โปรแกรมต่อต้านไวรัสคอมพิวเตอร์

worm diagram
worm diagram

http://www.microsoft.com/thailand/security/Safety.aspx?GroupID=2&No=2

โปรแกรมต่อต้านไวรัส ฆ่าไวรัส หรือป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ คือโปรแกรมสามัญประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อป้องกันมัลแวร์ (Malware) หรือโปรแกรมที่ไม่พึงประสงค์ (Malicious Software) ที่ถูกนักคอมพิวเตอร์บางกลุ่มสร้างขึ้น เพื่อเปลี่ยนแปลง ทำลายข้อมูล หรือก่อกวนการทำงาน ซึ่งมีหลายประเภท อาทิ ไวรัส เวิร์ม ม้าโทรจัน สปายแวร์ แอดแวร์ หรือสแปม แต่มีนักคอมพิวเตอร์อีกกลุ่มพัฒนาโปรแกรมขึ้นมา เพื่อตรวจจับ ป้องกันการทำงานของโปรแกรมไม่พึงประสงค์ คอยทำหน้าที่เฝ้าระวัง ตรวจสอบว่ามีโปรแกรมเหล่านี้เข้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์หรือไม่ และดำเนินการอย่างเหมาะสมกับโปรแกรมแต่ละประเภท ในโปรแกรมต่อต้านไวรัสบางตัว เมื่อพบโปรแกรมต้องสงสัยจะนำไปเก็บไว้ในส่วนกักกัน (Quarantine) ไว้ก่อน ให้เจ้าของเครื่องได้พิจารณาก่อนดำเนินการลบออกไปจากเครื่องเป็นลำดับต่อไป

โปรแกรมต่อต้านไวรัสที่น่าเชื่อถือมักพัฒนาโดยบริษัทเอกชน และจัดทำเป็นชุดซอฟท์แวร์ที่มีความสามารถที่สมบูรณ์สำหรับจำหน่าย แยกประเภทตามลักษณะการใช้งานของผู้ใช้ทั้งประเภทบุคคล องค์กร หรือเครื่องบริการ แต่ถ้ายังไม่มีกำลังทรัพย์สามารถดาวน์โหลดรุ่นทดลองใช้ (Trail) ซึ่งคล้ายกับรุ่นสมบูรณ์แต่จำกัดเวลา หรือรุ่นฟรีที่ถูกจำกัดความสามารถ มาทดสอบใช้งานจนมั่นใจในสินค้า แล้วกลับไปซื้อรุ่นสมบูรณ์ในภายหลังได้ การเลือกโปรแกรมต่อต้านไวรัสขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ สามารถหาข้อมูลจากผลการจัดอันดับโปรแกรมฆ่าไวรัสฟรี หรือสอบถามเพื่อนร่วมงานที่มีประสบการณ์ก็อาจได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
การจัดอันดับโปรแกรมต่อต้านไวรัสมีเกณฑ์พิจารณาตามที่ผู้จัดอันดับกำหนดขึ้น อาทิ ความสามารถในการป้องกัน การค้นหา การซ่อมแซม การใช้งานง่าย ประสิทธิภาพ ครอบคลุมการตรวจจับโปรแกรมไม่พึงประสงค์อื่น อาทิ keylogger, bot, phishing, rootkits, email scan, quarantine, auto USB detect และมีจำนวนรายชื่อโปรแกรมไม่พึงประสงค์ที่ครอบคลุม สำหรับโปรแกรมที่ผู้เขียนแนะนำว่าใช้ได้ฟรี คือ Bitdefender, AVG, Avast และ Avira ที่มักติดอยู่ในผลการจัดอันดับอยู่เสมอ

ชุมชนต่างจังหวัดใช้สื่อสังคมน้อยมาก (itinlife442)

check friend profile
check friend profile

มีการเปิดเผยผลการจัดอันดับเมืองที่ใช้เฟสบุ๊ค เมื่อ 15 มีนาคม 2554 โดยเว็บไซต์ socialbakers.com พบว่ากรุงเทพฯ อยู่อันดับ 5 มีบัญชีผู้ใช้อยู่ 7,419,340 บัญชี และตัวเลขสุดท้ายเมื่อต้นกุมภาพันธ์ 2556 มี 12,797,500 บัญชี โดยกรุงเทพฯ เลื่อนขึ้นมาเป็นอันดับ 1 จากจำนวนบัญชีผู้ใช้ทั้งประเทศราว 18,271,4800 บัญชี ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่อาจสะท้อนจำนวนผู้ใช้ได้อย่างชัดเจน เพราะบางท่านอาจมีสองบัญชี พบว่าเมื่อเทียบบัญชีในกรุงเทพฯ ต่อผู้อาศัยจริงจะสูงถึง 154.54% แสดงถึงความนิยมต่อการใช้งานเครือข่ายสังคมได้เชิงประจักษ์ ปัจจุบันเริ่มมีการกล่าวถึง instagram ผ่านสื่อทีวีที่นิยมในหมู่ดารา ที่แฟนคลับจะคอยติดตามว่าดาราที่ตนชื่นชอบไปทำอะไรที่ไหนเมื่อไรผ่านสื่อสังคม

มีการแสดงความเห็นว่าตัวเลขข้างต้นไม่น่าเชื่อถือ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปัจจุบัน socialbakers.com ได้ปิดบริการข้อมูลสถิติส่วนนี้ไปแล้ว แต่ข้อมูลเดิมที่อาจคลาดเคลื่อนอยู่บ้างก็สะท้อนได้ว่าคนต่างจังหวัดที่มีบัญชีในเฟสบุ๊คอยู่ราว 5.5 ล้านบัญชี หรือคิดเป็นเพียงร้อยละ 8.5 ในแต่ละจังหวัด ถ้าไม่นับรวมนักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ และพนักงานเอกชน ก็จะพบว่าคนในชุมชนต่างจังหวัดแทบไม่ใช้เฟสบุ๊ค เมื่อนึกถึง instagram ก็ยิ่งน้อยลงไปมาก ถ้าในกลุ่มเพื่อนไม่มีใครใช้เฟสบุ๊คเลย ไม่ใช่สาวกแฟนคลับ ย่อมเป็นไปได้ว่าสังคมเสมือนจริงอาจเป็นสังคมที่ร้างเพื่อนฝูงสำหรับบางคน

ครั้งหนึ่งเคยพูดคุยกับผู้นำชุมชนหลายสิบคนที่ทำหน้าที่ด้านสื่อสาร พวกเขาไม่ถนัดการใช้เทคโนโลยี ไม่สนใจสังคมเสมือนจริง ไม่มีอุปกรณ์สำหรับเข้าถึงเฟสบุ๊ค หลายท่านเคยเข้าและบอกว่าเคยเท่านั้น แต่จำรหัสไม่ได้ก็น่าจะมาจากการที่เข้าไปแล้วไม่พบสิ่งที่สนใจ ไม่พบเพื่อน ไม่พบสังคมที่คุ้นเคย หากเข้าใช้งานเฟสบุ๊คครั้งแรกก็จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการสร้างสังคม การส่งคำร้องขอเป็นเพื่อน การเข้ากลุ่ม กดไลค์ และแบ่งปัน แต่ผู้คนในชุมชนต่างจังหวัดมีความสุขกับสังคมจริง ที่ใช้ชีวิตอยู่จริง ได้พูดคุยสังสรร เฮฮา ไม่ต้องผ่านเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เหมือนคนรุ่นใหม่ นั่นคือทางเลือกของคนต่างจังหวัดที่ไม่ได้อิงแอบเอนเอียงไปกับวัฒนธรรมใหม่ที่ทะลักเข้าสู่ชุมชนเมืองตลอดเวลา

+ http://thaibbclub.com/bangkok-no-1-from-list-of-cities-on-facebook/

+ http://fbguide.kapook.com/view55860.html

+ http://stat.bora.dopa.go.th/stat/y_stat56.html

+ http://www.socialbakers.com/facebook-statistics/

+ http://www.socialbakers.com/facebook-statistics/thailand?ref=article

+ http://www.socialbakers.com/blog/647-top-10-biggest-facebook-cities

ทวิตเตอร์บล็อกสื่อลามกของไวน์ (itinlife 440)

after pregnant
after pregnant

ไวน์ (vine) คือ แอพพลิเคชั่นที่ทำงานบนสมาร์ทโฟน สำหรับถ่ายคลิ๊ปความยาว 6 วินาที แล้วอัพโหลดไปยังเครือข่ายสังคม อย่างเฟสบุ๊ค และทวิตเตอร์ได้โดยง่าย มีผู้นิยมใช้งานจำนวนมากเปิดตัวเมื่อต้นปี 2556 แต่มีข่าวว่าทวิตเตอร์เปลี่ยนนโยบายปิดกั้นคลิ๊ปประเภทสื่อลามกของ vine เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2557 มีผลต่อบัญชีผู้ใช้ที่เคยอัพโหลดคลิ๊ปประเภทนี้ทันที ในเครือข่ายอื่นก็มีนโยบายทำนองเดียวกัน เช่น youtube.com และ facebook.com ก็มีนโยบายปิดกั้นสื่อลามกมาโดยตลอด

การปิดกั้นสื่อลามกมีเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นพอให้ยอมรับได้สำหรับผู้ที่เคยกระทำ หากมีการอัพโหลด (upload) สื่อลามกเข้าไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็จะมีมาตรการแขวน (suspend) ให้บัญชีนั้นใช้งานไม่ได้ชั่วคราวจนกว่าจะลบคลิ๊ปนั้นออกไปจากการแชร์ในทวิตเตอร์ แต่ถ้ายังทำซ้ำก็อาจจะถูกแขวนถาวรก็ได้ หากพบว่าบัญชีใดเคยส่งสื่อลามกจำนวนมากเข้าไปในทวิตเตอร์ ก็จะแจ้งให้ดำเนินการกับสื่อเหล่านั้นทั้งหมดเป็นระยะเวลาหนึ่ง เหตุที่ต้องปรับนโบยายใหม่ เพราะสมาชิกของทวิตเตอร์ยังมีเยาวชนที่อายุระหว่าง 12 – 17 ปี ที่อาจเข้าถึงสื่อเหล่านี้ได้ การที่เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และรับผิดชอบต่อสังคม จึงต้องดำเนินการกับสื่อไม่พึงประสงค์เหล่านี้อย่างเหมาะสม

ทวิตเตอร์มิได้ตรวจสอบความเหมาะสมของคลิ๊ปเองทั้งหมด แต่เปิดให้สมาชิกด้วยกันได้รายงานเข้าไป แล้วมิได้ปิดกั้นสื่อลามกทุกประเภท โดยยกเว้นให้กับสื่อลามกเพื่อการศึกษา เช่น การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ หรือการประท้วงการเปลือย ซึ่งก็ต้องตีความถึงเป้าหมายของแต่ละคลิ๊ปว่าเจตนาคืออะไร นอกจากนี้ปลายปี 2556 ทวิตเตอร์ยังได้เพิ่มการจำกัดไม่ให้เยาวชนติดตามแบรนด์สุรา ที่เป็นไปตามกฎหมายการกำหนดอายุในการดื่มสุราในแต่ละประเทศที่ผู้ใช้งานอาศัยอยู่ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าการดื่มสุราเป็นภัยต่อสุขภาพ แม้จะเลิกไม่ได้ในคราวเดียว อย่างน้อยก็มีกระแสส่งเสริมการลดการดื่มสุรากันอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาชีวิต และสุขภาพของมนุษย์ด้วยกัน

http://www.pregnancysquare.com/birth/after-pregnant/141/

http://thumbsup.in.th/2013/11/twitter-trying-to-keep-the-kids-and-booze-apart-with-voluntary-age-screening/

http://edition.cnn.com/2014/03/06/tech/social-media/vine-bans-porn/index.html

นวัตกรรมสมาร์ทโฟนชะลอตัว (itinlife 439)

samsung size
samsung size

นวัตกรรม (Innovation) คือ สิ่งใหม่ที่ถูกคิดใหม่ทำใหม่และขายได้ หากความหมายเป็นเช่นนั้นก็ชวนมองนวัตกรรมสมาร์ทโฟน (Smartphone) ที่นักเทคโนโลยีให้ความสนใจและติดตามว่าจะมีอะไรใหม่ให้ผู้ใช้ยอมควักกระเป๋าไปซื้อหามาใช้ เพราะที่ผ่านมาสมาร์ทโฟนพยายามจะเข้ามาแทนที่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล แม้ราคาของสมาร์ทโฟนรุ่นใหญ่จะใกล้เคียงกับเครื่องตั้งโต๊ะหรือโน็ตบุ๊ค ก็พบว่ายอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี ด้วยความสามารถที่ดูเหมือนไม่ต่างไปจากเดิมมากนักเมื่อเปรียบเทียบแบบปีต่อปีสำหรับผู้มองหาความเปลี่ยนแปลง

ผู้ครองตลาดมี 2 ราย คือ Apple และ Samsung ซึ่ง iPhone เปิดตัวมาได้ 7 ปี ส่วน Samsung ก็จะครบ 4 ปีแล้ว แนวโน้มการพัฒนาในอนาคตเป็นเรื่องที่ท้าทาย เพราะมีคู่แข่งในตลาดจำนวนไม่น้อยสนใจตลาดสมาร์ทโฟน ทั้งจากในท้องถิ่น และทั่วโลก ขนาดของสมาร์ทโฟนเล็กกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ และแท็บเล็ตที่เป็นทั้งข้อได้เปรียบและเสียเปรียบ ดังนั้นผู้ผลิตจึงได้ออกแบบสมาร์ทโฟนให้มีขนาดที่แตกต่างกันตามความต้องการของผู้ใช้ และสามารถใช้งานแทนกล้องดิจิทอลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการพัฒนาให้สามารถถ่ายภาพได้ด้วยความละเอียดสูง แล้วอัพโหลดเข้าไปในเครือข่ายสังคมได้ทันที

ข้อบกพร่องใหญ่ของสมาร์ทโฟน คือ สิ้นเปลืองพลังงานอย่างรวดเร็ว ด้วยคุณสมบัติการเป็นอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ต้องประมวลผลที่หลากหลาย จึงมีการพัฒนาเครื่องชาร์จโทรศัพท์มือถือ (Power bank) ให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง อีกปัญหาของอุปกรณ์เคลื่อนที่คือไม่ได้ออกแบบให้เปลี่ยนแปลงระบบปฏิบัติการโดยง่าย และไม่ได้เป็นระบบหลายผู้ใช้ที่สามารถเข้าใช้อุปกรณ์ได้พร้อมกันหลายคน ด้วยเหตุที่เป็นอุปกรณ์เฉพาะสำหรับบุคคลและมีความเป็นส่วนตัวสูง ต่างกับเครื่องโน๊ตบุ๊คที่เปิดให้ใช้งานพร้อมกันได้หลายคน มีหน้าจอภาพขนาดใหญ่ที่แสดงผลแบบสามมิติได้ มีพอร์ตเชื่อมต่อได้หลากหลาย ทำให้เสน่ห์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ยังคงอยู่ เป็นเรื่องราวที่ต้องติดตามกันต่อไปว่าแนวโน้มของตลาดสมาร์ทโฟนกับเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีผลเป็นอย่างไรในอนาคตอันใกล้

http://www.zdnet.com/smartphone-innovation-is-dead-here-are-four-ways-to-breathe-life-into-it-again-7000026324/

http://www.phonandroid.com/samsung-16-tailles-ecrans-pour-26-terminaux-mobiles-est-ce-trop.html

ข่าวสารจากสายลับสองหน้า (itinlife438)

infernal affairs 2 คน 2 คม สายลับสองหน้า
infernal affairs 2 คน 2 คม สายลับสองหน้า

มีภาพยนตร์ไม่น้อยที่เล่าถึงชีวิตของสายลับสองหน้า เช่น 2 คน 2 คม ที่มีหัวหน้าตำรวจเป็นผู้ร้าย แล้วก็มีผู้เป็นมือขวาของหัวหน้าโจรที่เป็นสายของตำรวจ ทำให้ข่าวสารทั้งของตำรวจและของโจรต่างบิดเบือนจนเกิดความระแวงว่าข้อมูลใดจริง ข้อมูลใดเท็จ การดำเนินการทุกครั้งจึงต้องเก็บเป็นความลับทั้งในกลุ่มของโจร และตำรวจที่ต่างก็ไว้ใจกันไม่ได้ ความอยู่รอดคือการคัดกรองข่าวสาร และใช้ข่าวนั้นอย่างระมัดระวังที่สุด มีคำกล่าวว่าดูภาพยนตร์ให้ย้อนดูตัว ก็พบว่าสังคมในปัจจุบันใช้โซเชียลมีเดียเป็นที่เผยแพร่ข่าวสารที่มีทั้งจริงบ้างเท็จบ้างปะปนกันไป

เหตุการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันเป็นสงครามของข้อมูลอย่างแท้จริง มีการปล่อยข่าวออกจากทั้งสองฝ่าย แต่ก็ต่างปฏิเสธว่าตนไม่เกี่ยวในกรณีเป็นข่าวด้านลบ แล้วใช้การพาดพิงว่ามีฝ่ายที่สามเข้าไปสร้างสถานการณ์ เพื่อหลีกเลี่ยงการรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่ไม่ได้ควบคุม หรือไม่อาจแสดงความรับผิดชอบได้ ทั้งสองฝ่ายมีผู้เห็นด้วยเป็นหลักล้าน อาจมีบางคน หรือบางกลุ่มในฝ่ายนั้น กระทำการที่ไม่ใช่มติของฝ่าย ก็เป็นวิจารญาณที่ต่างก็ดำเนินการกันไป และก็เข้าใจแตกต่างกันไป มีการใช้ภาพบุคคลที่มีชื่อเสียงมาใส่ข้อความว่าสนับสนุน หรือคัดค้าน เพื่อสร้างความชอบธรรมในการกระทำของตน หรือใช้กล่าวโทษฝ่ายตรงข้าม แล้วแบ่งปันในกลุ่มของตนได้ร่วมกันวิจารณ์ไปในมุมที่เห็นพ้องของฝ่ายตน

ในแต่ละวันมีโพสต์ของเพื่อนที่แบ่งปันในเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม หรือไลน์มากมาย ทั้งที่เชื่อได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่มีบางโพสต์ที่น่าสนใจ คือ โพสต์ที่ถูกฝ่ายตรงข้างหยิบยกขึ้นมาประนามการกระทำ เมื่อเข้าไปติดตามดูก็ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าของโปรไฟร์กำลังทำตัวเป็นสายลับสองหน้าหรือไม่ เพราะมีพฤติกรรมด่าทอฝ่ายหนึ่งอย่างรุนแรง แล้วพยายามให้ข้อมูลมัดตัวเองว่าฝ่ายของตน หรือตนเองเป็นผู้ร่วมกระทำผิด เป็นผู้เห็นด้วยหรือสมรู้ร่วมคิดกับทุกการกระทำที่เป็นความผิดของฝ่ายตน เสมือนว่ากำลังสร้างข้อมูลหลักฐานให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปใช้ประนามอย่างสมเหตุสมผล ว่ากระกระทำที่ผิดในทุกครั้งเป็นผลงานที่พวกตนชื่นชม เป็นเรื่องน่าพึงระวังในการรับรู้ข่าวสารที่จำเป็นต้องวิเคราะห์และหาข้อมูลให้มากกว่ายุคใด เพราะมีข้อมูลที่ถูกบิดเบือนตามความเชื่อของฝ่ายตนอยู่มากมายในเครือข่ายสังคม

http://www.youtube.com/watch?v=oMTBEoYWs_I

จริยธรรมที่ควรปกปิดหรือเปิดเผย (itinlife437)

fish
fish

ลองค้นคำว่านักเรียนตบกันแย่งผู้ชาย พบ 289,000 รายการ น่าแปลกใจว่าทำไมจึงได้มีมากมาย เมื่อเข้าไปอ่านข่าวหนึ่งใน dailynews.co.th เล่าเหตุการณ์ที่นักเรียนหญิงทะเลาะกันนอกโรงเรียนได้ละเอียดเหมือนอยู่ในที่เกิดเหตุ ก็เพราะมีเพื่อนในกลุ่มถ่ายคลิ๊ปไว้นั่นเอง เรื่องนี้ผู้บริหารโรงเรียนคิดว่าโรงเรียนเสียหาย จึงทำทัณฑ์บนกับผู้ก่อเหตุ เตรียมดำเนินการฟ้องร้อง และดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้นำคลิปไปโพสต์ ผู้บริหารโรงเรียนก็เห็นแก่ชื่อเสียงของโรงเรียน ไม่ต้องการให้ใครรู้มากไปกว่าเดิมว่านักเรียนในความปกครองมีความประพฤติหรือมีจริยธรรมไม่งามตามที่ปรากฎในคลิ๊ป

นักเรียนในปัจจุบันกลายเป็นเหยื่อของสื่อที่ไม่เหมาะสม ถ้าเอ่ยชื่อนักแสดงนำฝ่ายหญิงในละครที่ชื่อลำยอง หรือมุนินกับมุตา ก็คาดว่าหลายคนคงรู้จัก หรือการ์ตูนญี่ปุ่นก็จะมีพระเอกนางเอกอายุน้อยนิด การแต่งตัวและต่อสู้ช่วงชิงเพศตรงข้ามกลายเป็นธรรมชาติที่ล้วนเป็นแบบอย่างที่ไม่งาม  เมื่อนักเรียนประพฤติตัวคล้ายตัวละครในสื่อ เช่น ตบตี แต่งตัว หรือคบหากันอย่างชู้สาวก่อนวัยอันควร กลับเป็นความผิดของเด็กไปทั้งหมด ทั้งที่แบบอย่างเหล่านั้นมาจากสื่อที่เราท่านพบเห็นกันอยู่ทุกวัน บางโรงเรียนอาจมีบทลงโทษที่รุนแรง และมีมาตรการห้ามนักเรียนพูดเรื่องการผิดจริยธรรมของเพื่อนให้ใครฟัง เพื่อรักษาภาพพจน์ของโรงเรียนสืบต่อไป

โบราณว่า ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง ก็เหมือนเหตุการณ์นี้ที่นักเรียนคนใดทำผิดจริยธรรมก็ถูกผู้รับสารตีความไปว่า นักเรียนทั้งโรงเรียนมีพฤติกรรมทำนองนั้นทั้งหมด จึงเป็นความชอบธรรมที่ทุกองค์กรจะปกปิดความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในองค์กร ไม่ยอมปล่อยข่าวเชิงลบออกไปสู่สังคม แต่ถ้าเป็นข่าวนักเรียนได้รางวัลก็จะพยายามเผยแพร่ข่าวสารให้ทราบทั่วกัน เพื่อให้เพื่อนร่วมโรงเรียนมีความมุ่งมั่น แข่งขันกันเพื่อความเป็นเลิศ และเชื่อว่าผู้รับสารทั่วไปจะตีความว่านักเรียนทั้งโรงเรียนมีลักษณะเช่นนั้น และเป็นความภูมิใจของทั้งโรงเรียน นี่เป็นเพียงประเด็นหนึ่งที่น่าขบคิดและต้องยอมรับว่ามีค่านิยมแบบนี้จริง ทั้งเด็กเลียนแบบสื่อ นิยมการแข่งขันเพื่อรางวัล และนิยมปกปิดความผิด เพื่อรักษาประโยชน์ของกลุ่ม

http://www.dailynews.co.th/Content/regional/178223/

http://funtales4u.blogspot.com/2011/06/blog-post.html

อุปกรณ์ควบคุมยุคทีวีดิจิทอล (itinlife 435)

sony have digital tuner
sony have digital tuner

ไม่กี่วันก่อนมีปัญหาที่บ้าน เรื่องอุปกรณ์ควบคุมทีวี หรือรีโมทคอนโทรล (Remote Control) ไม่ทำงาน ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับสั่งงานทีวีจอตู้ขนาด 14 นิ้ว ที่บ้านหลังนั้นมีทีวีคล้ายกันที่ใช้งานมาหลายปีเริ่มหมดสภาพไปทีละเครื่อง ก่อนหน้านี้ทีวีรุ่นบุกเบิกจะไม่มีรีโมท แต่มีปุ่มควบคุมให้เลือกกดโดยง่ายเต็มไปหมด เมื่อเข้าสู่ยุครีโมทก็จะหาปุ่มบนทีวีไม่พบ มีเพียงไม่กี่ปุ่ม อาทิ ปุ่มปิดเปิด ปุ่มปรับเสียง ปุ่มเปลี่ยนช่อง ส่วนคุณสมบัติมากมายถูกย้ายไปอยู่บนรีโมทคอนโทรล ถ้าเป็นทีวีรุ่นกลางเก่ากลางใหม่ก็จะมีเพียงปุ่มปิดเปิดเท่านั้นบนทีวี และเมื่อใดที่รีโมทเสียก็จะควบคุมทีวีไม่ได้เลย แต่รีโมทสำหรับทีวีรุ่นเก่าราคาประมาณ 100 บาทเท่านั้น ถ้าต้องเลือกระหว่างซื้อทีวีใหม่กับรีโมทใหม่ในช่วงนี้ก็ตัดสินใจได้ไม่ยาก

ปัจจุบันมีทีวีรุ่นใหม่รับคำสั่งจากผู้ชมผ่านการโบกมือ ไม่ต้องใช้รีโมทคอนโทล ถือเป็นนวัตกรรมของทีวียุคดิจิทอล แล้วในอนาคตอันใกล้ประเทศไทยจะเปลี่ยนจากทีวีอนาล็อกเป็นดิจิทอล ทำให้ทีวีเก่าที่ใช้เพียงหนวดกุ้งจะรับชมทีวีสาธารณะไม่ได้ หากจะทำให้ดูได้ต้องซื้ออุปกรณ์ต่อพ่วงเพิ่มอีก 1 รายการที่เรียกว่ากล่องแปลงสัญญาณ (Set top box) ส่วนทีวีดาวเทียม หรือเคเบิ้ลทีวีเคยรับชมได้นับร้อยช่องจะรับชมทีวีดิจิทอลได้อัตโนมัติ มีข่าวว่าภาครัฐจะสนับสนุนประชาชนให้สามารถเปลี่ยนไปรับชมทีวีดิจิทอลโดยไม่กระทบมากนัก อาจมาในรูปของคูปองซื้อกล่องแปลงสัญญาณ หรือให้รับกล่องได้ฟรี จะเป็นแบบใดก็ต้องติดตามนโยบายกันต่อไป

ทำนายตามแนวโน้มการตลาด (Marketing Trend) ว่าทีวีจะมีราคาลดลง เพราะทีวีจอแบนขนาด 32 นิ้วมีราคาไม่ถึงหนึ่งหมื่นบาทแล้ว ส่วนใหญ่ยังไม่มีกล่องแปลงสัญญาณในตัว ส่วนสมาร์ททีวี (Smart TV) รุ่นที่มี Built-in Digital Tuner แบบ DVB-T2 (Digital Video Broadcasting – Second Generation Terrestrial) จะไม่ต้องหากล่องแปลงสัญญาณมาติดตั้งเพิ่มเติมเพื่อรับชมทีวีดิจิทอล   โดยยี่ห้อทีวีดิจิทอลที่ กสทช. อนุมัติให้มีอุปกรณ์ในตัวเมื่อปลายปี 2556 มี 4 ยี่ห้อ คือ Panasonic, Sony, LG และ Samsung แต่จะมีรุ่นใดออกมาจำหน่ายบ้างต้องรอต่อไป เพราะมีข่าวว่ารุ่นเก่ายังมีเหลืออีกมาก ถ้าออกรุ่นใหม่มาก็จะประสบปัญหาอย่างแน่นอน ถ้าท่านเป็นลูกค้าที่ยังอดทนต่อราคาที่ลดลง และรอซื้อรุ่นใหม่ที่มี Tuner ในตัวก็เป็นเรื่องต้องพิจารณากันละเอียด สำหรับผมรอให้ราคาทีวีรุ่นเก่าลดลงอีกเล็กน้อยก็จะเก็บมาไว้สักเครื่องหนึ่ง

http://www.tvdigital.in.th/node/45

http://www.lcdtvthailand.com/article/detail.asp?param_id=1521

TV remote control
TV remote control

แท็บเล็ตช่วยการศึกษาจริงหรือ (itinlife416)

game ช่วยส่งเสริมจินตนาการของเด็ก
game ช่วยส่งเสริมจินตนาการของเด็ก

ติดตามข่าวเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการศึกษาควบคู่กันไป พบว่าผลการพัฒนาทั้งสองด้านไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ยิ่งสนับสนุนให้เด็กใช้แท็บเล็ต ใช้เทคโนโลยี ใช้อุปกรณ์มาก แต่กลับพบว่าการพัฒนาด้านการศึกษามีผลไม่เป็นตามที่คาดหวัง ในด้านเทคโนโลยีเราพบปัญหาในการแจกแท็บเล็ตนักเรียนหลายประเด็นทั้งกระบวนการจัดการเรียนการสอน เนื้อหา ทักษะ การดูแล และผลสัมฤทธิ์ การแจกอุปกรณ์ในระดับอุดมศึกษาก็มักมีเป้าหมายเพื่อการประชาสัมพันธ์ มิใช่การพัฒนากระบวนการในการจัดการเรียนการสอนให้ได้คุณภาพ

เมื่อตรวจสอบสถิติการเข้าถึงเว็บไซต์ด้านการศึกษาที่หวังว่าเยาวชนจะใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงเว็บไซต์ด้านการศึกษาที่มีมากกว่า 900 เว็บไซต์ก็พบว่า สถิติการเข้าถึงเว็บไซต์กลุ่มนี้ไม่ได้เพิ่มขึ้นชัดเจน และไม่มีเว็บไซต์ด้านการศึกษาใดอยู่ใน 30 อันดับแรกที่คนไทยเข้าใช้บริการ แต่สถิติในภาพรวมของการเข้าถึงเทคโนโลยีกลับเพิ่มขึ้น ทั้งการเข้าถึงเฟสบุ๊ก และไลน์ ส่วนยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตก็เพิ่มขึ้น โดยกลุ่มที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากที่สุดคือ นักเรียน นักศึกษา ที่มีอายุระหว่าง 13 ถึง 22 ปีนี้เอง ส่วนสถิติการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของประชากรโลกมี 2700 ล้านคนจากทั้งหมด 4300 ล้านคน

แม้สถิติการใช้เทคโนโลยีจะเพิ่มขึ้น แต่ข่าวด้านการศึกษากลับแย่ลง อาทิ ข่าวทุจริตครูผู้ช่วยสะท้อนถึงคุณภาพของครูที่จะไปสอนเด็ก ผลสอบของเด็กไทยในเวทีโลก การยุบโรงเรียนเล็กเพราะมีครูสองสามคนสอนเด็กทั้งโรงเรียน  และการจัดอันดับการศึกษาในกลุ่มอาเซียนเป็นที่ 8 อยู่รั้งท้ายของกลุ่ม แล้วยังมีข่าวการพัฒนาการศึกษาที่ยิ่งพัฒนาก็ยิ่งเห็นถึงปัญหา อาทิ ปัญหาการสอบตรง ปัญหาการเลื่อนชั้นแบบปล่อยผ่าน ปัญหาภาษาอังกฤษ ทำให้มีข้อสังเกตว่าเยาวชนไทยไม่ได้ใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการศึกษาของตนหรือไม่ แต่ใช้เวลาไปกับการสื่อสาร การเข้าสังคม การดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม จนทำให้เวลาที่ต้องให้กับการศึกษาลดลง สำหรับเยาวชนบางคนอาจติดเทคโนโลยี จนกระทั่งเบียดเบียนเวลาเรียน เช่น โดดเรียนไปเล่นเกม ไม่ทำการบ้านเพราะติดเกม หรือเล่นเกมระหว่างเรียนในห้องเรียน จนมีบางโรงเรียนออกกฎ และมาตรการไม่ให้บริการเกมในโรงเรียนก็มีอยู่ไม่น้อย ซึ่งสะท้อนได้ว่าเทคโนโลยีอาจเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาสำหรับเยาวชนบางคนก็เป็นได้ ถ้าไม่รู้จักใช้เทคโนโลยีให้เป็น ก็อาจถูกเทคโนโลยีปั่นหัวเอาได้

http://stuffpinho.com/facebook-wants-to-take-internet-to-the-rest-of-the-world/

http://www.news.com.au/technology/breaking-the-cycle-of-of-kids-tablet-troubles/story-e6frfro0-1226629555369

ปิดซื้อซองประมูลทีวีดิจิทอล (itinlife415)

เด็กดูทีวี
เด็กดูทีวี

http://www.personal.psu.edu/users/d/j/djw5068/assignment%205.html

ระบบทีวีในประเทศไทยกำลังจะเปลี่ยนไปจากระบบอนาล็อกที่มีเพียงไม่กี่ช่อง เป็นระบบดิจิทอลที่มีนับร้อยช่อง โดย กสทช. ได้เปิดให้มีการซื้อซองประมูล ทีวีดิจิตอล ระหว่าง 10-12 ก.ย.56 แล้วเปิดให้ยื่นซอง 28-29 ต.ค.56 แล้วประกาศรายชื่อผู้เข้าประมูลไม่เกิน 45 วันหลังรับซอง พบว่ามีเอกชนเข้าซื้อซองกว่า 33 ราย จำหน่ายไป 49 ซอง ในราคาซองละ 1,070,000 บาท ซึ่งคนทั่วไปไม่สามารถซื้อซองที่มีราคาสูงระดับนี้ได้อย่างแน่นอน แล้วการประมูลก็หมายถึงการแข่งขันด้านราคา ใครให้ผลตอบแทนสูงสุดก็จะชนะการประมูล เมื่อมีการแข่งขันก็ต้องมีผู้ผิดหวัง เพราะมีช่องทีวีที่จะเปิดให้เอกชนเข้ามาดำเนินการได้มีเพียง 24 ช่อง หรือครึ่งหนึ่งต้องผิดหวังไป

ช่องรายการที่เปิดประมูลประกอบด้วย หมวดเด็ก เยาวชน และครอบครัว 3 ช่อง ซื้อซอง 8 ราย  ส่วนหมวดข่าว 7 ช่อง ซื้อซอง 12 ราย ส่วนหมวดทั่วไปคมชัดปกติ (SD) 7 ช่อง ซื้อซอง 17 ราย และหมวดทั่วไปความชัดสูง(HD) 7 ช่อง ซื้อซอง 12 ราย จะพบว่าการแข่งขันสูงสุดอยู่ในหมวดเด็ก เยาวชน และครอบครัว เป็น 2.67 เท่าของจำนวนช่องที่เปิดประมูล รองลงมาคือหมวดทั่วไปคมชัดปกติ เพื่อมีผู้ซื้อซองกว่า 2.4 เท่า และอีกสองหมวดเท่ากันมีผู้ซื้อซองมากกว่าช่องที่เปิดประมูลเป็น 1.7 เท่า

เป็นที่น่าสนใจของสื่อทุกแขนงที่จะหยิบเรื่องนี้มาเล่าต่อ วิเคราะห์วิพากษ์ เพราะบริษัทที่เข้าประมูลทั้งหมดเป็นบริษัทขนาดใหญ่ เป็นที่น่าสนใจแล้วกระทบต่อการสื่อสารกับประชาชนโดยตรง เมื่อเอ่ยชื่อบริษัทเหล่านั้นก็จะเป็นที่คุ้นเคยในแวดวงสื่อ เป็นการเริ่มต้นประวัติศาสตร์ใหม่ของระบบทีวีดิจิทอลในประเทศไทยว่าใครจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ แต่เวทีนี้มีจำกัด เมื่อมีผู้อาสาเข้ามามากกว่าพื้นที่ที่มีก็ต้องมีคนได้ไปต่อ และมีคนที่ไม่ได้ไป สำหรับเงื่อนไขการพิจารณาคือวงเงินงบประมาณที่จะจ่ายให้กับภาครัฐ ใครจ่ายมากก็จะได้ไปต่อ เป็นการแข่งขันครั้งสำคัญที่กระทบสื่อทุกแขนง บริษัทที่มีประสบการณ์ต่างหันหัวเรือเข้าหาทีวีดิจิทอลมากเป็นประวัติกาล แล้วเราชาวไทยคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในปีต่อไป

http://prachatai.com/journal/2013/09/48721

http://www.manager.co.th/Cyberbiz/viewNews.aspx?NewsID=9560000115326

http://www.3bb.co.th/news/techno_detail.php?cnt_id=3199

พลังในการชี้นำของสื่อ (itinlife410)

รัฐบาลเลือกแล้ว คำตอบคือ คุ้ม
รัฐบาลเลือกแล้ว คำตอบคือ คุ้ม

เอแบคโพลเคยเสนอผลวิจัยเชิงสำรวจว่าคนไทยยอมรับได้ ถ้ารัฐบาลทุจริตคอรัปชั่น แต่ขอให้ตนเองได้ประโยชน์ด้วย พบว่ากลุ่มตัวอย่างยอมรับได้ร้อยละ 63.4 และกลุ่มอายุต่ำกว่า 20 ยอมรับมากที่สุดคือร้อยละ 68.2 ซึ่งเป็นค่านิยมที่ไม่ดี แล้วเดือนสิงหาคม 2556 ได้ติดตามความพยายามของพรรคการเมืองเก่าแก่พรรคหนึ่งที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรม แล้วพยายามชี้นำว่าร่างกฎหมายฉบับนี้มีความไม่ชอบธรรมและเรียกร้องให้ประชาชนออกมาต่อต้านนอกสภา แต่จำนวนประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกลับมีจำนวนไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย

เว็บไซต์ข่าว-สื่อ อันดับหนึ่งของประเทศที่ประกาศจุดยืนชัดว่าไม่เป็นกลาง แต่ยืนอยู่ข้างความถูกต้อง ได้แสดงความผิดหวังต่อท่าทีของพรรคการเมืองหนึ่งที่เคยออกมาแสดงตนว่าจะนำค้านการออกกฎหมายฉบับหนึ่งอย่างชัดเจน แล้วเปรียบเปรยบทบาทของพรรคการเมืองที่จะออกมานำกับเนื้อเพลงว่าขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา ส่วนผู้คนในสื่อสังคมที่น่าจะคล้อยตามการชี้นำของสื่อเลือกข้างในหลายกระแสกลับไม่เป็นไปตามที่คาด เพราะคนไทยเลือกได้ ดังนั้นคนไทยส่วนหนึ่งไปสนใจข่าวการจดทะเบียนของดาราสาวกับทายาทนักการเมือง จนข่าวดาราไปกลบข่าวการเมือง แต่ถ้าไม่มีข่าวดาราก็คาดได้ว่าประชาชนคงไม่ออกไปต่อต้านเหมือนเดิม

เมื่อนึกถึงประโยคที่ว่า คนไทยยอมรับการคอรัปชั่นได้ ถ้าตนเองได้ประโยชน์ ก็จะเข้าใจปรากฎการณ์นิ่งเฉยแล้วไม่ออกไปแสดงพลังตามการยั่วยุชี้นำของสื่อได้ชัดเจน เพราะกลุ่มคนที่ได้ประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมามีหลายกลุ่ม หากออกมาต่อต้านก็เท่ากับออกมาทุบหม้อข้าวหม้อแกงของตนเอง ตัวอย่างนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อคนไทยในแต่ละกลุ่ม อาทิ การขึ้นเงินเดือนข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษาเป็นหนึ่งหมื่นห้าพันบาท นโยบายจำนำข้าวที่มีแต่ชาวนาที่ได้ประโยชน์ การแจกแท็บเล็ตนักเรียนประถมและมัธยม นโยบายรถคันแรกที่มีผู้ใช้สิทธ์ไปกว่า 1.2 ล้านคัน การใช้สื่อและเครือข่ายสังคมมิใช่ปัจจัยเดียวที่จะทำให้คนไทยคล้อยตามได้ แต่ความเชื่อและผลประโยชน์เป็นปัจจัยสำคัญที่จะเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม การเปลี่ยนแปลงทัศนคติ หรือชี้นำเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจและเป็นไปได้ยาก หากขัดกับผลประโยชน์ของบุคคล หรือส่วนรวม