ความเชื่ออาจไม่ใช่ความจริง (itinlife 583)

inception
inception

การดำเนินชีวิตของมนุษย์เรามีความเชื่อเป็นเครื่องกำหนดพฤติกรรม ยกเว้น ผู้ป่วยทางสมองที่อาจมีพฤติกรรมเอาแน่เอานอนไม่ได้ ผู้ขาดสติจากโรคภัย อารมณ์ชั่ววูบ การดื่มสุรา หรือผลจากสารเคมี อาจกล่าวได้ว่าความเชื่ออาจเป็นความจริง หากความเชื่อนั้นได้รับการพิสูจน์แน่ชัดก็จะกลายเป็นความจริงที่ยอมรับร่วมกันได้ แต่ไม่ใช่ทุกความเชื่อที่จะเป็นความจริง ผู้คนมากมายตัดสินใจตามความเชื่อ บางคนก็เชื่อว่าความเชื่อคือความจริง อาทิ เชื่อว่าปลูกพืชวันเสาร์จะดีกว่าวันอื่น เชื่อว่าดื่มสุราไม่เป็นภัยต่อสุขภาพ เชื่อว่าขับจักรยานจะไม่มีรถใหญ่เฉี่ยวชน เชื่อว่ามีคนหยั่งรู้อนาคตได้ เชื่อว่ามีการเวียนวายตายเกิด

ในทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีมักมีกำหนดสมมติฐานที่เริ่มมาจากความเชื่อ เมื่อมีความเชื่อก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการเก็บข้อมูล พิสูจน์  วิจัย ทดสอบ ทดลอง สรุปผล อภิปรายผล เพื่อให้ได้ข้อสรุปหรือความจริงมาประกอบการตัดสินใจ การดำเนินธุรกิจในปัจจุบันมักอาศัยสารสนเทศที่เป็นความจริงมาประกอบการพิจารณาร่วมกัน เพราะตัวเลข หรือข้อมูลเชิงสถิติมักเป็นความจริง ที่ทำให้การตัดสินใจไม่ผิดพลาด แต่ถ้าตัดสินใจเลือกเพื่อนร่วมงานตามความงาม ความชอบ ความรู้สึก ลีลา บุคลิก โหงวเฮ้ง ความสัมพันธ์ส่วนบุคคล ก็จะเป็นการตัดสินใจที่ไม่รอบด้าน เหมือนเลือกด้วยการจับไม้สั้นไม้ยาว ไม่ตอบวัตถุประสงค์ของการคัดคนมาร่วมงาน ทำให้เกิดความเสี่ยงว่าจะล้มเหลวได้มากกว่า การตัดสินใจตามความเชื่อมักไม่ได้เกิดจากกระบวนการจัดการความรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมกัน จึงขาดทัศนคติรอบด้าน และมีตัวเลือกน้อยเกินไป

shutter island
shutter island

ในโลกแห่งความเป็นจริง มีรายการทีวีมากมาย ที่นำความเชื่อมานำเสนอ อาทิ การเลือกคู่ครอง การประสบความสำเร็จด้วยการแสดง การร้องเพลง หรือดูดวงตามราศี ทำให้เยาวชนมากมายคล้อยตามว่าอยากมีความสามารถพิเศษทางการแสดง ด้วยการร้องเพลง เล่นดนตรี หรือรอดวง แต่ความจริง คือ มีคนจำนวนน้อยมากที่ประสบความสำเร็จแบบที่เห็นในเกมโชว์ ละคร หรือภาพยนตร์ ผู้ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักอาศัยความมุ่งมั่นทำกิน ค้าขาย หรือเส้นทางของการศึกษา คือ เรียนจนจบมหาวิทยาลัย หรืออาชีวศึกษา แล้วขยัน ตั้งใจ สู้ชีวิตใช้องค์ความรู้ที่เรียนมา หางานทำ และดำเนินชีวิตในสังคมแห่งความเป็นจริง

http://www.thaiall.com/digitallogic

ทั้งเรื่อง Inception และ Shutter Island
แสดงนำโดย Leonardo Dicaprio

อีกเรื่องที่น่าเสียดาย เสียดายที่ดารานำฆ่าตัวตาย
คือ Robin Williams
แสดงเรื่อง What Dreams May Come

what dreams may come
what dreams may come

 

สาธุ นิมนต์พระมาสวดในที่ทำงาน

สาธุ นิมนต์พระมาสวดในที่ทำงาน

นิมนต์พระมาทำบุญในแผนก
นิมนต์พระมาทำบุญในแผนก

 

เห็นการทำบุญในแผนก ต้องกดไลท์ ๆๆๆ
บ่อยครั้ง .. ที่เราต้องการเติมพลังใจ
เสริมศิริมงคลให้ทั้งแผนก ตัวเรา ที่ทำงาน
และทำบุญร่วมกันใน office
ทำให้ทีมงานมีพลังใจ มีความเข้มแข็งยิ่ง ๆ ขึ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน
ก็เข้มแข็งยิ่งขึ้นไปอีก
เป็นเสมือนการเติมพลังกับชีวิต กับทีม และสำนักงาน
นิมนต์พระท่านจะมากี่รูปก็ได้
มักถวายอาหาร จากนั้นก็รอรับพร
สัพพีติโย วิวัชชันตุสัพพะโรโค
วินัสสะตุมา เต ภะวัตวันตะราโยสุขี
ทีฆายุโก ภะวะ อะภิวาทะนะสีลิสสะนิจจัง
วุฑฒาปะจายิโนจัตตาโร
ธัมมา วัฑฒันติอายุ วัณโณ สุขัง พะลัง

cr. apapornyokto

คนกินเจ กับคนเขียงหมู

หยิน หยาง ในดำมีขาว และในขาวก็มีดำ
หยิน หยาง ในดำมีขาว และในขาวก็มีดำ

ศุกร์ที่ 27 ธ.ค.56 ได้ฟัง senior
เล่าเรื่องความขัดแย้ง 2 เรื่อง ที่ดูเหมือนหวังว่าจะพูดคุยกันได้
ซึ่งเป็น case study เกี่ยวกับ ความเชื่อที่แตกต่างกัน
แล้วทำให้นึกถึงการอุปมาอุปมัยระหว่าง “คนกินเจ กับคนเขียงหมู
เพราะคนกินเจมีคำสำคัญคือ “เมตตา” แต่คนเขียงหมูมีคำว่า “อยู่รอด
.. ผมเชื่อว่าคน 2 กลุ่มนี้เถียงกันไม่จบสิ้น .. ไปถึงวันสิ้นโลก

อีกตัวอย่างของความเชื่อของ 4 คนที่ไม่มีวันลงรอยกัน
เมื่อต้องทานอาหารหม้อเดียวกัน
คือ คนไม่กินหมู คนไม่กินไก่ คนไม่กินผัก และคนกินเจ
แต่คนโลกสวยก็บอกว่าให้บูรณาการ

อุปมาอุปไมย คือ ประโยคเปรียบเทียบ 2 เรื่อง
อุปมา หมายถึง สิ่งที่ต้องการนำไปเปรียบเทียบ
อุปไมย หมายถึง สิ่งที่ต้องการถูกเปรียบเทียบ
เช่น “ความขัดแย้งระหว่างคนกินเจและคนเขียงหมู กับพรรคการเมืองสองขั้ว
หรือ “ดีเหมือนพระ” หรือ “ขาวเหมือนนุ่น

เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ คุยกับวู้ดดี้



พบคลิ๊ปนี้มี 4 ตอน ตอนนี้เป็นตอนที่ 2 ฟังบทสนทนาตอนท้าย ๆ ของคลิ๊ปนี้ แล้วสงสารวู้ดดี้เลย ติ้งต่างว่าถ้าเป็นผมสมัยก่อนคงคุมอารมณ์ได้ยาก เพราะความเชื่อที่แตกต่างของอาจารย์เฉลิมชัย กับวู้ดดี้แตกต่างกันมาก เรียกว่า ฟ้ากับเหวเลย

แต่คิดอีกที วู้ดดี้ กำลังทำงาน ซึ่งงานเป็นการพูดคุยที่ต้องดึงทัศนคติของคู่สนทนาออกมา (เท่าที่เห็นวู้ดดี้ไม่ค่อยได้ให้ความคิดเห็นของตนเท่าใดนัก) เมื่อดึงออกมาก็นำเสนอ เขาไม่ได้นำประเด็นเหล่านั้นมาใส่ใจให้เป็นอารมณ์

นักพูดที่กล้าพูดตรง ๆ แบบ อ.เฉลิมชัย มีอีกหลายท่าน แต่อาจารย์กล้าชี้ให้เห็นความต่างของความเชื่อ กับความจริงได้ชัดมาก .. คนกล้าเท่านั้นที่พูดแบบนี้ได้

การดูคลิ๊ปนี้จนครบ 4 ตอนเกิดเพราะ คุณธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ นำพระสงฆ์มาร่วมเสวนาในสุนทรียสนทนา ห้อง 4204 มหาวิทยาลัยเนชั่น เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2555 แล้วพระท่านเปิดคลิ๊ปทั้ง 4 ตอน ให้ดู .. ทำให้เห็นประเด็นที่ อ.เฉลิมชัย พยายามชี้นำ ซึ่งสอดรับกับคำว่าจิตอาสา หรือจิตสาธารณะ ตรงตามเป้าหมายของการบรรยาย
ปล. ครั้งหน้า คุณธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ จะเล่าเรื่อง stephen hawking

แมวไม่น้อยหน้าหมาครับ .. เมนูแนะนำเช่นกัน

ในมุมของคนกินแมว
ในขณะที่คนไทยนิยมซื้อกระต่ายมาเลี้ยงต้อนรับปีเถาะ (2554) ด้วยความเชื่อที่ว่ากระต่ายเป็นสัตว์นำโชคที่จะนำพาสิ่งดี ๆ มาให้ผู้เลี้ยงตลอดปีนี้ ที่เวียดนามเองก็ไม่น้อยหน้า สำหรับปีนี้ที่เป็นปีแมวของเวียดนาม แมวก็กลายเป็นสัตว์ยอดนิยมของชาวเวียดนามที่ถือว่าจะนำโชคดีมาให้ตลอดปีเช่นกัน แต่แตกต่างกันที่ชาวเวียดนามเขาไม่ได้เอาแมวมาเลี้ยงเหมือนกับกระต่ายบ้าน ที่บอกว่าเป็นสัตว์ยอดนิยมนั้นหมายถึงนิยมนำมาทำอาหารรับประทานกันต่างหาก
โดยเฉพาะในจังหวัดถายบิ่ง ทางตอนเหนือของเวียดนาม ดูเหมือนจะเป็นพื้นที่ที่นิยมการนำแมวมาทำอาหารมากกว่าพื้นที่อื่น ๆ เมนูต้มซุปแมว เนื้อแมวทอด เนื้อแมวย่าง และลูกชิ้นแมว กลายเป็นอาหารเลิศรสที่เจ้าของร้านอาหารหลายร้านภูมิใจนำเสนอแก่แขกที่มารับประทานอาหารในร้าน แม้ว่าทางจังหวัดจะมีการประกาศสั่งห้ามขายและฆ่าแมวก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้เจ้าของร้านหยุดเสิร์ฟเมนูแมวแต่อย่างไร เพียงแต่ตัดปัญหาง่าย ๆ ด้วยการไม่ติดป้ายโฆษณาเมนูแมวไว้หน้าร้านเท่านั้น
สำหรับ วิธีการนำแมวมาประกอบอาหารนั้น พ่อครัวจะเลือกฆ่าแมวด้วยวิธีการนำพวกมันไปถ่วงน้ำให้ขาดใจตาย แทนการตีหรือเชือดคอเหมือนกับฆ่าหมู เพราะจะทำให้แมวกลัวและเกร็ง จนถุงน้ำดีแตก และนั่นทำให้เนื้อแมวเสียรสชาติ จากนั้นพ่อครัวก็จะนำแมวมาผ่าท้องและแล่เนื้อ โดยส่วนที่นิยมนำมาประกอบอาหารมากที่สุด ได้แก่ กระเพาะ ลำไส้ และเนื้อส่วนสะโพกของแมว ซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่อร่อยที่สุด และเป็นยาอายุวัฒนะ ให้พลังงานสูง ทำให้ร่างกายอบอุ่นในช่วงฤดูหนาวของเวียดนามที่กำลังหนาวติดลบอยู่ในขณะนี้ แต่หากเป็นเมนูแมวย่าง พ่อครัวจะควักเครื่องในออกทั้งหมด แล้วนำไปย่างบนไฟอ่อน ๆ ให้เนื้อแมวค่อย ๆ สุกกลายเป็นสีน้ำตาล จากนั้นก็เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะ
ส่วนราคาเมนูแมวนี้ จะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่า แมวนั้นเป็นแมวลักษณะแบบไหน และมาจากที่ไหน โดยเนื้อแมวดำจะมีราคาแพงที่สุด เพราะเชื่อว่ามีรสอร่อยที่สุด อาจมีราคาถึงตัวละ 15,000 บาทเลยทีเดียว ส่วนเนื้อแมวสดทั่วไปนั้น ขายกันในราคากิโลกรัมละ 100 บาท (แมวบ้าน 1 ตัว มีน้ำหนักประมาณ 4-5 กิโลกรัม) และหากเป็นแมวนำเข้าจากจีนก็จะมีราคาถูกลงไปอีก เนื่องจากไม่อร่อยเท่ากับเนื้อแมวสดจากเวียดนามเอง
ทั้งนี้โดยปกติแล้ว ชาวเวียดนามจะกินแมวกันเป็นปกติ ไม่ต่างกับชาวจีนที่มีความเชื่อว่าแมวเป็นเมนูนำโชค แต่ในปีนี้ซึ่งตรงกับปีแมวของเวียดนาม แมวกลายเป็นเมนูเลิศรสที่ใคร ๆ ก็ปรารถนาอยากจะกินมากกว่าปกติ เพราะเชื่อว่าหากได้กินแล้วก็จะช่วยปัดเป่าโชคร้ายออกไป ทำให้แมวกลายเป็นสัตว์ที่เป็นที่ต้องการอย่างมากในตอนเหนือของเวียดนามในขณะนี้ และหากบ้านไหนเลี้ยงแมว แต่ไม่ดูแลแมวของตัวเองดี ๆ ก็จะเกิดกรณีแมวหายได้อย่างง่ายดาย เรียกได้ว่าถ้าหากแมวตัวไหนถูกปล่อยให้มาเดินเพ่นพ่านในที่สาธารณะ ก็จะถูกจับไปใส่กรงขังไว้ เพื่อรอวันแปรสภาพกลายเป็นเมนูแมวในที่สุด
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว องค์กรพิทักษ์สัตว์ในประเทศจีนได้เคยแฉพฤติกรรมสุดโหดร้ายของนายหน้าค้าแมว ที่ขโมยแมวไปขายให้ภัตตาคารต่าง ๆ ในมณฑลกวางตุ้ง ที่แสดงให้เห็นว่าแมวกว่าร้อยตัวถูกขังไว้ในกรงแคบ ๆ และได้รับการปฏิบัติอย่างโหดร้าย ซึ่งทางองค์กรพิทักษ์สัตว์ในนครเซี่ยงไฮ้ก็สามารถช่วยชีวิตแมวเคราะห์ร้าย เหล่านั้นออกมาได้กว่า 300 ตัว และส่งพวกมันคืนเจ้าของได้ในที่สุด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้นายหน้าค้าแมวหยุดล่าแมวแต่อย่างไร ทุกวันนี้ก็ยังคงมีเมนูแมวขายในภัตตาคารจีนกันตามปกติ อีกทั้งยังเป็นเมนูแนะนำอีกด้วย
http://vdowww.dek-d.com/board/view.php?id=2043319

ในมุมของความเชื่อเรื่องแมว
ลางร้าย ภัย อาถรรพณ์ ในคติความเชื่อโบราณ เปรียบดังเงาร้าย ที่เชื่อว่าหากเข้าใกล้ชีวิตเรา จะหาความสุขไม่ได้ มีทุกข์ภัยที่ประดังเข้ามาอย่างไม่คาดฝัน ในบรรดาลางร้ายที่แสดงออกมาในรูปแบบต่าง ๆ นั้น “แมวดำ” จัดเป็นหนึ่งในตัวแทนแห่งลางร้าย ความเชื่อเรื่องแมวดำ ไม่ได้มีระบุที่มาแน่ชัด หากเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน ที่นักประวัติศาสตร์ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ เนื่องจากคติความเชื่อเรื่องแมวดำไม่ได้มีเฉพาะในไทยเท่านั้น หากมีในหลากชาติหลายภาษาโดยในตำนานเก่าแก่ของอินเดียโบราณ เชื่อว่า แมวดำเป็นสัตว์ผี เป็นพาหนะของพระษัษฐี เทวีแห่งความตายของทารก หรือ ผีแม่ซื้อประจำตัวเด็กในวันที่ 6 ซึ่งพระษัษฐีเป็นเทวีที่มีอิทธิฤทธิ์ หากใครเห็นแมวดำที่ไหน มักต้องเห็นพระษัษฐีปรากฏกายที่นั่น และจะมีเด็กหรือคนตายที่นั่นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในงานศพจะระมัดระวังไม่ให้แมวมาถูกต้องศพ ด้วยเชื่อว่าจะเกิดมนทินกับศพนั้น ๆ ไปตลอด
ในคติความเชื่อของจีนโบราณ ถือว่าหากแมวข้ามศพ ผีนั้นจะดุร้ายมาก ต้องเอาตะไกรหรือเหล็กวางไว้บนอกศพ จึงจะไม่เป็นไร เช่นเดียวกับในความเชื่อของแขกมาลายู ที่ต้องเอาตะไกรหนีบมาวางบนอกศพ เผื่อว่าแมวกล้ำกรายเข้ามาใกล้ศพหรือถูกศพ เหล็กตะไกรจะเป็นเครื่องบังคับไม่ให้ศพลุกขึ้นมา กลายเป็นผีร้าย เป็นที่หวาดเกรงของชาวบ้านได้ แมว จัดว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีมากกว่าความเป็นสัตว์เลี้ยงธรรมดา ในแง่ที่ว่ามันเป็นสัญลักษณ์แห่งความเชื่อของคน เป็นตัวแทนความศักดิ์สิทธิ์ และเหนือจริง จนมีคำโบราณกล่าวไว้ว่า “หากฆ่าแมวสักตัวถือว่าบาปหนักหนา เท่ากับฆ่าเณรรูปหนึ่งเลยทีเดียว
http://learners.in.th/blog/sukanyanonmai/391609
http://board.postjung.com/412380.html