การจัดการรายการต้นแบบ ใน MS Word

โปรแกรมเอกสาร (MS Word) มีคุณสมบัติหนึ่ง คือ ระบบบรรณานุกรม ที่เก็บรายการต้นแบบ และรายการปัจจุบัน ที่สามารถบันทึกแหล่งข้อมูล แล้วเลือกใช้รายการปัจจุบันในเอกสารที่เปิดอยู่ หรือนำมาแทรกเป็นเอกสารอ้างอิงท้ายรายงาน หรือท้ายบทความวิชาการได้ เมื่อถึงเวลาต้องสรุปเอกสารอ้างอิงนั่นเอง ดังนั้น นักวิจัย สามารถอ่าน เขียน สรุปรายการงานวิจัย บทความวิชาการ และบันทึกเป็นแหล่งข้อมูลให้ได้จำนวนและเนื้อหาที่เพียงพอ แล้วทำการรีวิวอย่างเป็นระบบ เลือกมาเขียนในรายงานการวิจัย 5 บทได้

มีขั้นตอนการใช้งาน คือ เข้าแถบเมนู, การอ้งอิง, จัดการแหล่งข้อมูล, มีแหล่งที่พร้อมใช้งานใน C:\Users[user name] \AppData \Roaming \Microsoft \Bibliography \Sources.xml ซึ่งแฟ้ม Sources.xml ผู้วิจัยสามารถเพิ่ม ลบ แก้ไขได้ง่าย หากต้องการเลือกใช้ก็เพียงคัดลอกจากหน้าต่าง “รายงานต้นแบบ” เข้าหน้าต่าง “รายการปัจจุบัน” ซึ่งเอกสารอ้างอิงมีให้เลือกได้หลายรูปแบบ เช่น APA, Chicago, IEEE, MLA, Turabian ส่วนแฟ้ม Sources.xml มีหน้าที่เก็บรายการเอกสารที่ผู้วิจัยรวบรวมจากการค้นคว้าไว้ มีได้หลายแฟ้มตามโครงการ หรือบุคคลได้ เช่น Sources_burin.xml หรือ Sources_wtu20.xml ซึ่งการเรียกแฟ้มต้นแบบเข้ามาเปลี่ยนใน MS Word จะไม่ใช่การรวมรายการกับแฟ้ม Sources.xml เดิม แต่เป็นการเปิดใหม่แทนที่แฟ้มรายการต้นแบบเท่านั้น

การอ้างอิง บน Microsoft word

ในการแทรกบรรณานุกรม ยังมีตัวเลือก “บันทึกส่วนที่เลือกลงในแกลลอรีบรรณานุกรม” ที่เรียกมาใช้ได้ หรือเข้าไป “จัดระเบียบและลบออก” ผ่าน right click ก็ได้ โดยใช้ mouse คลุมเนื้อหาส่วนที่เลือก แล้วสั่งบันทึกฯ เพื่อเรียกใช้อีกครั้งภายหลัง

https://www.thaiall.com/research/apa.htm

Background ขาดหายไป หรือไล่ระดับไม่เต็มหน้า

ผลงานโปสเตอร์ ในรูปของ PDF File กำหนดขนาดไว้ 8 นิ้ว * 18 นิ้ว ที่นิสิตทำส่ง พบปัญหากับสีพื้น (background) บ่อยครั้งใน 2 กรณี คือ 1) สีพื้นและเนื้อหาข้อมูลมาไม่ครบ และ 2) สีไล่ระดับมาเป็นท่อนเล็ก ๆ ไม่เต็มหน้าเหมือนตอนออกแบบ สำหรับกรณีสีพื้นมาเพียงครึ่งหน้านั้น เกิดจาก Default printer เป็นโปรแกรม PDFCreator ซึ่งกำหนดขนาดกระดาษเป็น A4 เมื่อสั่ง Save as หรือ Print หรือส่งออกไปแล้ว จะทำให้การแสดงผลใน PDF file ถูกจำกัดที่ A4 ส่วนที่อยู่นอกเหนือจากนี้จะหายไป วิธีแก้ไขก็เพียงแต่เปลี่ยน Default Printer

สีไล่ระดับ ที่กำหนดเป็น background นั้น จะมาเป็นท่อนเล็ก ๆ หากต้องการใช้ Feature นี้ ต้องแทรก Shape, Rectangle แล้วกำหนดสีไล่ระดับใน Shape แล้วสั่ง send to back ก็จะแสดงผลได้ตามปกติ เมื่อมีการส่งออกไปเป็น PDF หรือจะใช้ image เป็น background ก็ดูสวยดี แต่ควรต้องคำนึงถึงการแสดงผลแบบ สีคู่ตรงข้าม (Contrast Color) จะได้เห็นเนื้อหาแยกออกจากสีพื้นได้ชัดเจน

http://www.thaiall.com/office/word.htm

สีไล่ระดับ ถ้าทำใน shape จะไม่พบปัญหา

การสร้างแบบฟอร์มที่มี Text Form Field ไว้ใช้งาน

Text field forms

เมนูบาร์ (Menu bar) ของโปรแกรม MS Word ในบางเครื่องอาจไม่มี Tab : นักพัฒนา (Developer) ถ้าผู้ใช้ต้องการใช้งาน Tab นี้ ก็จะเป็นต้องเข้าไปเพิ่มแท็บด้วยตนเอง ซึ่งการเพิ่ม Tab นั้น ทำเพียงครั้งเดียว แล้วก็จะอยู่เช่นนั้น จนกว่าจะ Remove ออก

สำหรับการ Add Tab ใหม่ มีขั้นตอนดังนี้

  1. คลิ๊ก File, Option, Customize Ribbon พบ 2 หน้าต่าง คือ Choose commands From: และ Customize the Ribbon:
  2. เลือก All Commands ในช่อง Choose commands From:
  3. เลื่อนลงไปหาตัวเลือก Developer
  4. คลิ๊กเลือก Developer แล้วคลิ๊ก Add >> ที่อยู่ตรงกลางระหว่าง 2 รายการ
  5. คลิ๊ก Ok ที่มุมล่างขวา
    ซึ่งแท็บ Developer มีตัวเลือกมากมายให้เลือกดำเนินการ เช่น Visual Basic , Macros, Add-Ins , Controls, XML, Protect และ Templates

ผู้ใช้ที่ต้องการสร้างแบบฟอร์มที่มี Text Form Field ใน Legacy Forms เพื่อเป็นฟอร์มแบบ Fixed ช่องให้กรอกแบบตายตัว (Fixed format หรือ Restrict Form) เช่น แบบสอบที่เติมคำในช่องว่าง ฟอร์มสมัครงาน ฟอร์มทางการเงิน ฟอร์มบันทึกในหน่วยงาน ที่ไม่เปิดให้แก้ไข และนำไปใช้งานในระบบจัดการฐานข้อมูลได้ โดยผู้พัฒนาโปรแกรมจะเขียนโปรแกรมมาอ่านข้อมูลจากแบบฟอร์ม และแยกข้อมูลออกไปทำการประมวลผล และบันทึกเข้าระบบฐานข้อมูลได้

วิธีการสร้างฟอร์มแบบตายตัวนี้ มีขั้นตอนดังนี้

  1. พิมพ์ข้อมูลเป็นแบบฟอร์มตามปกติ อาจเป็นตาราง หรือย่อหน้าก็ได้
  2. ย้ายตำแหน่ง cursor ไปยังตำแหน่งที่ต้องการเพิ่มช่องกรอกข้อมูล
  3. เลือก Developer, Legacy Tools, Text Form Field เท่านี้ก็จะเพิ่มแล้วหนึ่งช่อง
  4. เพิ่มช่อง Text Form Field ให้ครบตามที่ต้องการ
  5. ตรวจว่าไม่อยู่ใน Design Mode แล้วไปคลิ๊ก Restrict Editing
  6. เลือก Check Formatting Restrictions
  7. เลือก Editing Restrictions, Filling in forms
  8. คลิ๊ก Yes Start Enforcing Protection
  9. กรอกรหัสผ่าน หรือไม่กรอกก็ได้ เพื่อจำกัดการเข้าถึงส่วนอื่น
  10. แฟ้มเอกสารนี้จะไม่สามารถเข้าถึงส่วนอื่นที่ไม่ใช่ Text Form Field
  11. เมื่อส่งให้ผู้ใช้ นักเรียน หรือพนักงาน กรอกข้อมูลจนครบ และ Save ตามปกติ
  12. ส่งแฟ้มกลับมาให้ผู้สร้างฟอร์มเพื่อนำข้อมูลมาประมวลผลต่อไป

สำหรับ script ภาษา php ที่ใช้อ่านแฟ้ม word เพื่อนำไปใช้กับระบบฐานข้อมูล มีตัวอย่างที่ทดสอบแล้วใน ต.ย.74 อ่าน .docx เป็น text และได้เตรียมตัวอย่างไว้ 3 แฟ้ม 1) แฟ้มเอกสารที่ไม่มีข้อมูล 2) แฟ้มเอกสารที่มีคำว่าสวัสดี และ 3) สคริปต์อ่านแฟ้มเอกสารมาใช้งาน

http://www.thaiall.com/office/word.htm

วาง ข้อความที่ไม่จัดรูปแบบ ใน word

ปัญหาที่พบวันนี้ มีเพื่อนเปิดแฟ้มเอกสาร 2 แฟ้ม แล้วต้องการคัดลอกข้อมูลจากต่างแฟ้มกัน ซึ่งแฟ้มหนึ่งมีบุคคลที่สามส่งมาให้ เมื่อคัดลอกข้อมูลจากในแฟ้มที่ได้รับมา แล้วนำไปแต่งในเอกสารที่มีอยู่ แล้วจะสั่ง Print หรือแม้แต่การบันทึกเป็น PDF พบปัญหาว่า โปรแกรมปิดตัวเองไปเฉย ๆ จากการตรวจสอบและทดสอบ พบว่า โปรแกรมที่ใช้อยู่เป็น Word 2013 และคาดว่าแฟ้มเอกสารที่ได้รับมาเป็น Word 2019 ทำให้การคัดลอกข้อมูลที่มาพร้อมกับรูปแบบที่ Word 2013 ไม่รู้จัก ทำให้มีปัญหาในการสั่งพิมพ์ แต่ปัญหานี้แก้ไขได้ ด้วยการสั่งวาง ข้อความที่ไม่จัดรูปแบบ (Paste text without formatting) หลังจากนั้นก็จัดรูปแบบใหม่ เพียงเท่านี้ก็แก้ปัญหาได้ แต่มีอีกคำแนะนำหนึ่ง คือ ติดตั้ง Word 2019 หรือ Office 365 ในเครื่องของเรา เพื่อรับการวางข้อความและรูปแบบจาก Word รุ่นเก่าไปยัง Word รุ่นใหม่ที่เรามี ก็จะไม่พบปัญหาความเข้ากันไม่ได้อีก

https://www.thaiall.com/office/word.htm

#เล่าสู่กันฟัง 63-066 สร้าง powerpoint ด้วย word

13 เม.ย.63 คุยกับเพื่อนอาจารย์ พูดถึงการใช้ข้อมูลที่มีใน word จัดทำเป็น powerpoint ซึ่งสามารถทำได้ด้วยความสามารถของ word โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมเพิ่ม เริ่มจากเตรียมข้อมูลแยกออกเป็นระดับ คือ Level 1 – Level 4 โดยดูข้อมูล Level จาก View, Outline จะเห็นการจำแนกข้อมูลออกเป็นระดับ หากใช้การกำหนดเฉพาะ Header 1 กับ Header 2 ผ่าน Styles ก็สามารถใช้แทน Level 1 และ Level 2 แต่ถ้าใช้ Level จะจำแนกข้อมูลเพื่อส่งออกไปยัง Powerpoint เป็น .pptx ได้ดีกว่า

เมื่อเตรียมข้อมูลแล้ว ก็เพิ่มปุ่มสำหรับ export โดยเลือก File, Option, Quick Access Toolbar, เปลี่ยน Choolse commands from : Popular Commands เป็น All Commands แล้วมองหา Send to Microsoft Powerpoint เพื่อ Add ไปยัง Customize Quick Access Toolbar จากนั้นกดปุ่ม OK
ขั้นตอนสุดท้าย หลังเตรียมข้อมูล และเตรียมปุ่ม Send ก็กดปุ่ม Send to Microsoft Powerpoint ที่อยู่มุมบนซ้าย สำหรับส่งข้อมูลจาก Word ออกไปเป็น Powerpoint ตามต้องการได้ทันที

http://thaiall.com/office/powerpoint.htm

มีอีกเรื่องที่ยังไม่รู้ เกี่ยวกับ MS Word ว่าทำไมใช้ึคีย์ลัดไม่ได้

วันนี้ (13 ก.ค.61) ไปฟังโปรเจคห้องสมุดของ โม (บุณยดา สูงติวงค์) แล้ว หนึ่ง (สุรวิชญ์ สุริยะวงค์) สะกิด พร้อมยิงคำถามมาว่า “อาจารย์ครับ กด Ctrl-C Ctrl-V ไม่ได้” ผมก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะใช้มา ก็ไม่เคยพบ แต่เหมียว (แพรทิวา ขันเงิน) ที่นั่งใกล้กัน บอกว่า แก้ได้ ต้องเข้าไปเซต เพราะบางครั้งหายไป แล้วหนึ่งก็ไปเรียนจากเหมียว แล้วกลับมาแก้ไขได้

ส่วนผม ก็ค้น google พบว่า Greecha Katpratoom
เล่าใน sites.google.com ว่า

เค้าก็เจอ แล้วถามทาง Microsoft help ปรากฎว่าอาการนี้ มักจะเกิดกรณีเปลี่ยนคีบอร์ดเป็นภาษาไทย แล้วไปเปิดโปรแกรม MS Word 2010 อาจทำให้ไม่สามารถใช้ Shortcut บางคำสั่ง ถ้าแป้นพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษจะไม่เป็นไร (ก่อนเปิดโปรแกรม Word 2010)

วิธีแก้ไข
1. เข้า Menu, File, Option
2. เลือก Customize Ribbon, Keyboard shortcuts: Customize
3. เลือก Home Tab, EditCopy
4. ช่อง Current Keys: ถ้าไม่พบ Ctrl+C
ก็ให้พิมพ์เพิ่มเข้าไปในช่อง Press new shortcut key
5. ทำตามข้อ 3 ต่อสำหรับ Shortcut อื่น เช่น EditPaste
แล้วลองทำดูนะครับ จะพบปัญหาเข้า

ใช้คีย์ลัด หรือแป้นพิมพ์ลัด ไม่ได้
ใช้คีย์ลัด หรือแป้นพิมพ์ลัด ไม่ได้

นายวิทูรัช ศรีนาม ผวจ.จันทบุรี ขอลาออกจากราชการ

ทุกเรื่องราวมีหลายมุมมอง
กรณีมีข่าว ผู้ว่าราชการ จังหวัดจันทบุรี ลาออก
ปรากฎในสื่อสังคม เพื่อแสดงความรับผิดชอบ
ต่อการพิมพ์เอกสารผิด 1 ฉบับ
แล้วชื่นชมในประเด็นความรับผิดชอบกันมากนั้น

นายวิทูรัช ศรีนาม ผวจ.จันทบุรี ขอลาออกจากราชการ
นายวิทูรัช ศรีนาม ผวจ.จันทบุรี ขอลาออกจากราชการ

แต่
ความรับผิดชอบพัฒนาจังหวัด ในบทบาทของผู้ว่าราชการล่ะ
ตามความสามารถ ตามประสบการณ์ ตามทักษะที่หาได้ยาก
ต้องยุติลง เลิกไปในทันที เป็นเรื่องที่ชอบแล้ว
จริงหรือ .. ชวนคุยครับ

เห็นแห่ชื่นชมในความรับผิดชอบ
นี่นะ ถ้าถามแรงว่า
ทำไมผู้ว่าคิดอย่างนั้น” คงถูกด่าแน่
แต่คาดว่า ท่าน
ใช้กฎ ความรับผิดชอบ
ต่อความผิดพลาดที่ไม่ควร ที่ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม
อันเกิดจาก human error ที่อาจเป็นของคนอื่น แต่ท่านลงนาม
(ซึ่งรายละเอียดจริง ๆ ไม่รู้ ที่รู้ก็ออกมาตามสื่อเท่านั้น)

แต่มีข้อคิดน่าสนใจว่า
ยอมรับผิดชอบอย่างหนึ่ง 
ย่อมหมายถึง 
ปฎิเสธรับผิดชอบอีกอย่างหนึ่ง

เป็นกรณีศึกษาที่จะนำไปชวนนักศึกษาพูดคุยว่า
บางเรื่องผิดแล้วแก้ไขได้ พระท่านยังปลงอาบัติได้เลย

ปล. มีคำถาม เพิ่ม
ทำไมผู้คนชื่นชมการกระทำ ของผู้ว่าฯ ที่ลาออกจากคำผิด
แล้วถ้าเป็นตัวท่าน จะทำอย่างไร
ตามหลักใจเขา ใจเรา
https://www.prachachat.net/local-economy/news-114956

ใช้ word เขียนเว็บเพจก็ได้เหรอ

firebase storage
firebase storage

คำถาม เราใช้ MS Word เขียนเว็บเพจได้หรือไม่
คำตอบ ได้

วิธีการ
1. ใช้ MS Word เขียนสิ่งที่ต้องการ
2. save as แล้วเลือก type เป็น webpage หรือ webpage, filtered
จะได้แฟ้มที่มีนามสกุลเป็น .htm หรือ .html แล้วได้ folder
3. เปิดแฟ้ม .htm หรือ .html ด้วย browser ที่ชอบ
4. upload ไปเผยแพร่ใน web server

 

https://gist.github.com/thaiall/40e6a53637afd264e5f8b4a18c786125

 

บรรทัดที่น่าสนใจในแฟ้ม .html
บรรทัดที่ 12 จะอ้างอิงแฟ้ม filelist.xml ที่อยู่ใน folder ก็จะมี 3 แฟ้ม
คือ

<o:File HRef=”themedata.thmx”/>
<o:File HRef=”colorschememapping.xml”/>
<o:File HRef=”filelist.xml”/>

บรรทัด 32 เรียกแฟ้ม themedata.thmx
บรรทัด 33 เรียกแฟ้ม colorschememapping.xml
บรรทัด 437 body จะเรียกใช้ class
ชื่อ @page WordSection1 และ p.MsoNormal

https://gist.github.com/thaiall/40e6a53637afd264e5f8b4a18c786125#file-test20bold_webpagefiltered2010

ตัวอย่างแฟ้ม
1. แบบ webpage
https://www.facebook.com/groups/thaiebook/718574678293353/
2. แบบ webpage, filtered
https://www.facebook.com/groups/thaiebook/718574584960029/
3. แชร์ตัวอย่าง webpage ผ่าน firebase.com เก็บใน storage
https://firebasestorage.googleapis.com/v0/b/helloworld-38434.appspot.com/o/Test20Bold_webpage2010.htm?alt=media&token=be60861d-e957-47ea-bc1a-645db57c3026
ถ้าต้องการใช้ firebase แบบ hosting
1. ต้องสร้าง project
2. ดำเนินการจัดทำเว็บเพจ และแฟ้มที่เกี่ยวข้อง
3. มีวิธีการที่
http://www.thaiall.com/blog/burin/7733/
4. มีตัวอย่างที่
https://missgrand2016th.firebaseapp.com/

หลักของพาเรโต 80/20 มีตัวอย่างในหลายสาขาวิชา

output is hello world
output is hello world

The distribution is claimed to appear in several different aspects
relevant to entrepreneurs and business managers.
For example:
    80% of problems can be attributed to 20% of causes.
    80% of a company’s profits come from 20% of its customers
    80% of a company’s complaints come from 20% of its customers
    80% of a company’s profits come from 20% of the time its staff spend
    80% of a company’s sales come from 20% of its products
    80% of a company’s sales are made by 20% of its sales staff

http://c2.com/cgi/wiki?EightyTwentyRule

ตัวอย่างทางคอมพิวเตอร์ก็มี 4 ตัวอย่าง
1. Microsoft noted that by fixing the top 20% of the most-reported bugs, 80% of the related errors and crashes in a given system would be eliminated.
ไมโครซอฟต์บันทึกไว้ว่า การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อย 20% ที่รายงานมากที่สุด จะทำให้ปัญหาที่เกี่ยวข้องอีก 80% ถูกจัดการไปด้วย
2. In load testing, it is common practice to estimate that 80% of the traffic occurs during 20% of the time.
ในการทดสอบการโหลด พบว่า 80% ระหว่างการโหลดนั้น ทุ่มไปกับ 20% ที่เป็นเรื่องของเวลา
http://www.somkiat.cc/think-before-load-testing/
3. In software engineering, Lowell Arthur expressed a corollary principle: “20 percent of the code has 80 percent of the errors. Find them, fix them!”
โลเวล อาร์เธอร์ นำเสนอหลักการข้อพิสูจน์ว่า “20% ของโค้ด มีข้อผิดพลาดอยู่ 80% ค้นหาและแก้ไขซะ”
Lowell Arthur คือ ผู้สั่งการภารกิจ Apollo 13
https://en.wikipedia.org/wiki/Jim_Lovell (James Arthur “Jim” Lovell, Jr.)
4. Software frameworks have often been observed to make 80% of use cases easier to implement and 20% of use cases much more difficult to implement.
กรอบซอฟต์แวร์ถูกพบได้บ่อยว่าการทำโปรแกรมเพื่อใช้ที่ง่ายขึ้น 80% มาจากส่วนที่ยากขึ้น 20%
อ้างอิงจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Pareto_principle

ตามคลิ๊ปอธิบายกฎนี้ว่า
อะไรก็ตามที่อยู่เต็ม 100%
80% จาก 100% จะถูกครอบครองโดย 20%
และอะไรก็ตามที่เหลือจาก 20% จะถูกครอบครองโดย 80%


วิลเฟรโด พาเรโต นักเศรษฐศาสตร์ชาวอิตาเลี่ยน
พูดถึงหลักของพาเรโต ตั้งแต่ค.ศ.1895
โดยอธิบายว่า “สิ่งที่สำคัญจะมีอยู่เป็นจำนวนที่น้อยกว่าสิ่งที่ไม่สำคัญ
หรือ “สิ่งที่มีประโยชน์จะมีอยู่เป็นจำนวนที่น้อยกว่าสิ่งที่ไม่มีประโยชน์
ในอัตราส่วน 20 ต่อ 80 หรือ ที่เรียกกันว่า กฎ 80/20
[ด้านเศรษฐศาสตร์]
การผลิตของมีตำหนิขึ้น 20% จะเป็นปัญหา 80% ของปัญหาทั้งหมด
เสื้อผ้า 100 ตัว จะใจประจำอยู่เพียง 20 ตัว
จับกลุ่มทำรายงาน 10 คน จะมีเพียง 2 – 3 คนที่เป็นแกนนำ
อ่านหนังสือ 100 หน้า จะมีเพียง 20 หน้าเท่านั้นที่ถูกนำมาออกข้อสอบ
คน 100 คนทำงาน มีเพียง 20 คนที่มุ่งมั่นทำงาน และเจริญก้าวหน้า
ร้านขายของชำมีสินค้านับ 100 รายการ แต่รายได้ 80% มาจากสินค้าเพียง 20%
ประเทศทุนนิยม คนรวย 20% สร้างรายได้ให้ประเทศเป็น 80% ของรายได้ทั้งประเทศ
มูลค่ารายจ่ายกว่า 80% มาจากรายการที่ใช้จ่ายเพียง 20% ของรายการทั้งหมด
อ้างอิงจาก http://www.oknation.net/blog/knowledge09/2009/08/15/entry-1

อ้างอิงเพิ่มเติม http://www.clairenewton.co.za/my-articles/paretos-principle-the-80-20-rule.html

ความต่าง 5 เรื่องของ word 2013 และ 2010

ความต่าง 5 เรื่องของ word 2013 และ 2010

onedrive on word 2013
onedrive on word 2013

แน่นอนว่าโปรแกรมทั้ง 2 รุ่นห่างกัน 3 ปี (2013 – 2010)
ย่อมมีอะไรแตกต่างกันมากมาย เมื่อสำรวจในเบื้องต้น
พบว่าผลการเปรียบเทียบ microsoft word มีอย่างน้อย 5 เรื่องต่อไปนี้ที่ต่างกัน
1. ชื่อ TAB ใน ribbon menu เป็นพิมพ์ใหญ่ เห็นได้เด่นชัดขึ้น
2. ชื่อ TAB : Page Layout เดิมถูกแยกออกเป็น DESIGN กับ PAGE LAYOUT
3. เปลี่ยนรูปแบบของ icon ซึ่งทั้งหมดไม่เป็นแบบ rich surface
4. เปิดแฟ้ม pdf มาอ่าน หรือมาแก้ไขได้ แต่ยังมีปัญหากับภาษาไทย
5. เปิดหรือจัดเก็บแฟ้มใน onedrive (ชื่อเดิม skydrive) ได้