งานมุทิตาจิต ของ รศ.จินตนา สุนทรธรรม

อาจารย์จินต์
อาจารย์จินต์

เย็น 30 พ.ค.52 เวลา 19.00น.-22.00น. ได้ร่วมงานมุทิตาจิต (หนึ่งในพรหมวิหาร 4 คือยินดีเมื่อเห็นเขาเป็นสุข) ของ รศ.จินตนา สุนทรธรรม เป็นงานแสดงความยินดีในการเกษียณรอบที่สองของท่าน เพราะท่านเกษียณอายุราชการจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ปี 2537 และมาเริ่มทำงานที่ม.โยนกในปีเดียวกัน จนถึงปี 2552 ท่านทำงานไป 15 ปี มีอายุครบ 75 ปี รู้สึกว่าสังขารไม่ให้อีกต่อไป จึงขอเกษียณการทำงานอย่างแท้จริง ท่านตั้งปณิธานที่จะไปอยู่วัดใช้ชีวิตอย่างสงบตามวิถีของพุทธศาสนิกชน

     ในงานนี้มีอาจารย์ เจ้าหน้าที่ เพื่อนร่วมงาน เพื่อนเก่า ศิษย์เก่าไปร่วมงานทั้ง 15 รุ่น และรุ่นที่ไปกันมากที่สุดเห็นจะเป็น MBA รุ่นที่ 1 เป็นงานแสดงความยินดีที่เห็นท่านมีความสุขที่ออกไปพักผ่อน ไม่ต้องตื่นเช้าและกลับเย็น ไม่ต้องเดินตามตะวันอีกต่อไป ต่อไปท่านต้องเป็นนายตนเองแล้ว มีหน้าที่ที่สำคัญที่สุดคือดูแลตนเองให้สังขารอยู่กับท่านให้นานที่สุด ผมอยู่งานมุทิตาจิตจนงานเลิกเวลา 22.00 น. เพราะซึ่งใจและชื่นชมที่สำคัญ 2 เรื่อง คือ 1)ท่านพ้นวัย 60 ไปมากโขและทำงานต่อได้อีกตั้ง 15 ปี ดีใจที่เห็นท่านมีวันนี้ที่สมบูรณ์ ก็ต้องย้อนกับมาดูตัวว่าจะทำอย่างไรจะให้มีอายุยืนยาวได้อย่างท่าน (มนุษย์กว่า 30% จากไปก่อนอายุ 60 ปี) และด้วยปัจจัยเรื่องอายุที่อาจไม่ได้เห็นงานมุทิตาจิตของตนเอง 2)แขกที่มาร่วมงานมีมากมายหลายกลุ่ม ทุกคนมาด้วยจิตกุศล ด้วยใจรักและชื่นชมในอาจารย์ของพวกเขา การจัดงานช่วงเช้ามีทั้งงานบุญเลี้ยงพระ และตีกอล์ฟของศิษย์เก่า ส่วนการจัดงานช่วงเย็นก็เป็นไปอย่างมีความสุข มีการมอบของขวัญแสดงความยินดี ทั้ง อ.ศศิวิมล แรงสิงห์ และอ.อติชาต หาญชาญชัย ก็เป็นตัวแทนหน่วยงานออกไปมอบของขวัญ มีการฉายวีดีทัศน์ที่ทีมงานของบัณฑิตจัดทำถึง 3 ชุด และใช้ใน 3 วาระตามแผนที่วางไว้ การแสดงศิลปวัฒนธรรมของศิษย์ปัจจุบัน ศิษย์เก่าออกมาร้องเพลง มีผู้ร่วมสนับสนุนการจัดงานมากมาย เช่น คุณอนุรักษ์ นภาวรรณ ผู้สนับสนุนรายใหญ่ อ.อัศนีย์ ณ น่าน ประสานจัดทำหนังสือที่ระลึกที่ปกมีภาพของท่านผมขาวตามสังขาร (เห็นท่านแซวตนเองบนเวที) ผศ.นำชัย เติมศิริเกียรติ นำหนังสือธรรมเรื่อง “คุณบิดามารดา” มาแจกภายในงาน บนเวทีมุทิตาจิตมีศิษย์เก่าแต่ละรุ่นออกไปแสดงความรู้สึก ก็มีศิษย์ท่านหนึ่งพูดว่า “หนูขอเบอร์ไว้ด้วยนะคะ เวลามีปัญหาจะโทรไปปรึกษา” ผมก็คิดอยู่ในใจว่าการจัดการความรู้นี่สำคัญจริงแท้ เพราะหัวหน้าผม อ.อติชาต หาญชาญชัย ก็ไปต่อเอกด้านนี้ และสมแล้วที่ในกฎหมายไทยเริ่มให้ความสำคัญ

     ในอดีตช่วงแรกที่ท่านมาที่ม.โยนก ผมพอจำได้ว่า 15 ปีก่อน เดือนเมษายน 2537 ม.โยนกจัดปฐมนิเทศอาจารย์ที่สวนป่าทุ่งเกวียน แล้วท่านก็เป็นหนึ่งในวิทยากร ที่จำได้เพราะมีประเด็นที่ผมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนกับท่านในมหาวิทยาลัยเริ่มมีการจัดการความรู้ (KM) ในโลกเรามีระบบที่เรียกว่า expert system มาหลายสิบปี ก็เกิดความรู้สึกเสียดายในองค์ความรู้ของท่านที่สั่งสมมากว่า 75 ปี

     ผมได้ถ่ายทอดสิ่งที่พบเห็นจากความทรงจำที่ร่วมงานมุทิตาจิต 1)ออกมาเป็นบันทึก และโพสท์ใน blog site เป็นการบันทึกสิ่งที่เราประทับใจในตัวท่าน และการมีส่วนร่วมของศิษย์เก่า 2)นำไปประยุกต์สำหรับเขียนบทความไอทีในชีวิตประจำวัน เล่าเรื่องงานมุทิตาจิต กับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพราะงานนี้ใช้ไอทีอยู่ไม่น้อย เป็นเพียงเทคนิคหนึ่ง ที่สามารถนำความรู้มาจัดการในบทบาทของคนร่วมงานคนหนึ่ง