เรื่องเล่าในวงเหล้า

หลายวันก่อน
ผมในฐานะ ป.พ่อบ้าน ของหมู่บ้าน คิดสูตรทำลาบอีเห็นได้
ก็เลยตั้งวงแลกเปลี่ยนกับเพื่อน และเพื่อนในหมู่บ้านใกล้เคียง
กรรมการหมู่บ้านเรียกมาทำความเข้าใจบอกว่า
เราอยู่เมืองจรีนเป็นประเทศปิด ไม่มีอะไรออก และไม่มีอะไรเข้า

แต่ ป.จักรสาน ลุกขึ้นมาบอกว่า ปัจจุบันกำลังแลกเปลี่ยนเรียนรู้
วิธีสานตะกร้าแนวใหม่ ผสมตะวันตกกับตะวันออก ขายได้เงินมาเสียภาษีมากมาย
พึ่งส่งต้นแบบไปให้เพื่อนต่างหมู่บ้านปรับปรุง หลังจากเขาสอนเราสานแนวใหม่

สรุปว่างานนี้ ป.พ่อบ้าน รอดตัวไปที
ไม่มีความผิดในฐานะแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องสูตรลาบอีเห็น
ต่อไปในหมู่บ้านคงได้กินลาบอีต่างต่างกันมากขึ้น
และอาจมีใครเปิดร้านลาบอีเมล ได้ภาษีเข้ามาพัฒนาหมู่บ้านต่อไป

แต่ถ้ามีกฎว่าเป็นประเทศปิด ไม่คุยกับคนนอก และไม่ให้คนนอกเข้ามาคุย .. งานนี้จบแห่

————————————–

คิดตาม 2 เรื่องราว

คุยกับ อ.ใหญ่ติส ทำให้รู้ว่าองค์กรหนึ่ง ๆ ต้องมีอะไร (ที่สำคัญที่สุด)
เคยฟังคำบางคำออกจากปากคนรู้จัก ก็ทำให้รู้ว่าองค์กรของคนผู้นั้นขาดอะไร (ที่สำคัญที่สุด) ขององค์กร
ทำให้เขาเปลี่ยนจากยึดองค์กรเป็นยึดตัวเอง (ก็เพราะองค์กรไม่มี)
ความไม่มีแต่โหยหาของมนุษย์ ทำให้เกิดการเบี่ยงเบนสิ่งนั้น
จุดด้อยนี้เป็นในหน่วยงานราชการส่วนใหญ่และไม่มีวันแก้ไขได้
แต่ถ้าองค์กรเอกชนเรื่องนี้ถือเป็นจุดแข็ง (ถ้ามีขึ้นมานะ)
เหมือนกับองค์กรที่ อ.ใหญ่ติส พูดถึงด้วยความชื่นชม