Avon ปลดพนักงาน 600 ตำแหน่ง หลังขาดทุนหนัก

avon
avon

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2557 เว็บไซต์อินเทอร์เนชันแนล บิซิเนส ไทม์ส รายงานว่า บริษัทผู้ผลิตเครื่องสำอางเอวอน (Avon) ประกาศปลดพนักงาน 600 ตำแหน่ง รวมทั้งในภูมิภาคอเมริกาเหนือ หลังจากบริษัทต้องต่อสู้กับภาวะขาดทุนในช่วงที่ผ่านมา โดยเอวอนต้องขาดทุน 5 ใน 6 ไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งมาตรการนี้คาดว่าจะทำให้เอวอนสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ราว 50-55 ล้านดอลลาร์ (1,500-1,650 ล้านบาท)

รายงานระบุว่า เอวอน ต้องขาดทุนในตลาดเครื่องสำอางสำคัญของโลก ตั้งแต่รัสเซีย ลาตินอเมริกา และสหรัฐ โดยการขาดทุนของเอวอนเพิ่มขึ้นเป็นมูลค่ากว่า 168 ล้านดอลลาร์ หรือขาดทุน 38 เซนต์ต่อหุ้น โดยในช่วงไตรมาสแรกยอดขายของเอวอนในตลาดอเมริกาเหนือได้ตกลง 22 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเอวอนต้องเผชิญกับสินค้าเครื่องสำอางคู่แข่งที่มีราคาถูกกว่าตามดรักสโตร์ และร้านขายเครื่องสำอางต่าง ๆ

ทั้งนี้ เอวอน เป็นบริษัทเครื่องสำอางใหญ่อันดับ 5 ของโลก และเป็นบริษัทขายตรงที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยจำนวนตัวแทนทั่วโลกกว่า 6.5 ล้านคนในปี 2556 แต่นับตั้งแต่ปี 2549-2554 เอวอนมีผลกำไรติดลบถึง 2 ปี คือ ปี 2552 ติดลบ 24.9% และปี 2554 ติดลบ 20.4%

————–

เอมี่ น้ำเพชร รองมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 ภาพหลุดสุดหวิว

เอมี่ น้ำเพชร สุณัณณิการ์ รองมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 อันดับ 2 ถูกมือดีขุดภาพหวิวแฉ ชี้ไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง

วันที่ 12 มิถุนายน 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 ฉาวซ้ำอีกครั้ง หลังมีบุคคลนิรนามเปิดบัญชีอินสตาแกรมชื่อ amikan_amy พร้อมกับนำภาพถ่ายสาวหน้าคล้ายกับ เอมี่ น้ำเพชร สุณัณณิการ์ กฤษณสุวรรณ เจ้าของมงกุฎรองชนะเลิศอันดับ 2 ของเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 มาโพสต์เผยแพร่อย่างกว้างขวาง

นอกจากนี้ ผู้โพสต์ยังตั้งคำถามว่า ผู้หญิงที่เคยมีพฤติกรรมหรือถ่ายภาพแบบไม่เหมาะสมเช่นนี้มาก่อน สมควรได้รับรางวัลจากเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์หรือไม่ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้มีผู้ติดตามอินสตาแกรมนี้แล้วเกือบ 20,000 คนเลยทีเดียว

———–

ขอบคุณข้อมูลจาก http://women.kapook.com/view90657.html

ระเบิดสนามฟุตบอลไนจีเรีย

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

บึ้ม! แฟนบอลดับคาสนาม 40 รายทางเหนือของไนจีเรีย (ไอเอ็นเอ็น)

เกิดเหตุระเบิดที่สนามฟุตบอลในเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไนจีเรีย มีผู้เสียชีวิต 40 ราย

วันที่ 2 มิถุนายน 2557 สื่อต่างประเทศ รายงานว่า เกิดเหตุระเบิดที่สนามกีฬาในเมืองมูบิ รัฐแอดามาวาทางตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย มีผู้เสียชีวิต 40 คน โดยเหตุเกิดขณะที่แฟนบอลกำลังทยอยเดินออกจากสนามฟุตบอล

ด้านเจ้าหน้าที่ระบุว่า เป้าหมายการโจมตีครั้งนี้มุ่งเป้าที่แฟนบอล แต่ยังไม่ทราบแน่ว่ามีนักฟุตบอลเสียชีวิตหรือไม่ ทั้งยังระบุอีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง หลังกลุ่มก่อการร้ายโบโกฮาราม ส่งจดหมายขู่จะโจมตีมหาวิทยาลัยในเมืองดังกล่าว ล่าสุด ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น

ข้อมูลจาก http://hilight.kapook.com/view/103109

รักคือการให้ ในวันแห่งความรัก

i love you
i love you

ข่าวหวานอมขบกลืน
รักคือการให้ ในวันแห่งความรัก

เขาว่า ความรักคือการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
เมื่อเช้าคุณสรยุทธ ฉายคลิ๊ป
ชายหนุ่มกับหญิงสาวเดินกางร่มกันมา
กลางสายฝน ดูน่ารัก น่าเอ็นดู
ผู้หญิงให้อะไรกับฝ่ายชายไว้เยอะ โดยเฉพาะความไว้ใจ

แล้วเกิดเหตุไม่คาดฝัน
หญิงสาวตกท่อ แล้วชายหนุ่มก็ถีบซ้ำ
แล้วหาฝาท่อมาปิดทับหลายชั้น

สุดท้าย แฟนสาวรอดชีวิต
หลังอยู่ในท่อกว่า 60 ชั่วโมง

เพราะแฟนสาวให้แฟนหนุ่มยืมตัง
แฟนหนุ่มไม่มีจ่าย จึงคิดฆ่าล้างหนี้
.. คุณสรยุทธ เลือกคลิ๊ปมาได้ตรงกับวัน valentine เลยครับ
.. ชายหนุ่ม ยึดหลัก ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย แน่เลย

valentine cake
valentine cake

ครอบครัวข่าวเช้า
http://ch3.sanook.com/11834/

เผยภาพวงจรปิดชายหนุ่มผลักแฟนตกท่อ
ชายคนหนึ่งพยายามฆ่าแฟนสาวของตน
ด้วยการผลักให้ตกท่อระบายน้ำลึก 1.7 เมตรในมณฑลไห่หนาน
โชคดีที่เธอรอดชีวิต หลังจากติดอยู่ในท่อนานกว่า 60 ชั่วโมง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นชายคนหนึ่ง
พยายามทำหลุมพรางบนท่อระบายน้ำ ต่อมาเขาก็พาแฟนสาว
วิ่งฝ่าสายฝนเหมือนคู่รักธรรมดาทั่วไป แต่พอทั้งคู่วิ่งมาถึงบริเวณท่อระบายน้ำ
แฟนสาวของเขา สะดุดเกือบตกท่อ เธอพยายามลุกขึ้น แต่ถูกฝ่ายชายผลักลงท่อระบายน้ำ
จากนั้นก็นำฝาท่อมาปิด กระทืบให้แน่นและใช้ไม้กระดานปิดทับอีกชั้น ก่อนจะหนีไป
หญิงสาวรายนี้ ได้รับการช่วยเหลือขึ้นมาในอีก 2 วันต่อมา ในสภาพตัวซีด และบวม
เนื่องจากแช่น้ำเป็นเวลานาน เธอเล่าว่า รู้จักคบหากับผู้ชายคนนี้
และได้ให้เขายืมเงินเธอ 1 แสนหยวน ต่อมาพยายามจะทวงเงิน
แต่ก็ถูกฝ่ายชายบ่ายเบี่ยงมาตลอด จนกระทั่งวันที่เกิดเหตุฝ่ายชาย
ได้นัดเธอมาที่นี่เพื่อให้มารับเงิน
ตอนนี้ตำรวจจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว และตั้งข้อหาพยายามฆ่า
โดยเขายอมรับสารภาพว่าพยายามจะฆ่าแฟนตัวเองเพื่อล้างหนี้พนัน

คุณหมอโพสต์ Pantip ตั้งกระทู้ถาม หมอนิ่ม … ลองอ่าน และวิเคราะห์ กัน

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

ลองอ่านและวิเคราะห์กันดูนะค่ะ…

คุณบอกว่า “จากการที่ถามคุณแม่แล้ว คือตอนนั้นเนี่ย ดิชั้นอยู่ในห้อง ในรพ.น่ะค่ะ ดิชั้นแท้งลูก ดิชั้นได้ยาสลบ ดิชั้นได้ยานอนหลับอยู่หลายวัน ดิชั้นทราบแต่ว่ามีคนมา แต่ดิชั้นจำเหตุการณ์ใดๆไม่ได้เลย เป็นเวลา 1 อาทิตย์เต็มๆ”

ผมในฐานะหมอ ตั้งคำถามคุณดังนี้เลยนะ

1. คุณแท้ง ถ้าคุณแท้งจริง แสดงว่าคุณอาจได้รับการขูดมดลูก ทำคลอดเด็กที่แท้ง นำชิ้นสิ้นส่วนรกหรือที่คลอดออกไม่หมดออก คุณอาจได้รับยาสลบจริง ซึ่งอาจได้รับการดมยาสลบ หรือได้แค่ยาระงับปวดกับยานำสลบ ซึ่งตอนนั้น สติสัมปัสชัญญะคุณจะลดลง อาจหลับไปเลยได้ โอเค ใช่ แต่หลังจากทำหัตถการเสร็จ คุณจะต้องตื่น ละแน่นอน ต้องตื่นแน่ เพราะถ้าไม่ตื่นไม่ได้ออกจากห้องผ่าตัดหรือห้องทำคลอดหรอก

หลังจากนั้น คุณจะอยู่ในห้องพักฟื้น (Recovery Room R.R) ระยะหนึ่ง ก่อนย้ายเข้าห้องพิเศษ ซึ่งในห้องพักฟื้นนี้ห้ามญาติเยี่ยม แต่จะมีจนท.พยาบาล หรือหมอดมยา ดูแลคุณอยู่ช่วงนี้ คุณจะตื่นแล้ว และจะสลึมสลือได้ แต่แน่นอน คุณแหม่มผู้ต้องหา ไม่ได้มาหาคุณที่ห้องพักฟื้นนี้ เพราะเขาห้ามคนนอกเข้า

ดังนั้นความเป็นไปได้มากที่สุด ที่คนนอกจะเข้ามาหาคุณได้ ในห้องมีทั้งแม่ ทั้งคุณ ทั้งคุณแหม่ม คุยธุระกันได้ มันต้องเป็นห้องส่วนตัว เช่นห้องพิเศษ ไม่ใช่ห้องพักฟื้นนี้

2. ดังนั้น ถ้าจะคุยกันเรื่องจะฆ่าจะแกงใคร มันก็ต้องคุยแบบลับๆ ไม่ใช่ในห้องพักฟื้นที่มีทั้ง จนท. พยาบาล หมอ พนักงานเปลอยู่แน่ๆ ทีนี้การที่คุณจะถูกย้ายกลับเข้าห้องพิเศษ หมอและพยาบาล จะมีการทดสอบระดับสติ การรับรู้ การรู้ตัวของคุณก่อน ว่าต้องมากพอช่วยเหลือตัวเองได้ระดับหนึ่ง จึงจะย้ายเข้าห้องพิเศษเดี่ยวได้ ไม่มีทางย้ายเอาคนไข้ไม่รู้ตัว จำอะไรไม่ได้ สลึมสลือ กลับไปนอนเสี่ยงๆในห้องพิเศษอย่างงั้นแน่ เพราะมันอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ขโมยมาลักทรัพย์ขณะคนไข้นอนไม่รู้สึกตัว ของหาย เข้าห้องน้ำไม่ได้ ไม่มีญาติดูแล เป็นต้น ดังนั้นถ้าย้ายกลับห้องพิเศษได้ แสดงว่า ต้องมีญาติเฝ้า ต้องตื่นรู้ตัวดีแล้ว แต่อาจง่วงๆได้บ้าง

3. การที่คุณบอกว่า คุณได้ยานอนหลับอยู่หลายวัน ไม่ได้แปลว่าคุณไม่รู้ตัว ขนาดแค่คนเข้ามาในห้อง เสียงเบาๆอย่าง เสียงเปิดประตู เสียงเดิน เข้ามาเยี่ยม มาหาแม่คุณ คุณยังรู้เลยว่ามีคนมา แสดงว่าคุณไม่ได้หลับลึกหรอก คุณรู้ตัวตลอด ถามคนกินยานอนหลับดูก็ได้ เขารู้ตัวนะ ไม่ใช่กินแล้วหลับ เพ้อ เบลอ จำอะไรไม่ได้สักอย่าง (อันนั้นมันกรณีกินเกินขนาดแล้วล่ะ ซึ่งคงไม่ใช่กรณีคุณ เพราะคุณได้รับการรักษาในรพ. ที่มีแพทย์สั่งจ่ายยานอนหลับให้ ไม่มีทางที่แพทย์จะสั่งเกินขนาดจนเกิดอาการแบบนั้นแน่)  ที่สำคัญยามีช่วงระยะเวลาออกฤทธิ์ของมัน ไม่ใช่หลับยาวทั้งวัน ต่อให้คุณเครียดมากขนาดไหน หมอก็ไม่สั่งยาถึงขนาดให้คุณหลับทั้งวันทั้งคืนหรอก เพราะคุณต้องตื่นมากินข้าว คุณต้องรู้ตัวพอเข้าห้องน้ำเองได้ ทำกิจวัตรประจำวันได้ ต้องตื่นมาคุยอาการกับหมอที่มาตรวจทุกวันๆ มีพยาบาลมาวัดความดันชีพจร ทุก 4 ชม. พยานเยอะแยะว่าตอนนั้นคุณหลับเป็นตายจริงหรือไม่ หรือรู้ตัวดีตลอด หมอไม่ให้ยากลุ่มยานอนหลับมากไป เพราะมีผลทำให้การหดรัดตัวของมดลูกไม่ดี หลังแท้งจะยิ่งทำให้เลือดหยุดช้า ซึ่งหมอคงไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นแน่

ดังนั้นการที่คุณอ้างว่า ได้ยานอนหลับจนจำเหตุการณ์ไม่ได้เลย ย่อมไม่น่าจะเป็นไปได้

4. ผมตั้งข้อสงสัยให้ดังนี้ ถ้าผมเป็นพ่อคุณ จะฆ่าสามีคุณไม่ให้คุณรับรู้ วางแผนนัดคนมาคุยเรื่องฆ่าแฟนคุณ ผมจะนัดมาคุยต่อหน้าคุณไหม ทำไมผมไม่นัดไปคุยในที่ลับๆ จะไม่ปลอดภัยกว่าหรอ การที่ผมจะคุยเรื่องนี้ต่อหน้าคุณได้ มีเหตุผลเดียวคือ มันไม่ลับสำหรับคุณ! นั่นคือ คุณรู้อยู่แล้ว คุยกันในห้องพิเศษ ในรพ.นี่ล่ะ สะดวกดี อยู่กันครบด้วย และถ้าเวลานั้นอารมณ์โกรธเคือง โกรธแค้น ทั้งของคุณและแม่ของคุณ กำลังพุ่งพล่าน ไม่ต้องคิดเลยว่า จะเป็นอย่างไร

5. อีกคำถามคือ คุณแหม่มนั่นคนสนิทของคุณหรือแม่ของคุณ คุณแม่ของคุณรู้ได้อย่างไร ว่าจะฆ่าใครสักคน ต้องติดต่อคุณแหม่มที่เป็นคนสนิทของคุณ เขาติดต่อกันเอง คุณไม่รู้ เบอร์โทรคุณแหม่มคุณแม่มีอยู่แล้ว ที่มาเยี่ยมที่ห้องพักในรพ. มาคุยกันเรื่องจะฆ่าสามีตน เขานัดกันมาเอง โทรหากันเอง คุณไม่รู้เรื่อง ค่าใช้จ่าย 1.2 ล้าน คุณแม่คุณออกเอง โอนเงินเอง ทำธุระจัดการเองทั้งหมด … อายุ 72 นี่น่ะนะครับ เงิน 1.2 ล้านไม่ใช่น้อยๆ คุณบอกเองแม่คุณตัวคนเดียว ไม่มีพรรคพวก นี่ผมเชื่อนะเนี่ย

6. คุณแหม่มมาหาแม่คุณที่ห้องพัก ในรพ. ถามจริงๆ เขามาเยี่ยมคุณรึเปล่า จะไม่คุยไม่ทักทายกันในวันนั้นเลยรึ เขาเดินย่องมาเงียบๆ ค่อยๆเปิดประตู คุยแบบกระซิ กระซาบกับแม่ของคุณ และคุณนอนอยู่ด้วย … คุณไม่ได้ยินว่าคุยอะไรกัน แต่รู้ว่ามีคนมา? นี่เรื่องจริง หรือละครไทยหลังข่าวครับ?

เข้ามาตั้งข้อสังเกต แค่นั้นเอง
ปล. แท็กหมอ กับยาด้วย ให้ช่วยกันคิดว่า ยานอนหลับที่กล่าวอ้าง กับการรักษาของแพทย์นั้น ทำให้หลับไป จำอะไรไม่ได้ Amnesia ไปเป็นสัปดาห์จริงๆรึ

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.cmprice.com/forum/?content=detail&wb_type_id=1&topic_id=145538

เตือนมาเรื่อยๆ น้ำแข็งขั้วโลกใต้ลดลง 10 เท่าในรอบพันปี

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

งานวิจัยล่าสุดชี้น้ำแข็งแอนตาร์กติกาละลายเร็วขึ้นถึง 10 เท่าในรอบ 1,000 ปี (ไลฟ์ไซน์)

งานวิจัยพบคาบสมุทรในทวีปแอนตาร์กติกาแถบขั้วโลกละลายเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าในรอบพันปี โดยการละลายส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อมโยงกับภาวะโลกร้อน และการละลายอย่างฉับพลันนี้อาจทำให้ธารน้ำแข็งและน้ำแข็งที่ยื่นไปในมหาสมุทรพังทลายลงมาได้ ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นหากการละลายยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“สิ่งที่เกิดขึ้นหมายถึงคาบสมุทรแอนตาร์กติกา (Antarctic Peninsula) ได้ร้อนขึ้นระดับที่แม้แต่การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเพียงเล็กน้อยก็นำไปสู่การละลายของน้ำแข็งในช่วงหน้าร้อนได้มโหฬาร” เนริลี อาบรัม (Nerilie Abram) ผู้ร่วมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (Australian National University) และองค์การสำรวจแอนตาร์กติกอังกฤษ (British Antarctic Survey) กล่าว

อีริค สไตจ์ (Eric Steig) ผู้ร่วมวิจัยและศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) สหรัฐฯ กล่าวว่า การละลายของน้ำแข็งในคาบสมุทรแอนตาร์กติก ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีป มีสาเหตุหลักๆ มาจากภาวะโลกร้อนโดยฝีมือมนุษย์ ซึ่งคาบสมุทรดังกล่าวเป็นหนึ่งในสถานที่ร้อนขึ้นเร็วที่สุดในโลก และการวิจัยอื่นๆ ก่อนหน้านี้เผยให้เห็นว่า ฤดูกาลละลายของน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติกายาวนานผิดปกติ

เพื่อศึกษาภูมิอากาศในอดีตของแอนตาร์กติกาไลฟ์ไซน์ระบุว่า ทีมศึกษาได้เจาะลึกลงไปถึง 364 เมตรในแกนน้ำแข็งของเกาะเจมส์ รอสส์ (James Ross Island) ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ใกล้ปลายตะวันออกเฉียงเหนือของแอนตาร์กติกา โดยแกนน้ำแข็งได้ให้ร่องรอยของอุณหภูมิในอดีตของแอนตาร์กติกา และมีชั้นของของน้ำแข็งที่ละลายในหน้าร้อน และแข็งตัวขึ้นใหม่หลังจากนั้น ซึ่งมองเห็นได้จากแกนน้ำแข็งดังกล่าว ความหนาของของชั้นในแกนน้ำแข็งนี้เผยให้เห็นการละลายของน้ำแข็งในทวีปย้อนไปถึง 1,000 ปีที่ผ่านมา

อาบรัมกล่าวว่า ตอนนี้การละลายของน้ำแข็งในหน้าร้อยอยู่ในระดับสูงสุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในช่วง 1,000 ปีที่ผ่านมา และในขณะที่ช่วง 200-300 ปีแรกของสหัสวรรษ การละลายของน้ำแข็งก็เพิ่มสูงขึ้นมากครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 โดยการศึกษาของพวกเขาตีพิมพ์ลงวารสารเนเจอร์จีโอไซน์ (Nature Geoscience) ซึ่งบ่งชี้ว่า คาบสมุทรแอนตาร์กติกานั้นอาจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

ส่วนภาพจากแกนน้ำแข็งที่เจาะขึ้นมาจากแอนตาร์กติกาตะวันตกนั้นยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก โดยมีลักษณะของอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นมากในอดีตคล้ายๆ กัน แต่ภาพดังกล่าวยังซับซ้อนและยากที่จะหาถึงสาเหตุที่แท้จริงของอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าว ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าการละลายของน้ำแข็งที่ฝั่งตะวันตกนั้นเกิดจากสภาพอากาศเอลนีโญเมื่อช่วงทศวรรษที่ 1990

http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000046266

แท็บเลต 1.7 ล้านเครื่อง ในงบประมาณ 1760 ล้านบาท

tablet ป.1 และ ม.1
tablet ป.1 และ ม.1

ตัวเลข 1.7 ล้านเครื่อง ถ้าราคาเครื่องละ 2,000 บาท
ก็น่าจะเกินงบไปมากกว่าเท่าตัว
งบแท็บเล็ตน้อยกว่ารถคันแรกเยอะเลย
เห็นยอดรถคันแรกน่าจะใช้งบหนึ่งแสนล้านบาท แต่งบแท็บเล็ตแต่หนึ่งพันกว่าล้านเอง

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
เปิดสเป็กจัดซื้อ “แท็บเลต” ลอตใหม่ 1.7 ล้านเครื่อง รวบแจก ป.1-ม.1 ตั้งราคากลาง “ป.1-2,720 บาท” เครื่องเด็ก ม.1 ที่ “2,920 บาท” พร้อมเตรียมเปิดขายซอง 3-5 เม.ย.56 เคาะราคา 29 เม.ย.56  แบ่งประมูล 4 รอบ จับคู่แยกรายภาค สารพัดแบรนด์รุมจีบทั้ง “จีน-อินเดีย-เยอรมนี” คาดแข่งเดือด ขณะที่ “ครู ป.2” โอละพ่อเด็กหิ้วเครื่องติดตัวมาจาก ป.1 แต่ไม่มีงบฯจัดซื้อเครื่องให้ครู

น.อ.สุรพล นะวะมวัฒน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยในฐานะคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายแท็บเลตเพื่อการศึกษา (One Tablet per Child : OPTC) ว่า ขณะนี้ได้สรุปสเป็กของแท็บเลตที่ต้องจัดซื้อลอตใหม่ เพื่อแจกชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2556 พร้อมกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการจัดซื้อแล้ว โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นเจ้าภาพในการจัดซื้อด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction)

สำหรับราคากลางในการจัดซื้อแท็บเลตเด็ก ป.1 อยู่ที่เครื่องละ 2,720 บาท ม.1 และเครื่องสำหรับครูอยู่ที่ 2,920 บาท รวมภาษีและค่าขนส่งถึงหน่วยงานเจ้าของงบประมาณ โดยจัดซื้อรวมทั้งสิ้น 1.74 ล้านเครื่อง สพฐ.ได้รับมอบอำนาจในการจัดซื้อจากเจ้าของงบประมาณ 8 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กรมการส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักการศึกษาเมืองพัทยา และ สพฐ.เอง เพื่อจัดซื้อ

แท็บเลตให้โรงเรียนในสังกัดโดยสเป็กแท็บเลตลอตนี้หลัก ๆ เหมือนกันคือใช้หน่วยประมวลผล (CPU) ดูอัลคอร์ 1.5 GHz หน่วยความจำ (RAM) ขนาด 1 GB ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 ขึ้นไป หรือวินโดวส์ แบตเตอรี่ 3600 mAh ต่างกันที่เด็ก ป.1 มีหน้าจอ 7 นิ้ว ฮาร์ดดิสก์ 8 GB ส่วนเด็ก ม.1 และเครื่องคุณครู หน้าจอ 8 นิ้ว ฮาร์ดดิสก์ 16 GB ซึ่งเครื่องของครูมีฟังก์ชั่นเพิ่ม เช่น ช่อง HDMI มีปากกาสไตลัส พร้อม SD card ความจุ 8 GB เพิ่มให้ต่างหากซึ่งสเป็กที่สูงกว่าการจัดซื้อในปีที่แล้ว ที่เป็น CPU และเป็นแบบแกนเดียว ความเร็ว 1 GHz ความจุ RAM 512 MB ฮาร์ดดิสก์ 8 GB และหน้าจอ 7 นิ้ว ราคา 82 เหรียญสหรัฐ (รวมค่าขนส่งถึงสนามบินสุวรรณภูมิ)และจะเปิดขายซองข้อมูลสำหรับผู้สนใจเข้าร่วมประมูลวันที่ 3-5 เม.ย. 2556 มีกำหนดชี้แจงข้อมูลระเบียบ และข้อกำหนดเทคนิค (ทีโออาร์) วันที่ 9 เม.ย. เปิดยื่นซองเทคนิควันที่ 17 เม.ย. และประกาศผลผู้ผ่านเกณฑ์วันที่ 27 เม.ย. ประมูลแบบ e-Auction วันที่ 29 เม.ย. และจัดพิธีลงนามในสัญญาจัดซื้อ 9 หรือ 10 พ.ค. ให้ผู้ชนะทยอยส่งแท็บเลตตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.จนครบใน 90 วันนับจากเซ็นสัญญา

“ปีนี้กระบวนการจัดซื้อแท็บเลตใช้ e-Auction ต่างกับปีที่แล้วที่ใช้การจัดหาแบบทำสัญญารัฐต่อรัฐ (G to G) เป็นการจัดหาคือสั่งผลิต ไม่ใช่จัดซื้อแบบครั้งนี้ที่ผู้เข้าประมูลทุกรายต้องนำแท็บเลตที่สมบูรณ์แล้ว 6 เครื่องมาให้ทดสอบก่อนว่าตรงตามสเป็กหรือไม่ ใช้งานกับซอฟต์แวร์และคอนเทนต์ของ สพฐ.ที่มีอยู่แล้วได้หรือไม่ ที่สำคัญคือเป็นการตัดสินกันที่ราคา สเป็กที่เหนือกว่าคู่แข่งไม่มีผลถ้าราคาแพงกว่า”

ส่วนการเคาะราคาประมูลในเบื้องต้นแบ่งเป็น 4 รอบตามสัญญาที่แยกเซ็น ได้แก่ สัญญาการจัดซื้อแท็บเลตสำหรับเด็ก ป.1 ในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้จำนวน 431,775 เครื่อง สัญญาจัดซื้อสำหรับเด็ก ป.1 ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 417,042 เครื่อง สัญญาที่ 3 สำหรับชั้น ม.1 ในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ 416,440 เครื่อง และสัญญาจัดซื้อแท็บเลต ม.1 ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 423,333 เครื่อง โดยผู้ชนะประมูลจะลงนามในสัญญาจัดซื้อโดยตรงกับหน่วยงานเจ้าของงบประมาณ เนื่องจาก สพฐ.เป็นแค่ผู้รับมอบอำนาจในการจัดซื้อเพื่อให้มีปริมาณมากพอ

ขณะที่แท็บเลตสำหรับให้คุณครูจำนวน 54,000 เครื่อง ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าต้องเปิดประมูลและทำสัญญาแยกต่างหาก หรือรวมเข้าไปในการจัดซื้อแท็บเลตแต่ละสัญญาที่แยกตามพื้นที่ แต่มั่นใจว่าการจัดซื้อครั้งนี้จะได้ราคาต่ำกว่าราคากลางแน่นอน เพราะจัดประมูลแยกเป็นรอบ ๆ ไล่ทีละสัญญา เชื่อว่าในสัญญาที่ 4 รอบสุดท้ายยิ่งได้ราคาต่ำที่สุด ซึ่งอาจได้ผู้ชนะแยกเป็น 4 ราย หรือมีแค่บริษัทเดียวก็ได้ ที่สำคัญคือเป็นการประมูลที่เปิดกว้าง ใครที่คิดว่ามีศักยภาพก็เข้ามาประมูลได้

น.อ.สุรพล เปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้มีผู้ผลิตแท็บเลตหลายรายสนใจเข้ามาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนี้ อาทิ ทีซีแอล, ไฮเออร์, แชมเปี้ยนเอเชีย, สโคป, อินถัง, ออลอิน แบรนด์ซังเวิร์นของเอเซอร์ รวมถึงผู้ผลิตแท็บเลตของอินเดียและเยอรมนีด้วย ซึ่งเท่าที่ได้พูดคุยมา บริษัทจีนบางแห่งยอมขาดทุนเพื่อให้ได้โปรเจ็กต์นี้ และเพื่อใช้ชื่อประเทศไทยเพิ่มโปรไฟล์ให้ตนเอง เนื่องจากมีไม่กี่โครงการที่จัดซื้อพร้อมกันเป็นลอตใหญ่

และนอกเหนือจากการจัดส่งแท็บเลตที่ลงแอปพลิเคชั่นและคอนเทนต์ให้ครบถ้วนตามข้อกำหนดแล้ว ผู้ชนะประมูลยังต้องเสนอแผนการตั้งศูนย์บริการให้ได้ครอบคลุมพื้นที่ตามสัญญาจัดซื้อ รวมถึงการรับประกันสินค้าเป็นเวลา 1 ปีด้วย

“การจัดซื้อครั้งนี้ได้นำบทเรียนจากครั้งก่อนมาปรับปรุง ตั้งแต่การเปิดเผยรายละเอียดของสัญญาจัดซื้อให้ศึกษาทำความเข้าใจ และยอมรับเงื่อนไขก่อนเข้าประมูล การให้นำแท็บเลตมาทดลองลงแอปพลิเคชั่นและคอนเทนต์ต่าง ๆ ว่าทำงานได้สมบูรณ์ตั้งแต่ขั้นตอนทดสอบเทคนิค รวมถึงการใช้ e-Auction ให้การจัดซื้อโปร่งใส วัดกันที่ราคา จะได้ไม่เกิดข้อครหาทำให้ส่งมอบล่าช้า”

ข้อกังวลที่มีอยู่ คือ ไม่แน่ใจว่าทางองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นจะมอบอำนาจการจัดซื้อมาให้ สพฐ.ทันหรือไม่ เนื่องจากติดขัดเรื่องระเบียบการจัดซื้อ และยังมีปัญหาไม่มีงบประมาณในการจัดซื้อแท็บเลตที่จะให้ครูชั้น ป.2 นำไปสอนเด็กนักเรียนที่ได้รับแจกแท็บเลตตั้งแต่ตอน ป.1

ขณะที่ความคืบหน้าในการนำแท็บเลตที่จัดซื้อในปีที่แล้วไปใช้งาน ล่าสุดกระทรวงไอซีทีลงนามในสัญญาเช่าใช้บริการวงจรสื่อสารข้อมูลพร้อมอุปกรณ์โครงการพัฒนาระบบโครงข่ายไร้สาย (WiFi network) กับ บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท โทรคมนาคม เพื่อให้ทั้ง 27,231 โรงเรียนในสังกัด สพฐ.มีอินเทอร์เน็ต WiFi ความเร็ว 4-10 Mbps. ใช้ฟรี

งบประมาณ 1,760 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 300 วัน นับจากส่งมอบอุปกรณ์ให้โครงข่ายกระทรวงศึกษาธิการ หรือ MOENet จะทยอยเปิดให้บริการใน มิ.ย.เป็นต้นไป คาดว่าจะครบทั้งระบบภายใน ส.ค. โดยกระทรวงไอซีทีได้เตรียมเสนอของบประมาณปี 2557 ไว้ 4,250 ล้านบาทสำหรับวางโครงข่าย WiFi เพิ่มเติมให้โรงเรียนที่ได้รับแจกแท็บเลตในปีการศึกษา 2556 กว่า 43,258 แห่ง

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1363062897&grpid=&catid=06&subcatid=0603

จอภาพรอ spool ให้พร้อมก่อนส่งไปพิมพ์เรื่องอาเซียน

asean in printer
asean in printer

5 ธ.ค.55 นักเรียน ม.2 สมัยนี้เรียนเรื่องอาเซียน ทำรายงานเรื่องอาเซียน เรื่อง ASEAN+ แล้ว เห็นสั่งพิมพ์มาออกที่ printer จึง capture จอภาพไว้ อีกหน่อยมีสัมมนา ASEAN ที่ไหน คงต้องพาไปฟังแล้ว ปัจจุบันอาเซียน (ASEAN) ประกอบด้วย 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย (2510) สิงคโปร์ (2510) อินโดนีเซีย (2510) มาเลเซีย (2510) ฟิลิปปินส์ (2510) บรูไน (2527) เวียดนาม (2538) ลาว (2540) พม่า (2540) กัมพูชา (2542) มีประชากรรวมกันประมาณ 570 ล้านคน  [อันที่จริงผมสนใจเรื่อง spooling ที่โผ่มาในจอภาพ ขณะรอส่งข้อมูลมาพิมพ์แบบไร้สาย]

http://www.thaiall.com/asean/

พยาบาลขู่ลาออก หากปีหน้าไม่บรรจุราชการ

พยาบาลขู่ลาออก หากไม่บรรจุราชการ
พยาบาลขู่ลาออก หากไม่บรรจุราชการ

http://www.dailynews.co.th/politics/161299

16 ต.ค. 55 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสราวุฒิ ที่ดี ประธานเครือข่ายพยาบาลวิชาชีพลูกจ้างชั่วคราว พร้อมเครือข่ายพยาบาลวิชาชีพลูกจ้างชั่วคราว กระทรวงสาธารณสุขกว่า 500 คน

เดินทางมาชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ ถนนพิษณุโลก เพื่อติดตามความคืบหน้าการบรรจุลูกจ้างพยาบาลชั่วคราวเข้าเป็นข้าราชการจำนวน 3,667 อัตรา ในปีงบประมาณ 2555

ภายหลังจากที่ยื่นเรื่องต่อนายวิทยา บูรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตัวแทนรัฐบาลได้รับปากว่าจะดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้ภายใน 3 เดือน แต่เมื่อครบกำหนดแล้วยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ จึงมาทวงคำสัญญากับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

แต่ทราบว่านายกรัฐมนตรีเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศ จึงขอให้นายแพทย์ ประสิทธิ์ ชัยวิรัตน รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองและ น.พ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มารับเรื่องแทน

ซึ่งหลังจากนี้จะไปยื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร โดยจะให้เวลาในการดำเนินการถึงเดือน ม.ค.2556 หากไม่มีความคืบหน้ากลุ่มพยาบาลวิชาชีพทั่วประเทศจะลาออกจำนวน 17,000 คน

http://news.mthai.com/politics-news/196954.html

พยาบาลขู่ลาออก หากไม่บรรจุราชการ
พยาบาลขู่ลาออก หากไม่บรรจุราชการ

19 มิ.ย.55 09.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเครือข่ายพยาบาลวิชาชีพลูกจ้างชั่วคราว กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นตัวแทนพยาบาลกว่า 2,000 คนจากทั่วประเทศ ตั้งเวทีปราศรัยข้างทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องให้รัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ให้ความสำคัญต่อวิชาชีพพยาบาล ต้องการให้บรรจุพยาบาลวิชาชีพลูกจ้างชั่วคราวที่มีกว่า 17,000 คน เป็นข้าราชการเพื่อดูแลขวัญกำลังใจของบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล และสร้างความมั่นคงในวิชาชีพ เนื่องจากเจ้าหน้าที่พยาบาลไม่ได้รับการบรรจุให้เป็นข้าราชการมาแล้ว 5 ปี แต่กลับให้แพทย์และหมอมีการบรรจุเป็นข้าราชการเท่านั้น ถือเป็นการเลือกปฏิบัติ เป็นความผิดพลาดของการบริหารกำลังคนของภาครัฐทำให้พยาบาลต้องลาออกไปสมัครทำงานในโรงพยาบาลเอกชน ส่งผลให้โรงพยาบาลของรัฐขาดแคลนบุคลากรที่มีคุณภาพในการรักษาพยาบาลประชาชน

นายวรรณชาติ ปาเลิศ ผู้ประสานงานเครือข่าย กล่าวว่า เครือข่ายจะส่งตัวแทนเดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ที่พัทยา จังหวัดชลบุรี ซึ่งหากรัฐบาลรับปากจะช่วยเหลือก็จะสลายการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลทันที แต่หากรัฐบาลยังไม่ปฏิบัติตามข้อเสนอในการสร้างความมั่นคงให้เจ้าหน้าที่พยาบาลวิชาชีพลูกจ้างชั่วคราวก็จะชุมนุมอย่างต่อเนื่อง จะประกาศหยุดงานและจะลาออกจากโรงพยาบาลของรัฐในเดือนตุลาคมนี้ และจะไม่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยในทุกการเลือกตั้ง

http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9550000075060

พยาบาลขู่ลาออก หากไม่บรรจุราชการ
พยาบาลขู่ลาออก หากไม่บรรจุราชการ

เว็บไซต์ NBC ถูกแฮ็ก

เว็บไซต์ NBC ถูกแฮ็ก
เว็บไซต์ NBC ถูกแฮ็ก

คืนวันเสาร์ที่ 3 พ.ย.55 หลายเว็บไซต์ของ nbc.com (Several NBC websites) ถูกเปลี่ยนข้อมูลโดยพบป้ายภาพว่า “hacked by pyknic” และข้อความเลื่อนว่า “Remember, remember the fifth of November.” แล้วทิ้งข้อความว่า  “user info” และ “passwords” ได้ถูกเปิดเผย ซึ่ง NBC ปฏิเสธที่จะให้ข้อคิดเห็นในเรื่องนี้ โดย NBC มีการปรับแก้ในไม่กี่ชั่วโมงถัดมา และข้อมูลที่ถูกเปลี่ยนได้ถูกเข้าถึงโดย google และ bing ไปแล้ว

ข้อมูลจาก
http://mashable.com/2012/11/04/nbc-hacked/
http://www.king5.com/news/business/177189621.html