ต้องใช้กฎหมาย ห้ามดื่มเหล้าในวัด

ห้ามดื่มสุราในวัด
ห้ามดื่มสุราในวัด

ปัจจุบัน ประเทศไทย มี พระราชบัญญัติหรือกฏหมายควบคุมการขายและการดื่มแอลกอฮอล์ ในวัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา ไว้ ๒ มาตราด้วยกัน คือ มาตรา ๒๗ ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในวัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา และ มาตรา ๓๑ ห้ามมิให้ผู้ใดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในวัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา เว้นแต่ เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนา โดยมีการกำหนดโทษแก่ผู้ฝ่าฝืนไว้ด้วย คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อนึ่ง ในกฎหมายฉบับนี้ มิได้ระบุว่า วัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนานั้น เป็นศาสนาใดเป็นการเฉพาะ หากรวมหมายทุกศาสนาที่มีอยู่ในประเทศไทย ในที่นี้จะขอพูดเฉพาะส่วนของพระพุทธศาสนาเท่านั้น
เป็นที่ทราบโดยทั่วไปแล้วว่าสุราเมรัยนั้น มีพิษและโทษภัยแก่ผู้ดื่มมากมาย ทำให้เสียภาพพจน์ ก่อการวิวาท และเกิดคดีอาชญากรรมมากมาย สติสัมปชัญญะเสื่อมถอย มีผลต่อการขับขี่ยวดยานพาหนะ ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน จะเห็นได้ในเทศกาลปีใหม่ก็ดี เทศกาลสงกรานต์ก็ดี มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เพราะผู้ขับขี่เมาสุราเป็นอันดับหนึ่ง นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บคือพิษสุราเรื้อรัง เป็นคนปราศจากความอาย จะแสดงอาการกิริยาอย่างไรก็ได้ เพราะขาดจิตสำนึกชั่วดี ด้วยอำนาจแห่งความมึนเมา และกล้าที่จะกระทำความชั่วได้ทุกขณะและทุกอย่าง
การที่ต้องออกกฎหมายมาควบคุมการขายและการดื่มเหล้าในวัดหรือในศาสนสถานนั้น ก็เพราะ ปัจจุบันมีคนแสวงหาประโยชน์ในการขายเหล้าในสถานที่ดังกล่าว โดยไม่คำนึงถึงว่า วัดหรือศาสนสถานนั้น เป็นแหล่งฟื้นฟูและปลูกฝังศีลธรรมอันดีแก่ชนทั่วไป เป็นสถานที่ต้องให้ความเคารพ ที่ไม่ควรถูกมองว่าเป็นแหล่งอบายมุขเสียเอง เมื่อมีกฎหมายออกมาควบคุมก็จะขจัดสิ่งไม่ดีให้หมดไป และส่งเสริมสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
ในพระพุทธศาสนานั้นถือว่าการดื่มสุรา เมรัยเป็นเรื่องไม่ดี ไม่ควรกระทำ จึงบัญญัติไว้ในศีล ๕ ข้อสุดท้าย โดยสอนให้งดเว้นจากการดื่มน้ำเมา การงดเว้นเป็นเรื่องจิตใจของผู้ต้องการทำความดี โดยปราศจากการบังคับ พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงห้าม และไม่ทรงบังคับใคร เพราะพระองค์ห้ามไม่ได้ ถ้าพระองค์ทรงห้ามได้ จะมีคนทำความชั่วอยู่หรือ พระพุทธองค์เป็นเพียงผู้บอกผู้ชี้ทางสว่างแก่ผู้คน ถ้าใครปฏิบัติตามธรรมของพระองค์ก็ได้รับคุณประโยชน์ แต่ถ้าไม่ปฏิบัติตามธรรมของพระองค์ ก็จะได้รับในสิ่งไม่ดีที่ตนกระทำลงไป
ในส่วน พระวินัยปิฎก ได้กล่าวถึงเรื่องที่พระภิกษุดื่มสุราไว้ใน สิกขาบทที่ ๑ สุราปานวรรค ในปาจิตตีย์กัณฑ์ว่า พระสาคตะ ปราบนาค (งูใหญ่) ของพวกชฎิลได้ ชาวบ้านดีใจ อยากจะถวายของที่หาได้ยากแก่ท่าน พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ (พวกหกคน) แนะให้ถวายเหล้าสีแดงดั่งสีเท้านกพิราบ ชาวบ้านจึงทำตาม โดยถวายเหล้าให้พระสาคตะดื่ม พระสาคตะดื่มแล้วเมานอนกลิ้งอยู่ที่ประตูเมือง ความทราบถึงพระพุทธเจ้า พระองค์จึงทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามภิกษุดื่มเหล้า (น้ำเมาที่กลั่น) และเมรัย (น้ำเมาที่หมักดอง) ทรงปรับอาบัติปาจิตตีย์แก่ผู้ล่วงละเมิด
การดื่มสุราจัดเป็นอบายมุข คือ หนทางแห่งความเสื่อมประการหนึ่งของอบายมุขทั้งหลาย ที่ผู้ครองเรือนควรงดเว้นเด็ดขาด เพราะการดื่มสุรามีโทษมากมายดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ดังตัวอย่างเรื่องของลูกเศรษฐีผู้มีทรัพย์มาก ต้องกลายเป็นขอทาน ปรากฏในธรรมบทภาค ๕ ความว่า
เศรษฐีในเมืองพาราณสีมีทรัพย์ ๘๐ โกฏิ มีลูกชายคนหนึ่งให้แต่งงานกับลูกสาวผู้มีทรัพย์ ๘๐ โกฏิเช่นกัน เมื่อพ่อแม่ตายแล้ว ก็ได้ครอบครองทรัพย์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย ๑๖๐ โกฏิ แต่เพราะคนทั้งสองไม่รู้จักการบริหารทรัพย์สิน สามีไปคบกับนักเลงสุรา เที่ยวดื่มกิน เพลิดเพลินและมัวเมาไปด้วยรูป รส กลิ่น เสียง จนทรัพย์หมดเกลี้ยงทั้งของตนและของภรรยา ในที่สุดต้องกลายเป็นขอทานยังชีพไปวันๆ
ในธรรมบทภาค ๕ เช่นเดียวกัน ได้กล่าวถึงหญิงผู้เป็นสหายของนางวิสาขา มหาอุบาสิกา ๕๐๐ คน ที่สามีของพวกนางนำมาฝากให้ดูแล เพราะพวกเขาจะไปดื่มเหล้าในเทศกาลที่จัดขึ้นตามประเพณี เป็นเวลา ๗ วัน พอวันที่ ๘ สามีของพวกนางออกจากบ้านไปทำงาน พวกภรรยาเหล่านี้ก็ชักชวนกันดื่มสุรา โดยแอบพกสุราที่สามีดื่มเหลือไว้ติดตัวไปด้วย ขอร้องให้นางวิสาขาพาไปเที่ยวในสวน นางวิสาขาก็พาไป สหาย หญิงเหล่านั้นก็แอบกินเหล้าจนเมามาย ร้องรำทำเพลงกันไป นางวิสาขาได้รับความอับอายเป็นอันมาก จึงตำหนิติเตียนหญิงสหายเหล่านั้น และเมื่อพวกนางกลับไปบ้านก็ถูกสามีทุบตีเอา เพราะไปดื่มเหล้าเมามายที่ผู้หญิงไม่ควรกระทำ
ต่อมา มีงานรื่นเริงอื่นๆ อีก พวกหญิงสหายเหล่านั้นอยากกินเหล้า จึงพากันไปหานางวิสาขา ขอให้พาไปเที่ยวเล่นในสวน นางวิสาขาปฏิเสธ เพราะกลัวจะถูกหลอก พวกนางจึงแกล้งเอาใจว่าจะไปทำพุทธบูชา ขอให้พาไปวัดเชตวันมหาวิหาร นางวิสาขาจึงพาไป โดยไม่ทราบว่าหญิงเหล่านั้นแอบนำเหล้าไปด้วย เมื่อถึงวิหารแล้วก็ไปแอบดื่มกันจนเมามาย แล้วจึงไปเฝ้าพระพุทธเจ้า บางคนแสดงอาการพิกลพิการเริ่มหัวเราะ บางคนเริ่มปรบมือ พระพุทธเจ้าทรงทราบเหตุดังนั้น จึงบันดาลให้หญิงเหล่านั้นสร่างจากอาการมึนเมา มีสติสัมปชัญญะดังเดิม ตรัสตำหนิว่า คนที่มาสู่สำนักของพระองค์ไม่ควรกระทำกิริยาเช่นนี้ แล้วตรัสพระคาถาว่า
“เมื่อโลกสันนิวาส อันไฟลุกโพลงอยู่เป็นนิตย์ พวกเธอยังร่าเริงบันเทิงอะไรกันหนอ? เธอทั้งหลายอันความมืดปกคลุมแล้ว ทำไมไม่แสวงหาประทีปเล่า?”
ในเวลาจบพระธรรมเทศนา หญิงทั้ง ๕๐๐ ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผลแล้ว
นี่เป็นการเข้าไปดื่มเหล้าในวัดเป็นครั้ง แรกในพระพุทธศาสนา แต่อาศัยที่พระพุทธเจ้ามีพุทธบารมีอันยอดยิ่ง จึงทำให้พวกเธอเหล่านั้นบรรลุธรรมได้ ถ้าเป็นสมัยนี้ก็อย่าหวังเช่นนั้นเลย แถมยังถูกจับติดคุกอีกต่างหาก
* หมายเหตุ : โลกสันนิวาส หมายถึง โลกอันเป็นที่อยู่ร่วมกัน
จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 91 มิ.ย. 51 โดย ธมฺมจรถ
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 พฤษภาคม 2551 16:48 น.

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=65481&sid=e87e45687b9a57276ebd16aaa5aa403e

ห้ามดื่มเหล้าในวัด
พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551
มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 เป็นต้นมา

ด้วยเหตุผลที่ว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ ครอบครัว อุบัติเหตุ และอาชญากรรม ซึ่งมีผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ สมควรกำหนดมาตรการต่างๆ ในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งการบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อช่วยลดปัญหาและผลกระทบทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ
ช่วยสร้างเสริมสุขภาพของประชาชนโดยให้ตระหนักถึงพิษภัยของเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ ตลอดจนช่วยป้องกันเด็กและเยาวชนมิให้เข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้โดยง่าย
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หมายถึง สุรา (ที่แปลว่าเหล้า) ตามกฎหมายว่าด้วยสุรา ส่วนผู้ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คือ บุคคลที่ดื่มเหล้าจนก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพร่างกายหรือจิตใจ โดยการดื่มนั้นมีลักษณะที่ต้องเพิ่มปริมาณมากขึ้น และเมื่อหยุดดื่มจะมีอาการแสดงของการขาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร่างกาย เช่น มือไม้สั่นต้องไปถอนสักหน่อย
สาระสำคัญของพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับนี้ คือ ต้องการที่จะควบคุมทั้งการซื้อการขายสุรา ทั้งนี้เพราะถึงแม้ว่าประเทศไทยประกาศเป็นเมืองพุทธ แต่ชาวบ้านยังสามารถหาซื้อเหล้ามาดื่มกันอย่างง่ายดายและมีจำหน่ายทั่วไป ทำให้ต้องมีทั้งคณะกรรมการและพระราชบัญญัติมากำหนดมาตรการต่างๆ เช่น ห้ามขายเหล้าให้กับคนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ (มีการขอดูบัตรประชาชนคนซื้อเหล้ากันแค่ไหน) ห้าม ขายเหล้าให้กับบุคคลซึ่งมีอาการมึนเมาจนครองสติไม่ได้ ถ้าผู้ขายฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากสถานที่ราชการ ปั๊มน้ำมัน สวนสาธารณะ โรงเรียน และหอพัก ที่ประกาศห้ามจำหน่ายและดื่มสุราแล้ว ที่น่าสนใจ คือ ต่อไปนี้ถ้ามีการจำหน่ายและดื่มสุรากันในวัด จะถูกจับ มีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ต่อไปนี้ถ้าจะจัดงานในวัด ก็ควรจะเป็นบรรยากาศที่เรียบง่ายและสงบ ส่วนที่จะให้มีการรื่นเริงและเลี้ยงสุรากันควรห่างจากกำแพงวัดให้มากเข้าไว้ จะเป็นการดีแก่ทุกฝ่าย

หนังสือพิมพ์ข่าวสดรายวัน หน้า 30
คอลัมน์ หน้าต่างศาสนา โดย สมชาย สุรชาตรี
ผู้อำนวยการกองพุทธสารนิเทศ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
วันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6372
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=15815

สมองซีกขวา ทำหน้าที่ ด้านศิลปะ

ภาพวาดดอกไม้
ภาพวาดดอกไม้

โดยปกติแล้วมนุษย์ควรใช้ สมอง 2 ซีกให้สมดุลกัน แต่คงห้ามไม่ได้ ถ้านักดนตรี หรือจิตกรจะใช้สมองซีกขวามากกว่าซีกซ้าย และครูสอนคณิตศาสตร์ก็ยอมต้องใช้ซีกซ้ายมากกว่าซีกขวา เพราะสมองซีกซ้ายเป็นไปที่การใช้เหตุผล แต่ซีกขวาเน้นไปที่ความคิดสร้างสรรค์ หรือศิลปะ

16 มี.ค.55 ภาพนี้เกิดในวันที่ได้ร่วมงาน Open House 2555 ของ Nation University ฟังสัมมนาในหัวข้อ “ชี้ ชีวิต เข็มทิศการศึกษา” ในขณะรอเวลาก็มีโอกาสวาดภาพดอกไม้บนกิ่งไม้ โดยนึกถึงดอกเล็บมือนาง แล้ว อ.กิ๊กที่นั่งอยู่ด้านหลังก็บันทึกภาพนี้ไว้ได้ ซึ่งปกติผมจะใช้สมองซีกขวาไม่บ่อย .. จึงรู้สึกไปเองว่าการวาดภาพนี้ น่าจะเป็นการแสดงออกของการใช้สมองซีกขวาค่อนข้างยาวนาน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นพร้อมกับมีอาการสายตายาว หรือที่ใคร ๆ เรียกว่าอาการของคนแก่
http://it.nation.ac.th/webboard/viewtopic.php?f=54&p=4069

open house at nation university
open house at nation university

ข้าวเปลือกทั้งห้องเท่า ipad2 หนึ่งเครื่อง

exchange may unequal
exchange may unequal

23 มี.ค.55 ฟัง ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ เกษม วัฒนชัย
ในงานประชุมสัมมนา “อุดมศึกษากับการพัฒนาประเทศไทย”
พูดถึงคำว่า วัตถุนิยม และบริโภคนิยม
แล้วท่านแนะนำชาวนาว่า “อย่าขายที่นาทำกิน”
ถ้าขายไปอาจไม่มีที่ทำกินในอนาคตก็ได้
มีข้อสังเกตว่าจะมีลูกชาวนาไปซื้อ tablet มาใช้ไหมนะ
รู้สึกนโนบายรัฐบาลเห็นดีเห็นงามกับเรื่อง tablet ซะด้วย

แล้วผมก็หันกลับมามองราคาข้าวเปลือกในปัจจุบัน
(หน่วยหนึ่งตันเท่ากับหนึ่งพันกิโลกรัม)
พบว่า ข้าวเปลือกเหนียว ราคาตันละ 9000 บาท
บางปีขายได้ราคาหน่อยก็จะไปถึง 12000 บาท

ก็คิดในใจนะว่าต้องปลูกข้าวให้ได้กี่กระสอบ ถึงจะได้ tablet สักเครื่อง
แล้วกระสอบหนึ่งจะหนักสัก 1 ตันไหมนะ
ถ้าคะเนด้วยสายตา ข้าวเปลือกในกระสอบปุ๋ยหนึ่งกระสอบก็คงประมาณ 50 กิโลกรัม
ถ้าจะให้ได้ ipad2 สักเครื่อง ต้องขายข้าวเปลือกให้ได้ 20 – 40 กระสอบกันเลย
เรียกว่า ข้าวที่เก็บในห้องนอนทั้งห้อง มีราคาพอ ๆ กับ tablet 1 ตัว

มองได้หลายมุมครับ คนขายเครื่อง คนใช้เครื่อง กับชาวนา

งานวันเกิดคุณย่าศรีวัน

10 มี.ค.55 ย่าศรีวัน อายุ 80 ปี จัดงานวันเกิด หลังป่วยหนักครั้งแรก (เพราะท่านไม่เคยป่วยหนัก) เชิญเพื่อนและญาตพี่น้องไปร่วมงานที่ ภัตตาคาร north seafood ตรงข้ามโรงเรียนประชาวิทย์ เลี้ยงโต๊ะจีนประมาณ 85 ที่ มี เต้าหู้ทอด ผัดเปรียวหวานปลาทอด สลัดกุ้งชุบแป้งทอด ผัดตะกูลถั่ว ต้มยำทะเล ปลาทับทิมนึ่งมะนาว กะเพาะปลา ข้าวผัด และผลไม้

คุณย่ามีลูก 5 คน อาเล็ก อากุหลาบแดง อาพวงชมพู อาพวงแสด และพี่โอ แล้วมีพิธีมอบแหวนให้กับลูก ๆ ซึ่งลูกของคุณย่า ออกมาเปิดเผยความในใจอย่างน่าประทับใจ เพราะคุณย่าเป็นช่างตัดเสื้อ และเลี้ยงลูกจนได้ดีทุกคน .. จากนั้นก็ร้องเพลง happy birthday เป่าเค้กวันเกิด ส้ม กับเค็กมะพร้าว แล้วจับฉลากแจก lotto ต่อด้วยร้องคาราโอเกะอีกครู่หนึ่ง .. ผม ย่าลัดดา และลูก ๆ ไปร่วมงานในฐานะเครือญาติ ทราบจากอาตุ๊กตา ที่เป็นลูกของย่าศรี และผมได้พบกับย่าศรีบุศ สามสาวใหญ่ของตะกูลเรา .. เสร็จกิจกรรมประมาณ 15.00 น. .. คาดว่าสงกรานต์ปีหน้าจะไปดำหัวคุณย่าทั้ง 3 เช่นเดียวกับทุกปี

ไม่ใช้เฟซบุ๊คในการทำงาน

เพื่อนท่านหนึ่งพูดให้ฟังว่า “ไม่ใช้เฟซบุ๊คในการทำงาน” เมื่อจับความได้ ก็นำมาพิจารณาก็พบว่า ปัจจุบันผู้คนจำนวนไม่น้อยใช้งานเฟซบุ๊ค เมื่อใช้มาก ๆ เข้าก็หลงใหลถึงขั้นติดงอมแงม (คุณโน๊ต : fb เพื่อ บ่น ปฏิญาณตน อวด แอ็บแตก ทำคำคม) เหมือนที่ คุณโน๊ตอุดม พูดไว้ใน เดี่ยว 8 เรื่อง Hi5 ว่า “ถ้าบริษัทมึงเจ้งกูก็ไม่แปลกใจ” นั่นหละครับ

ความสามารถของ fb ที่เด่นและเห็นได้ชัดมี 3 บริการ
1. profile มีไว้คุยกับคนที่ยอมรับเราเป็นเพื่อน
2. page มีไว้นำเสนอข้อมูลข่าวสารแบบบล็อก หรือตอบข้อซักถาม
3. group มีไว้พูดคุยเฉพาะกลุ่มคนที่สนใจเรื่องเดียวกัน

สรุปประเด็น
1. profile มีประโยชน์ต่อการทำงานที่หวังเป้าหมายในระดับบุคคลถือว่าต่ำสุด แม้จะใช้ในการสื่อสารระหว่างบุคคล แต่ก็ต้องเป็นเพื่อนเท่านั้น ถ้าเพื่อนในองค์กรไม่รับท่านเป็นเพื่อน ก็คงสื่อสารด้วยเฟซบุ๊คกันไม่ได้
2. page มักถูกใช้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารขององค์กรในแบบบล็อกเป็นสำคัญ แต่เปรียบเทียบกับ website ไม่ได้ เพราะเว็บไซต์สามารถนำเสนอเนื้อหา ภาพนิ่ง ภาพคลิ๊ป ในรูปมัลติมีเดีย และอินเทอร์แอ็คทีฟได้สมบูรณ์ สามารถควบคุม header และ footer ที่ไม่มีโฆษณาของ facebook มากวนใจ มีระบบบล็อก และเว็บบอร์ดที่ควบคุมได้ และสามารถจัดการ seo ได้อย่างสมบูรณ์
3. group มีประโยชน์ในการทำงานสูงสุด แต่มีข้อแม้เพียงข้อเดียว คือไม่เข้ามาใช้ประโยชน์ กลับเลือกใช้บริการที่ไม่ก่อประโยชน์ในการทำงานเหมือนที่คุณโน๊ตว่าไว้

ผมเชื่อว่า มีองค์กรที่ประสบความสำเร็จจากการใช้ facebook for working ซึ่งองค์กรที่จะประสบความสำเร็จได้ บุคลากรต้องไม่เป็นแบบที่โน๊ตว่าไว้ และการใช้งานต้องมีการควบคุม เพื่อให้ได้ผลตามเป้าหมายของการใช้งานที่วัดได้


หนึ่งวันของมนุษย์ออฟฟิซ
หนึ่งวันของมนุษย์ออฟฟิซ

http://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151022111276768&set=a.493024076767.276129.370539266767

มาร์ซูกิ อาลี คิดว่าการแต่งกายของหญิงยั่วยวนผู้ชายได้

กระโปรงสั้น miniskirt
กระโปรงสั้น miniskirt

ภาพประกอบ จากการประท้วงขององค์กรสิทธิสตรีครั้งที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจาการ์ตา พูดพาดพิงการแต่งกายของผู้หญิงและเรียกร้องให้ผู้หญิงงดสวมกระโปรงสั้นเวลา ใช้บริการขนส่งสาธารณะเมื่อ 6 เดือนก่อน (18 ก.ย.2011) ขณะที่ล่าสุดรัฐสภาอินโดนีเซียก็พยายามออกกฎห้ามส.ส.หญิงสวมกระโปรงสั้น ซึ่งได้ก่อเสียงประณามจากกลุ่มสตรีเช่นกัน

เอเอฟพี (AFP) – กลุ่มสิทธิสตรีแสดงความโกรธเกรี้ยวเมื่อวันอังคาร 6 มีนาคม 2555 หลังรัฐสภาอินโดนีเซียเผยเตรียม ร่างกฎระเบียบห้ามส.ส.หญิงแต่งกาย “ยั่วยวน” อย่างเช่นนุ่งกระโปรงสั้นมาทำงาน โดยอ้างว่าชุดแบบนั้นเป็นการเชื้อเชิญให้ข่มขืน

มีคดีข่มขืนและพฤติกรรมผิดศีลธรรมอื่นๆมากมายเมื่อเร็ว ๆ นี้ และนี่ก็เป็นเพราะว่าผู้หญิงแต่งกายไม่เหมาะสมมาร์ซูกิ อาลี ประธานรัฐสภากล่าว “ผู้หญิงแต่งกายไม่สมควรยั่วยวนผู้ชาย ดังนั้นจำเป็นต้องหยุด พวกคุณก็รู้ดีว่าพวกผู้ชายชอบอะไร การแต่งกายยั่วยวนเป็นการกระตุ้นให้พวกเขาทำสิ่งต่างๆ

ส่วน เรฟริซัล รองประธานคณะกรรมาธิการกิจการครอบครัวของรัฐสภา ซึ่งเป็นหัวหอกในการผลักดันกฎระเบียบใหม่นี้บอกกับเอเอฟพีว่า “กระโปรงสั้นและชุดวาบหวิวคือการเชื้อเชิญ ส.ส.ผู้ชาย

สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่าความเคลื่อนไหวนี้ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.สตรี 2 ราย ซึ่งแต่ก่อนแคยประกอบอาชีพนางแบบ อย่างไรก็ตามทางกลุ่มสิทธิสตรีของอินโดนีเซียแสดงความขุ่นเคืองต่อความเห็น ดังกล่าวและเรียกร้องให้หยุดสร้างภาพตัวร้ายให้แก่เหยื่อที่ถูกข่มขืน
มันน่าหัวร่อ เป็นอีกครั้งที่เรื่องนี้หลุดออกมาจากปากของบุคคลที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพล ชิคกา โนยา ผู้ก่อตั้งองค์กร Action for Women Against Rape บอกกับเอเอฟพี “เราคาดหวังให้พวกเขาสร้างกฏระเบียบเพื่อปกป้องผู้หญิงจากความรุนแรง ไม่ใช่ประณามพวกเธอจากการแต่งกาย

ความเห็นของสมาชิกสภาอินโดนีเซียมีขึ้นเพียง 6 เดือนหลังจาก ฟัวซิ “โฟเก” โบโว ผู้ว่าราชการจังหวัดจาการ์ตา แสดงความคิดเห็นคล้ายๆกัน โดยบอกว่าคดีข่มขืนหลายๆครั้งบนรถมินิบัสสาธารณะของเมืองมีต้นตอมาจากการสวม กระโปรงสั้นของเหยื่อ พร้อมกันนั้นเขายังเรียกร้องให้ผู้หญิงงดสวมกระโปรงสั้นเวลาใช้บริการขนส่ง สาธารณะ
ทั้งนี้ความเห็นของเขาได้จุดชนวนการประท้วงขององค์กรสิทธิสตรีกลุ่ม หนึ่ง ที่ใช้สโลแกนว่า “กระโปรงของฉัน สิทธิของฉัน

Women’s groups expressed outrage Tuesday after Indonesia’s parliament said it would draft rules banning female lawmakers from wearing “provocative” clothing such as miniskirts to work and claimed such dress invited rape.
“We know there have been a lot of rape cases and other immoral acts recently, and this is because women aren’t wearing appropriate clothes,” house of representatives speaker Marzuki Alie said.
“Women wearing inappropriate clothes arouse men, so it needs to be stopped. You know what men are like — provocative clothing will make them do things.”
Refrizal, the deputy head of the household affairs committee, which is spearheading the new regulation, told AFP that “miniskirts and skimpy clothes are an invitation to male lawmakers”.
The move was also backed by two female house members who formerly worked as fashion models, local media reported.
Indonesian women’s rights groups said they were outraged by the comments and called for a stop to the demonization of rape victims.
“It’s ridiculous that this is again coming from the mouths of prominent people with influence,” Action for Women Against Rape founder Chicka Noya told AFP.
“We expect them to make regulations to protect women from violence, not condemn them for the way they dress.”
The comments come just six months after the Jakarta governor, Fauzi “Foke” Bowo, made similar remarks, saying that a spate of rape cases on the city’s public minibuses were triggered by victims’ miniskirts.
He urged Indonesian women to refrain from wearing miniskirts on public transport.
His remarks prompted a protest in which women yelled the slogan “My miniskirt, my right. Foke you”, referring to the governor’s nickname.
The protest was inspired by the global “SlutWalk” phenomenon, which began in Toronto last year as hundreds protested about a comment made by a police constable that “women should avoid dressing like sluts in order not to be victimized”.

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9550000029921
http://english.alarabiya.net/articles/2012/03/06/198972.html

ผ่านเข้ารอบ THAILAND GOT TALENT SEASON 2 ปี 2012

ผ่านการคัดเลือก thailand got talent 2012
ผ่านการคัดเลือก thailand got talent 2012

จากการคัดเลือกผู้เข้าร่วมรายการ
THAILAND GOT TALENT SEASON 2 ปี 2012
เป็นออดิชั่นรอบแรก ณ กาดสวนแก้ว จังหวัดเชียงใหม่
เมื่อวันที่ 11-12 กุมภาพันธ์ 2555
แล้วออดิชั่นรอบต่อไป ที่โรงละครอักษรา กรุงเทพฯ
วันที่ 16-25 มีนาคม 2555 เวลา 10.00-19.00 น.

พบว่า นักศึกษา มหาวิทยาลัยเนชั่น (Nation University)
จำนวน 4 คน ผ่านรอบคัดเลือก ได้แก่

1. นายโชคชัย นันต๊ะภาพ ชั้นปีที่ 4
คณะสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษธุรกิจ
2. นายวิชัย อุดมเลิศ ชั้นปีที่ 1
คณะบริหารธุรกิจ สาขาการบัญชี
3. นายอเนก อัครนันท์ ชั้นปีที่ 2
คณะวิทยาศาสตร์สุขภาพและเทคโนโลยี สาขาสาธารณสุขศาสตร์
4. นายปิยะพงษ์ ปาสิงห์ ชั้นปีที่ 3
คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สาขานิเทศศาสตร์

เชิญชม เชียร์ เป็นกำลังใจด้วยกันนะครับ

http://www.thailandsgottalent.tv/news/news-chiangmaipr-140212

กรรมการ และข่าวที่เชียงใหม่
กรรมการ และข่าวที่เชียงใหม่

สุดยอดโฆษณา

มีคนบอกว่านี่คือ สุดยอดโฆษณา
ผมว่าสมเหตุและสมผล
โฆษณานี้ทำได้ดีมาก เรื่อง แรงบันดาลใจ
ทำให้ผมนึกไปถึงคลิ๊ป
เรื่อง บันทึกคุณ .. กำหนดเอง
โดย แพทย์รามา (ที่ผมคิดว่าดีที่สุด ด้านแรงบันดาลใจ)

ขนมจีนราคา 15 หรือ 50 บาท

ข้าวแกง 15 หรือ 50 บาท
ข้าวแกง 15 หรือ 50 บาท http://yfrog.com/g09mtwij

จากภาพ
ขนมจีนเหมือนกัน แต่เป็นขนมจีนไม่เหมือนกัน
เท่าที่เห็นราคาต่างกัน คือ 15 กับ 50 บาท
ถ้าสั่งขนมจีนน้ำยาของ 2 ร้าน จะจ่ายไม่เท่ากัน

ที่แน่ ๆ ร้านหนึ่งอยู่เชียงใหม่ อีกร้านอยู่กรุงเทพฯ
เชื่อได้ว่า ราคา 15 บาท กำลังจะเปลี่ยนไป
อาจปรับเปลี่ยนเป็น 50 บาท ในอนาคต
ที่ต้องใช้เวลาอยู่สักหน่อย ..

มาลุ้นกันครับ
ว่าอีกกี่ปีขนมจีนราคา 15 บาทจะขึ้นเป็น 50 บาท

http://hilight.kapook.com/view/60328

เล็งคุม ราคาข้าวแกง-อาหารตามสั่ง ไม่เกิน 25 บาท


http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=11823&page=17

http://yfrog.com/g09mtwij

แม่ปู กับลูกปู

teacher
teacher

3 มี.ค.55 นิทานเรื่อง แม่ปู กับลูกปู (The Mother Crab and Her son) .. ผมว่าเป็นนิทานอมตะนะครับ เพราะรู้สึกว่า เล่าเมื่อไหร่ ก็ไม่เบื่อ เพราะเราเห็นแม่ปูเดินเพ่นพ่านเต็มบ้านเต็มเมือง ลองนึกถึงคำว่า เศรษฐกิจพอเพียง ศีลในศาสนา ภาษาอังกฤษของเยาวชน การใช้เทคโนโลยีในโรงเรียน หรือ Tablet PC

จากคลิ๊ป .. มนุษย์ต่างกับแม่ปูนิดหน่อย
คือ มนุษย์จะสอนนักเรียนเสมอ แม้รู้ว่าตัวเองทำไม่ได้ ก็ยังพร่ำสอน
เช่น เป็นคนดีนะ ขยัน เชื่อฟังผู้ใหญ่ อยู่ในกฎเกณฑ์ ตั้งใจเรียน เพื่ออนาคตของตน
แต่ในนิทาน แม่ปูจะหยุดสอน เพราะรู้ว่าตนเองทำไม่ได้ แล้วก็คงสอนเฉพาะสิ่งที่ทำได้