วัดต้นแบบลดปัจจัยเสี่ยง

กิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ที่ส่งเสริมให้ครอบครัวเข้มแข็ง คนในบ้าน ในสังคม อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ลดโรคภัยเบียดเบียนก่อนวัยอันควร ด้วยการลดปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ บุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การพนัน และยาเสพติด ซึ่งการลดปัจจัยเสี่ยงไม่ใช่กิจกรรมที่ต้องทำเฉพาะบ้าน และโรงเรียนเท่านั้น แต่ถ้าเกิดความร่วมมือกันอย่างจริงจัง ของบ้าน วัด และโรงเรียนก็เชื่อได้ว่าจะเสริมพลังที่ทำให้ปัจจัยเสี่ยงต่อสังคมครอบครัวลดลงได้

พบว่า พระครูสิริธรรมบัณฑิต (ภาณุวัฒน์ ปฏิภาณเมธี ป.ธ.๕) เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมืองมูล จังหวัดลำปาง ได้แชร์ภาพที่ท่านได้ัรับ ป้ายวัดต้นแบบลดปัจจัยเสี่ยง ซึ่งเป็น 1 ใน 20 วัด โครงการนี้ได้รับการสนับสนุน โดย โครงการการพัฒนาเครือข่ายลดปัจจัยเสี่ยงตามแนวพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ร่วมกับ สำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2565 จาก พระเดชพระเดชพระคุณ พระเทพเวที รศ.ดร. เจ้าคณะภาค 6 เป็นประธานมอบป้ายในครั้งนี้

ประวัติวัดบ้านต๋อมกลาง

วัดบ้านต๋อมกลาง ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 ต.ต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา มีเนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน 45 ตารางวา
ประกาศตั้งวัด พ.ศ.2346 ผูกพันธสีมา พ.ศ.2350 ก่อนจะสร้างวัดนี้ขึ้น ได้มีราษฎรอพยพมาจาก อ.เมือง จ.ลำปาง เพื่อมาตั้งหลักฐานทำมาหากิน ในราว พ.ศ.2346 โดยมี พระภิกษุแสนภาพ เป็นประธาน พร้อมด้วยทายกทายิกา ก่อสร้างสำนักขึ้นเป็นสถานบำเพ็ญกุศล และได้ไปอาราธนานิมนต์ พระภิกษุพิมสาร จากวัดพระเจ้าทันใจ จังหวัดลำปาง มาเป็นประธานสร้างวัด และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส จนสิ้นอายุของท่าน ต่อมาลูกศิษย์ของท่านปกครอบสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน

ต่อมาพระภิกษุคำมา ธมมวโส (สอนใจ) เป็นประธานพร้อมด้วยทายกทายิกา ได้ก่อสร้างอุโบสถขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2477 โดยใช้ที่ดินก่อตั้งวัด เดิมมีประมาณ 5 ไร่เศษ ต่อมาสร้างถนนตัดผ่าน แยกที่ออกเป็น 2 แปลง ที่ดินส่วนหนึ่งได้สร้างเป็นตาดสดขึ้นด้านทิศใต้ เพื่อเก็บผลประโยชน์บำรุงวัด ส่วนเขตที่ตั้งวัดและเขตที่ธรณีสงฆ์นั้นมีตามใบ น.ส.3 ของวัดแล้ว

ปี พ.ศ. 2521 พระภิกษุบุญมี วชิรญาโณ
เจ้าอาวาสพร้อมด้วยทายกทายิกา
ได้พร้อมกันซื้อที่ดินด้านทิศเหนือ
ในเนื้อที่ 2 งาน 70 ตารางวา
เพื่อขยายเขตวัดออกไป

สิ่งสำคัญประจำวัดนี้ได้แก่ พระวิหารจำลองหลังเล็ก ซึ่งแกะสลักด้วยมีภาพจิตกรรมของโบราณ ซึ่งพระพิมสาร เป็นผู้สร้าง นายแสงภาพเป็นประธานเจ้าภาพ สร้างเมื่อจุลศักราช 1216 ตรงกับพุทธศักราช 2397 วัดนี้เดิมเรียกว่า “วัดศรีดอนไชย” ต่อมาเปลี่ยนเป็น “วัดบ้านต๋อมกลาง” จนถึงปัจจุบันนี้ เหตุที่เรียกชื่อวัดและหมู่บ้านนี้ อาศัยมูลเหตุมาจากลำแม่น้ำต๋อม

ผู้เรียบเรียงคือ พระอธิการบุญมี วชิราญาโณ (สอนใจ)

ประวัติวัดบ้านต๋อมกลาง

โครงการวัดประชารัฐสร้างสุข สร้างสัปปายะด้วยวิถี ๕ ส

วัดสร้างสุข 5ส สัปปายะ
วัดสร้างสุข 5ส สัปปายะ

วัดสร้างสุข 5ส สัปปายะ
วัดสร้างสุข 5ส สัปปายะ

วัดสร้างสุข 5ส สัปปายะ
วัดสร้างสุข 5ส สัปปายะ

15 ก.พ.2562 ณ วัดมิ่งเมืองมูล มีกิจกรรมเกี่ยวกับ
โครงการวัดประชารัฐสร้างสุข สร้างสัปปายะด้วยวิถี ๕ ส
ถึง 2 กิจกรรม ในช่วงเช้า และช่วงบ่าย
โดยช่วงเช้าเป็นการประชุมทำความเข้าใจ
และลงมือปฏิบัติตามแนวทางของโครงการในหลายขั้นตอน
เป็นการจับมือระหว่าง วัด กับ องค์กรเอกชน
โดยพระมหาภาณุวัฒน์ ปฏิภาณเมธี,ผศ. เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมืองมูล จับมือกับ
คุณวิภาวรรณ ลิมป์ไพบูลย์ ผู้บริหารบริษัท ควอลิตี้เซรามิก
คุณไพรวัลย์ ชัยยา หัวหน้าฝ่าย HR และทีมงานของบริษัทควอลิตี้เซรามิก
โดยมี คุณจุฑาภรณ์ นันทจินดา สสส. และ
คุณอนงค์ ตามคุณ สำนักพระพุทธศาสนา จังหวัดลำปาง มาร่วมขับเคลื่อน และ
ผศ.บุรินทร์ รุจจนพันธุ์ นักวิจัย และ
อ.ศศิวิมล แรงสิงห์ มหาวิทยาลัยเนชั่น ร่วมสนับสนุนกิจกรรม
มีการจัดตั้งกรรมการ เดินสำรวจ และแบ่งหน้าที่ตามแผนผังของวัด
แบ่งเป็นส่วน A, B, C, D, E ที่กำหนดผู้รับผิดชอบในเบื้องต้น

ชี้แจงโครงการ 75 คู่ที่ลำปาง
ชี้แจงโครงการ 75 คู่ที่ลำปาง

ชี้แจงโครงการ 75 คู่ที่ลำปาง
ชี้แจงโครงการ 75 คู่ที่ลำปาง

แล้วในช่วงบ่าย
คุณจุฑาภรณ์ นันทจินดา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
บรรยายให้ความรู้ ทำความเข้าใจ และตอบข้อซักถามเกี่ยวกับโครงการ
สำหรับ วัด และ เทศบาล/อปท. ที่จับมือกันทำโครงการฯ 75 คู่
โดยกล่าวเปิดงาน และนำสวดมนต์
โดย พระจินดารัตนาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดลำปาง(ม)
ซึ่ง พระมหาภาณุวัฒน์ ปฏิภาณเมธี,ผศ. เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมืองมูล
รับเปิดเจ้าภาพสถานที่ในการจับประชุมครั้งนี้

โครงการวัดประชารัฐสร้างสุข สร้างสัปปายะด้วยวิถี ๕ ส
มีเฟสบุ๊คที่ https://web.facebook.com/watsangsook/
มีเว็บไซต์ที่ http://www.watsangsook.com
คู่มือที่ https://drive.google.com/open?id=1lBW2d3nCbyNQ8Rq42NxRZml6XXwAn7Pt

โหลดคู่มือจาก watsangsook.com
โหลดคู่มือจาก watsangsook.com

วัดตะล่อมรับพระต่างชาติกว่า 200 รูป ปล่อยเรี่ยไร-บิณฑบาตเกินเวลา

วัดตะล่อม ย่านพุทธมณฑลสาย 1 เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
วัดตะล่อม ย่านพุทธมณฑลสาย 1 เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ

วัดตะล่อม“ฉาวอีกรับพระต่างชาติมาอยู่กว่า 200 รูป ทั้งยังออกเรี่ยไรเงิน บิณฑบาตเกินเวลา เจ้าคณะกทม.เดือด อัดสร้างความเสียหายพระพุทธศาสนาในไทย แจ้งสำนักพุทธฯ-สตม. เข้าตรวจวีซ่า-พาสปอร์ต หากพบหมดอายุส่งกลับประเทศทันที

ข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
http://www.dailynews.co.th/education/198658

20 เม.ย.56 พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา ในฐานะเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ได้ออกประกาศระเบียบการรับพระอาคันตุกะต่างประเทศ แจ้งไปยังวัดต่างๆทั่วกรุงเทพฯ ให้ปฏิบัติ เนื่องจากที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนมาโดยตลอดตั้งแต่ยังไม่ได้มาเป็นเจ้าคณะกรุงเทพฯ ว่ามีพระต่างชาติออกมาเรี่ยไรเงิน และยังมีการออกบิณฑบาตหลังเวลา 08.00 น. โดยเฉพาะวัดที่ได้รับการร้องเรียนในเรื่องลักษณะนี้เข้ามามากที่สุดคือ วัดตะล่อม ย่านพุทธมณฑลสาย 1 เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ซึ่งพบว่ามีการรับพระต่างชาติเข้ามาอยู่ที่วัดมากถึง 200-300 รูป มีทั้งพระจากกัมพูชา บังกลาเทศ ศรีลังกา โดยเป็นพระจากกัมพูชามากที่สุด มากางเต๊นท์นอนกันอยู่ในพื้นที่บริเวณวัด จึงได้ประสานไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ให้เข้าไปตรวจสอบวีซ่า และหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต)  ของพระแต่ละรูปว่าเป็นประเภทใด เนื่องจากได้รับการร้องเรียนมาว่าบางรูปถือวีซ่าประเภทท่องเที่ยว แล้วพอวีซ่าหมดอายุก็ยังไม่ยอมกลับ ขณะที่บางรูปเป็นวีซ่าเพื่อขอมาศึกษาต่อแต่กลับไม่ได้เข้ามาศึกษาจริง พร้อมกันนี้ยังได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนไปยังพระมหาบุญถึง ชุตินฺธโร เจ้าอาวาสวัดตะล่อมแล้ว ซึ่งหากยังไม่มีการดำเนินการแก้ไขคงจะต้องมีการพิจารณาในเรื่องตำแหน่งของเจ้าอาวาสวัดตะล่อมต่อไปด้วย
พระพรหมดิลก กล่าวต่อไปว่า เมื่อตรวจวีซ่า และหนังสือเดินทางแล้วพบว่าพระรูปใดไม่ได้เข้ามาศึกษาต่อจริง และวีซ่า หรือหนังสือเดินทางหมดอายุแล้ว ทั้งยังออกมาเรี่ยไรเงิน และไม่ปฏิบัติตามระเบียบของคณะสงฆ์ไทย จะต้องประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) เข้ามาดำเนินการส่งกลับประเทศ เพราะถือว่าเข้ามาอยู่แล้วสร้างความเสียหายให้กับพระพุทธศาสนาของไทย การที่จะมาอ้างว่าเพราะเมตตาจึงให้พระจากต่างชาติเข้ามาอาศัยอยู่เยอะขนาดนี้ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะจะมาเมตตากับผู้ที่ทำผิดกฎหมายไม่ได้ ขณะเดียวกันในการรับพระอาคันตุกะมาอยู่ในวัดจะต้องมีที่พักอาศัยให้ถูกต้องตามวินัยสงฆ์ การที่ให้มากางเต๊นท์แบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้องตามหลักวินัยสงฆ์ ทั้งนี้การที่พระต่างชาติเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าจะมาแบบชั่วคราว หรือมาเพื่อการศึกษาก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของคณะสงฆ์ไทยอย่างเคร่งครัด
ด้านนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า เมื่อเดือนมีนาคม 2554 วัดตะล่อม เคยถูกทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเข้าตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องการรับพระต่างชาติเข้ามาพักอาศัยแล้ว แต่เมื่อปัจจุบันพบว่ายังมีเรื่องร้องเรียนในลักษณะเดียวกันเข้ามาอีกก็จะประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเข้าตรวจสอบต่อไป