หวยตู้ เทียบเท่าเปิดเสรีพนัน

หวยตู้ (lotto)
หวยตู้ (lotto)

ต่างมุมก็ต่างมอง .. เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกิเลสของมนุษย์

ข่าวจากเว็บไซต์ผู้จัดการ manager.co.th

10 ต.ค.55 รุมอัดคลัง! เปิดหวยตู้เป็นของขวัญรับปีใหม่ เท่ากับเปิดเสรีการพนัน สูบเลือดคนไทย หาเงินเข้ากระเป๋า พร้อมกระตุกต่อม “นายก” ตระหนักความเป็นแม่ อย่าปล่อยอบายมุขพ่นพิษสังคม มอมเมาเด็กเยาวชน ส่งผลคุณภาพชีวิตต่ำ ด้าน“สภาเด็กฯ” ซัดปีใหม่คนไทยอยากได้ของขวัญพัฒนาชีวิต ไม่ใช่อบายมุข ดักคอเบี่ยงประเด็นอ้างโกยเงินคนต่างชาติ
นายมณเฑียร บุญตัน กรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการคลัง เตรียมเดินหน้าจำหน่ายสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ด้วยเครื่องอัตโนมัติ (หวยตู้ )ในช่วงปีใหม่นี้ว่า นโยบายที่อ้างว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาสลากแพงเกินราคานั้น ถือเป็นการแก้ไขปัญหาจุดเดียว แต่สร้างปัญหาบานปลายตามมา เนื่องจากรัฐเป็นผู้ผลิตจำหน่ายขายขาด โยนภาระให้กับผู้แทนจำหน่าย ซึ่งนี่คือต้นตอของปัญหา แล้วจะมาเพิ่มสลากอีกรูปแบบหนึ่ง มันไม่ใช่การแก้ปัญหา ตรงกันข้าม มันจะเป็นการเพิ่มพื้นที่การพนัน เพราะยังไม่มีมาตรการชัดเจนควบคุมการขยายผล
ผมคิดว่ามันเข้าข่าย ลักษณะการพนันเสรีเข้าไปทุกที มันจะต่างอะไรกับที่เด็กเยาวชน ผู้มีรายได้น้อย เจอตู้หวย แล้วก็เดินเข้าไปซื้อได้เลย เพราะมันไม่ได้มีข้อจำกัด อีกทั้งระบบก็ไม่ได้มีการจำกัดเลขด้วย หากมีเลขเด็ดๆ มาคนก็รุมซื้อกันไม่ยั้ง และรางวัลก็ผันแปรตามจำนวนคนถูก เท่ากับรัฐดูดเงินจากประชาชน ผู้บริโภคก็รับกรรมไป รัฐได้ทั้งขึ้น ทั้งล่อง แทนที่รัฐจะปราบปรามการเล่นพนันทุกชนิดในสังคมนายมณเฑียร กล่าว
นายมณเฑียร กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้เป็นวิกฤตกับสังคมไทยในระยะยาว ทำให้สังคมอ่อนแอ พัฒนาความเชื่อชาวบ้านไปเชื่อเรื่องดวง เสี่ยงโชค มากกว่าทำเพื่อให้เกิดผล และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะสั้นนี้ ทั้งนี้สิ่งที่รัฐบาลควรกำหนดมาตรการให้ชัดเจน คือ

1. ป้องกันไม่ให้เด็ก เยาวชน ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงการพนันทุกรูปแบบ

2. การเยียวยาผู้ค้ารายย่อย ผู้พิการ ที่ขายสลากเดิม

3. จำกัดพื้นที่การพนัน ไม่ใช่เอาสลากมาเป็นตัวส่งเสริมหารายได้เข้ารัฐ

นางสาวฐาณิชชา ลิ้มพานิช ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กล่าวว่า การออกนโยบายนี้ในช่วงปีใหม่ เพื่อให้เป็นของขวัญประชาชน ถือว่าเสี่ยงในด้านการทำลายคุณภาพชีวิตคนไทยให้ต่ำลง เพราะจะเป็นการส่งเสริม ขยายผลเพิ่มความถี่ในการเล่นการพนัน ซึ่งสิ่งที่ต้องทำคือ ศึกษาผลกระทบให้รอบด้าน ไม่มุ่งแต่เรื่องเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว และขอถามนายกรัฐมนตรีผู้หญิงคนแรกของประเทศว่า มีนโยบายในการดูแลเด็ก เยาวชน และครอบครัวอย่างไรบ้าง เพิ่มพื้นที่สาธารณเพื่อครอบครัวอย่างไร ซึ่งการพัฒนาเศรษฐกิจต้องทำควบคู่ไปกับการพัฒนาครอบครัวและสังคม คุณภาพชีวิต
ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี มีภาพลักษณ์ความเป็นแม่ มีลูกที่ต้องดูแล ท่านห่วงเรื่องนี้ และจะดูแลเรื่องนี้อย่างไร ถ้าในสังคมมีเรื่องอบายมุขเต็มไปหมด มีหวยตู้ ท่านจะรู้สึกอย่างไร และในฐานนะของคนเป็นแม่ จะเลี้ยงลูกท่ามกลางสังคมที่โหมมอมเมาอบายมุขอย่างนั้นหรือ ต่อไปคนไทยคงมีหนี้สินมากขึ้น เศรษฐกิจดี แต่คนมีคุณภาพชีวิตต่ำ ขอให้ท่านพิจารณาทั้งในฐานะแม่ และผู้บริหารประเทศด้วย นางสาวฐานิชา กล่าว
ด้านนางสาวพรเพ็ญ เธียรไพศาล ตัวแทนสภาเด็กจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ของขวัญปีใหม่ที่ควรจะมอบให้คนไทย ไม่ใช่เรื่องอบายมุข แต่ควรเป็นเรื่องที่ส่งเสริมปรับปรุงคุณภาพชีวิตคนไทย ไม่ใช่ส่งเสริมการเล่นการพนันให้เกิดขึ้นในสังคม เพราะนโยบายหวยตู้ จะสร้างกระแส การเล่นพนันให้เป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวัน เห็นการเล่นหวยเป็นเรื่องปกติ จะทำให้เยาวชนที่ไม่เคยเล่นการพนัน เริ่มกลายเป็นนักพนันหน้าใหม่มากขึ้นๆ และเป็นต้นทางการพนันอื่นๆ ต่อไป จะไม่มีใจจดจ่อกับการเรียน และมีปัญหาอื่นตามมาอีกมากมาย เช่น อาชญากรรม ทำอาชีพไม่เหมาะสม เป็นต้น การบอกว่าควบคุมดูแล ไม่ขายใกล้วัด โรงเรียน มันไม่เป็นความจริง เพราะคุมไม่ได้ ทุกวันนี้สิ่งผิดกฎหมาย ยังไม่มีปัญญาคุมได้เลย แค่ร้านเหล้ารอบสถานศึกษา ยังจัดการไม่ได้เลย.
http://www.manager.co.th/daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000120029

One Nation One Family

one nation one family
one nation one family

วันเนชั่น หลอมใจเป็นหนึ่ง
http://www.nationchannel.com/main/news/social/20120621/27825820/

1 ก.ค.55 เครือเนชั่นได้จัดกิจกรรม “วัน เนชั่น (ONE Nation)” โดยมีชาวเนชั่นกว่า 2,000 ชีวิต พร้อมใจกันรวมพลังแสดงความสามัคคี “หลอมหัวใจรวมเป็นหนึ่งเดียว” และให้ “สัตยาบันต่อสังคม” ในการทำงานสร้างสรรค์สำหรับการก้าวสู่ทศวรรษที่ 5

http://www.suthichaiyoon.com/detail/32555

สุทธิชัย หยุ่น ประธานเครือเนชั่น ประกาศทิศทางข่าว “เครือเนชั่น” บนเส้นทางสายสื่อมวลชนในการก้าวสู่ปีที่ 42 ว่า ชัดเจนแล้วว่าข่าวของเรา ขยับเข้าสู่ทุกช่องทางการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์เดิม เว็บไซต์ หรืออินเทอร์เน็ต และแน่นอนว่าข่าวของเครือเนชั่นจะเข้าไปอยู่ทุกสือที่ทุกคนในสังคมมีโดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ

ฉะนั้นคนข่าวเนชั่นจะต้องเป็นคนมีฝีมือ มีความเป็นมืออาชีพในการทำข่าวทุกรูปแบบ ทั้งรายงานข่าวด่วน บทวิเคราะห์ ข่าวกีฬา และข่าวเศรษฐกิจ เพื่อรับใช้คนยุคนี้สมัยนี้

ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วสำหรับรับรู้ข่าวคุณภาพจากเครือเนชั่น เราจะใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียในการสื่อสาร การรับรู้ แลกเปลี่ยนความรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็ว คล่องตัว เรียกว่า “โซเชียลทีวี” ซึ่งจะไม่ใช่แค่คุณนั่งอยู่หน้าจอแบบเดิมอีกต่อไป

โซเชียลทีวี แปลว่า “คุณดูไปด้วย คุณทวิตไปด้วยได้ เพื่อแสดงความคิดเห็นตรงนั้นให้กับคนที่ติดตามผ่านทางทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก และยูทูบ”

อย่างคนข่าวเครือเนชั่นที่อยู่ในโซเชียลมีเดียเรามี “กองทัพนักข่าว” ประมาณ 300-400 คน นั่นหมายความว่า “เราสามารถกระจายข้อมูลข่าวสารถึงผู้อ่านในโซเชียลมีเดียเป็นล้านๆ คน ในทุกๆ นาที”

เครือเนชั่น” มีความเชื่อมั่นว่าสามารถรับใช้คนในยุคที่ทันสมัยด้วยข่าวสารที่รวดเร็วแม่นยำ และยืนยันว่าเราจะแสวงหาความจริงให้ครบถ้วนรอบด้านในการทำหน้าที่รับใช้สังคม

ส่วนการจัดงาน “One Nation One Family” ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ย่านบางนา กรุงเทพฯ พลังชาวเนชั่นสวมเสื้อยืดน้ำเงิน ผูกด้วยผ้าประจำสี 4 สี คือ สีเขียว สีส้ม สีชมพู และ สีฟ้า ทั้งหมดได้หลอมดวงใจเป็นหนึ่งเดียวเพื่อทำหน้าที่สื่อมวลชนภายใต้ 4 หัวใจสำคัญ คือ “มุ่งมั่น เสียสละ ใฝ่คุณธรรม และสร้างสรรค์”

สุทธิชัย หยุ่น ย้ำจุดยืนก่อนเริ่มงานอย่างเป็นทางการว่า ทั้ง 4 หัวข้อ ถือเป็นการทำงานจะเป็นหัวใจหลักในการมุ่งมั่นพัฒนา และยังต้องคอยช่วยสังคมให้ก้าวหน้าด้วยข่าวสารที่ถูกต้องรวดเร็ว เป็นธรรมและเป็นประโยชน์ต่อสังคม เครือเนชั่นเป็นสื่ออิสระ ไม่ว่าประเทศชาติจะผ่านร้อนผ่านหนาวเพียงใด เราก็ยังอยู่ได้ นี่เป็นปีแรกที่เราจะมีกิจกรรม จากนี้ไปเราจะจัดทุกปี วันนี้เป็นวันที่ทุกฝ่ายมาร่วมมือกัน และเป็นการแสดงว่าทุกหน่วยงานนั้นจะทำงานแบบ “one nation” เป็นหนึ่งเดียวกัน และ “One Family” คือครอบครัวเดียวกัน

“จากนี้ไปทุกจิตวิญญาณของทุกฝ่ายทุกแขนง จะหลอมรวมกัน และเราหวังว่าเราจะฝ่าฝันกลายเป็นอันดับหนึ่งของสื่อสารมวลชนอย่างแน่นอน”

บรรยากาศภายในงานนั้น มีการแบ่งออกเป็น 4 สี โดย สีฟ้า หรือ “ฟ้าทะลายโจร” ภายใต้แนวคิด “ใฝ่คุณธรรม” สีส้ม หรือ “ส้มซ่า” ภายใต้แนวคิด “มุ่งมั่น” สีชมพู หรือ “ชมพู…หรูเลิศ” ภายใต้แนวคิด “ร่วมใจ” และ สีเขียว หรือ “สีเขียว…เปรี้ยวจี๊ดดดส์” ภายใต้แนวคิด “สร้างสรรค์” สำหรับการแข่งขันกีฬานานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น ฟุตซอล แชร์บอล ปิงปอง ชักเย่อ เป็นต้น รวมทั้งการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษกับทีมผู้บริหารและบรรดาเหล่านักข่าวด้วย

ขณะเดียวกันกองเชียร์ทั้งแต่ละฝ่ายต่างแสดงโชว์กองเชียร์มีการเดินพาเหรดจากเหล่าบรรดากองเชียร์ทั้ง 4 สี รวมถึงการร้องเพลงประสานเสียงจากน้องๆ มหาวิทยาลัยเนชั่นที่มาร้องในเพลง “ฟ้ายังฟ้าอยู่” มีเชียร์ลีดเดอร์ และประกวดกองเชียร์กันอย่างสนุกสนาน นอกจากกิจกรรมกองเชียร์และกีฬา ชาวเนชั่นยังจัดซุ้มกิจกรรมชิงของรางวัลอย่างบิงโก สอยดาว เตะลูกฟุตบอล แข่งขันวินนิ่ง ยิงปืนใส่ตุ๊กตา ล้วงบอล เด้งลูกเทนนิส ชู้ตบาส รวมทั้งยังมีมุมโซนคิดของเด็ก (Kid Zone) ที่ให้ลูกหลานในครอบครัวเนชั่นมาร่วมกันถ่ายรูปเป็นที่ระลึกในงานประวัติศาสตร์ของชาวเนชั่นในวันนี้ด้วย

4 พันธกิจก้าวสู่ปีที่42’คนข่าวเครือเนชั่น’
พันธกิจ “คนข่าวเครือเนชั่น” ท่ามกลางสายธารแห่งเทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสารไหลบ่าอย่างรวดเร็ว “กองทัพนักข่าว” ได้ให้สัตยาบันต่อสังคมในจัดกิจกรรม “วัน เนชั่น” (ONE Nation) จะมุ่งมั่นทำงานในการก้าวสู่ปีที่ 42 เพื่อนำเสนอข่าวคุณภาพ ถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว พร้อมกระจายข้อมูลข่าวสารถึงผู้อ่านในโซเชียลมีเดียเป็นล้านๆ คน ในทุกๆ นาที

http://www.komchadluek.net/detail/20120701/134150/4%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%8842%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99.html

ภาพโป๊ในสภากับวายฟาย (itinlife 340)

LG LX9500 3D TV
LG LX9500 3D TV

กลายเป็นข่าวดัง กับภาพฉาวกลางสภา 2 เหตุการณ์ ทั้ง ส.ส.เปิดภาพโป๊ด้วยไอโฟนในระหว่างการประชุม และจอทีวียี่ห้อแอลจีเครื่องหนึ่ง แพร่ภาพโป๊โดยไม่ทราบแหล่งที่มาชัดเจน จนเกิดความพยายามในการหาต้นตอ ซึ่งเป็นที่มาของภาพ เหตุที่เรื่องนี้เป็นข่าวเพราะเกิดขึ้นในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นที่รวมพลผู้นำของประเทศไทย ที่คนไทยเลือกตั้งเข้าไปเป็นตัวแทนของชุมชนร่วมกำหนดทิศทางของประเทศ อาจสรุปได้ว่าผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่านเป็นผู้ที่ล้วนมีเกียรติ

ในที่ชุมนุมอันทรงเกียรติ มักมีการควบคุมเรื่องอุปกรณ์สื่อสาร เพื่อให้เกียรติประธานและผู้ร่วมประชุมว่าจะไม่ส่งเสียงรบกวนให้เสียสมาธิ จนทำให้พลาดประเด็นใดที่เกิดจากการประชุม คนไทยเรามีวัฒนธรรมให้เกียรติผู้ใหญ่ ดังนั้นการให้เกียรติประธานในที่ประชุมจึงควรถือปฏิบัติยกเว้นว่าประธานในที่ประชุมเป็นผู้ไม่สมควรให้เกียรติ เพราะถ้าในขณะประชุมแล้วนั่งเปิดรูปโป๊ อ่านข่าวหุ้น ดูคลิ๊ปหรือเล่นเกม ก็แสดงว่าสมาธิหรือความสนใจไม่อยู่ในเนื้อหาของการประชุม และคิดว่าประเด็นที่เกิดในการประชุมนั้นไม่สำคัญ และอาจตีความได้ว่าการประชุมครั้งนั้นไม่สำคัญ แต่การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นเวทีที่สำคัญที่สุดของประเทศที่ใช้เป็นเวทีอนุมัติกฎหมาย และนโยบายของประเทศที่มีผลต่อประชาชนทุกคน

ที่น่าแปลก คือ ประเด็นที่สื่อสารออกมา กลับเป็นประเด็นว่าใครส่งภาพโป๊ไปออกทีวี ซึ่งแน่นอนว่าการกระทำนั้นย่อมไม่เหมาะสม แต่เป็นที่ยอมรับกันมานานแล้วว่าในคนหมู่มาก เราไม่อาจคาดหวังว่าทุกคนจะเป็นคนดี จึงคาดหวังไม่ได้ว่า ส.ส.ทุกคนจะต้องให้เกียรติตนเอง การประชุม หรือประธานในที่ประชุม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่กลับเป็นเรื่องราวใหญ่โต เป็นที่สนใจของสังคม เป็นที่สนใจของสื่อ เป็นประเด็นที่ขัดกับศิลปวัฒนธรรม และจารีตประเพณี มีเหตุการณ์ที่ขัดแย้งกับจารีตเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและสามารถนำกลับมาทบทวน เป็นบทเรียนได้มากมาย อาธิ การสัมภาษณ์คุณโซระ อาโออิ การจัดแสดงคอนเสิร์ตดาราวัยรุ่นสาวแต่งชุดวาบหวิวในงานประเพณีที่ดีงามของไทย การประกวดนางสงกราณต์ การนำเสนอการแต่งกายของดาราที่เรียกว่าผู้นำแฟชั่น เป็นต้น ซึ่งล้วนเกิดจากอิทธิพลการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุควัตถุนิยม ที่เราท่านก็คงต้องรับผลที่กำลังเปลี่ยนแปลงตามกระแสที่ยอมรับว่าทัดทานไว้ไม่ได้

ข่าวเชิงบวก เครือเนชั่นลุยทีวีดาวเทียมเต็มสูบ

จากข้อมูล ราคาย้อนหลัง ของ NMG ใน set.or.th พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น สอดรับกับการแถลงทิศทางใหม่ ว่า “เครือเนชั่นลุยทีวีดาวเทียมเต็มสูบ
26 January 2012
โดยเนื้อข่าวมีรายละเอียดดังนี้
นายธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางการทำธุรกิจในระยะ 3-5 ปีของเครือเนชั่น สื่อสิ่งพิมพ์จะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน บริษัทก็มีความพร้อมที่จะรุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ ซึ่งมีส่วนแบ่งรายได้โฆษณามากถึง 60% ของยอดโฆษณาทั้งอุตสาหกรรมรวม 1 แสนล้านบาท และยังเป็นอุตสาหกรรมที่อยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลง และมีโอกาสเติบโต
ปัจจุบัน สื่อโทรทัศน์ในประเทศไทยกำลังมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ มีโทรทัศน์ดาวเทียมเกิดขึ้นใหม่กว่า 200 ช่อง คนดูดาวเทียมและเคเบิล มีอัตราเติบโตก้าวกระโดด การแข่งขันของสื่อโทรทัศน์จะเข้มข้นมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้ที่ได้เปรียบคือผู้ที่มี “เนื้อหา” (Content) ดังนั้น เครือเนชั่น ซึ่งมีคอนเทนท์มากองค์กรหนึ่งของประเทศ จะเข้าสู่เวทีแข่งขันด้านสื่อโทรทัศน์อย่างโดดเด่นในปี 2555
“เครือเนชั่นพร้อมแล้วที่จะผลิตคอนเทนท์สำหรับสื่อโทรทัศน์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ฟรีทีวี โทรทัศน์ดาวเทียม ทีวีอินเทอร์เน็ต โดยในปี 2555 เนชั่นกรุ๊ป พร้อมเปิดสถานีโทรทัศน์ อย่างน้อย 2 สถานี ภายใต้การดูแลของ 2 บริษัทลูก คือ กรุงเทพธุรกิจ และบริษัท เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)” นายธนาชัยกล่าว
ปัจจุบัน เครือเนชั่น มีสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมที่ออกอากาศแล้ว 3 สถานี คือ Nation Channel, MangoTV และ ช่องระวังภัย และในปี 2554 บริษัทเนชั่น บรอดคาสติ้ง หรือ NBC ยังได้รับความไว้วางใจจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ให้เข้าบริหารช่อง Rama Channel เพื่อออกอากาศทางทรูวิชั่นส์ช่อง 80 และยังได้ร่วมผลิตรายการในช่อง ASEAN TV กับบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ซึ่งออกอากาศทางทรูวิชั่นส์ช่อง 99
อย่างไรก็ตาม การรุกสู่ธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียมครั้งนี้ เครือเนชั่น ประมาณการเงินลงทุนระยะ 5 ปี ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ครอบคลุม ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ทั้งเทคโนโลยีกระจายภาพและเสียงระบบดิจิทัล สตูดิโอที่ทันสมัย และทีมข่าวคุณภาพ เพื่อสนับสนุนการเกิดขึ้นของสถานีใหม่ๆ ภายใต้ เนชั่นกรุ๊ป โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้งคอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป ได้ลงทุนไปไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท เพื่อเปิดสถานีโทรทัศน์ 2 ช่องใหม่ และร่วมผลิตกับบริหารอีก 2 ช่อง หลังจากเคยลงทุนไปกว่า 250 ล้านบาท ในการเปิดช่อง Nation Channel เมื่อปี 2543
“การลงทุนครั้งนี้ จะเป็นการยกระดับธุรกิจบรอดแคสติ้ง ของ NMG และ NBC ให้ก้าวไปสู่การออกอากาศ แบบดิจิทัลทีวี ด้วยคุณภาพของภาพและเสียงในระดับ High Definition ทุกช่องทางการออกอากาศ” นายธนาชัยกล่าว
นายธนาชัย กล่าวว่า การรุกสู่ธุรกิจโทรทัศน์ จะส่งผลให้รายได้โฆษณาของเครือเนชั่น เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด จากปัจจุบันรายได้ โฆษณามาจาก สิ่งพิมพ์ 60% จากธุรกิจบรอดแคสต์ กระจายภาพและเสียง 30% และธุรกิจดิจิทัล 10% โดยตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปี สัดส่วนรายได้โฆษณา ธุรกิจบรอดแคสต์ จะเพิ่มเป็น 40% รายได้จากธุรกิจดิจิทัลและการศึกษา จะเพิ่มเป็น 20% ขณะที่รายได้โฆษณา ธุรกิจสิ่งพิมพ์จะลดสัดส่วนลงเหลือ 40%
ด้านนายสุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการอำนวยการเครือเนชั่น กรุ๊ป กล่าวว่า โทรทัศน์ดาวเทียม ทั้ง 7 ช่อง เป็น การต่อยอดจากความแข็งแกร่งด้านเนื้อหาของเครือเนชั่นกรุ๊ป ซึ่งพร้อมด้วย ทีมข่าวที่มีคุณภาพ และเข้าถึงทุกกลุ่มผู้รับสื่อ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจ กลุ่มผู้รับสื่อระดับมหาชน หรือกลุ่มเยาวชน
“เราพร้อมเดินหน้าสู่การเป็นสื่อคุณภาพที่ ครบทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าผู้รับสื่อจะอยู่ตรงไหน มีพฤติกรรมการบริโภคสื่ออย่างไร เนชั่นกรุ๊ปของเรา ไม่หยุดยั้งตอบสนอง ทั้งในรูปสื่อสิ่งพิมพ์ ดิจิทัล และบรอดแคสต์ มั่นใจได้เลยว่า ความเป็นมืออาชีพของเรา จะส่งผ่านคอนเทนท์ที่มีคุณภาพ ไปยังผู้รับสื่อทุกที่ ทุกเวลา” นายสุทธิชัยกล่าว
ด้านนายธนะชัย สันติชัยกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป กล่าวเสริมถึง การขยายสู่ธุรกิจอื่นๆ ว่า หลังจากเครือเนชั่นเข้าบริหาร มหาวิทยาลัยเนชั่น ในปี 2554 ได้ขยายธุรกิจออกไปต่อเนื่อง โดยได้เปิดศูนย์การศึกษาที่กรุงเทพฯ ไปแล้ว และในปีการศึกษาหน้า คาดว่าศูนย์การศึกษาแห่งใหม่นี้ จะรับนักศึกษาไม่ต่ำกว่า 300 คน ซึ่งการประกาศแผนธุรกิจ 3-5 ปี โดยมุ่งเน้นธุรกิจการศึกษา ธุรกิจบรอดแคสต์ New Media เป็นจังหวะก้าวสำคัญในการเสริมโครงสร้างธุรกิจให้สอดรับกับทิศทางอุตสาหกรรม ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ ทีวี การศึกษา และ New Media การต่อขยายจุดแข็ง คือ ความแข็งแกร่งด้านเนื้อหาที่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจของเครือ
http://www.stockwave.in.th/hot-news/22505-2012-01-26-11-30-33.html

สุทธิชัย หยุ่น & ธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์

Thanachai  Theerapattanavong
Suthichai Yoon & Thanachai Theerapattanavong

นายธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ (Thanachai Theerapattanavong) ประธานเครือเนชั่น ประกาศลาออกเหตุปัญหาสุขภาพ บอร์ดมีมติตั้ง สุทธิชัย หยุ่น นั่งแทน มั่นใจไร้รอยสะดุด ด้วยความเข้มแข็งทางการเงิน และศักยภาพแข่งขันในอุตสาหกรรมสื่อ ธนาชัย เผยขายหุ้นเนชั่นบางส่วน ให้กลุ่มสุทธิชัย และพันธมิตร

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (NMG : Nation Multimedia Group) เมื่อ 5 มีนาคม 2555 มีมติรับทราบการลาออกจากตำแหน่งของประธานกรรมการ นายธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ เนื่องจากปัญหาสุขภาพ และมีมติแต่งตั้ง นายสุทธิชัย หยุ่น (Suthichai Yoon) ทำหน้าที่ ประธานกรรมการแทน การลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด ครั้งนี้ ได้รับการเปิดเผยจากนายธนาชัย ว่า สืบเนื่องจากปัญหาสุขภาพ จากหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท ซึ่งต้องทำกายภาพบำบัดต่อเนื่อง

‘สุทธิชัย’รับไม้ต่อ’ธนาชัย’นั่งประธานเครือเนชั่น

http://www.suthichaiyoon.com/detail/24289

สุทธิชัยรับไม้ต่อธนาชัย นั่งประธานเครือเนชั่น
http://daily.bangkokbiznews.com/detail/48543

สุทธิ ชัย หยุ่นนั่งประธานกรรมการเครือเนชั่น
http://news.voicetv.co.th/thailand/32929.html

หมอกลงจัด (fog)

ปรากฎการณ์อย่างหนึ่งของโลก คือ การมีหมอกลง (fog) หลังจากมนุษย์สร้างยานพาหนะที่เคลื่อนด้วยความเร็วสูง ก็พบว่าสาเหตุการเสียชีวิตในอันดับ 2 คืออุบัติเหตุทางรถยนต์ สถิติที่น่าตกใจคือช่วง 7 วันอันตราย ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งคือการเจ็บป่วย ผู้ขับขี่ที่ไม่ชำนาญทางเจอทัศนวิสัยแบบนี้ไม่ดีเลย ก็ต้องระวัง และระวังให้มาก สาเหตุการเสียชีวิตอันดับสามคือการทำร้ายตัวเองครับ

disaster from flood, cold, drought

จากข้อมูลเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2555 ใน thaiflood.com ประเทศไทยเผชิญภัยหลายรูปแบบเหลือเกิน
ทั้ง ภัยน้ำท่วม ภัยหนาว และภัยแล้ง
เมื่อแสดงข้อมูลทั้งหมด แล้วนับจากที่เห็น มีประมาณร้อยละ 20 เท่านั้น ที่รอดพ้นทุกข์ภัย

ถ้ามีใครกำหนดตัวบ่งชี้ความสำเร็จด้วยความอยู่ดีมีสุขของชุมชน ก็คาดได้ว่า ตก ไปเรียบร้อยแล้ว ในภาวะแบบนี้ คนทั้งประเทศคงต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน
ฝ่าฟันความจริงของชีวิต และความโหดร้ายของธรรมชาติ จนกว่าจะผ่านพ้นไป

คุณสมิธ ธรรมสโรช ทำนายเรื่องน้ำท่วมผิดไป 9 ปี

ปี 2553 คุณสมิธ ธรรมสโรช ทำนายว่าอีก 10 ปี น้ำอาจท่วมกรุงเทพฯ ผลคือทายผิดครับ เพราะหลังจากนั้น 1 ปี น้ำก็ท่วมกรุงเทพฯ แล้ว และมีคำถามที่คุณสมิธฝากไว้ในคลิ๊ปด้วยครับ

จากคลิ๊ป เมื่อวันที่ 5 ต.ค.53 ที่ อาคารรัฐสภา 2 ชั้น 3 ห้องรับรอง 1-2 คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ร่วมกับคลื่นข่าวเอฟเอ็ม 101 จัดสัมมนา ” กรุงเทพนครใต้น้ำ” เนื่องจาก กทม.เป็น1 ใน 21 เมืองชายฝั่งที่ได้รับการคาดการณ์ว่าจะมีประชากรสูงถึง8 ล้านคน ภายในปี 58 มีความเปราะบางสูงมากที่จะถูกน้ำท่วม จากผลวิจัยของสถาบันเวิลด์วอทช์

ข่าวยุบรวมมหาวิทยาลัยก็เพื่อคุณภาพ .. อีกแล้ว

ploy 11
ploy 11

8 ธ.ค.54 ยุบรวมมหา’ลัยผุด ‘ม.กาฬสินธุ์’ แห่งแรกระบุ สกอ.ไม่มีอำนาจ-จัดตามคำขอท้องถิ่น
“พินิติ” ยัน สกอ.ไม่มีอำนาจสั่งยุบรวมมหา’ลัย แต่จะดำเนินการตามคำร้องขอจากจังหวัด หรือท้องถิ่นที่เสนอเข้ามาขอยุบหรือหลอมรวม โดยทุกแห่งต้องผ่านกระบวนการตามแนวทางที่ ครม.ให้ความเห็นชอบ ระบุนอกจาก 6 จว.ยังไม่มีที่ใดขอมาเพิ่มเติม และในจำนวนนี้คาดว่า มหา’ลัยกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ จะตั้งขึ้นก่อนเพราะตรงตามคอนเซ็ปต์
รศ.ดร.พินิติ รตะนานุกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (รองเลขาธิการ กกอ.) กล่าวว่า ตามที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบหลักการร่างข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและแนวทางการจัดตั้ง มหาวิทยาลัยของรัฐโดยการยุบรวมสถาบันอุดมศึกษาตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นั้นว่า วัตถุประสงค์ของการ เสนอเรื่องดังกล่าวเพื่อสร้างความเข้มแข็งในการจัดการ ศึกษาของประเทศให้มีคุณภาพตอบสนองความต้องการท้องถิ่นและสังคม ซึ่งไม่ได้หมายความว่าสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จะไปมีอำนาจสั่งการยุบรวมมหาวิทยาลัยใดได้ เพียงแต่ที่ผ่านมา สกอ.ได้รับเรื่องร้องขอจากทางจังหวัดหรือท้องถิ่นเพื่อขอจัดตั้งมหาวิทยาลัย ใหม่ รวมถึงการขอยุบหรือหลอมรวมหน่วยงานสถานศึกษาเข้าด้วยกันซึ่งมีทั้งเสนอขอรวม มหาวิทยาลัยกับสถานศึกษาของอาชีวศึกษา หรือยุบรวมวิทยาเขตที่อ่อนแอเข้าด้วยกัน เป็นต้น
แต่เนื่องจากในหลักการไม่ต้องการให้มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยรัฐขึ้น ใหม่ เพราะจำนวนมหาวิทยาลัยที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้นเพียงพอต่อการรองรับนักศึกษา ได้ อีกทั้งนโยบายของรัฐบาลสนับสนุนให้เพิ่มสัดส่วนผู้เรียนในสายอาชีวศึกษา เพิ่มขึ้น ที่สำคัญในอนาคตจำนวนประชากรจะมีจำนวนลดลง เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องลงทุนเพื่อสร้างมหาวิทยาลัยใหม่ แต่ควรใช้วิธีการหลอมรวมหรือยุบรวมมากกว่า ดังนั้น คณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) จึงได้ตั้งคณะทำงานศึกษาหลักเกณฑ์และกำหนดหลักเกณฑ์ซึ่งขณะนี้เมื่อหลัก เกณฑ์เรียบร้อยตามขั้นตอนจึงต้องเสนอให้ที่ประชุม ครม.มีมติรับรองเพื่อใช้เป็นแนวปฏิบัติต่อไป
รศ.ดร.พินิติกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม การจะพิจารณายุบรวมมหาวิทยาลัยใดนั้นจะต้องพิจารณาจากองค์ประกอบต่างๆ ทั้งการศึกษาความเป็นไปได้ในการหลอมรวม ยุบรวม ที่สำคัญต้องได้สถาบันนั้นต้องยินยอมที่จะรวมด้วยเพราะในบางครั้งผู้เสนอขอ รวมอาจจะไม่ใช้สถาบันการศึกษาเองแต่เป็นนักการเมือง ชุมชน เป็นต้น ขณะเดียวกันต้องมีการวางแผนบริหารจัดการทั้งระบบ มีการวางแผนเพื่อพัฒนากำลังในท้องถิ่นเพื่อไม่ให้เกิดการแรงงานย้ายถิ่น ที่สำคัญต้องมีการร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน อุตสาหกรรมในชุมชนในการพัฒนามหาวิทยาลัยด้วยเพื่อให้มหาวิทยาลัยมีงบประมาณ ส่วนอื่น ๆ มาสนับสนุนนอกเหนือจากที่ได้รับจากรัฐ
“ขณะนี้มีเพียง 6 จังหวัด คือ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ตาก กาฬสินธุ์ ระยอง และกระบี่ ที่เสนอเรื่องเพื่อขอยุบรวม ซึ่งทั้งหมดนี้ยังไม่ได้หมายความจะยุบรวมได้เลยในขณะนี้ยังต้องผ่านขั้นตอน ตามองค์ประกอบที่ระบุไว้ ซึ่งผมคิดว่าจังหวัดที่มีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการได้ก่อน คือ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ เพราะเป็นการยุบรวมมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ ซึ่งเมื่อยุบรวมแล้วไม่เป็นการเพิ่มจำนวนมหาวิทยาลัย อีกทั้งได้มีการประชุมร่วมกันและได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองท้องถิ่น เป็นอย่างดี และคาดว่านางบุญรื่น ศรีธเรศ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.จะเร่งเสนอร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ เข้าสู่การพิจารณาโดยเร็ว”
http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9540000156376

6 ธ.ค.54 มติครม. เห็นชอบยุบรวมมหาวิทยาลัยรัฐ-เชื่ออีก 30 ปีคนเรียนน้อยลง
วันที่ 6 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว “ข่าวสด” รายงานว่า นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบหลักการข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และแนวทางการจัดตั้งมหาวิทยาลัยของรัฐด้วยการยุบรวมสถาบันอุดมศึกษาตามแนว ทางกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยคาดการณ์ว่าจากนี้ไป 30 ปี จำนวนผู้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐจะลดน้อยลง ฉะนั้นหัวใจจึงไม่ได้อยู่ที่การเปิดสถาบันการศึกษาหรือจัดตั้งมหาวิทยาลัย แต่อยู่ที่ประสิทธิภาพของการเรียนการสอนมากกว่า ดังนั้นจึงเตรียมเสนอให้ยุบรวมสถาบันอุดมศึกษา และเนื่องจากศธ. โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้รับมอบหมายให้พิจารณาข้อเสนอจัดตั้งมหาวิทยาลัยของรัฐโดยการหลอมรวม ทั้งจากจังหวัด และนักการเมือง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการศึกษาระดับอุดมศึกษาของประเทศ ให้มีคุณภาพมีประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อความต้องการของท้องถิ่น และสังคมอย่างแท้จริง
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า หากจังหวัดหนึ่งมีสถาบันการศึกษาหลายแห่งกระจัดกระจายอยู่ ก็จะยุบรวมเป็นหนึ่งแห่ง เช่น
1.การจัดตั้งมหาวิทยาลัยที่จ.ชุมพร เสนอโดยจ.ชุมพร โดยยุบรวม ม.แม่โจ้ วิทยาเขตชุมพร กับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) วิทยาเขตชุมพร เข้าด้วยกันเป็น 1 มหาวิทยาลัย
2.การจัดตั้งมหาวิทยาลัยภาคใต้ตอนบน ที่จ.สุราษฎร์ธานี เสนอโดย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นการยุบรวมม.ราชภัฏ (มรภ.) สุราษฎร์ธานี กับม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี เมื่อยุบรวมแล้วไม่เพิ่มจำนวนมหาวิทยาลัย
3.การจัดตั้ง ม.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เสนอโดย จ.ตาก เป็นการยุบรวม ม.เทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ล้านนา วิทยาเขตตาก กับมรภ.กำแพงเพชร ศูนย์อุดมศึกษาแม่สอด ซึ่งในปัจจุบันได้มีการขอเปลี่ยนเป็นการยกฐานะของมรภ.ล้านนา วิทยาเขตตาก ขึ้นเป็นมหาวิทยาลัย เมื่อจัดตั้งแล้วจะเกิดมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้น 1 แห่ง
รองโฆษกฯ กล่าวอีกว่า 4.การจัดตั้ง ม.กาฬสินธุ์ เสนอโดย จ.กาฬสินธุ์ เป็นการยุบรวม มรภ.กาฬสินธุ์ กับ มทร.อีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ เมื่อยุบรวมแล้วจะไม่เพิ่มจำนวนมหาวิทยาลัย 5.การจัดตั้ง ม.ระยอง เสนอโดยจ.ระยอง โดยยุบรวม ม.เทคนิคบ้านค่าย และวิทยาลัยเทคนิคมาบตาพุด เข้าด้วยกันเป็น 1 มหาวิทยาลัย ซึ่งปัจจุบันรูปแบบการจัดตั้งเปลี่ยนเป็นการจัดตั้งวิทยาเขตของมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) 6.การจัดตั้งมหาวิทยาลัยของฝั่งทะเลอันดามัน เสนอโดย จ.กระบี่ เป็นการหลอมรวม ม.เกษตรศาสตร์ (มก.) ศูนย์วิทยบริการกระบี่ กับสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตกระบี่ และวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกระบี่ ซึ่งปัจจุบันขอจัดตั้งมหาวิทยาลัยของฝั่งทะเลอันดามัน โดยไม่ใช้รูปแบบการหลอมรวม ยุบรวม อย่างไรก็ตาม การจัดตั้งจะทำให้เกิดมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้น 1 แห่ง
“วัตถุประสงค์ ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ เมื่อร่างนโยบายประกาศใช้ ศธ. จะได้ใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาการขอจัดตั้งมหาวิทยาลัยของรัฐใหม่ต่อไป” นายอนุสรณ์ กล่าว
ต่อมาเวลา 18.30 น. นายพินิติ รตะนานุกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ให้สัมภาษณ์ว่า แนวทางการยุบรวมดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ไม่ใช่ผู้สั่งยุบรวม แต่มหาวิทยาลัยเป็นผู้เสนอเอง โดยทำเรื่องมาที่สกอ. จากนั้นสกอ. จึงตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อทำหลักเกณฑ์การยุบรวมดังกล่าว ทั้งนี้เพราะหลักเกณฑ์การตั้งมหาวิทยาลัยใหม่ ได้เปิดให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ที่มีวิทยาเขตอ่อนแอในจังหวัดนั้นๆ ได้รวมกันเป็น 1 มหาวิทยาลัย ฉะนั้นถ้าจะยุบรวมได้นั้น ต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ อาทิ การศึกษาความเป็นไปได้ ความพร้อมของหลักสูตรที่จะไปเปิดใหม่ หรือหลักสูตรต้องสอดคล้องกับตลาดแรงงานในภูมิภาคท้องถิ่น เป็นต้น
“อย่างกรณีการยุบรวม ม.แม่โจ้ วิทยาเขตชุมพร กับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) วิทยาเขตชุมพร เข้าด้วยกันเป็น 1 มหาวิทยาลัยก็เป็นข้อเสนอของมหาวิทยาลัยเอง ซึ่งสกอ. ต้องศึกษาก่อนว่าจะเกิดผลดีผลเสียอย่างไร และก็ทำประชาพิจารณ์ต่อด้วย ส่วนประเด็นยุบรวมเพราะมหาวิทยาลัยไปเปิดศูนย์นอกที่ตั้งโดยไม่มีคุณภาพถือ เป็นคนละเรื่องกัน เพราะศูนย์นอกที่ตั้งหากไม่มีคุณภาพก็ต้องปิดตัวไป หรือหากตรวจสอบว่าไม่มีคุณภาพก็สั่งยุบได้”  รองเลขาธิการ กกอ. กล่าว
http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K11426487/K11426487.html
http://nationunews.blogspot.com/2011/12/blog-post.html

6 ธ.ค.54 ครม.ยุบรวม 6 มหา’ลัย 7 จว. อ้างอีก 30ปีคนวัยเรียนลด เข้าเรียนน้อยลง คาดเพิ่มคุณภาพ-สนองท้องถิ่น จี้ห้ามขอเปิดมหา’ลัยเพิ่มอีก
โดย เหมือนแพร ศรีสุวรรณ ศูนย์ข่าว TCIJ
ครม.สั่งยุบรวมมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ นำร่อง 6 แห่ง ใน 7 จังหวัด ‘ชุมพร-สุราษฎร์ฯ-ตาก-ระยอง-กระบี่-กาฬสินธุ์’ อ้างอีก 30 ปีข้างหน้าจำนวนประชากรลดลง คาดคนเรียนมหาวิทยาลัยรัฐน้อยลง และเพิ่มความเข้มแข็งให้สถาบันอุดมศึกษา ให้มีคุณภาพ-ประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของท้องถิ่น
เวลา 13.30 น. วันที่ 6 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอต่อที่ประชุมครม. เพื่อพิจารณาเห็นชอบร่างข้อเสนอเชิงนโยบายและแนวทางการจัดตั้งมหาวิทยาลัย ของรัฐ โดยการหลอมรวม ยุบรวม สถาบันอุดมศึกษา ซึ่งครม. มีมติเห็นชอบอนุมัติให้ดำเนินการ
นายอนุสรณ์กล่าวว่า ตามที่กระทรวงศึกษาธิการประชุมครั้งที่ 3 /2554มีการประเมินลักษณะประชากรไทยในอนาคต ตั้งแต่ พ.ศ.2548 อีก 30 ปีข้างหน้า พ.ศ.2578  พบว่า ประชากรไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆจนอิ่มตัวแล้วลดลง ทำให้ภาวะการเจริญพันธุ์ลดต่ำลง คนไทยมีชีวิตยืนยาวขึ้น ทำให้จำนวนผู้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยของรัฐลดน้อยลง จึงมีการเตรียมการให้มีการหลวมรวม ยุบรวมสถาบันการศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางสถาบันอุดมศึกษาของประเทศให้มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ  และตอบสนองความต้องการของท้องถิ่นอย่างแท้จริง
นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า ความหมายของการยุบรวม หลอมรวมสถาบันการศึกษาหมายความว่า ในพื้นที่หนึ่งๆ หรือจังหวัดหนึ่งๆ จะมีสถาบันการศึกษาหลายแห่งกระจัดกระจายกันอยู่ จึงยึดรวมเพียงหนึ่งแห่ง  ตัวอย่างการยึดรวม หรือหลอมรวมสถาบันการศึกษา เช่น การจัดตั้งมหาวิทยาลัยที่จ.ชุมพร เป็นการยึดรวมระหว่างมหาวิทยาลัยแม่โจ้ วิทยาเขตชุมพร รวมกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพร  เมื่อยุบรวมกันแล้วจะเกิดมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้น  1 แห่ง หรือการจัดตั้งมหาวิทยาลัยภาคใต้ตอนบน ที่จ.สุราษฎร์ธานี  เสนอโดยจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นการยุบรวมระหว่าง มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี กับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี
ทั้งนี้การยุบรวมหรือหลอมรวม  เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพ  ประสิทธิภาพการเรียนการสอน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ข้อสังเกตว่า ในกรณีที่บางจังหวัดไม่ได้มีสถาบันการศึกษาหลายๆแห่ง แต่กลับยุบรวมกันหรือหลอมรวมกัน  คือ ไม่เคยมีมาก่อน แต่กลับจัดตั้งใหม่  ทางรัฐบาลจะตั้งข้อสังเกตเป็นพิเศษ
นายอนุสรณ์กล่าวว่า นอกจากนี้มหาวิทยาลัยชั้นนำที่เปิดเป็นวิทยาเขต ก็ต้องไปสอบถามว่าจะหลอมรวมด้วยหรือไม่  ถ้าทางจังหวัดเห็นด้วย ส.ส.หรือภาคีเครือข่ายภาคประชาชนเห็นด้วย ก็สามารถดำเนินการได้ แต่ต้องเป็นการยุบรวม  ความหมายคือ การยุบสองที่ให้เหลือที่เดียวให้เกิดความเข้มแข็ง แต่ไม่ได้หมายถึงการยุบตึกมารวมกัน อาจจะมีการจัดการเรียนการสอนที่ผนวกกัน ส่วนชื่อของมหาวิทยาลัยก็อาจให้ทั้งสองสถาบันไปตกลงกัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะไม่มีใครยอมกัน ในกรณีนี้อาจจะตั้งชื่อขึ้นมาใหม่ก็ได้ แต่ต้องเป็นการยุบรวม ไม่ใช่การฉกฉวยจังหวะแอบมั่วไปเปิดสถานศึกษาใหม่
รายงานข่าวจากที่ประชุมครม.ระบุว่า นายชุมพล ศิลปะอาชา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา  ให้ความเห็นด้วยต่อที่ประชุมครม.ว่าเห็นด้วยกับหลักการนี้  เพราะเนื่องจากปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยห้องแถวเปิดขึ้นใหม่จำนวนมาก บางสถาบันการศึกษาเปิดขึ้นบริเวณใต้ทางด่วนก็มี และอีก 30 ปีข้างหน้ามหาวิทยาลัยก็จะไม่มีคุณภาพ ซึ่งอนาคตจะทำให้คนที่จบออกมาจากมหาวิทยาลัยเหล่านั้นไม่มีคุณภาพด้วยเช่น กัน  พร้อมกันนี้ขอเสนอต่อที่ประชุมระบุว่า “ครม.จะไม่พิจารณาอนุมัติการจัดตั้งมหาวิทยาลัยใหม่โดยเด็ดขาด”
ขณะที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี โต้แย้งว่า ไม่ควรจะใช้คำว่า  “โดยเด็ดขาด” เนื่องจากเป็นคำที่มีความหมายในทางลบ  ทั้งนี้นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ความเห็นว่า การจะใช้คำว่า “โดยเด็ดขาด”ไม่ได้ เพราะจะขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 80  บัญญัติว่า “รัฐต้องดำเนินการตามแนวนโยบายด้านสังคม การสาธารณสุข การศึกษา และวัฒนธรรม…”  ทั้งนี้ให้เป็นไปตามพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา  21 ,มาตรา 34 วรรคสาม, มาตรา 35 วรรคหนึ่ง และมาตรา 36  ซึ่งข้อสรุปในประเด็นนี้ คือ ถ้าจะมีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นมาใหม่รัฐบาลจะพิจารณาโดยละเอียดเป็นกรณี พิเศษ
สำหรับมหาวิทยาลัย 6 แห่ง ใน 7 จังหวัดที่จะมีการยุบรวมกันคือ
1.การจัดตั้งมหาวิทยาลัยที่จ.ชุมพร  เป็นการยุบรวมมหาวิทยาลัยแม่โจ้ วิทยาเขตชุมพร กับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพร เมื่อยุบรวมแล้วเกิดมหาวิทยาลัย 1 แห่ง
2.การจัดตั้งมหาวิทยาลัยภาคใต้ตอนบน จ.สุราษฎร์ธานี เสนอโดยจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นการยุบรวมมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี กับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี  เมื่อยุบรวมแล้วไม่เพิ่มจำนวนมหาวิทยาลัย
3.การจัดตั้งมหาวิทยาลัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เสนอโดยจังหวัดตาก เป็นการยุบรวมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตตาก กับมหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร ศูนย์อุดมศึกษาแม่สอด (ปัจจุบันยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา) เมื่อยุบรวมแล้วจะเกิดมหาวิทยาลัย 1 แห่ง
4.การจัดตั้งมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ เสนอโดย จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นการยุบรวมระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ เมื่อยุบรวมแล้วจะไม่เพิ่มจำนวนมหาวิทยาลัย
5.การจัดตั้งมหาวิทยาลัยระยอง เสนอโดยจังหวัดระยอง เป็นการยุบรวมมหาวิทยาลัยเทคนิคบ้านค่าย และวิทยาลัยเทคนิคมาบตาพุด เมื่อยุบรวมแล้วจะเกิดมหาวิทยาลัยอีก 1 แห่ง  ซึ่งปัจจุบันแปรรูปเป็นการจัดตั้งวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระ จอมเกล้าพระนครเหนือ
6.การจัดตั้งมหาวิทยาลัยของฝั่งทะเลอันดามัน เสนอโดยจังหวัดกระบี่ เป็นการหลอมรวมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิทยบริการกระบี่ กับสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตกระบี่  และวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกระบี่  (ปัจจุบันขอจัดตั้งเป็นมหาวิทยาลัยของฝั่งทะเลอันดามัน ไม่ใช่รูปแบบหลอมรวม ยุบรวม แต่เป็นการจัดตั้งทำให้เกิดมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง
สำหรับสาระสำคัญของร่างข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และแนวทางการจัดตั้งมหาวิทยาลัยของรัฐโดยการหลอมรวม ยุบรวม สถาบันอุดมศึกษา คือ จากการรายงานของกระทรวงศึกษาธิการพบว่า การขยายตัวด้านจำนวนของสถาบันการอุดมศึกษาทำให้เกิดปัญหาการไร้ทิศทาง ความซ้ำซ้อน การขาดคุณภาพ การขาดประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดการกระจายตัวของสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งรวมถึงวิทยาเขตที่เป็นทางการของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ สถาบันอุดมศึกษาของเอกชน และสถาบันอุดมศึกษาที่สังกัดกระทรวงอื่นๆ เช่น สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม) สถาบันการพลศึกษา (สังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  วิทยาลัยพยาบาลและวิทยาลัยการสาธารณสุข (สังกัดกระทรวงสาธารณสุข) วิทยาการทหาร (สังกัดกระทรวงกลาโหม) เป็นต้น ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 303 แห่ง อยู่ทั่วทุกภูมิภาคในประเทศ
ทั้งนี้คณะอนุกรรมการการจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และแนวทางการจัดตั้งมหาวิทยาลัยโดยการหลอมรวม ยุบรวมและยกเลิกสถาบันการอุดมศึกษา  ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานที่จัดตั้ง 4 แห่ง ประกอบด้วย 1.การจัดตั้งมหาวิทยาลัยฝั่งอันดามัน จ.กระบี่ 2.การจัดตั้งมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ 3.การจัดตั้งมหาวิทยาลัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จ.ตาก  และ 4.การจัดตั้งมหาวิทยาลัยระยอง จ.ระยอง  พร้อมทั้งศึกษาแนวโน้มที่เกี่ยวข้อง อาทิ แนวโน้มจำนวนประชากร จำนวนนักเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษานอกระบบ อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา อีกทั้งข้อมูลด้านความต้องการแรงงาน
ซึ่งมีข้อสรุปว่า “โดยหลักการไม่ควรมีการจัดตั้ง มหาวิทยาลัยของรัฐใหม่ เนื่องจากสถาบันการอุดมศึกษาของรัฐ ที่มีอยู่สามารถรองรับนักศึกษาได้ในปัจจุบัน ประกอบกันแนวโน้มในอนาคตนักศึกษาจะลดลง แต่ควรใช้วิธีการหลอมรวม ยุบรวมสถาบันอุดมศึกษา และรัฐควรสนับสนุนการสร้างความเข้มแข็งให้กับมหาวิทยาลัยที่มีอยู่แล้วโดย เฉพาะมหาวิทยาลัยใหม่ และวิทยาเขตต่างๆเพื่อให้เป็นสถาบันที่มีคุณภาพ มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการทั้งการบริหารทั่วไปและการบริหารวิชาการ”
ทั้งนี้จากการศึกษาของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ประชากรไทยในอนาคตเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ จนอิ่มตัวแล้วลดลง ซึ่งเป็นผลเนื่องจากภาวะเจริญพันธุ์ที่ลดต่ำลงและคนไทยมีชีวิตยืนยาวขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้โครงสร้างอายุของประชากรเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด เด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปีในช่วงปี พ.ศ.2548-2578ลดลงถึง 14 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 23 ของจำนวนประชากรทั้งหมด  เหลือ 9 ล้านคนเศษ คิดเป็นร้อยละ 14  ส่วนวัยแรงงาน อายุ 15-59 ปี จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 41 ล้านคน เป็น 43 ล้านคน จากนั้นจะเหลือ 38 ล้านคนในปี 2578 ซึ่งประชากรวัยเด็ก(วัยเรียน) จะลดลงอย่างต่อเนื่อง (อายุ 6-21 ปี) ลดลงจาก 16 ล้านคนในปี 2548 เหลือเพียง 11 ล้านในปี 2578
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลรายงานประจำปีของการศึกษาขั้นพื้นฐานตั้งแต่ระดับ ก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในช่วงปี  2546-2552 ปริมาณนักเรียนลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี  2547 เป็นต้นมาซึ่งส่งผลต่อระดับการศึกษาระดับอุดมศึกษา ส่วนนักเรียนระดับอาชีวะศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา ระดับ ปวช.มีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ปี 2551
หากพิจารณาข้อมูลในอดีตจะพบว่า รัฐบาลได้จัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาโดยหลอมรวมสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่จังหวัด เดียวกัน 2 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์  มาจากการหลอมรวมวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จ.นราธิวาสและวิทยาลัยการอาชีพตากใบ อีกแห่งคือ มหาวิทยาลัยนครพนม มาจากการหลอมรวมมหาวิทยาลัยราชภัฏนครพนม กับวิทยาเขตนครพนมของ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งทั้ง 2 แห่งนี้แม้จะมีความก้าวหน้าแต่ก็ประสบปัญหาด้านการบริหารและงานด้านบุคลากร เนื่องจากเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่อยู่ต่างสังกัดและต่างกระทรวงทำให้ไม่ สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
http://www.tcijthai.com/investigative-story/1043

แผ่นดินไหวที่ลำปาง พฤศจิกายน 2554

earthquake
earthquake

แผ่นดินไหวลำปางเกิดจากแผ่นโลกขยับตัว
27 พ.ย.54 นายสมบูรณ์ โฆษิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 ลำปาง เปิดเผยว่า ในเดือนพฤศจิกายน 2554 นี้ พื้นที่ภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย เกิดแผ่นดินไหวถึง 3 ครั้ง แล้ว จุดศูนย์กลางอยู่ใน อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ขนาด 3.7 ริกเตอร์ และที่ อ.แม่มาะ จ.ลำปาง ที่ผ่านมา ขนาด 3.0 ริกเตอร์ และไหวซ้ำอีกหรืออาฟเตอร์ช็อก 2.5 ริกเตอร์ สำหรับการเกิดแผ่นดินไหวดังกล่าวนั้น ตนเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี ที่แผ่นดิน ได้ทยอยระบายพลังออกมาบ้าง จะได้ไม่เก็บพลังไว้มาก และไหวครั้งเดียว ในระดับที่รุนแรงกว่า 5 ริกเตอร์
ทั้งนี้ สาเหตุที่เกิดแผ่นดินไหวในพื้นที่ อ.แม่เมาะ นั้น เนื่องจากแผ่นดินโลกเกิดการขยับตัว จึงทำให้เกิดแผ่นดินไหวในต่างประเทศ จนทำให้แผ่นดินเกิดกระเพื่อม ต่อมายังประเทศไทย และไม่เกี่ยวกับกรณีที่ ภูเขาไฟที่มีอยู่ในพื้นที่ เพราะภูเขาไฟนั้น ได้ดับสนิทหมดแล้ว ไม่มีโอกาสที่จะกลับมาปะทุได้อีก หรือทำให้เกิดแผ่นดินไหว ซึ่งแผ่นดินไหวครั้งนี้ มาจากเปลือกโลกที่เกิดการขยับตัว
http://news.mthai.com/general-news/142974.html
http://www.cmmet.tmd.go.th/station/lpg/

กฟผ.ยันแผ่นดินไหวลำปาง 2 ครั้งไม่กระทบโครงสร้างเขื่อน
นายธาตรี ริ้วเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์การ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวทางภาคเหนือของประเทศไทย 2 ครั้งเมื่อวันที่ 27 พ.ย.นั้น กฟผ.ได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่าแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นมีขนาดเล็กมาก จึงไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของเขื่อนขนาดใหญ่ รวมทั้งโรงไฟฟ้าแม่เมาะและบริเวณบ่อเหมืองแม่เมาะแต่อย่างใด ” กฟผ.มิได้นิ่งนอนใจ ได้มีการตรวจสอบความมั่นคงของเขื่อนอย่างใกล้ชิด รวมทั้งได้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้”นายธาตรี กล่าว
ทั้งนี้เมื่อเวลา 22.02 น.วานนี้ ได้เกิดแผ่นดินไหวตรวจวัดขนาดแรงสั่นสะเทือน ขนาด 3.0 ริกเตอร์ และเวลา 23.42 น. ขนาด 2.5 ริกเตอร์ โดยมีศูนย์กลางอยู่ในบริเวณ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ห่างจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่จางไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 15 กม. และมีระยะห่างจากเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ประมาณ 143 กม. และ 115 กม. ตามลำดับ
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=95028&catid=176&Itemid=524

คำพยากรณ์
http://www.paipibut.org/view.php?dataid=6371