PC) ทำให้นึกถึงนโยบายของรัฐที่มอบแท็บเล็ตพีซีให้นักเรียนระดับประถมศึกษาชั้นปีที่ 1 ได้ใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ เปิดโลกทัศน์ให้เข้าถึงสารสนเทศ มีกิจกรรมการเรียนรู้ ติดต่อสื่อสาร และพัฒนาการเรียนรู้ สรุปว่าเป็นปีแห่งนวัตกรรมของการจัดการเรียนการสอน เพราะทั้งครู และนักเรียนต้องปรับกิจกรรมในชั้นเรียนให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ ไม่แน่ว่าในปีการศึกษาต่อไป อาจลดจำนวนคุณครูบนเวที และเพิ่มจำนวนแท็บเล็ตพีซี ให้นักเรียนได้สักการะก็เป็นได้ เพราะรุ่น และยี่ห้อของอุปกรณ์เหล่านี้มีหลากหลายขึ้นทุกวัน จนอาจเหลือที่ยืนให้คุณครู และหนังสือน้อยลงก็เป็นได้
ภาพในปีการศึกษา 2554
ภาพในปีการศึกษา 2554

http://it.nation.ac.th/news/new_view.php?id=267

http://www.facebook.com/photo.php?fbid=338519052891853&set=a.338518826225209.76418.228245437252549

มหาวิทยาลัยเนชั่น จัดพิธีไหว้ครู .. นักศึกษา รุ่น 1 ประจำปี 2554

“สืบสานวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามให้อยู่คู่สังคมไทย”

มหาวิทยาลัยเนชั่น วิทยาเขตภาคเหนือ (โยนก) จังหวัดลำปาง จัดพิธีไหว้ครู  นักศึกษา รุ่นที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2554  เพื่อเป็นการระลึกและตอบแทนพระคุณของครู-อาจารย์  และให้นักศึกษามหาวิทยาลัยเนชั่น ทุกคนได้ แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อครู-อาจารย์ อีกทั้งยังเป็นการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมประเพณีพิธีการไหว้ครู ในวันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม 2554 ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 2 อาคารคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเนชั่นฯ

นายธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท เนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และนายกสภามหาวิทยาลัยเนชั่น วิทยาเขตภาคเหนือ (โยนก) จังหวัดลำปาง กล่าวว่า ในอดีตมีความเชื่อว่า  การสักการะ บูชาเทพ ถือว่าเทพเป็นองค์ที่ประสิทธิ์ประสาทความรู้ความสามารถและคุ้มครองป้องกันภัยให้แก่ศิษย์ โดยมุ่งให้ศิษย์มีความเคารพและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ อีกทั้งยังเป็นที่สักการะแก่ศิษย์ที่ทำกิจกรรมอันเกี่ยวข้องกับงาน การเรียน เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเคารพครู อาจารย์ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและชีวิต ซึ่งผู้ที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้นจะเป็นผู้ที่มีความอดทน ขยัน ซื่อสัตย์  และที่สำคัญจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ในหลายๆ ด้าน  ความรู้ที่ได้มานั้นนอกจากจะค้นคว้าด้วยตนเองแล้วอีกประการหนึ่งได้จากครูผู้ถ่ายทอดความรู้ให้กับศิษย์ ดังนั้นคำว่า “ครู” ชึ่งมีความหมายที่แปลว่า ผู้สั่งสอนศิษย์หรือผู้ถ่ายทอดความรู้ให้กับศิษย์

พระคุณของครู-อาจารย์  จึงมีมากเกินคำบรรยาย ดังนั้นเพื่อเป็นการระลึกและตอบแทนพระคุณของครู-อาจารย์  มหาวิทยาลัยเนชั่น จึงได้จัดพิธีไหว้ครู นักศึกษา รุ่นที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2554 ขึ้น โดยนักศึกษา มหาวิทยาลัยเนชั่น จะได้นำ หญ้าแพรก สื่อถึง ขอให้เรียนได้เร็วเหมือนหญ้าแพรก ที่โตได้เร็วและทนต่อสภาพดินฟ้า อากาศ ทนต่อการเหยียบย่ำ ซึ่งเปรียบเสมือน คำดุด่าของครูบาอาจารย์ ดอกเข็ม สื่อถึง ขอให้มีสติปัญญาเฉียบแหลม เหมือนชื่อของดอกเข็ม ดอกมะเขือ สื่อถึง การเปรียบเทียบว่า มะเขือนั้น จะคว่ำดอกลงเสมอเมื่อจะออกลูก แสดงถึง นักเรียน นักศึกษาที่จะเรียนให้ได้ผลดีนั้นต้องรู้จักอ่อนน้อม ถ่อมตน เป็นคนสุภาพเรียบร้อย เหมือนมะเขือที่โน้มลง ข้าวตอก เนื่องจากข้าวตอกเกิดจากข้าวเปลือกที่คั่วด้วยไฟอ่อนๆ ให้ร้อนเสมอกันจนถึงจุดหนึ่งที่เนื้อข้างในขยายออก จนดันเปลือกให้แยกออกจากกัน ได้ข้าวสีขาวที่ขยายเม็ดออกบาน ซึ่งสามารถนำไปประกอบพิธีกรรม หรือทำขนมต่างๆได้ ดังนั้น ข้าวตอกจึงเป็นสัญลักษณ์ของความมีระเบียบวินัย หากใครสามารถทำตามกฎระเบียบ เอาชนะความซุกซนและความเกียจคร้านของตัวเองได้ ก็จะเหมือนข้าวตอกสีขาวที่ถูกคั่วออกจากข้าวเปลือก  นำมาประดิษฐ์เป็นพาน เข้าร่วมในพิธีไหว้ครู ประจำปีการศึกษา 2554 ขึ้น เพื่อให้นักศึกษามหาวิทยาลัยเนชั่น ทุกคนได้ แสดงความกตัญญูต่อครู-อาจารย์ อีกทั้งยังเป็นการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมประเพณีพิธีการไหว้ครูให้ดำรงสืบต่อไป

นิเวศน์ อินติ๊บ (ภาพ/ข่าว)

One Nation One Family

one nation one family
one nation one family

วันเนชั่น หลอมใจเป็นหนึ่ง
http://www.nationchannel.com/main/news/social/20120621/27825820/

1 ก.ค.55 เครือเนชั่นได้จัดกิจกรรม “วัน เนชั่น (ONE Nation)” โดยมีชาวเนชั่นกว่า 2,000 ชีวิต พร้อมใจกันรวมพลังแสดงความสามัคคี “หลอมหัวใจรวมเป็นหนึ่งเดียว” และให้ “สัตยาบันต่อสังคม” ในการทำงานสร้างสรรค์สำหรับการก้าวสู่ทศวรรษที่ 5

http://www.suthichaiyoon.com/detail/32555

สุทธิชัย หยุ่น ประธานเครือเนชั่น ประกาศทิศทางข่าว “เครือเนชั่น” บนเส้นทางสายสื่อมวลชนในการก้าวสู่ปีที่ 42 ว่า ชัดเจนแล้วว่าข่าวของเรา ขยับเข้าสู่ทุกช่องทางการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์เดิม เว็บไซต์ หรืออินเทอร์เน็ต และแน่นอนว่าข่าวของเครือเนชั่นจะเข้าไปอยู่ทุกสือที่ทุกคนในสังคมมีโดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ

ฉะนั้นคนข่าวเนชั่นจะต้องเป็นคนมีฝีมือ มีความเป็นมืออาชีพในการทำข่าวทุกรูปแบบ ทั้งรายงานข่าวด่วน บทวิเคราะห์ ข่าวกีฬา และข่าวเศรษฐกิจ เพื่อรับใช้คนยุคนี้สมัยนี้

ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วสำหรับรับรู้ข่าวคุณภาพจากเครือเนชั่น เราจะใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียในการสื่อสาร การรับรู้ แลกเปลี่ยนความรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็ว คล่องตัว เรียกว่า “โซเชียลทีวี” ซึ่งจะไม่ใช่แค่คุณนั่งอยู่หน้าจอแบบเดิมอีกต่อไป

โซเชียลทีวี แปลว่า “คุณดูไปด้วย คุณทวิตไปด้วยได้ เพื่อแสดงความคิดเห็นตรงนั้นให้กับคนที่ติดตามผ่านทางทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก และยูทูบ”

อย่างคนข่าวเครือเนชั่นที่อยู่ในโซเชียลมีเดียเรามี “กองทัพนักข่าว” ประมาณ 300-400 คน นั่นหมายความว่า “เราสามารถกระจายข้อมูลข่าวสารถึงผู้อ่านในโซเชียลมีเดียเป็นล้านๆ คน ในทุกๆ นาที”

เครือเนชั่น” มีความเชื่อมั่นว่าสามารถรับใช้คนในยุคที่ทันสมัยด้วยข่าวสารที่รวดเร็วแม่นยำ และยืนยันว่าเราจะแสวงหาความจริงให้ครบถ้วนรอบด้านในการทำหน้าที่รับใช้สังคม

ส่วนการจัดงาน “One Nation One Family” ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ย่านบางนา กรุงเทพฯ พลังชาวเนชั่นสวมเสื้อยืดน้ำเงิน ผูกด้วยผ้าประจำสี 4 สี คือ สีเขียว สีส้ม สีชมพู และ สีฟ้า ทั้งหมดได้หลอมดวงใจเป็นหนึ่งเดียวเพื่อทำหน้าที่สื่อมวลชนภายใต้ 4 หัวใจสำคัญ คือ “มุ่งมั่น เสียสละ ใฝ่คุณธรรม และสร้างสรรค์”

สุทธิชัย หยุ่น ย้ำจุดยืนก่อนเริ่มงานอย่างเป็นทางการว่า ทั้ง 4 หัวข้อ ถือเป็นการทำงานจะเป็นหัวใจหลักในการมุ่งมั่นพัฒนา และยังต้องคอยช่วยสังคมให้ก้าวหน้าด้วยข่าวสารที่ถูกต้องรวดเร็ว เป็นธรรมและเป็นประโยชน์ต่อสังคม เครือเนชั่นเป็นสื่ออิสระ ไม่ว่าประเทศชาติจะผ่านร้อนผ่านหนาวเพียงใด เราก็ยังอยู่ได้ นี่เป็นปีแรกที่เราจะมีกิจกรรม จากนี้ไปเราจะจัดทุกปี วันนี้เป็นวันที่ทุกฝ่ายมาร่วมมือกัน และเป็นการแสดงว่าทุกหน่วยงานนั้นจะทำงานแบบ “one nation” เป็นหนึ่งเดียวกัน และ “One Family” คือครอบครัวเดียวกัน

“จากนี้ไปทุกจิตวิญญาณของทุกฝ่ายทุกแขนง จะหลอมรวมกัน และเราหวังว่าเราจะฝ่าฝันกลายเป็นอันดับหนึ่งของสื่อสารมวลชนอย่างแน่นอน”

บรรยากาศภายในงานนั้น มีการแบ่งออกเป็น 4 สี โดย สีฟ้า หรือ “ฟ้าทะลายโจร” ภายใต้แนวคิด “ใฝ่คุณธรรม” สีส้ม หรือ “ส้มซ่า” ภายใต้แนวคิด “มุ่งมั่น” สีชมพู หรือ “ชมพู…หรูเลิศ” ภายใต้แนวคิด “ร่วมใจ” และ สีเขียว หรือ “สีเขียว…เปรี้ยวจี๊ดดดส์” ภายใต้แนวคิด “สร้างสรรค์” สำหรับการแข่งขันกีฬานานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น ฟุตซอล แชร์บอล ปิงปอง ชักเย่อ เป็นต้น รวมทั้งการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษกับทีมผู้บริหารและบรรดาเหล่านักข่าวด้วย

ขณะเดียวกันกองเชียร์ทั้งแต่ละฝ่ายต่างแสดงโชว์กองเชียร์มีการเดินพาเหรดจากเหล่าบรรดากองเชียร์ทั้ง 4 สี รวมถึงการร้องเพลงประสานเสียงจากน้องๆ มหาวิทยาลัยเนชั่นที่มาร้องในเพลง “ฟ้ายังฟ้าอยู่” มีเชียร์ลีดเดอร์ และประกวดกองเชียร์กันอย่างสนุกสนาน นอกจากกิจกรรมกองเชียร์และกีฬา ชาวเนชั่นยังจัดซุ้มกิจกรรมชิงของรางวัลอย่างบิงโก สอยดาว เตะลูกฟุตบอล แข่งขันวินนิ่ง ยิงปืนใส่ตุ๊กตา ล้วงบอล เด้งลูกเทนนิส ชู้ตบาส รวมทั้งยังมีมุมโซนคิดของเด็ก (Kid Zone) ที่ให้ลูกหลานในครอบครัวเนชั่นมาร่วมกันถ่ายรูปเป็นที่ระลึกในงานประวัติศาสตร์ของชาวเนชั่นในวันนี้ด้วย

4 พันธกิจก้าวสู่ปีที่42’คนข่าวเครือเนชั่น’
พันธกิจ “คนข่าวเครือเนชั่น” ท่ามกลางสายธารแห่งเทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสารไหลบ่าอย่างรวดเร็ว “กองทัพนักข่าว” ได้ให้สัตยาบันต่อสังคมในจัดกิจกรรม “วัน เนชั่น” (ONE Nation) จะมุ่งมั่นทำงานในการก้าวสู่ปีที่ 42 เพื่อนำเสนอข่าวคุณภาพ ถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว พร้อมกระจายข้อมูลข่าวสารถึงผู้อ่านในโซเชียลมีเดียเป็นล้านๆ คน ในทุกๆ นาที

http://www.komchadluek.net/detail/20120701/134150/4%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%8842%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99.html

สารจากประธานกรรมการ บริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด

nmg : Nation Multimedia Group
nmg : Nation Multimedia Group

http://www.nationgroup.com/about_3.php

ข้อมูลจากเว็บไซต์ของ nationgroup ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2555

สารจากประธานกรรมการ

ปี 2554 ประเทศไทยประสบเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้น ทั้งความปิติยินดีในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุครบ 84 พรรษา และการสูญเสียจากมหาอุทกภัยดังที่เราทราบดี การทำหน้าที่ของสื่อต่างๆ ของเครือเนชั่นในปี 2554 นอกจากจะยังมั่นคง เที่ยงตรงต่อหน้าที่ ซึ่งเป็นจุดยืนที่เรายึดมาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วงมหาอุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ในรอบ 50 ปี เครือเนชั่นได้ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางรับน้ำใจจากคนไทยทั่วทุกสาขาอาชีพ ส่งมอบต่อผู้ที่ตกทุกข์ลำบากจากวิบัติภัยครั้งนี้อย่างเข้มแข็ง ผ่านสื่อต่างๆ ที่เรามีครบวงจร

เครือเนชั่นในฐานะสื่อคุณภาพ ไม่หยุดนิ่งที่จะสร้างนวัตกรรมและ ความแปลกใหม่ให้กับวงการสื่อ พร้อมมุ่งพัฒนาเนื้อหาที่มีคุณค่า เพื่อตอบสนองต่อผู้รับสื่อทุกท่าน

ปี 2555 จึงเป็นอีกหนึ่งปีที่ผู้อ่าน และผู้สนับสนุนเครือเนชั่นจะได้ร่วมประสบการณ์ใหม่ไปกับสื่อใหม่ๆ ด้วยเราตระหนักว่า เมื่อโลกหมุนเร็วขึ้น วิถีชีวิต หรือ ไลฟ์สไตล์ของคนไทยได้เปลี่ยนแปลงด้วยอัตราเร่ง สื่อหลักอย่างเครือเนชั่นจึงไม่พลาดโอกาสที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่ารูปแบบการรับสื่อจะแปรเปลี่ยนไปอย่างหลากหลายอย่างไร

ทิศทางธุรกิจในปี 2555 ของเครือเนชั่น นอกจากจะมุ่งเพิ่มคุณภาพของสื่อสิ่งพิมพ์ อย่างไม่หยุดยั้ง เรายังคงเดินหน้านำเนื้อหาที่มีคุณค่า จากผลผลิตของทีมข่าวที่มีคุณภาพของเรา นำเสนอออกไปในทุกๆแพลทฟอร์ม ที่ทำให้ผู้รับสารเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา

ความนิยมในสื่อใหม่ (New Media) และสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยที่อัตราการเข้าถึงเพิ่มขึ้นไม่หยุดยั้ง เครือเนชั่นไม่ได้มองข้ามปรากฎการณ์นี้ เราพร้อมเต็มที่ที่จะเคลื่อนตัวเข้าสู่สื่อใหม่ เพื่อเป็นช่องทางนำเนื้อหาที่มีคุณภาพของเราส่งต่อไปยังผู้รับสื่อให้มากที่สุด

เราเชื่อมั่นว่าการมุ่งขยายสู่แพลทฟอร์มใหม่ๆ ของการนำเสนอ ข่าวสาร-ข้อมูล-ความรู้-ความบันเทิง หรือคอนเทนท์ทั้งมวลของเครือเนชั่น ในรูปแบบ New Media และ Social Media จะเป็นทั้งส่วนสนับสนุน และเพิ่มสีสัน ให้กับสื่อสิ่งพิมพ์ที่แข็งแกร่งของเครือเนชั่น

ในปี 2555 เราเชื่อมั่นว่า สื่อสิ่งพิมพ์จะเติบโตต่อเนื่องไปอีก โดยสื่อใหม่จะเป็นสื่อเสริมที่เราให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อน สอดรับกับกระแสความนิยมของคนไทยต่อสื่อใหม่ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

จุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมโทรทัศน์ โอกาสของเครือเนชั่น

ปี 2554 สื่อโทรทัศน์มีส่วนแบ่งจากรายได้โฆษณาหกสิบกว่าเปอร์เซ็นต์จากยอดงบประมาณโฆษณาของสื่อทุกๆ สื่อ ที่มียอดเงินประมาณหนึ่งแสนล้านบาท สื่อโทรทัศน์ในประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เราได้เห็นโทรทัศน์ดาวเทียมเกิดขึ้นใหม่มากกว่า 200 ช่อง

ผู้ชมทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลมีอัตราเติบโตก้าวกระโดด การแข่งขันของสื่อโทรทัศน์จะเข้มข้นอย่างน่าติดตาม ผู้ที่ได้เปรียบคือผู้ที่มี “เนื้อหา” (Content) เพราะไม่ว่าจะเป็นสื่อดั้งเดิมหรือสื่อใหม่ เนื้อหาสาระเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด

เครือเนชั่นซึ่งมี Content มากองค์กรหนึ่งของประเทศ จะมีบทบาทที่โดดเด่นมากขึ้น ในอุตสาหกรรมสื่อโทรทัศน์ ในปี 2555 เราพร้อมที่จะผลิต Content ป้อนสู่ Free TV, Satellite TV, IPTV หรือ TV ทุกๆ รูปแบบ

เครือเนชั่นไม่จำเป็นจะต้องตีกรอบตัวเองอยู่ภายใต้การทำธุรกิจสื่อเท่านั้น โอกาสที่เราจะลงทุนขยายธุรกิจอื่นๆ ที่มีอนาคตเราจะไม่ปฏิเสธ โดยเฉพาะธุรกิจด้าน Digital ทั้งในรูปแบบ E-Commerce, M-Commerce, S-Commerce, Education, Games และ Entertainment ซึ่งเป็นเวทีที่เปิดกว้าง รอผู้ที่มีความพร้อมเข้าร่วมแข่งขัน

วันนี้เครือเนชั่นมีความพร้อมเต็มที่ ในการเสริมสร้างต่อยอดและขยายธุรกิจด้านสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ สื่อใหม่ การศึกษา และโอกาสการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่มีอนาคตรออยู่

เมื่อต้นปี 2554 เครือเนชั่นได้เริ่มเข้ารับผิดชอบบริหารมหาวิทยาลัยโยนกที่จัดหวัดลำปาง โดยในปีการศึกษา 2554 มหาวิทยาลัยเนชั่น ได้เปิดการเรียนการสอน สาขานิเทศศาสตร์ ณ ศูนย์ศึกษากรุงเทพฯ และเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัย ได้รับการอนุมัติให้เปลี่ยนชื่อเป็น “มหาวิทยาลัยเนชั่น (Nation University)” อย่างเป็นทางการแล้ว

สำหรับปีการศึกษา 2555 มหาวิทยาลัยเนชั่น จะเปิดศูนย์ศึกษาที่กรุงเทพฯ เต็มรูปแบบ โดยใช้อาคารด้านหน้าของเครือเนชั่นทั้งอาคาร นอกจากเพิ่มความคึกคักทางด้านนิเทศศาสตร์แล้ว เราพร้อมเปิดเพิ่มคณะบริหารธุรกิจ ด้วยการสนับสนุนของทีมงานหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ซึ่งมีเครือข่ายครอบคลุมทุกวงการ และจะมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้การสอนด้านธุรกิจของเรามีคุณภาพ ตามนโยบายที่เรามุ่งเน้นคือ “เรียนกับมืออาชีพ” เน้นการปฏิบัติหรือลงมือทำด้วยตนเองในระหว่างเรียนไม่ว่าที่กรุงเทพฯ หรือลำปาง

เครือเนชั่นฯ มีความพร้อมสูงสุดที่จะเดินหน้าทำสื่อเพื่อตอบสนองความต้องการของสังคมไทยทุกๆด้าน อย่างมีจุดยืนมีมาตรฐานเหมือนกว่า 40 ปีที่ผ่านมา ด้วยความพร้อมเพรียงของผู้บริหารรุ่นใหม่ ที่เราได้ส่งเสริมสนับสนุน และฝึกฝน จนมีความพร้อม และมั่นใจว่าผู้บริหารเหล่านี้จะยิ่งเพิ่มขีดความสามารถของเครือเนชั่นฯ ให้เดินหน้าต่อไป เพื่อบรรลุเป้าหมายที่เราวางไว้อย่างมั่นคง และเข้มแข็งยิ่งขึ้นสืบต่อไป

สุดท้ายนี้ในนามของคณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานในเครือเนชั่นฯ ขอถือโอกาสนี้ กล่าวคำขอบคุณทุกๆ ท่านที่ให้กำลังใจ ให้การสนับสนุนเครือเนชั่น อย่างอบอุ่น มั่นคง และ สม่ำเสมอ เราให้คำมั่นว่าเราจะมุ่งมั่น ทุ่มเท ทำงานต่อไปอย่าง มั่นคง และ เที่ยงตรงต่อการทำหน้าที่สื่อคุณภาพ ด้วยความมุ่งมั่นภายใต้อุดมการณ์ คาดว่าปี 2555 เป็นปีที่เราจะประสบความสำเร็จอย่างงดงามอีกปีหนึ่ง

nmg board
nmg board

บริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
1858/118-119, 121-122, 124-130 อาคารเนชั่นทาวเวอร์ ชั้น 27-32 ถนนบางนา-ตราด, แขวงบางนา, เขตบางนา, กรุงเทพฯ 10260
โทร: 0 2338-3333 ต่อ 3289 (เวลาทำงานจันทร์-ศุกร์ 8.30-17.30) โทรสาร: 0 2338-3936

บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (Nation Multimedia Group Public Company Limited) เป็นบริษัทสื่อสารมวลชนครบวงจร ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2514 โดยเริ่มจากการออกหนังสือพิมพ์ The Voice of the Nation หนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษในไทยฉบับแรก ที่มีชาวไทยเป็นเจ้าของ โดยมีบุคคลสำคัญประกอบด้วย หม่อมราชวงศ์สุนิดา กิติยากร, สุทธิชัย หยุ่น, ธรรมนูญ มหาเปารยะ, เชวง จริยะพิสุทธิ์, ธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์, และ ธนะชัย สันติชัยกูล

สิ่งพิมพ์และสื่อในเครือ
– เดอะ เนชั่น
– กรุงเทพธุรกิจ
– คมชัดลึก
– เนชั่น จูเนียร์
– เนชั่น สุดสัปดาห์
– เนชั่น แชนแนล
– แมงโก้ทีวี
– ระวังภัย 24 ชั่วโมง
– อาเซียนทีวี
– วิทยุเนชั่น
– โอเคเนชั่น
– เนชั่นบุ๊คส์

บริษัทในเครือ
– บมจ.เนชั่น บรอดแคสติ้งคอร์ปอเรชั่น
– บมจ.เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์
– บจก.เนชั่น เอ็กมอนท์
– บจก.เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์
– บจก.เอ็นคูปอง
– บจก.เนชั่น นิวส์ เน็ตเวิร์ค
– บจก.กรุงเทพ ธุรกิจ มีเดีย
– บจก.คมชัดลึก มีเดีย
– บจก.ดับบลิวพีเอส
– บจก.เอ็นเอ็มแอล
– บจก.เนชั่น ยู

http://www.nbc.co.th/aboutnbc-history.html

10 คุณสมบัติจำเป็นของ CIO

steve jobs & john sculley
steve jobs & john sculley

1. มีความเป็นผู้นำ
2. มีประสบการณ์ด้านการเปลี่ยนแปลง และการแก้ปัญหาความขัดแย้ง
3. มีความเข้าใจธุรกิจ
4. มีทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์
5. มีทักษะด้านบริหาร
6. มีทักษะด้านการสื่อสาร
7. มีความสามารถสร้างและบริหารความเปลี่ยนแปลง
8. มีองค์ความรู้และประสบการณ์ในธุรกิจเฉพาะทาง
9. มีประสบการณ์เชิงนานาชาติ
10. มีความสามารถในการจ้าง พัฒนา และรักษาคุณภาพความชำนาญทางไอที

เกี่ยวกับ John Sculley มีเรื่องราวในหนังสือ
steve jobs โดย walter isaacson บทที่ 14 หน้า 169

Born April 6, 1939 (age 73)
Occupation
– President of PepsiCo (1977–1983)
– CEO of Apple Computer (now Apple Inc.) (1983–1993)
– Partner at Sculley Brothers, LLC (1995–Present)

จุฬาถอนปริญญาดุษฎีบัณฑิตลูกศิษย์

ถอนปริญญา ลูกศิษย์
ถอนปริญญา ลูกศิษย์

พระท่านว่า “มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสรรเสริญ ก็ย่อมมีนินทา

ผมแค่ไม่เคยชินกับเรื่องนี้ .. จรรณยาบรรณครู พ.ศ.2539
ข้อ 4. ครูต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์และสังคมของศิษย์
http://www.thaiall.com/learn/toremember.htm

ข่าว http://www.suthichaiyoon.com/detail/32344

นายกสภาจุฬาฯไม่หวั่นถูก “ศุภชัย” ฟ้อง‏กรณีถอนปริญญาดุษฎีบัณฑิต แจงไม่รับคำท้าเดิมพันด้วยตำแหน่ง เพราะเป็นหน้าที่ของ “อธิการบดีจุฬาฯ”

ที่โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ กทม.วานนี้ (27 มิ.ย.) ศ.กิตติคุณ คุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์ นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เตรียมยื่นฟ้องศาลปกครองกรณีที่สภาจุฬาฯ มีมติเพิกถอนปริญญาดุษฎีบัณฑิต เนื่องจากตรวจพบมีการลอกเลียนผลงานทางวิชาการ และนำไปเป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ ทำให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรีว่า ขณะนี้ทางจุฬาฯ อยู่ระหว่างการทำหนังสือแจ้งถึงมติสภาจุฬาฯ ดังกล่าว พร้อมทั้งชี้แจงรายละเอียดเหตุผลประกอบมติที่ออกมาด้วย จึงต้องใช้เวลา

“ส่วนที่นายศุภชัยจะยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองก็ถือว่าเป็นสิทธิที่จะดำเนินการได้ และถือเป็นเหตุการณ์ปกติสำหรับเมืองไทย ไม่ได้วิตกทุกข์ร้อนอะไร เพราะการดำเนินการทุกอย่างของสภาจุฬาฯ ก็มีกระบวนการผ่านขั้นตอนมาอย่างถูกต้อง ไม่ใช่พิจารณาโดยไม่ได้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบและรอบด้าน ซึ่งเชื่อมั่นว่าแต่ละส่วนก็ต้องทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ก่อนที่จะยื่นเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของสภามหาวิทยาลัย” นายกสภาจุฬาฯ กล่าว

ส่วนกรณีที่นายศุภชัยท้าเดิมพันด้วยตำแหน่งหากศาลปกครองตัดสินว่าใครถูก อีกฝ่ายต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งนั้น นายกสภาจุฬาฯ กล่าวว่า ก็คงต้องให้เป็นหน้าที่ของ ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาฯ ไปรับคำท้า ในฐานะเป็นหัวหน้าส่วนสำนักงาน เรื่องแบบนี้ปิดกันไม่มิดเวลาจะเป็นเรื่องพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้

“เรื่องนี้ถูกนำเสนอเข้าสู่สภามหาวิทยาลัยมาตั้งแต่ปี 2551 มีการพิจารณามาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสภาจุฬาฯ ได้มีมติเพิกถอนปริญญาดุษฎีบัณฑิตเนื่องจากตรวจพบมีการลอกเลียนผลงานทางวิชาการ และนำไปเป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ ทำให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรี เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จนกระทั่งสภาจุฬาฯ มีมติเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2555 ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หากหลักฐานไม่เพียงพอ” นายกสภาจุฬาฯ กล่าว

ด้าน ศ.ดร.เทียนฉาย กีระนันท์ อดีตอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในเรื่องเดียวกันนี้ว่า ในต่างประเทศ เช่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา เมื่อสภามหาวิทยาลัยมีมติออกมาอย่างไร จะเคารพในมติของสภามหาวิทยาลัย ถือว่าทุกอย่างได้ยุติแล้ว จะไม่มีการฟ้องร้องใดๆ ทั้งสิ้น

ผู้ผลิตแบล็คเบอร์รี่ปลดห้าพัน

heavyweight กับ lightweight ศึกสมาร์ทโฟน
heavyweight กับ lightweight ศึกสมาร์ทโฟน

ศึกสมาร์ทโฟน

30 มิ.ย.55 สองปีก่อนมีลูกศิษย์นำโทรศัทพ์รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับที่ประธานาธิบดีสหรัฐใช้ คือ โทรศัพท์แบล็คเบอร์รี่ (BB = Black Berry) ของบริษัทริม (RIM = Research in motion) มีความสามารถเด่นกว่าทุกรุ่นในขณะนั้น และตอนนั้นผู้เขียนก็ตอบไปว่ามีโทรศัพท์เครื่องละพันอยู่ในกระเป๋ากางเกงยังใช้ไม่คุ้มพันเลย ส่วนในใจก็แอบคิดว่า ถ้าโทรศัพท์ที่มีอยู่เสียเมื่อใดจะนำแบล็คเบอร์รี่เข้าไปอยู่ในตัวเลือก แล้วเข้าตารางการตัดสินใจ (Decision Table) เพื่อพิจารณาว่าจะซื้อแบบใด แต่ถึงวันนี้โทรศัพท์เครื่องละพันก็ยังไม่เสีย แต่ผู้ผลิตโทรศัพท์แบล็คเบอร์รี่กลับส่งสัญญาณการปราชัยในสงครามโทรศัพท์ซะแล้ว

มีข่าวปลายเดือนมิถุนายน 2555 ว่า Thorsten Heins ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทริมให้ข่าวเลื่อนเปิดตัวแบล็คเบอร์รี่ 10 ไปต้นปี 2556 เนื่องจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่เป็นไปตามแผน และคาดว่าจะขาดทุนสูงกว่าที่ทำนายไว้ ทำให้มีแผนปลดพนักงานเพิ่มอีก 5000 ตำแหน่งหรือร้อยละ 30 ของที่มีอยู่ หลังจากกลางปีที่แล้วเคยปลดไปแล้ว 2000 ตำแหน่ง แล้วข่าวเชิงลบเช่นนี้ก็ทำให้หุ้นของบริษัทลดลงทันทีร้อยละ 14 โดยแนวทางแก้ปัญหาด้วยการลดพนักงานนั้น เป็นกลไกที่ทรงประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุน ซึ่งบริษัทโนเกียก็ประสบปัญหาคล้ายกัน แล้วมีแผนจะปลดคนงานกว่า 10000 คนเช่นกัน

การร่วมมือกับบริษัทไมโครซอฟท์เป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหา ตามข่าวพบว่าจะเปลี่ยนบริการสืบค้นข้อมูลในบีบี (BB) จาก google.com ไปเป็น bing.com ซึ่งเป็นอีกความพยายามของไมโครซอฟท์ที่จะเข้าสู่ตลาดโมบายล์เสิร์ช ซึ่งมีคู่แข่งสำคัญคือ google.com นั้นเอง ก่อนหน้านี้ไมโครซอฟท์ประกาศความร่วมมือกับบริษัทโนเกีย และลงทุนไปกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ก็ต้องมาติดตามกันต่อไปว่า ทั้งบริษัทโนเกีย และบริษัทริม จะผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างไร หลังประกาศปลดพนักงานหลายพันคน แล้วจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่พอจะเข้ามาแข่งขันในตลาดโทรศัพท์ระดับสมาร์ทโฟนได้หรือไม่ รายงานต้นปี 2555 พบว่า บริษัทซัมซุงเป็นผู้นำตลาดอันดับหนึ่ง เมื่อรวมยอดขายกับบริษัทแอ็พเปิ้ลกินส่วนแบ่งตลาดไปมากกว่า 50% และ 2 ค่ายนี้รวมกันก็มีกำไรกว่า 90% ของตลาดแล้ว ถ้าเปรียบเทียบกับการชกมวยก็เหมือนกับนำนักมวยรุ่น heavy weight ไปชกกับ light weight ที่ผลการชกไม่น่าเปลี่ยนไปจากที่ทำนายไว้ ก็หวังแต่ปาฎิหาริย์ของนวัตกรรมเท่านั้นที่จะช่วยกู้วิกฤตของทั้งสองบริษัทไว้ได้